ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
nutkrab
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 15 ก.ค. 2008
ตอบ: 4
|
ตอบเมื่อ:
15 ก.ค.2008, 11:57 pm |
  |
ข้าพเจ้าก็เป็นชาวพุทธคนหนึ่ง ซึ้งข้าพเจ้ามีความสนใจในเรื่องพุทธศาสนามาตั้งแต่จำความได้แล้ว
และมีความเชื่อและศรัทธาในพระธรรมคำสอน
เรื่องที่ข้าพเจ้าจะถามอาจจะไม่เกี่ยวกับบทความหรือ
จุดประสงค์ที่มีในเวปนี้เลย
ข้าพเจ้าเพียงต้องการหา ท่านผู้รู้หรือใครที่รู้และช่วยอธิบายให้ข้าพเจ้าเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ต่อตัวข้าพเจ้า
ตอนนี้ข้าพเจ้า อายุ 24 ย่าง 25
ตลอดเวลาช่วง อายุ 18 มาก็ไม่แน่ใจได้
มักมีเรื่องที่เกิดขึ้นแปลกๆ ซึ้งข้าพเจ้า ก็ไม่เข้าและไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง
เพราะกลัวจะเห็นเป็นเรื่องตลก หาว่าเป็นเรื่องโกหก
คือ ยามกลางคืน เวลาหลับตาจะนอนหลับ ข้าพเจ้ามักคิดเรื่อง
เรื่อยเปื่อยไปเรื่อยๆ จนหลับ แต่ในเวลาที่จะหลับ บ้าง หรือหลับไปแล้วบ้าง หรือตอนช่วงใกล้จะตื่นนอน แต่มีความรู้สึกว่ารู้สึกตัวอยู่ รู้และเข้าใจในสิ่งที่เห้น ก็เป็นจะมีนิมิต หรือภาพฝัน ต่างๆ ไป ไปตามความนึกคิดบ้าง
เป็นไปตามที่มันไปบ้าง แต่ที่แปลกก็คือ บางครั้งภาพที่เห็นในตอนนอนนั้นบางครั้ง มักจะเป็นจริง หรือเกิดขึ้นจริงหลังจากนั้นซึ้งจะทิ้งช่วงเวลาไปสักระยะหนึ่งเสมอๆ แต่ก็ไม่บ่อยนัก จนข้าพเจ้าลองมาตั้งสังเกตแบบจริงจัง คือจะพยายามจำให้ได้ว่า
ตอนนอนเห็นอะไรบ้าง แล้ว จะเกิดขึ้นจริงไหม แต่พอเอาจริงก็ไม่เป็นเช่นนั้น ยิ่งจำได้ว่าเห็นอะไรทำอะไร ก็จะไม่เกิดขึ้น
จะเป้นว่า ลืมไปแล้ว แต่พอมีเหตุการตามในฝันนั้นเกิดขึ้นจึงจะจำได้ว่า เราเคยเห็นมาแล้ว ในฝันของเรา เช่น ฝันเห็นว่านั้งคุยกับเพื่อน
ในที่ๆหนึ่ง เวลาผ่าน ก็มีเหตุการ ให้ไปนั่งกับเพื่อน คนเดียวกันที่ๆ เดียวกัน
เป้นเหตุการที่เห็น ก่อนแล้ว ทั้งชุดการแต่งกาย คำพูด ของเพื่อนที่เห็นก็เป็นเหมือนกันกับว่าถูกกำหนดให้เป็นไปตามฝัน
ข้าพเจ้าขอรับลองว่าเป็นเรื่องจริง
และด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ข้าพเกิดความวิตก และไม่สบายใจ กลัวว่าถ้าวันใดวันหนึ่งถ้าจะเกิดเห้นเหตุที่มันไม่ดีขึ้นมา รู้สึกกลัว
และไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก และไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ดี
จึงอยากฝากพี่ๆ ทีมงาน ช่วยหาคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้
ด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ |
|
|
|
  |
 |
nutkrab
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 15 ก.ค. 2008
ตอบ: 4
|
ตอบเมื่อ:
16 ก.ค.2008, 12:04 am |
  |
หรือส่งมาที่ เมล์ sl26_07@hotmail.com นะครับ
และขอบอกว่าข้าพเจ้าไม่มีเจตนาจะสร้างความเชื่อหรือสิ่งใดๆ ก็ตาม
ต่อชุมชนหรือสัมคมในเวปนี้ แต่เพียงต้องการทราบเหตุผล
กับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้จริงๆ ครับ ขอบคุณครับ |
|
|
|
  |
 |
walaiporn
บัวบาน

เข้าร่วม: 02 ก.ค. 2006
ตอบ: 253
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรปราการ
|
ตอบเมื่อ:
16 ก.ค.2008, 9:31 pm |
  |
เคยเป็นเหมือนกันตั้งแต่อายุ 11 ปี เขาเรียกว่าฝันที่เป็นจริง เพราะไม่ว่าจะฝันเรื่องอะไรเป็นจริงทุกที แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร มันอยากจะเกิดจริงๆก็เรื่องของมัน สนใจมากก็สงสัยมาก แล้วก็หาคำตอบไม่ได้ เลยไม่สนใจ แต่ปัจจุบันรู้แล้วว่าเป็นเพราะอะไร ก็เพียงแค่รู้ รู้แล้วก็จบไม่เคยสนใจอีกเลย |
|
_________________ ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หากเราพยายามทำและตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง |
|
  |
 |
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
17 ก.ค.2008, 1:39 am |
  |
walaiporn พิมพ์ว่า: |
เคยเป็นเหมือนกันตั้งแต่อายุ 11 ปี เขาเรียกว่าฝันที่เป็นจริง เพราะไม่ว่าจะฝันเรื่องอะไรเป็นจริงทุกที แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร มันอยากจะเกิดจริงๆก็เรื่องของมัน สนใจมากก็สงสัยมาก แล้วก็หาคำตอบไม่ได้ เลยไม่สนใจ แต่ปัจจุบันรู้แล้วว่าเป็นเพราะอะไร ก็เพียงแค่รู้ รู้แล้วก็จบไม่เคยสนใจอีกเลย |
สนับสนุนอย่างที่พี่ walaiporn ว่าไว้คับ
ขอเสริมนิด
เมื่อคิดแล้ว ยังทุกข์อยู่ หาทางออกไม่ได้ หาที่จบไม่ลง ..ก็
ลองเลิกคิด เลิกสนใจมัน เลิกเชื่อมัน เลิกกังวลมัน (วางอุเบกขา)
ปัจจุบัน มันยังเป้นของความคิดอยู่ ยังปลงง่าย
แต่ถ้าไปหลงเชื่อถือเลื่อมใส คราวนี้มันจะทุกข์กายด้วย
เพราะเราจะเอานิมิตนั้นมากำหนดการกระทำของตัวเรา
ทำห้ต้องทุกข์เพราะเดือดร้อนวิ่งเต้นหาทางแก้ไข
พระอรหันต์ทั้งหลาย มีอภินิหารมากมาย
ท่านยังต้องทิ้งทั้งหมด เพราะรู้ว่าในที่สุด มันไม่ใช่ของดี ไม่ใช่ของจริง
และยังเป้นพิษ คือทำให้ติด หลง
ลองเลิกสนใจมันดุนะคับ
ถ้าให้มันจบลงตรงแค่นิมิต หรือ ความฝัน ... มันก็เป็นได้แค่นั้น
แต่ถ้าเราไม่จบตรงนั้น นานวันปัญหามันจะยิ่งทวีซับซ้อน
สุดท้ายก็เหมือนหนูวิ่งในกงล้อ โดยหนูสร้างกงล้อขึ้นมาเอง
ไม่สามารถจะทิ้งกงล้อไปได้ เพราะยังเชื่อว่ากงล้อคือการแก้ปัญหา
ทำให้ต้องวิ่งอยู่อย่างนั้นไม่มีวันสิ้นสุด
ปล. อาการของคุณ ผมก็เคยเป็น
แต่ผมคิดว่าเป็นเพราะเรื่องระบบสื่อประสาท อาหาร ร่างกาย ความแปรปรวนของสารต่างๆในร่างกาย |
|
_________________ ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
|
|
  |
 |
natdanai
บัวบาน

เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok
|
ตอบเมื่อ:
17 ก.ค.2008, 10:04 am |
  |
เห็นด้วยกับท้งท่านwilaipornและท่าน คามินธรรมครับ ความเห็นของกระผมนั้น กระผมมองปัญหาของท่าน nutkrab อยู่ที่มีความอยากครับ ตัวอยากเป็นสมุทัยครับ และไม่เคยได้ตามปราถนาของใคร หากละความอยากรู้ อยากเห็น ก็น่าจะดีขึ้นมากนะครับ เพราะท่านกำลังอยากในสิ่งที่ท่านไม่สามารถควบคุมได้ครับ |
|
_________________ ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง |
|
    |
 |
nutkrab
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 15 ก.ค. 2008
ตอบ: 4
|
ตอบเมื่อ:
20 ก.ค.2008, 5:13 am |
  |
walaiporn
มันยังไม่ใช่คำตอบครับ ไม่ใช่เด็กๆ แล้วรู้ครับผมรู้ว่าที่ว่ามาหมายถึงอะไร ครับรู้ๆ อยู่ แต่ถ้าไม่สนใจ ก็ถือว่าละเลยนะ แต่ก็ยังไม่ใช่ ที่ถามที่ต้องการคำตอบอยู่ดีครับ ไม่ได้ต้องการเพื่อไค้วคว้า แค่ ให้รู้ว่าต้องเผชิญ อยู่กับอะไร เท่านั้นครับ มีคนบอกว่ารู้แล้ว รู้อะไร เรารู้ในสิ่งที่รู้ แต่เราละเลย ไป มันเกิดขึ้นกับตัวผม และไม่รู้ว่ามันจะเกิดเมื่อไหร่อีก แต่ผมรู้สึกได้ว่า มันมีอีกแน่ๆ แต่เมื่อไหร่ไม่รู้
อยากบอกว่า ไม่ต้องการ ให้มันเป็นอย่างนี้ ไม่ได้พยายาม เพื่อให้ได้มา ถ้าคิดอย่านั้นนะ |
|
|
|
  |
 |
RARM
บัวบาน

เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2007
ตอบ: 417
|
ตอบเมื่อ:
20 ก.ค.2008, 5:52 am |
  |
รู้สึกซีเรียสนิดหน่อย กังวลใจล่ะซิท่า
คิดซะว่า เป็นองค์ความรู้ใหม่ของเราที่ไม่เคยเจอแล้วกัน
แล้วลองปรับสภาพจิตใจรับเอาของใหม่ มานั่งพิจารณาดู และดูว่า อะไรเป็นเหตุ อะไรเป็นปัจจัยให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นได้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีเหตุและปัจจัย ตั้งสติไว้นะครับ แล้วค่อยมองดูมัน
ถือเป็นความแปลกใหม่ให้เราได้ศึกษาน่ะครับ จะได้ไม่เครียด
--
ถ้าเป็นฝ่ายสมาธิเขาเรียกนิมิต --เหตุการณ์ที่เราทราบล่วงหน้า
ถ้าฝัน ก็ มีเหตุ 5ประการ ครับ เช่น ธาตุกำเริบ กินมาก นอนมาก เทวดานิมิต ... |
|
|
|
  |
 |
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
20 ก.ค.2008, 6:41 am |
  |
RARM พิมพ์ว่า: |
รู้สึกซีเรียสนิดหน่อย กังวลใจล่ะซิท่า
คิดซะว่า เป็นองค์ความรู้ใหม่ของเราที่ไม่เคยเจอแล้วกัน
แล้วลองปรับสภาพจิตใจรับเอาของใหม่ มานั่งพิจารณาดู และดูว่า อะไรเป็นเหตุ อะไรเป็นปัจจัยให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นได้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีเหตุและปัจจัย ตั้งสติไว้นะครับ แล้วค่อยมองดูมัน
ถือเป็นความแปลกใหม่ให้เราได้ศึกษาน่ะครับ จะได้ไม่เครียด
--
ถ้าเป็นฝ่ายสมาธิเขาเรียกนิมิต --เหตุการณ์ที่เราทราบล่วงหน้า
ถ้าฝัน ก็ มีเหตุ 5ประการ ครับ เช่น ธาตุกำเริบ กินมาก นอนมาก เทวดานิมิต ... |
พี่ Rarm
เทวดานี่ตัวดีเลย ชอบแกล้งก็มี |
|
_________________ ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
|
|
  |
 |
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
20 ก.ค.2008, 6:54 am |
  |
nutkrab พิมพ์ว่า: |
walaiporn
มันยังไม่ใช่คำตอบครับ ไม่ใช่เด็กๆ แล้วรู้ครับผมรู้ว่าที่ว่ามาหมายถึงอะไร ครับรู้ๆ อยู่ แต่ถ้าไม่สนใจ ก็ถือว่าละเลยนะ แต่ก็ยังไม่ใช่ ที่ถามที่ต้องการคำตอบอยู่ดีครับ ไม่ได้ต้องการเพื่อไค้วคว้า แค่ ให้รู้ว่าต้องเผชิญ อยู่กับอะไร เท่านั้นครับ มีคนบอกว่ารู้แล้ว รู้อะไร เรารู้ในสิ่งที่รู้ แต่เราละเลย ไป มันเกิดขึ้นกับตัวผม และไม่รู้ว่ามันจะเกิดเมื่อไหร่อีก แต่ผมรู้สึกได้ว่า มันมีอีกแน่ๆ แต่เมื่อไหร่ไม่รู้
อยากบอกว่า ไม่ต้องการ ให้มันเป็นอย่างนี้ ไม่ได้พยายาม เพื่อให้ได้มา ถ้าคิดอย่านั้นนะ |
วิธีของพี่ walaipron
นั้นเป็นแนวตามรอยพระบาทพระพุทธเจ้า ไม่ผิดเพี้ยน
คนจบ Dr. ก็ไม่ใช่ว่าจะเข้าใจง่ายๆได้ โตแล้วก็ไม่ใช่จะเข้าใจตามอายุ
ในทำนองเดียวกัน ่คนไม่ได้เรียนหนังสือก็อาจเข้าใจได้ง่ายๆ
ส่วนพี่ natdanai
ว่าไว้ โป๊ะเชะ ตรงจุดเลย คือความอยาก
ยิ่งน้องอยากรู้เท่าไหร่ ก็ยิ่งกังวลมากเท่านั้น
ทำไงให้หายอยาก? มี 2 วิธี
1. เพิกเฉยเสีย (น้องบ่นไม่เอาซะแล้ว)
งั้น
2. ก็เรียนรู้มันซะเลย
ก็เจริญวิปัสสนาครับ
เมื่อถึงระดับหนึ่ง มีทั้งตาทิพย์ หูทิพย์ เหาะก็ได้
รู้อดีตตัวเองได้ รู้อนาคตตัวเองได้ แถมหยั่งรู้ใจคนอื่นได้
รู้ชาติที่แล้วๆ ชาติหน้าๆ ของคนอื่นได้
รู้แม้กระทั่งวันตายที่แน่นอนของตัวเอง
ลองพิมพ์คำว่า อภิญญา แล้วศึกษาดู นั่นแหละ
เป็นอภินิหารที่สั่งได้ดั่งใจ ไม่ต้องฝันรอให้เกิด
ทีนี้ปัญหามันอยู่ตรงนี้คับ ว่า
วิธีก็มีบอกแล้ว น้องรู้วิธีแล้ว
แล้วจะทำมั๊ย ? |
|
_________________ ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
|
|
  |
 |
walaiporn
บัวบาน

เข้าร่วม: 02 ก.ค. 2006
ตอบ: 253
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรปราการ
|
ตอบเมื่อ:
20 ก.ค.2008, 8:22 am |
  |
nutkrab พิมพ์ว่า:
มันยังไม่ใช่คำตอบครับ ไม่ใช่เด็กๆ แล้วรู้ครับผมรู้ว่าที่ว่ามาหมายถึงอะไร ครับรู้ๆ อยู่ แต่ถ้าไม่สนใจ ก็ถือว่าละเลยนะ แต่ก็ยังไม่ใช่ ที่ถามที่ต้องการคำตอบอยู่ดีครับ ไม่ได้ต้องการเพื่อไค้วคว้า แค่ ให้รู้ว่าต้องเผชิญ อยู่กับอะไร เท่านั้นครับ มีคนบอกว่ารู้แล้ว รู้อะไร เรารู้ในสิ่งที่รู้ แต่เราละเลย ไป มันเกิดขึ้นกับตัวผม และไม่รู้ว่ามันจะเกิดเมื่อไหร่อีก แต่ผมรู้สึกได้ว่า มันมีอีกแน่ๆ แต่เมื่อไหร่ไม่รู้
อยากบอกว่า ไม่ต้องการ ให้มันเป็นอย่างนี้ ไม่ได้พยายาม เพื่อให้ได้มา ถ้าคิดอย่านั้นนะ
................................................................................
ก่อนอื่นต้องขออภัยด้วยค่ะสำหรับคำตอบที่ตอบไปแล้วทำให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจ แล้วก็ขออภัยที่ไม่ได้ขยายข้อความให้ครบถ้วน เพราะคิดเพียงแค่ว่าพูดแค่นั้นคุณคงเข้าใจ ขอขยายข้อความที่คุณสงสัยว่ามันคืออะไร " สัญญา " รู้จักไหม เพียงแต่จะบอกว่า เมื่อฟังแล้ว คุณจะยึดมั่นถือมั่นในสัญญาตัวนี้ หรือ ไม่เอาสัญญาตัวนี้ อันนี้แล้วแต่คุณ ไม่มีใครสามารถมาบังคับเราได้ ไม่มีใครแก้ให้เราได้นอกจากตัวเราเอง
คุณเชื่อเรื่องภพชาติเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดไหม ถ้าเชื่อ ( อันนี้แล้วแต่คุณจะพิจรณา ) คุณก็อ่านต่อ ถ้าไม่เชื่อก็ไม่ต้องสนใจในข้อความต่อไปนี้ที่จะนำมาเล่าให้ฟัง เรื่องราวของผู้ที่ปฏิบัติหรือยังไม่เคยปฏิบัติ ( อันนี้เนื่องจากวิบากกรรมของแต่ละคน ) แต่มีเหตุการณ์เกิดลักษณะส่วนมากจะเหมือนๆกันอาจจะทั้งหมดหรือเพียงบางส่วนก็คือ สามารถติดต่อสนทนากับวิญญาณได้ เห็นเทวดา เห็นนางฟ้า ได้สนทนาด้วย ไปเที่ยวนรก สวรรค์ รู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น รู้จิตคนอื่นทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกัน รวมทั้งรู้เรื่องราวของเขาเหล่านั้นด้วยทั้งๆที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็จะเจอแต่วิญญาณ ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่เป็นเช่นที่กล่าวมา แต่บังเอิญสัญญาเก่าของดิฉันมันคงจะแรงมากกว่าสัญญาที่เป็นกิเลสตัวนี้ สัญญาของดิฉันคือไม่เอา ตั้งแต่จำได้มีเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นในชีวิตของดิฉันตลอดจนคนจะให้มาเป็นร่างทรง ( ตอนนั้นใจก็คิดว่าคนเหล่านี้มันบ้า เชื่ออะไรกับเรื่องร่างทรง )
ดิฉันทำกสิณเองได้ตั้งแต่อายุ 11 ปี โดยไม่ต้องมีครูบาฯมาสอน เพียงท่าน( หลวงพ่อ สมชาย วัดเขาสุกิม ) โยนหนังสือให้แล้วบอกว่าให้ไปฝึกเอาเอง อันนี้ไม่ใช่การอวดอุตริ เพราะดิฉันไม่ใช่พระแล้วก็ไม่ได้มายึดมั่นในสัญญาตัวนี้ ไม่ได้หลงไปกับมันเพื่อนำมาอวดอ้างกับคนอื่นๆ มันเป็นแค่กิเลส มันไม่ใช่ทางพ้นทุกข์
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย ท่านบอกว่า ที่เป็นเช่นนี้เพราะดิฉันสำเร็จกสิณตั้งแต่ชาติก่อน ดิฉันก็เลยถึงบางอ้อ .... ว่าที่ครูบาฯทั้งหลายทำไมถึงสอนดิฉันเหมือนกันหมดทุกท่านว่าไม่ให้สงสัย ถึงสงสัยก็ไม่ต้องถามเพราะถามไปแล้วก็จะได้คำตอบเดิมๆว่า ทำไปเดี๋ยวรู้เอง แล้วอาการที่ดิฉันสงสัยว่ามันคืออะไรเมื่อตอนเด็กๆที่ทำกสิณ ก็เพิ่งมารู้ตอนหลังว่ามันมีคำเรียก แล้วก็เป็นสิ่งที่หลายๆคนปฏิบัติปรารถนาที่อยากจะได้ ( ฌาน ) ถ้าสักแต่ว่าไม่เป็นมันจะหลง ( อันนี้เป็นไปตามวิบากกรรมของแต่ละคนที่ได้กระทำมา )
อ้อ... ขอขยายอีกนิด ที่บอกว่าเป็นมาตั้งแต่อายุ 11 ปี น่ะ ไม่ใช่ เป็นมาตั้งแต่เกิด อันนี้แม่เล่าให้ฟัง แต่ที่บอกว่า 11 ปี เพราะกลัวคนอ่านแล้วมาละเมิดกันว่า " เวอร์ "
ทุกวันนี้ก็ยังเป็น แต่ไม่เอา รู้ก็สักแต่ว่ารู้ เห็นก็สักแต่ว่าเห็น แค่ตัวเองก็แทบจะแย่ แล้วจะไปเอาเรื่องนอกตัวของชาวบ้านมาแบกไว้ทำไม เอาตัวเองให้รอดพ้นก่อนจึงจะมาช่วยคนอื่นๆได้ ครูบาฯท่านก็บอกอยู่แล้วว่ามันเป็นของเล่น แล้วจะไปเอามันทำไม กิเลสดีๆนี่เอง
ทีนี้คุณคงรู้คำตอบจากดิฉันแล้ว ส่วนคุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ต้องปฏิบัติเอาเอง ต้องรู้ด้วยตัวเอง มันถึงจะถึงบางอ้อ
.........................................................................
เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปค่ะ  |
|
_________________ ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หากเราพยายามทำและตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง |
|
  |
 |
nutkrab
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 15 ก.ค. 2008
ตอบ: 4
|
ตอบเมื่อ:
21 ก.ค.2008, 9:57 am |
  |
ผมขอบคุณมากครับ ที่ได้สละเวลาช่วยตอบคำถามที่ผมถามครับ
พอผมได้อ่านข้อความที่ ตอบกระทู้ทั้งของพี่ๆแล้ว
ตอนนี้เวลานี้ผมรู้สึก ปล่อยว่างแล้วครับ มันเป็นเรื่องที่ เกินตัว และเป็นเรื่องธรรมชาติ ที่สร้างมา หรือเพราะถูกอะไรสร้างให้เป็น มันคงให้มาเป็น แบบนี้หรือมันเป็นเพราะมันต้องเป็น ก็แล้วแต่มัน
ผมดีใจที่มีคนอื่นๆ อีกที่ มีอาการแบบนี้ ไม่ว่ามันจะเรียกว่าอะไรก็ตาม
แต่ที่แน่ๆ ผมไม่ใช่คนเดียวที่เป็น การได้มีคนมาตอบกระทู้นี้ และได้ให้ความรู้ ผมรู้สึกดีใจ และ เริ่มมองเห็นทาง ออกให้ตัวผมเองเกี่ยวกับเรื่อง
ที่เป็นปัญหากับผมนี้
สำหรับตัวผมเอง ทุกๆวัน นี้ ที่ต้องใช้ชิวิต ที่อยู่บนโลกที่วุ่นวายนี้ก็
แทบแย่แล้ว ถ้าพูดถึงเรื่องศิล 5 ข้อ ให้ผมรักษา ให้ได้ครบ และทำให้ได้ทุกๆวัน ในสภาพสังคมที่ต้องเจอเรื่องราวต่างๆ การเอาตัวให้รอด พ้นจากวิถีความเป็นอยู่ ที่ต้องเผชิญ ศิล 5ข้อ ผมยังทำได้ไม่ครบเลย แต่ที่แน่ๆ
ผมไม่ฆ่าคน แต่ผมกินเนื้อ ผมอาจจะโกหก ถ้ามันช่วยให้ใครไม่เดือดร้อน
ร่วมทั้งตัวผมเอง และที่แน่ๆ ผมไม่เที่ยวผู้หญิง อาจจะฟังดูแปลกสำหรับ
ผู้ชาย วัยเท่าผมนี้ แต่ผมมีบัญญัติของตัวเอง สำหรับตัวผม คือ จะไม่ด่าพ่อด่าแม่ และผมก็ไม่เคยหลุดคำพูดเลย และจะไม่เที่ยวผู้หญิง หรือใช้เงิน เพื่อซื้อหาความสุขทางเพศ มันเป็นสิ่งที่ผมรับไม่ได้
พูดซะยาวเลย ครับพี่น้อง แต่สรุป คือ ตัวผมเอง ยังมีเพลงที่อยากฟัง
มีหนังที่อยากดู มีที่ๆอยากไป มีงานที่อยากทำ มีผู้หญิงที่ผมคิดว่าสักวันหนึ่งจะใช่
ชิวิตร่วมกัน มีแม่ มีน้องสาว ที่ต้องดูแลอีก อีกทั้งเพื่อนๆที่จะได้เล่นกีฬา
ด้วยกันและได้เที่ยวสังสรรค์ด้วยกาน อีก
จะให้ผม มีตาทิพย์ หูทิพย์ เหาะได้
รู้อดีตตัวเองได้ รู้อนาคตตัวเองได้ แถมหยั่งรู้ใจคนอื่นได้
รู้ชาติที่แล้วๆ ชาติหน้าๆ ของคนอื่นได้
รู้แม้กระทั่งวันตายที่แน่นอนของตัวเอง
ผมว่ามันไม่ใช่ มันปวดหัวนะผมว่า
ผมจึงว่าชั่งมันเถอะ พอผมคิดได้ยังงี้ ผมรู้สึกมีความสุขในใจมากเลยครับ
ถึงมันจะเป็นความสุขเล็กๆ ก็ตามแต่ก็สบายใจขึ้น และก็มีความสุขกับสิ่งที่มีอยู่ ครับ
สำหรับผมขอมีจิตศัทธาในพระพุทธศานา พยายามทำดีที่ทำได้ให้ดี ถึงว่าที่ผ่านมาผลของสิ่งที่ทำไปมันจะออกมาไม่ดีก็ไม่เป็นไร ขอน้อมรำลึกในธรรมะ มาใช่กับชิวิต ให้เดินทางให้มันตรงไม่เบี่ยวซ้ายขวามากเกินก็พอแล้วครับ
ขอบคุณครับ |
|
|
|
  |
 |
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
21 ก.ค.2008, 12:59 pm |
  |
nutkrab พิมพ์ว่า: |
ให้เดินทางให้มันตรงไม่เบี่ยวซ้ายขวามากเกินก็พอแล้วครับ
ขอบคุณครับ |
ถูกแล้ว ดีแล้ว ชอบแล้ว
เอาใจช่วยครับ
 |
|
_________________ ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
|
|
  |
 |
ขันธ์
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520
|
ตอบเมื่อ:
21 ก.ค.2008, 1:09 pm |
  |
ก็อยากจะแนะนำว่า ตามธรรมดา เมื่อเราไปประสบพบเจออะไรที่มัน น่าเอะใจ เราก็สงสัยว่า นี่เราเป็นอะไร มันเป็นเพราะอะไร แบบนี้เนื่องจากเรายังไม่รู้รอบในสภาวะจิต ก็เรื่องปกติ เพราะยังละความลังเลสงสัยไม่ได้ ก็เกิดปัญหาขึ้นมา ในใจ
ทีนี้ ถ้าเรามานั่งพิจารณา นะ ผมถามว่า เรื่องราวที่เล่ามา มันจบไปหรือยัง
ตอบว่า จบไปแล้ว
แล้ว มันมี อิทธิพล ต่อ ชีวิตประจำวันเราหรือไม่
ตอบว่า ไม่มีเลย
แล้วเรามานั่งหาคำตอบมันทำไม
ตอบว่า เพราะสงสัย
แล้วเราจะทำอย่างไรจึงจะได้คำตอบ
ตอบว่า ต้องค่อยๆ ศึกษา จนเห็นว่า นี้คือ วิถีของจิต ที่ต่างกรรม ต่างประสพพบเจอเหตุการณ์ต่างๆ นาๆ ที่แตกต่างกันไป รวมความแล้วมันคือ อาการเคลื่อนของจิตที่แตกต่างกันไปตามกรรมของแต่ละบุคคล
บางคนเห็นอย่างหนึ่ง อีกคนเห็นอย่างหนึ่ง แต่สิ่งที่เห็น หยิบฉวยไม่ได้ ไม่อาจจะเอามาเป็นหลักยึดให้ใจได้เลย
เราต้องมองว่า มันเป็นธรรมดา แล้วถอนความสงสัยในสิ่งนั้น แล้วเดินหน้าปฏิบัติธรรม ด้วย การทำสมาธิ คือ ตั้งจิตเอาไว้อย่างใดอย่างหนึ่ง อะไรผ่านเข้ามาเราจะไม่สนใจ เอาจิตเราให้นิ่งให้ได้ นั้นแหละเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
เมื่อ ทำจิตเป็นสมาธิ ให้บ่อยให้ชำนาญ เมื่อเกิดเหตุการณ์อะไรที่ไม่พึงปราถนา ด้วยนิสัย ด้วยความชำนาญ เราก็จะสามารถดึงใจเราให้อยู่ในสภาวะที่ตั้งมั่น อันเป็นเหตุให้ เจริญก้าวหน้า และ ละทุกข์ได้ |
|
_________________ เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์ |
|
  |
 |
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
21 ก.ค.2008, 1:22 pm |
  |
nutkrab พิมพ์ว่า: |
แต่สรุป คือ ตัวผมเอง ยังมีเพลงที่อยากฟัง
มีหนังที่อยากดู มีที่ๆอยากไป มีงานที่อยากทำ มีผู้หญิงที่ผมคิดว่าสักวันหนึ่งจะใช่
ชิวิตร่วมกัน มีแม่ มีน้องสาว ที่ต้องดูแลอีก อีกทั้งเพื่อนๆที่จะได้เล่นกีฬา
ด้วยกันและได้เที่ยวสังสรรค์ด้วยกาน อีก
|
ธรรมะของพระพุทธเจ้า หรือพูดอีกอย่างว่า ศาสนาพุทธ
มี 2 ทางเลือกสำหรับเรา นะครับ
1. โลกุตรสุข
ต้องการพ้นทุกข์ หลุดจากวการเวียนว่ายตายเกิดไปเลย
ก็ต้องใช้ โลกุตรธรรม (โลก+อุดร(อุดร แปลว่าเหนือ)) น้อมนำมาปฎิบัติ
ก้คือการมุ่งพระนิพพาน ตามรอบพระพุทธเจ้า
ดังนั้น การปฏิบัติธรรมก็จะเป้นแนวทางเดียวกับอรหันต์
2. โลกียสุข
อันนี้เป้นสุขสำหรับชาวโลก ที่ติดโลกอยู่ อย่างพวกเรา
ก็คืออย่างที่น้องว่ามา เรามีห่วงบ่วงติดอยู่กับญาติพี่น้อง
ก็สามารถน้อมนำพระธรรมในส่วนที่เหมาะกับชาวโลกมาศึกษา เช่น โลกธรรม 8 , พรมวิหารธรรม, สมชีวตาธรรม,สมรสธรรม
ก็จะสามารถมีความสุขได้ในโลกที่ต้องการ
แล้วเมื่อไหร่ อยากจะไปโลกอุดร ก็ค่อยว่ากันทีหลังได้ |
|
_________________ ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
|
|
  |
 |
บัวหิมะ
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273
|
ตอบเมื่อ:
10 ส.ค. 2008, 11:04 pm |
  |
nutkrab พิมพ์ว่า: |
แต่พอมีเหตุการตามในฝันนั้นเกิดขึ้นจึงจะจำได้ว่า เราเคยเห็นมาแล้ว ในฝันของเรา เช่น ฝันเห็นว่านั้งคุยกับเพื่อน
ในที่ๆหนึ่ง เวลาผ่าน ก็มีเหตุการ ให้ไปนั่งกับเพื่อน คนเดียวกันที่ๆ เดียวกัน
เป้นเหตุการที่เห็น ก่อนแล้ว ทั้งชุดการแต่งกาย คำพูด ของเพื่อนที่เห็นก็เป็นเหมือนกันกับว่าถูกกำหนดให้เป็นไปตามฝัน
ข้าพเจ้าขอรับลองว่าเป็นเรื่องจริง
และด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ข้าพเกิดความวิตก และไม่สบายใจ กลัวว่าถ้าวันใดวันหนึ่งถ้าจะเกิดเห้นเหตุที่มันไม่ดีขึ้นมา รู้สึกกลัว
และไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก และไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ดี
จึงอยากฝากพี่ๆ ทีมงาน ช่วยหาคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้
ด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ |
คุณ nutkrab เราก็เคยมีประสบการณ์ แบบที่คุณเล่า แต่นาน ๆ ครั้ง อย่างเดินทางไปไหน แล้วรู้สึกว่าเราเคยมาที่นี่แล้วนะ หรือบางเหตุการณ์ที่เกิดกับเรา มันเหมือนเราเคยเจอมาแล้วนี่นา อะไรอย่างนี้
ก็เล่าให้ฟัง ว่ามีคนที่เป็นเหมือนคุณ เหมือนกัน ไม่แปลกหรอก
ขอให้คิดเป็น ควบคุมอารมณ์ตนเองได้ ก็ไม่มีปัญหา ยินดีที่รู้จัก เจริญในธรรมต่อไป ธรรมะสวัสดี จ้า  |
|
_________________ ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ |
|
  |
 |
|