อันนี้จัดว่าเป็นตาทิพย์ได้ไหมคับ

ตอบเมื่อ: 12 ก.ค.2008, 6:02 pm

มีคนมีปัญหาชีวิต ปัญหาจิตใจ
แล้วเรามองออกว่าเขาติดตรงไหนในความคิดของเขา
มองออกว่าจิตเขาขาดความรู้อะไรที่จะแก้ไขปัญหานั้นได้
คล้ายๆรู้เลยว่า เขาอยู่ตรงไหนในวงกต ที่เขาสร้างขึ้นมาเอง
มองออกไปอีกว่า คนนี้หมดทางช่วย คนนี้ช่วยได้

การเลือกดู เลือกมอง แต่ของดีสำหรับปัญญา
รู้จักควบคุมจิต กับประตุว่าเมื่อไหร่จะให้หรือไม่ให้อะไรเข้าออก

เหล่านี้คือตาทิพย์ใช่ไหมคับ

เนื่องจากผมไม่มีอภิญญา ไม่ถึงอภิญญา
เลยไม่รู้รู้แก่ใจ ว่าตาทิพย์อย่างอภิญญาเป้นอย่างไร
แต่อ่านหลวงปู่หลายคน
ท่านให้ทิ้งอภิญญาทั้งนั้นเลย
คล้ายๆว่ามันเป้นของแถม ระหว่างการเดินทาง
ถ้าติดของแถม ... ก้จะติดตรงนั้น ไม่ไปไหนอีก
แล้วก็หลงว่าที่เห็นนั้น เป็นจริง แต่ไม่จริง (ไม่ใช่สัจจะอันเป็นปรมัตถ)

เมื่อครูบาอาจารย์ต่างบอกว่าตาทิพย์นั้นไม่มีค่าอะไร
นอกจากจะเป็นหลักกิโลบอกว่ามาถึงกิโลไหนแล้ว
ผมจึงเลือกจะตะแบงมองตาทิพย์ในแบบที่ผมว่ามานี้

พี่ๆว่าอย่างไรกันบ้าง

ตอบเมื่อ: 12 ก.ค.2008, 10:18 pm

ระหว่าง คนที่ได้ตาทิพย์ หรืออภิญญาอื่นๆ

กับ คนที่หมดกิเลสแล้ว เค้ายังจะเอาตาทิพย์อีกไหม

จำมาจากพระสูตรพระสูตรหนึ่ง พระุพุทธองค์ได้ทรงถามภิกษุรูปหนึ่ง

เศร้า

ตอบเมื่อ: 14 ก.ค.2008, 2:30 pm

กระผมว่าไม่ใช่ครับ

ตอบเมื่อ: 16 ก.ค.2008, 12:11 pm

อย่างที่คุณคามินธรรมว่า เข้าใจว่าเป็นญาณรู้นะคะ
เมื่อได้ธรรมะในระดับหนึ่ง จิตนิ่งในระดับหนึ่ง ก็จะเกิดญาณรู้ขึ้น(ไม่เกินไปกว่าระดับที่เราได้)

เรื่องตาทิพย์นั้น น่าจะเป็นการมองเห็นได้เกินกว่าที่สายตาปกติจะมองเห็น
เช่นมองเห็นของในกล่องที่ปิดมิดชิด หรือมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสถานที่ห่างไกล

ตอบเมื่อ: 18 ก.ค.2008, 12:39 am

เข้าใจในสิ่งที่คุณคามินธรรมโพสมานะ แบบประมาณว่าคุณเห็นผลที่ได้รับ คุณสามารถอธิบายถึงเหตุที่ทำให้เกิดผลที่ทำให้เป็นเช่นนี้ แต่ขอยืนยันว่าไม่ใช่ตาทิพย์หรอก
..........................................................
เนื่องจากผมไม่มีอภิญญา ไม่ถึงอภิญญา
เลยไม่รู้รู้แก่ใจ ว่าตาทิพย์อย่างอภิญญาเป้นอย่างไร
แต่อ่านหลวงปู่หลายคน
ท่านให้ทิ้งอภิญญาทั้งนั้นเลย
คล้ายๆว่ามันเป้นของแถม ระหว่างการเดินทาง
ถ้าติดของแถม ... ก้จะติดตรงนั้น ไม่ไปไหนอีก
แล้วก็หลงว่าที่เห็นนั้น เป็นจริง แต่ไม่จริง (ไม่ใช่สัจจะอันเป็นปรมัตถ)

เมื่อครูบาอาจารย์ต่างบอกว่าตาทิพย์นั้นไม่มีค่าอะไร
นอกจากจะเป็นหลักกิโลบอกว่ามาถึงกิโลไหนแล้ว
ผมจึงเลือกจะตะแบงมองตาทิพย์ในแบบที่ผมว่ามานี้
.......................................................................
อ่านที่คุณโพสแล้วก็งง .. ในเมื่อครูบาฯท่านก็กล่าวไว้ เดี๋ยวก็จะติดหนึบอยู่ตรงนี้หรอก จะตะแบงไปทำไม
เรื่องอภิญญานี่เรื่องจริงของคนที่ได้ฌาน ทำให้เกิดฤทธิ์เหมือนพระเทวทัติไง แต่คนที่ได้ฌานที่เขามีสติ เขาไม่เอาหรอกฤทธิ์ พาให้หลงทางเนิ่นช้าไปเปล่าๆ แต่อย่างว่าแหละกุศลแต่ละคนสร้างสั่งสมมาไม่เท่ากัน ตอนนี้หนังสือก็นำมาลงกันเยอะเรื่องผู้ปฏิบัติที่เป็นฆราวาสว่าไปรู้โน่นรู้นี่ ไปเห็นอะไรต่างๆนานา นั่นน่ะเสร็จกิเลสมันเลย ไม่ได้คิดเพ่งโทษเขาเหล่านั้นนะ เพียงยกตัวอย่างให้ฟัง

ตอบเมื่อ: 18 ก.ค.2008, 1:44 am

ขอบคุณทุกท่านคับ

มันเป็นกิมมิก อุบายเล็กๆน้อยๆ
สำหรับคนแถวๆนให้ได้คิดี้น่ะคับ

ตอบเมื่อ: 19 ก.ค.2008, 2:52 pm

เจโตปริยญาณ คือ ญาณเห็นวาระจิตของตนเองและผู้อื่นว่ามีกิเลสห่อหุ้มอยู่มากน้อยเพียงใด

ทิพยจักษุญาณ คือ ญาณที่มีความรู้สึกคล้ายตาทิพย์ แต่เป็นเรื่องของใจเป็นทิพย์ ซึ่งสามารถเห็นโลกธาตุจักรวาลอื่น นรก สวรรค์ พรหม อรูปพรหม และนิพพาน

เรื่องที่ยกตัวอย่างมาคงเป็นเจโตฯนะครับ ซึ้ง

ตอบเมื่อ: 19 ก.ค.2008, 9:42 pm

อ้อ อันที่คุณเป็นนี้ เขาเรียกว่า ญาณ ตัวหนึ่ง แต่ยังไม่ถึงอภิญญา แต่เริ่มจะเป็นอภิญญา แต่ยังไม่บริสุทธิ์ เพราะยังมีกิเลส ยังใช้ตรึกนึกไปบ้าง

ถ้าเป็นอภิญญา ในเรื่อง ตาทิพย์ ก็จะเห็นภาพ เห็นรูป
ถ้าเป็นอภิญญาในเรื่อง เจโตปริยญาณ ก็จะเป็นการผุดรู้ กำหนดรู้ว่า คนไหน มีจิตใจอย่างไร

ให้จำเอาไว้ว่า ญาณ คือ รู้เห็น ตามความเป็นจริง ไม่ได้เสริมแต่งด้วยความคิดหรือความรู้สึกของเรา

ตอบเมื่อ: 20 ก.ค.2008, 1:31 am

ขอบพระคุณทุกๆท่านมากๆเลยครับผม
สาธุ

ตอบเมื่อ: 20 ก.ค.2008, 9:37 am

คุณคามินธรรมเข้าใจหาปัญหามาถามให้บอร์ดมีสีสันขึ้นนะคะเนี่ย ยิ้มเห็นฟัน

ตอบเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 7:40 pm

เหมือนคำปรารภ มากกว่า ระดับ คามินธรรม แล้วนี่นา

สาธุ สาธุ