พระพุทธเจ้าเป็น นักบวชพราหมณ์คนแรกที่เข้าถึงนิพพาน

ตอบเมื่อ: 15 ก.ค.2008, 10:16 am

ข้อความเดิมของ คุณhuman :

ศาสนาพราหมณ์ มีปรมาตมันจริงครับ แต่ผมสงสัยว่า ในศาสนาพราหมณ์ มีการพิจารณาถึง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ครบทั้ง 3 อย่างด้วยหรือครับ ผมคิดว่ามีเพียง 2 อย่างนะครับ คือ อนิจจัง ทุกขัง ถ้าพิจารณาไม่ครบทั้ง 3 อย่าง จะได้บรรลุพระนิพพานหรือครับ ในศาสนาพราหมณ์มีนักบวชพราหมณ์คนไหนบ้างที่บรรลุนิพพานด้วยตนเอง เห็นมีแต่พระพุทธเจ้าไปโปรดให้บรรลุทั้งนั้น ศาสนาที่สอนได้ครบ 3 อย่าง มีแต่พุทธเท่านั้นนะครับ ที่สอนคนให้บรรลุพระนิพพานโดยการปฏิบัติของจริง อธิบายให้ผมฟังโดยกระจ่างด้วยครับ?

ความเห็นของผม

แม้ว่าพระพุทธเจ้าเป็นผู้ตั้งศาสนาพุทธ แต่พระองค์ท่าน คือ นักบวชของพราหมณ์ ตอนผนวชท่านมีนามว่า
มุนีสมณะ อาจารย์ 2 ท่านของพระองค์ ก็เป็นนักบวชพราหมณ์ ชื่อ อุทกดาบส และอาฬารดาบส

พระพุทธเจ้ามีจุดมุ่งหมายเหมือนนักบวชพราหมณ์อื่นๆ คือ ค้นหาโมกธรรมอันสุดยอด ที่ทำให้ไม่มี
การเกิด การแก่ การเจ็บ และการตาย ซึ่งพระพุทธเจ้าและพวกพราหมณ์ทั้งหมดคิดว่า โมกธรรมอันสุดยอด
นั้นคือ นิพพาน นิพพานก็คือ อาตมัน เข้าไปรวมกับปรมาตมัน ปรมาตมัน คือ พระเจ้า
อาตมัน คือ อณูแต่ละอณูของพระเจ้า

ความเข้าใจของคนในศาสนาพราหมณ์เขาถูกในเรื่องนี้ แต่ผิดในเรื่องอื่นๆ เช่น เรื่องขันธ์ 5 ที่ไม่ใช่อัตตา
แต่เป็นอนัตตา และอรูปพรหมยังไม่ใช่อาตมัน และอรูปพรหมยังไม่สามารถเข้าไปรวมกับปรมาตมัน(พระเจ้า)ได้

ปถุชนและสมมุติสงฆ์เถรวาทไม่เข้าใจเรื่องที่ผมกล่าวมา เนื่องจากถูกอวิชชาบังตาไว้ จึงไม่สามารถเข้าใจ
เรื่องนี้ (ผมขออนุญาตแยกไปตั้งกระทู้ใหม่นะครับ)

ความจริงนักบวชพราหมณ์ที่เข้าถึงนิพพานมีมากมาย แต่ไม่ใช่ในโลกใบนี้ และไม่ใช่ก่อนโคตมะพุทธเจ้า
พูดให้ชัดๆไปเลย ในโลกใบนี้ พระพุทธเจ้าเป็น นักบวชพราหมณ์ คนแรกที่เข้าถึงนิพพาน
คนในศาสนาพราหมณ์และศาสนาอื่นๆ รวมทั้งศาสนาพุทธ ที่เข้าถึงนิพพานได้ ล้วนแต่เรียนรู้
วิธีการเข้านิพพานจากพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น

ตอบเมื่อ: 15 ก.ค.2008, 3:29 pm

สวัสดีครับคุณพลศักดิ์ อ่านแล้ว งงงง ครับ
คุณเอาทั้งพุทธและพราหมณ์ มาปะปนกันไปหมดแล้วครับ

คุณพลศักดิ์กล่าวว่า "ซึ่งพระพุทธเจ้าและพวกพราหมณ์ทั้งหมดคิดว่า โมกธรรมอันสุดยอดนั้นคือ นิพพาน นิพพานก็คือ อาตมัน เข้าไปรวมกับปรมาตมัน ปรมาตมัน คือ พระเจ้าอาตมัน คือ อณูแต่ละอณูของพระเจ้า"

ปรัชญาฮินดู

1 โลกและสรรพสิ่งรวมทั้งบุคคลไม่มีอยู่จริงด้วยตัวของมันเอง เป็นมายา
2 แก่นแท้ของบุคคล (อาตมัน) มีอยู่จริงและเป็นหนึ่งเดียวกับพรหมและปรมาตมัน
3 พรหมเป็นฐานให้เกิดวิวัฒนาการของโลกและสรรพสิ่ง เสมือนมหาสมุทรก่อให้เกิดฟองคลื่น

ปรัชญาพุทธ

1 โลกและสรรพสิ่งรวมทั้งบุคคลไม่มีอยู่จริงด้วยตัวของมันเอง เป็นสังขตธรรม
2 นิพพานมีอยู่จริง เป็นอสังขตธรรม
3 นิพพานไม่ได้เป็นฐานให้เกิดสังขตธรรม หรือสังสารวัฎ
4 ทั้งนิพพานและสังขตธรรมเป็นอนัตตาและสุญญตา

ตอบเมื่อ: 15 ก.ค.2008, 5:07 pm

คุณ"thammathai" ครับ

เมื่อคุณยังเข้าไม่ถึงโลกุตตรธรรม ถึงผมจะอธิบายเท่าไร ก็คงไม่เป็นประโยชน์ ศาสนาพุทธเราแตกแยก
มาตั้งแต่การสังคายนาครั้งที่ 2 แล้ว อย่างไรก็ตาม ผมก็จำเป็นต้องทิ้งหลักฐานเอาไว้ ถ้าคุณโชคดีเขาถึง
อย่างน้อยโลกตรธรนรมขั้นโสดาบัน กลับมาอ่านอีกครั้ง จะเข้าใจเอง

ผมไม่ได้เอาทั้งพุทธและพราหมณ์ มาปะปนกันไปหมดหรอกครับ ศาสนาพราหมณ์เขาเข้าใจผิด
ในบางเรื่อง พระพุทธเจ้าตรัสอธิบายให้ฟัง พุทธเถรวาทของสมมุติสงฆ์และปถุชนก็ไม่เข้าใจ ทำ
สัทธรรมปฏิรูปศาสนาพุทธจนเละเทะเลย

1. คุณพลศักดิ์กล่าวว่า "ซึ่งพระพุทธเจ้าและพวกพราหมณ์ทั้งหมดคิดว่า โมกธรรมอันสุดยอดนั้นคือ นิพพาน นิพพานก็คือ อาตมัน เข้าไปรวมกับปรมาตมัน ปรมาตมัน คือ พระเจ้าอาตมัน คือ อณูแต่ละอณูของพระเจ้า"

นั่นแหละคือความจริง แต่ด้วยอวิชชาที่อยู่ในใจคุณ คุณจึงไม่เข้าใจ

2. ปรัชญาฮินดู

1 โลกและสรรพสิ่งรวมทั้งบุคคลไม่มีอยู่จริงด้วยตัวของมันเอง เป็นมายา
2 แก่นแท้ของบุคคล (อาตมัน) มีอยู่จริงและเป็นหนึ่งเดียวกับพรหมและปรมาตมัน
3 พรหมเป็นฐานให้เกิดวิวัฒนาการของโลกและสรรพสิ่ง เสมือนมหาสมุทรก่อให้เกิดฟองคลื่น

...อนุโลมว่าถูกต้อง แต่ไม่สมบูรณ์ เพราะผมไม่อยากอธิบายในประเด็นดังกล่าว

2. ปรัชญาพุทธ

1 โลกและสรรพสิ่งรวมทั้งบุคคลไม่มีอยู่จริงด้วยตัวของมันเอง เป็นสังขตธรรม = ข้อ 1 ของปรัชญาฮินดู คือ
มันเป็นมายา

2 นิพพานมีอยู่จริง เป็นอสังขตธรรม (อสังขตธาตุ คือ อัตตา = เที่ยง ไม่มีทุกข์ ไม่แปรปรวน
บังคับให้เป็นไปได้ดังใจ สิ่งนี้คือธรรมกาย)

3 นิพพานไม่ได้เป็นฐานให้เกิดสังขตธรรม หรือสังสารวัฎ ...... ผิด สังขตธาตุเกิดเองไม่ได้ มันเปลี่ยนสภาพ
มาจากอสังขตธาตุ ซึ่งเป็นจิตประภัสสร พอมันถูกอวิชชาครอบงำ อสังขตธาตุ ก็กลายสภาพเป็นสังขตธาตุ พอสังขตธาตุดับอวิชชาได้ มันก็กลับไปเป็นอสังขตธาตุอีกครั้ง

4.สังขตธรรมเป็นอนัตตาและสุญญตา...ถูกต้อง แต่นิพพานไม่ใช่อนัตตา เพราะอนัตตาจะต้อง
ไม่เที่ยง ทุกข์ แปรปรวน และบังคับให้เป็นดังใจไม่ได้ อวิชชาปิดบังความจริงเอาไว้ จนคุณไม่สามารถตีความอนัตตาได้
พระพุทธเจ้าหาพบสิ่งที่ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตายพบ สิ่งนั้นเที่ยง ไม่ทุกข์ ไม่แปรปรวน จะเป็นอนัตตา
ได้อย่างไร คนละความหมายกันเลย

พรุ่งนี้ผมจะเอากระทู้ของผมที่อธิบาเเร่องนี้อย่างกระจ่างมาลง วันนี้ผมไม่ค่อยว่าง

ตอบเมื่อ: 15 ก.ค.2008, 8:00 pm

คุณ"thammathai" ครับ

เรื่องนิพพานเป็นอัตตา อนัตตา สังขตธาตุ อสังขตธาตุ ผมอธิบายอย่างละเอียดในกระทู้ "รุกฆาต
พวกที่เชื่อว่า นิพพานเป็นอนัตตา"
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=16653

ตอบเมื่อ: 15 ก.ค.2008, 8:20 pm

ผมก็เข้าใจ ว่านิพพานเป็นอัตตา แต่ผมก้ยังคงเป็นปุถุชนเหมือนเดิม น่าจะบอกแผ่นที่ไปนิพพานดีกว่ามั้งครับ ว่าต้องทำอย่างไร อีกอย่างคุณมีความเห็นอย่างไรกับวิชชาธรรมกาย

ตอบเมื่อ: 16 ก.ค.2008, 12:58 am

kokorado พิมพ์ว่า:

ผมก็เข้าใจ ว่านิพพานเป็นอัตตา แต่ผมก้ยังคงเป็นปุถุชนเหมือนเดิม น่าจะบอกแผ่นที่ไปนิพพานดีกว่ามั้งครับ ว่าต้องทำอย่างไร อีกอย่างคุณมีความเห็นอย่างไรกับวิชชาธรรมกาย

พระพุทธเจ้าก็มีแล้ว พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าก็มีอยู่แล้ว เต็มไปหมด เลือกฝึกได้ตาม
ที่ตนถนัด วิชชาธรรมกายก็เป็นวิชชาหนึ่งของพระพุทธเจ้า ผมก็ไม่ได้ฝึกทางนั้น จึงแนะนำไม่ได้

ผมไม่ได้มาเพื่อบอกแผนที่ไปนิพพาน ผมมาเพื่อบอกความจริงกับโลก สิ่งที่ผมรู้เป็นใบไม้นอกกำมือของ
พระพุทธเจ้า แต่การที่จะรู้เรื่องนอกกำมือของพระพุทธเจ้าได้ ผมต้องรู้เรื่องในกำมือให้ได้หมดหรื่อ
เกือบหมดก่อน คือ ผมต้องหยุดการคิดปรุงแต่งต่างๆให้ได้เกือบหมดก่อน