อยากรู้ว่าสมาธิมี่กี่ขั้น อะไรบ้าง และรายละเอียดครับ

ตอบเมื่อ: 12 ก.ค.2008, 11:54 pm

ผมรู้สึกงงๆ ครับเรื่องของสมาธิ ขอถาม :

1.สมาธิแบ่งเป็นกี่ขั้นอะไรบ้าง รายละเอียดและวิธีการฝึกในแต่ละขั้น

2.หากจะให้เป็นสมาธิเร็วๆ จะต้องทำอะไรมั้ง

3.สมาธิต้องฝึกถึงขั้นไหนจึงจะได้บุญ

4.เราจะรู้ตัวได้อย่างไรว่าไปถึงขั้นไหนแล้ว

5.ผมเคยได้ยินบ้างท่านเล่าว่า...มีคนนั่งสมาธิ (ฝึกกันอยู่ที่วัด ฝึกกันหลายคน) แล้วอยู่ดีดีเกิดฟุ้งซานโว้ยวายเหมือนคนบ้า จริงๆ แล้วเกิดจากอะไร

ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ สาธุ

ตอบเมื่อ: 13 ก.ค.2008, 8:47 am

1. 3 ขั้น - ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ และ อัปปนาสมาธิ

2. ก็ต้องบริกรรมทั้งวันทั้งคืน ไม่ให้จิตหนีไปเที่ยวไหน

3. คิดที่จะเริ่มฝึก บุญก็เกิดแล้ว เมื่อลงมือ ไม่ต้องพูดถึงอานิสงส์ ประมาณมิได้

4. สติแตก จิตแตก จิตไม่อยู่กับตัว แล้วแต่จะเรียกครับ

ตอบเมื่อ: 13 ก.ค.2008, 1:11 pm

ครับขอบคุณมากครับ

1.ผมอยากรู้รายละเอียดสมาธิทั้ง3ขั้น ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ และ อัปปนาสมาธิ
หากผมพึ่งเริ่มฝึกผมจะจัดอยู่ในขั้น ขณิกสมาธิหรือไม่?

2.บริกรรมในที่นี้หมายถึง ฝึกสมาธิรึป่าวครับ

3.ผมพอจะเข้าใจข้อ 3 แล้ว

4.สติแตก จิตแตก หรือ จิตไม่อยู่กับตัว อาการเหล่านี้เกิดขึ้นได้ยังไง ทำไมถึงเกิด และวิธีแก้

ต้องขอโทษด้วยนะครับ เพราะผมไม่ค่อยจะรู้จักภาษาธรรมมะมากนัก

ขอบคุณล่วงหน้าครับ สาธุ

ตอบเมื่อ: 13 ก.ค.2008, 2:48 pm

1. เอาขณิกสมาธิำไปก่อน รู้มากจะฟุ้ง

ขณิกสมาธิ หมายถึง การบริกรรมภาวนา เช่น บริกรรมพุทโธ ถ้าดูลม ก็อานาปานสติ ซึ่งผมใ้ช้อันนี้อยู่ครับ หรือบริกรรม กระดูก ก็ได้ หรือดูรูปอสุภ 10 อย่าง ก็ได้ หรือ นั่งนึกถึงอนุสติ 10อย่างก็ได้ อย่างนี้เรียกว่า บริกรรมทั้งนั้น อ้อ เพ่ง กสิน ก็เป็นบริกรรมเหมือนกันครับ

ก็เลือกเอาซะอย่าง ที่ชอบที่สุด ทำแล้วสบายใจที่สุด ก็เอาอันนั้นนะครับ

ขณิกสมาธิ ยังแบ่งเป็น

ขั้นต้น ก็บริกรรม แต่จะเผลอซะมาก คือมีความคิดแทรกมากต้องคอยดึงจิตกลับมาที่คำบริกรรมอยู่บ่อยๆ

ขั้นกลาง ก็เริ่มดีขึ้นมาหน่อยนึง

ขั้นสูง(แนบแน่นในบริกรรม) บริกรรมได้ทั้งวัน ไม่ขาดตอน แม้แต่ตอนนอนก็มีสติรู้หรือบริกรรมอยู่ตลอดเวลา --- เรียกว่า ทรงขณิกสมาธิได้แล้ว แค่นี้ก็ทำยากมากแล้วครับ เอาแค่ทรงขณิกสมาธิให้ได้ก็เก่งแล้วครับ ยังไม่ต้องพูดถึงอารมณ์อุปจารสมาธิหรอกครับ

2. ใช่ครับ ไม่ว่า จะอยู่ในอิริยาบทไหนก็บริกรรมได้ทั้งนั้น

3. เศร้า

4. ก็ประเภทว่า ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ หรือ ธรรมออกมามากจัด รับไม่ได้ต้องพูด คล้ายเพ้อเจ้อ แต่อย่ากังวลเลยครับ ลองบริกรรมดูก่อน พวกนี้มีทางป้องกันครับ

สมาธิถ้าจะให้ได้รับผลต้องทำทุกวัน ห้ามเว้นเป็นอันขาด 10 นาทีก็ต้อง 10นาที หรือ ครึ่งชั่วโมง ก็ต้องให้ได้ตามนั้น เขาเรียกรักษาความเพียรครับ

อย่างผมเอง ก็หัดนั่ง วันละ 2 ชั่วโมงครับ เดินอีกนิดหน่อย ประมาณ 4 ชม.ต่อวัน ก็ต้องทำให้ได้ครับ เป็นคำสั่งของท่านอาจารย์น่ะครับ

ไม่มีเวลาก็ต้องหาเวลามาทำให้ได้ แต่ทำกลางคืนจะเงียบดีน่ะครับ

ลองทำดูและกันนะครับ เพราะผมเองก็เพิ่งเริ่มได้ไม่นานเหมือนกัน ครับ

เศร้า

ตอบเมื่อ: 13 ก.ค.2008, 2:54 pm

เริ่มทำได้แล้ว

และจะหาว่า ไม่บอก ยิ้ม

ตอบเมื่อ: 13 ก.ค.2008, 10:28 pm

ครับๆ อาจารย์ผมจะลองปฏิบัติให้ได้ครับ ยิ้มเห็นฟัน

ตอบเมื่อ: 13 ก.ค.2008, 10:37 pm

เป็นสหธรรมมิกกันดีกว่า

เศร้า

ตอบเมื่อ: 14 ก.ค.2008, 8:52 pm

ยังไงก็ได้ครับ
แลบลิ้น

ตอบเมื่อ: 17 ก.ค.2008, 11:29 pm

ผมลองนั่งดูแล้วแต่นั่งไม่นานครับ พยายามให้ถึง10นาทีแต่ไม่ค่อยถึงเลยครับ..

จิตรู้สึกว่าจะไม่อยู่กับตัวนานนัก มักคิดถึงแต่เรื่องเก่าๆครับ แล้วบ้างครั้งก็เป็นเหน็บชาด้วย... จะแก้ยังไงครับ

ผมลองแบบบริกรรม พุท-โทดูครับ

อยากจะถามถ้าเราฝึกไปถึงสมาธิขั้น2แล้วเราต้องบริกรรมพุทโทไปเรื่อยๆจนถึง ขั้น3เลยรึป่าว หรือต้องเปลี่ยนการบริกรรมไปตามขั้น (อันนี้ผมถามไว้ก่อนนะครับ)

ขอบคุณครับ สาธุ

ตอบเมื่อ: 18 ก.ค.2008, 6:31 am

ปกรณัม พิมพ์ว่า:

ผมลองนั่งดูแล้วแต่นั่งไม่นานครับ พยายามให้ถึง10นาทีแต่ไม่ค่อยถึงเลยครับ..

จิตรู้สึกว่าจะไม่อยู่กับตัวนานนัก มักคิดถึงแต่เรื่องเก่าๆครับ แล้วบ้างครั้งก็เป็นเหน็บชาด้วย... จะแก้ยังไงครับ

ผมลองแบบบริกรรม พุท-โทดูครับ

อยากจะถามถ้าเราฝึกไปถึงสมาธิขั้น2แล้วเราต้องบริกรรมพุทโทไปเรื่อยๆจนถึง ขั้น3เลยรึป่าว หรือต้องเปลี่ยนการบริกรรมไปตามขั้น (อันนี้ผมถามไว้ก่อนนะครับ)

ขอบคุณครับ สาธุ

-------

ไม่เป็นไรสำหรับผู้เพิ่งหัดทำใหม่ๆน่ะครับ

คราวนี้ต้องทำกายบริหารก่อนนะครับเหมือนเราจะเล่นกีฬา ใช้ได้เหมือนกัน เขาเรียกว่าวอมร่างกาย เมื่อเสร็จแล้วก็มานั่ง จัดท่าให้เรียบร้อย โดย
1 กางขาออกมาทั้งสองข้าง เป็นรูปตัว วี
2 ดึงขาซ้ายเข้ามาก่อน จัดให้เรียบร้อยและสบายที่สุดครับ
3. แล้ว ดึงขาขวาเข้ามาวางทับขาซ้าย แล้วจัดร่างกายให้ตรง แบบสบายๆ คือนั่งให้สบายที่สุดน่ะครับ

เป็นอันเสร็จการเตรียมพร้อมทางร่างกาย เรียกว่า กายบริหารครับ

แล้วก็บริกรรมตามปกติ หรือจะลองทำแบบที่เขียนไว้ข้างล่างคือแบบอานาปานสติ ตามแบบหลวงพ่อพุทธทาสครับซึ่งเขียนไว้ข้างข้าง

ทำตามถนัดที่สุดนะครับแล้วแต่จริตไม่ได้บังคับแค่แนะนำของที่ผมทำอยู่เท่านั้นครับ

ลองใหม่ครับ ถ้าจิตจะคิดเรื่องอะไรก็ ตามความคิดไปจบกว่าจะจบเรื่องนั้นนะครับ และดึงจิตมาสู่คำบริกรรมอีกครั้ง ทำอย่างนี้อยู่บ่อยๆ จิตจะมีสติมากขึ้นครับ

--
วิธีที่ผมฝึกอยู่นะครับ คือ

1 ดูลมหายใจยาวที่สุดก่อนว่า ยาวสุดเป็นอย่างไร สูดหายใจแรงๆครับ

2 ดูสั้นสุด ว่าหายใจสั้นสุดนั้นเป็นอย่างไร

-- เมื่่อดูสอง ลมนี้แล้ว ให้มาดูลมปกติครับ แต่ต้องจัดระเบียบลมให้มีความพอดีกับร่างกายเรา คือ เอาตัวลมที่เรารู้สึกว่า หายใจเข้า-ออก สบายที่สุดนั่นแหละเป็นอารมณ์ จำไว้ แล้วค่อยๆดู จะมีพุทเข้า โธออกด้วยหรือไม่ก็ได้ครับ

ถ้าจิตคิดก็ตามเขาไป คิดจบก็ให้กลับมาที่ลมต่อ อย่าคิดว่าจะนั่งกี่นาที ให้นั่งแล้วสบายใจที่สุด คิดซะว่า นั่งพักผ่อนอารมณ์ ปล่อยอารมณ์

วิธีเดียวกันนี้ถ้าเดินได้จะดีมาก

วิธีเดินของผม เดินไปเรื่อย จิตอยากคิดอะไรก็ปล่อย เดินไปๆ

เดินวน ขวานะครับ กว้าง 1-1.5 เมตร ก็ได้ ยาวไม่ต่ำกว่า 14ก้าวเดิน

คือให้กลับตัวได้ ถ้าเป็นไปได้เดินได้จะดีมากครับ ท่านอาจารย์สอนผมว่า เดินปล่อยอารมณ์ครับ

ลองดูและกันนะครับ

ปล. เมื่อนั่งเสร็จทุกครั้ง แล้วให้ลุกขึ้นมาเดินเล่นสัก 10-20นาที เพื่อคลายกร้ามเนื้อ จะทำให้จิตรวมได้ดีครับ

มีอะไรก็ถามได้ นะครับ พอรู้ก็จะตอบให้ครับ

เศร้า

ตอบเมื่อ: 18 ก.ค.2008, 6:32 am

อ้อส่วนขั้นก็ไม่ต้องสนใจนะครับ ปล่อยมันนะครับ

ตอบเมื่อ: 18 ก.ค.2008, 8:52 am

ครับ ขอบคุณมาก สาธุ

ตอบเมื่อ: 22 ก.ค.2008, 12:31 pm

สมาธิน่ะถ้าแน่นจริงๆ มันจะไม่คิดปรุงอะไรเลยน่ะครับ มันรำคาญเรื่องคิดเรื่องปรุงที่เราคิดต่างๆนานา

ตอบเมื่อ: 08 ส.ค. 2008, 8:33 pm

ผมยังไม่แน่นนิครับ