ชาติที่ผ่านมาได้พูดลบหลู่ศาสนาไว้กรรมที่ได้รับคืออะไรช่วยตอบ

ตอบเมื่อ: 07 ก.ค.2008, 9:02 pm

ชาติที่ผ่านมาได้พูดจาลบหลู่ศาสนาไว้มาก ได้ล้อเพื่อนๆ ที่อยู่ต่างศาสนาโดยตอนที่เป็นเด็ก โดยไม่รู้ว่ามันผิด กรรมที่จะได้รับคืออะไร ใครรู้ช่วยตอบทีแต่การแก้กรรมมีคนบอกให้ไปขอขมากราบไหว้กับศาสนาที่เราลบหลู่บ่อยๆ ก็จะดีเองคะ ขอบคุณคะที่ช่วยให้คำตอบ ยิ้มแก้มปริ

ตอบเมื่อ: 07 ก.ค.2008, 10:16 pm

คุณคนดีครับ

ชาติก่อนผมลบหลู่พุทธศาสนาหรือไม่ผมไม่รู้ รู้แต่ชาตินี้ตอนผมอายุ 15-25 ปี ผมได้ด่า
องค์สมเด็จพระพุทธเจ้าแบบหยาบคายสุดๆ นับสิบครั้ง เพราะคิดว่าคนผู้นี้เป็นนักหลอกลวง พูดแต่เรื่องไร้สาระ
นอกจากนี้ ผมก็มีนิสัยและสันดานชอบด่าว่าคนอื่น แต่พอผมปฏิบัติสมถะและวิปัสสนาอย่างจริงๆ จังๆ
ปฏิบัติจนผมได้พบทั้งนรก-สวรรค์ พระพรหม แม้แต่พระธรรมกายของพระพุทธเจ้า และพระอรห้นต์
ผมก็ได้เจอ ไม่ใช่ได้เจอแค่ครั้งเดียว ผมได้เจอวิญญาณเป็นหมื่นๆ ครั้ง นับแสนดวง
และผมยังรู้พระพุทธศาสนาชนิดที่จะหาคนรู้เท่าผมคงไม่มี ชื่อของผมฃื่อหนึ่งในเว็บคือ
ใบไม้นอกกำมือ เนื่องจากผมรู้เรื่องนอกกำมือที่พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสสอนไว้ และรู้อย่างลึกซึ้งด้วย

ด้วยกรรมที่ทำไว้ในอดีต ผมจึงต้องถูกผู้คนในเว็บในทุกศาสนาด่าผมใส่ร้ายป้ายสีและประณามแหลกราญ
เป็นแสนเป็นล้านครั้ง ด่าจนผมเรียนรู้ว่า ไม่มีใครด่าว่าเราเลย เราต่างหากนำถ้อยคำของเขา
ไปปรุงแต่งในจิตเอง ผมรู้ด้วยว่า ตนเองจะบรรลุธรรมเป็นอรหันต์ในชาตินี้จากการถูกเขาด่าว่า

เราจะบรรลุธรรมใดๆ ก็ต้องมีกรรมที่เราทำไว้ในอดีตทำให้เราเรียนรู้ และปล่อยวาง ต้องมอง
โลกในแง่ดีครับ คนที่ทำกรรมด้วยวาจาเป็นหลัก ก็ต้องรับกรรมทางวาจา ถือว่าเป็นเรื่อง
เล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับคุณไปทำกรรมอย่างอื่นเอาไว้ แล้วต้องรับกรรมอย่างนั้น

ตอบเมื่อ: 08 ก.ค.2008, 2:42 pm

------------------------------------------------------------------
โทษของการกล่าวโทษพระอริยะ ๑๐

๑. ไม่บรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ
๒. เสื่อมจากธรรมที่บรรลุแล้ว
๓. สัทธรรมย่อมไม่ผ่องแผ้ว
๔. เป็นผู้เข้าใจว่าตนได้บรรลุในสัทธรรมทั้งหลาย
๕. ไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์
๖. ต้องอาบัติเศร้าหมองอย่างใดอย่างหนึ่ง
๗. ย่อมถูกโรคอย่างหนัก
๘. ถึงความเป็นบ้ามีจิตฟุ้งซ่าน
๙. เป็นผู้หลงไหลกระทำกาละ (ตายอย่างขาดสติ)
๑๐. เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาตนรก

จาก (พระไตรปิฎก เล่ม ๒๔ ข้อ ๘๘)

ขอฝากครับ

- ปุถุชนกล่าวว่าสิ่งหนึ่งผิดเพราะไม่เหมือนกับอีกสิ่งหนึ่งที่ตนคิดว่าถูก
- ปุถุชนกล่าวว่าสิ่งหนึ่งผิดเพราะไม่สอดคล้องกับอีกสิ่งหนึ่งซึ่งตรงกับความเชื่อของตน
ในอดีตกาล

- กล่มผู้เข้าสู่เส้นทางปัญญาวิมุติ มองการปฏิบัติของกลุ่มผู้เจริญสมถะแปลกไปอย่างหนึ่ง
- กลุ่มผู้เจริญสมถะก็มองกลุ่มที่ปฏิบัติทางปัญญาวิมุติแตกต่างไปเช่นกัน

- อริยะสาวกของพระพุทธองค์หลายรูป ที่ต่างมีวิธีการสู่ความหลุดพ้นที่แตกต่าง
เปรียบเสมือนเส้นทางหลายเส้นไปสู่จุดหมายเดียวกัน

- เพียงเห็นต้นไม้ชายป่า ไม่อาจบอกได้ว่าป่าทั้งหมดกว้างใหญ่เพียงไร.....
พระอริยะบุคคลมีหลายระดับ...ความคิดเห็นของพระอริยะเมื่อบรรลุธรรมแต่ละระดับขั้นจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน...อย่าปรามาสโดยไม่รู้ข้อเท็จจริงนะครับ

ตอบเมื่อ: 08 ก.ค.2008, 2:44 pm

นางขุชชุตตรา ได้บังเกิดเป็นทาสีของคนอื่นสิ้น ๕๐๐ ชาติ
ในสมัยของพระกัสสปพุทธเจ้า
ส่วนในกาลแห่งพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า นางบังเกิดเป็นธิดาของเศรษฐีในกรุงพาราณสีคนหนึ่ง เวลาบ่าย นั่งส่องกระจกแต่งตัวอยู่ ลำดับนั้น พระเถรีผู้เป็นพระขีณาสพรูปหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้คุ้นเคยของนางได้ไปเพื่อเยี่ยมนาง จริงอยู่ นางภิกษุณี แม้เป็นพระขีณาสพก็เป็นผู้ปรารถนาเพื่อจะเห็นตระกูลอุปัฏฐากในเวลาเย็น ก็ในขณะนั้นหญิงรับใช้ไร ๆ ในสำนักของธิดาเศรษฐีไม่มีเลย นางจึงกล่าวว่า “ดิฉันไหว้ เจ้าข้า โปรดหยิบกระเช้าเครื่องประดับนั่น ให้แก่ดิฉันก่อน“ พระเถรีคิดว่า “ ถ้าเราจะไม่หยิบกระเช้าเครื่องประดับนี้ให้แก่นางไซร้ นางจักทำความอาฆาตในเราตายแล้วจักไปเกิดในนรก แต่ว่า ถ้าเราจักหยิบให้ นางจักเกิดเป็นหญิงรับใช้ของคนอื่น แต่ว่า เพียงความเป็นผู้รับใช้ของคนอื่น ย่อมดีกว่าความเร่าร้อนในนรกแล “ พระเถรีนั้นอาศัยความกรุณาจึงได้หยิบกระเช้าเครื่องประดับนั้นให้แก่นาง ด้วยกรรมนั้น นางได้บังเกิดเป็นทาสีของคนอื่นสิ้น ๕๐๐ ชาติ

นางขุชชุตตรา เกิดมาเป็นหญิงค่อม
ในสมัยเมื่อพระพุทธเจ้ายังไม่อุบัติขึ้น
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัต ครองราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระราชาได้นิมนต์พระปัจเจกพุทธเจ้า ๘ องค์ให้ฉันอยู่ในพระราชวังเนืองนิตย์ โดยมีหญิง ๕๐๐ คน คอยบำรุงพระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้น ในพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๘ พระองค์นั้น พระองค์หนึ่งได้เป็นผู้มีหลังค่อมหน่อยหนึ่ง นางขุชชุตตราซึ่งในสมัยนั้นเกิดเป็นหญิงผู้อุปัฏฐายิกาคนหนึ่ง ก็แกล้งล้อเลียน โดยห่มผ้ากัมพลแดง ถือขันทองคำ ทำเป็นคนค่อม แสดงอาการเดินไปของพระปัจเจกพุทธเจ้านั้น เพราะผลแห่งกรรมนั้นนางจึงเกิดมาเป็นหญิงค่อม.

ตอบเมื่อ: 09 ก.ค.2008, 2:24 pm

คุณ"hs6kjg" ครับ

เรื่องที่คุณเล่ามาทั้งหมด เป็นกรรมที่ก่อขึ้นกับพระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์ในยุคนั้นนะครับ
เป็นการก่อกรรมที่ทำในชาติเดียวกันในภพเดียวกัน ทั้งตัวผู้ก่อและพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์
ก็ยังมีตัวตนอยู่ในยุคนั้น มันไม่ตรงกับที่เจ้าของกระทู้ถาม ผมน่ะยิ่งกว่าเจ้าของกระทู้ทำเป็นร้อย
เป็นพันเท่าเลย แต่ทำไมผมจึงสามารถบรรลุธรรมได้ล่ะครับ? เพราะกรรมนั้นผมไม่ได้กระทำกับ
พระพุทธเจ้าตอนมีชีวิตอยู่

ตอบเมื่อ: 09 ก.ค.2008, 2:54 pm

ขอตอบตามความเข้าใจและกันนะครับ

ไม่รู้จะถูกหรือเปล่า

คือ เราต้องโดนคนอื่นๆ ใส่ร้าย อยู่ตลอดเวลา จนกว่า เราจะหมดกรรมตรงนั้น หรือเร่งกรรมนั้นให้หมดไป ด้วยการภาวนา ช่วยครับ

เศร้า

ตอบเมื่อ: 11 ก.ค.2008, 10:38 am

ดนดี พิมพ์ว่า:

ชาติที่ผ่านมาได้พูดจาลบหลู่ศาสนาไว้มาก ได้ล้อเพื่อนๆ ที่อยู่ต่างศาสนาโดยตอนที่เป็นเด็ก โดยไม่รู้ว่ามันผิด กรรมที่จะได้รับคืออะไร ใครรู้ช่วยตอบทีแต่การแก้กรรมมีคนบอกให้ไปขอขมากราบไหว้กับศาสนาที่เราลบหลู่บ่อยๆ ก็จะดีเองคะ ขอบคุณคะที่ช่วยให้คำตอบ ยิ้มแก้มปริ

กรรมที่ทำคุณก็ได้รับอยู่ในขณะนี้แล้ว การที่จิตใจของคุณเศร้าหมองอยู่อย่างนี้ก็เพราะคุณระลึกได้ถึงอกุศลกรรมที่ได้ทำลงไปแล้ว ส่วนการที่จะแก้กรรมนั้น ส่วนตัวกระผมเองคิดว่าไม่น่าจะแก้ได้ หากแต่เราทำใจยอมรับผลที่จะเกิดขึ้นได้มันก็จะทำให้จิตใจเศร้าหมองน้อยลงได้มากทีเดียว หรืออีกนัยหนึ่งคือพึงระลึกไว้เสมอว่า " ทำดีได้ดี ทำไม่ดีก็ได้ไม่ดี " บุคคลผู้มีสติ ย่อมระลึกได้ว่ากรรมใดเป็นกรรมดีก็จะเพียรประกอบกรรมนั้น และเพียรละกรรมไม่ดีทั้งหลายไม่ให้เกิดขึ้น

ตอบเมื่อ: 12 ก.ค.2008, 7:42 pm

สงสัยตรงรู้ได้อย่างไรว่าชาติก่อน

ตอบเมื่อ: 13 ส.ค. 2008, 9:34 pm

ยังไม่มีภูมิพอจะตอบ นะคุณคนดี เพราะยังเป็นแค่บัวหิมะใต้ตมอยู่
แต่สงสัย อยู่นิดนึง ชาติที่แล้วท่านเกิดเป็นอะไรหนอ พอจะเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นวิทยาทานได้ไหม--ขอให้ท่านเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป สาธุ พุทโธ