ขอถามท่านผู้รู้เรื่องขันธ์ 5 ต่อครับ

ตอบเมื่อ: 05 ก.ค.2008, 11:34 am

ผมมันขี้สงสัย

ตอนที่ตาเห็นรูป เนี่ยครับ

เรียกว่า ตาเห็นรูป หรือว่า

รูป มากระทบตา

งงเหมือนกันครับ

ช่วยด้วย สาธุ

ตอบเมื่อ: 05 ก.ค.2008, 12:10 pm

เมื่อตากระทบรูป วิญญาณรับรู้ทางตา(จักขุวิญญาณ) จะออกไปรับรู้
ถ้าจิตไม่ส่งออกไปรับรู้ เห็นก็เหมือนไม่เห็นค่ะ

ไม่ใช่ผู้รู้ค่ะ แต่ตอบตามความเข้าใจว่าน่าจะเป็นอย่างนี้

ตอบเมื่อ: 05 ก.ค.2008, 10:42 pm

RARM พิมพ์ว่า:

ผมมันขี้สงสัย

ตอนที่ตาเห็นรูป เนี่ยครับ

เรียกว่า ตาเห็นรูป หรือว่า

รูป มากระทบตา

งงเหมือนกันครับ

ช่วยด้วย สาธุ

อายตนะมี 2 อย่าง คือ อายตนะภายใน (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ)และอายตนะภายนอก(รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์)

แสดงว่า อานตนะภายในคือ ตา + ใจ กับ อายตนะภายนอก รูป+ธรรมารมณ์ ต้องร่วมมือร่วมใจกัน

ตอบเมื่อ: 05 ก.ค.2008, 10:48 pm

โปเต้ พิมพ์ว่า:

เมื่อตากระทบรูป วิญญาณรับรู้ทางตา(จักขุวิญญาณ) จะออกไปรับรู้
ถ้าจิตไม่ส่งออกไปรับรู้ เห็นก็เหมือนไม่เห็นค่ะ

ไม่ใช่ผู้รู้ค่ะ แต่ตอบตามความเข้าใจว่าน่าจะเป็นอย่างนี้

วิญญาณรับรู้ทางตา(จักขุวิญญาณ) จะออกไปรับรู้
ถ้าจิตไม่ส่งออกไปรับรู้ เห็นก็เหมือนไม่เห็น ก็คือใจไม่ปรุงแต่ง ธรรมารมณ์ (ความรู้สึกโกรธ เกลียด เศร้า ดีใจ ฯลฯ)ก็ไม่เกิดขึ้น ความทุกข์จึงไม่มี

เมื่อ ตา กับ รูป มันร่วมมือร่วมใจกัน

แต่ใจ กับ ธรรมารมณ์ ไม่ยอมร่วมมือร่วมใจด้วยแล้ว ความทุกข์ก็ย่อมไม่มี

ตอบเมื่อ: 06 ก.ค.2008, 5:39 am

ตอบเมื่อ: 06 ก.ค.2008, 7:18 am

ใจจะปรุงแต่งธรรมารมณ์ได้ วิญญาณรับรู้จะต้องมีการรับรู้เกิดขึ้น

สังขารการปรุงแต่งจะทำให้ทุกข์เกิดหรือไม่ อยู่ที่ว่าจิตจะเท่าทัน หรือมีวิชชา ความรอบรู้ในทุกข์ เหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ความดับทุกข์ และเหตุที่ทำให้เกิดความดับทุกข์ หรือไม่

บ่อยครั้ง ที่การมองเห็นและรับรู้ว่ามองเห็น ถึงแม้ใจจะมีการปรุงแต่ง ก็ไม่ทำให้เกิดทุกข์ได้ค่ะ (เช่นความรู้สึกเฉยๆ หรืออทุกขมสุข)

ตอบเมื่อ: 06 ก.ค.2008, 11:16 am

ตอบเมื่อ: 07 ก.ค.2008, 9:05 am

RARM พิมพ์ว่า:

ผมมันขี้สงสัย

ตอนที่ตาเห็นรูป เนี่ยครับ

เรียกว่า ตาเห็นรูป หรือว่า

รูป มากระทบตา

งงเหมือนกันครับ

ช่วยด้วย สาธุ

ตอบ...
ก็เห็นคุณแสดงข้อคิดเห็นไว้มากมาย ทำไมถึงได้ถามลองภูมิเขาไปทั่วละขอรับ
ไม่เป็นไร เมื่อท่านทั้งหลายได้เข้ามาเป็นสมาชิก เวบ ธรรมจักร แล้ว ต้องได้รับ ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง เป็นไปตามหลักธรรมชาติ(หรืออิงหลักวิชาการที่ถูกต้อง) แต่ก่อนที่จะตอบคำถามของคุณผู้ใช้ชื่อว่า "RARM"
ขอให้อ่าน บทเกริ่นนำก่อนว่า

"บุคคลจะมี ไอคิว ที่ดีได้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ปัจจัยประการแรกก็คือ กรรมพันธุ์ ฯลฯ
อีคิว จะเป็น ความสามารถของบุคคลเชื่อมต่อจาก ไอคิว หมายความว่า ไอคิว จะเห็นตัวสร้าง อีคิวในส่วนหนึ่ง เพราะ ความรู้ ความเข้าใจ การได้รับการประสบการณ์ ปฏิภาณไหวพริบ จะเป็นตัวสร้าง อีคิว คือ จะเป็นตัวสร้าง หรือบังคับ ควบคุม หรือก่อให้เกิด สภาพ อารมณ์ ต่างๆกัน
ธรรมชาติของมนุษย์ ล้วนต้องมี
สติ คือ ความระลึกได้
สัมปชัญญะ คือ ความรู้สึกตัว
หากทุกท่านมีสติ แต่ไม่มีความรู้ หรือมีความรู้ มีความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง อีคิวก็อาจจะต่ำ ไอคิว ก็อาจจะต่ำเช่นกัน
พุทธศาสนา สามารถพัฒนา ไอคิว อีคิว เอคิว ฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพประสิทธิผล อีกทั้งยังเป็นต้นแบบ หรือแม่แบบแห่งหลักวิชาการต่างๆอีกด้วย
อันนี้เป็นเรื่องที่ต้องอธิบายกันยาว "

ส่วนคำถามของคุณ "RARM" ที่ถามเรื่องเกี่ยวกับการมองเห็นนั้น เป็นคำถามพื้นๆ แต่คำตอบอาจต้องพิจารณาให้ดี เพราะการเขียนหรือการอธิบายความให้ผู้อื่นเข้าใจนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะบางครั้ง ผู้ตอบมีความเข้าใจในคำตอบของตัวเอง แต่ผู้อ่าน หรือผู้ฟัง ไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่อง
จึงได้เตือนท่านทั้งหลายว่าให้อ่าน และพิจารณาช้าช้า แล้วก็จะเกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้
การมองเห็นของมนุษย์ ในที่นี้หมายเอาเฉพาะมนุษย์นั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัย 3 ประการ คือ ปัจจัย ภายใน กับปัจจัยภายนอก
ปัจจัยภายใน หมายถึง สุขภาพของร่างกาย ระบบการทำงานของอวัยวะต่างๆภายในร่างกาย
ปัจจัยภายนอก หมาย สภาพลมฟ้าอากาศ แสง สี และวัตถุต่างๆที่เรามองอยู่
หาก ปัจจัยภายใน เป็นปกติ พอสมควร ปัจจ้ยภายนอกเอื้ออำนวย คือมีแสงพอดี ฯ วัตถุที่เรามองอยู่ในระยะที่พอดี
การมองเห็น ก็จะเกิด จากการที่แสงที่ส่องกระทบวัตถุ แล้วส่องส่งมายังเรตินาของดวงตา จึงทำให้เกิดการมองเห็น เป็นรูป ตามวัตถุนั้นๆ(อันนี้สามารถหาความรู้เพิ่มเติมได้)

แต่ถ้าหาก ปัจจัยภายในไม่ปกติ เช่นสายตาสั้น สายตายาว การมองเห็น ก็จะผิดปกติตามไปด้วย
แต่ถ้าหาก ปัจจัยภายนอก ไม่ปกติ เช่นแสงน้อย อากาศขมุกขมัว ระยะไกลเกินที่แสงจะส่องส่งมาถึงดวงตาได้ การมองเห็นก็จะผิดปกติไปด้วย

ทีนี้คำถามของคุณ ถามว่า ตา เห็น รูป หรือ รูปมากระทบดวงตา

คำตอบ ตา ไม่ได้เห็นรูป แต่ตาเห็นแสงจากรูปหรือวัตถุต่างๆ และแสงจากรูป หรือวัตถุต่างๆนั้น มากระทบเรตินาของดวงตา
ดังที่ได้อธิบายไปก่อนข้างต้น

ตอบเมื่อ: 09 ก.ค.2008, 2:33 pm

เมื่อรูปกระทบตา ถ้าขณะนั้นมีสตินทรีย์ สัญญาไม่หมาย ถึงตรงนี้จะเรียกว่าตาเห็นรูปหรือไม่ก็ได้ครับ เป็นอีกอย่างไปแล้วครับ

ถ้าไม่มีสติ รูปกระทบตา ตาเห็นรูป ใจก็ตามรูปไป และก็ำไม่รู้ว่าจะไปถึงไหนครับ

ตอบเมื่อ: 09 ก.ค.2008, 2:48 pm

ตอบเมื่อ: 09 ก.ค.2008, 2:52 pm

ทีนี้คำถามของคุณ ถามว่า ตา เห็น รูป หรือ รูปมากระทบดวงตา

คำตอบ ตา ไม่ได้เห็นรูป แต่ตาเห็นแสงจากรูปหรือวัตถุต่างๆ และแสงจากรูป หรือวัตถุต่างๆนั้น มากระทบเรตินาของดวงตา
ดังที่ได้อธิบายไปก่อนข้างต้น

ตรงคำตอบนี้ ถ้า รูปที่เห็น ไม่มีแสงล่ะครับ ตาจะยังคงเห็นอยู่หรือเปล่า

รบกวนคุณ Buddha ช่วยอธิบายอีกทีครับ

เศร้า

ตอบเมื่อ: 10 ก.ค.2008, 5:05 pm

RARM พิมพ์ว่า:

ผมมันขี้สงสัย

ตอนที่ตาเห็นรูป เนี่ยครับ

เรียกว่า ตาเห็นรูป หรือว่า

รูป มากระทบตา

งงเหมือนกันครับ

ช่วยด้วย สาธุ

จะเรียกอะไรก็ช่างเถอะครับ อรรถคือกระทบกัน (เพราะการกระทบกันของอายตนะภายในและภายนอกไม่ต้องเรียกประกันหรอกครับ อิอิอิ)

ตอบเมื่อ: 10 ก.ค.2008, 8:29 pm

ตอบเมื่อ: 11 ก.ค.2008, 3:34 pm

natdanai พิมพ์ว่า:

RARM พิมพ์ว่า:

ผมมันขี้สงสัย

ตอนที่ตาเห็นรูป เนี่ยครับ

เรียกว่า ตาเห็นรูป หรือว่า

รูป มากระทบตา

งงเหมือนกันครับ

ช่วยด้วย สาธุ

จะเรียกอะไรก็ช่างเถอะครับ อรรถคือกระทบกัน (เพราะการกระทบกันของอายตนะภายในและภายนอกไม่ต้องเรียกประกันหรอกครับ อิอิอิ)

อายตนะภายใน 6 ต้องกระทบอายตนะภายนอก 6 จึงจะเกิดการรับรู้ สรุปก็คือ ตาเห็นรูป
หรือรูปมากระทบตา เป็นเรื่องเดียวกัน ตบมือข้างเดียวไม่ดังครับ

ตอบเมื่อ: 11 ก.ค.2008, 3:38 pm