Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 เจ้ากรรมนายเวร คืออะไร แก้ไขได้อย่างไร อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
Buddha
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415

ตอบตอบเมื่อ: 28 มิ.ย.2008, 12:28 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ในเรื่องของเจ้ากรรมนายเวรนั้น นับเป็นเรื่องลี้ลับ และจะนับเป็นหลักวิทยาศาสตร์ก็ได้อย่างไม่ขัดเขิน
แต่เรื่องของเจ้ากรรมนายเวร ก็ย่อมเกี่ยวข้อง และเป็นความเชื่อในทางพุทธศาสนาระดับชาวบ้าน อาจกล่าวได้เลยว่าแทบจะทุกคนเลยก็ว่าได้ ซึ่งทุกท่านล้วนไม่มีความเข้าใจในเรื่องของเจ้ากรรมนายเวรอย่างถ่องแท้ แม้ตัวข้าพเจ้าเอง ก็มีความเข้าใจอยู่บ้าง แต่คงจะไม่มากนัก ดังต่อไปนี้
อันดับแรก ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องเจ้ากรรมนายเวรก่อนว่า คืออะไรอยู่ที่ไหน มีผลอย่างไรกับตัวเรา
ข้าพเจ้าเอง ก็ไม่อยากที่จะสร้างความเชื่อ ในสิ่งที่คุณหรือทุกท่าน ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ถึงแม้ว่า ข้าพเจ้าจะรู้ว่า เจ้ากรรมนายเวรนั้นมีอยู่จริง และข้าพเจ้าสามารถมองเห็นเจ้ากรรมนายเวรของทุกคนที่มีอยู่ได้ (อันนี้อ่านแล้วโปรดใช้วิจารณญาณ) (เพราะเป็นความสามารถพิเศษ อันมีติดตัวตั้งแต่ข้าพเจ้าจำความได้ )
และต้องทำความเข้าใจกับท่านทั้งหลายที่เข้ามาอ่านว่า ที่ตอบนี้ เป็นเพียงตอบตามคำถาม ไม่มีเจตนาที่จะให้ท่านทั้งหลายได้เชื่อว่า เจ้ากรรมนายเวร มีอยู่จริง และหรือมีส่วนได้ส่วนเสีย คือส่วนดีหรือไม่ดีกับตัวเรา
เพราะทุกท่านไม่สามารถมองเห็นเจ้ากรรมนายเวร และไม่อาจรู้ได้ว่า พฤติกรรมใด หรือความคิดใด ที่เจ้ากรรมนายเวร บันดาล หรือบังคับให้ท่านเหล่านั้น เป็นไป ตามแรงอาฆาตแค้นของเจ้ากรรมนายเวร
ข้าพเจ้าบอกตามตรงเลยว่า ข้าพเจ้าเอง แม้จะมองเห็น แต่ก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือช่วยเหลือบุคคลนั้นๆให้หลุดพ้นจาก เจ้ากรรมนายเวร ยกเว้นภรรยา และลูกหลาน
เหตุเพราะ เจ้ากรรมนายเวรนั้น คือ ดวงจิตที่มีแรงอาฆาตแค้นกับบุคคลนั้นๆ และสิงสถิตแอบแฝงอยู่ ณ. หัวใจของบุคคลนั้นๆ ข้าพเจ้ามักจะมองเห็นเป็นดวงตาและใบหน้า สถิตอยู่ในหัวใจของบุคคลนั้นๆ ซึ่ง บุคคลที่มีเจ้ากรรมนายเวรสิงสถิตอยู่ มักจะเป็นบุคคลที่มีศีลธรรมน้อยกว่าปกติ มีการฝึกสมาธิน้อย หรือไม่สนใจเลย ที่ข้าพเจ้ารู้ ก็เพราะว่า ถ้าบุคคลใด มีกิเลสมาก ศีลธรรมน้อย สมาธิน้อย บุคคลนั้นๆ โดยเฉพาะบริเวณหัวใจจะเป็นสีดำ ผสมกับสีใสคล้ายแสงของหลอดไฟแบบไส้ทังสเตน เล็กน้อย ถ้าบุคคลใดมีศีลธรรมมาก สมาธิดี บริเวณหัวใจจะมีสีใสคล้ายแสงของหลอดไฟแบบไส้ทังสเตน มาก มีสีดำน้อย ในที่นี้ จะไม่กล่าวถึงทั่วร่างกาย

เจ้ากรรมนายเวร ซึ่งเป็นดวงจิตดวงหนึ่งที่มีความอาฆาตแค้นต่อบุคคลนั้น (ข้าพเจ้าเองไม่ทราบว่า เขามีความอาฆาตแค้นอะไรกัน เพราะไม่เคยถาม รู้แต่เพียงว่า ถ้าข้าพเจ้าพยายามจะเปล่งฉัพพรรณรังสีไปให้เขา ในที่นี้หมายถึงเจ้ากรรมนายเวร เจ้ากรรมนายเวรของบุคคลนั้นก็จะติดต่อสื่อสารกับข้าพเจ้าบอกกับข้าพเจ้าประดุจการขอร้องบ้าง แบบโกรธๆบ้างว่าอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยว)

เมื่อเจ้ากรรมนายเวร เป็นดวงจิตดวงหนึ่ง ในร่างกายของบุคคลนั้น ก็ย่อมมีอำนาจเหนือจิตใจ ในบางเรื่องบางอย่าง เช่นการคิด หรือพฤติกรรมที่ไม่ดี หรืออาจเป็นการคิดที่ผิดปกติ หรือการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ทำความเสียหายหรือเดือดร้อนให้กับตัวเขา ทั้งๆที่ไม่ควรหรือไม่น่าจะเกิดขึ้น
แต่ก็มีข้อยกเว้น สำหรับคนบางคน ที่ได้รับอิทธิพลจากสิ่งแวดล้อม ต่างๆ จนทำให้เกิดมีความคิด และพฤติกรรมที่เบี่ยงเบน จากบุคคลทั่วไป เช่นพวกโจรผู้ร้าย หรืออื่นๆที่ผิดกฎหมายฯลฯ

เจ้ากรรมนายเวรที่อยู่ในตัวบุคคลนั้นๆ ถ้าเราทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เขา เจ้ากรรมนายเวรนั้นจะ อโหสิกรรม หรือยกโทษ หรือให้อภัยต่อบุคคลนั้นหรือไม่? อันนี้ ข้าพเจ้าเอง ก็ไม่แน่ใจว่าบุคคลนั้นจะสามารถทำให้เจ้ากรรมนายเวร อโหสิกรรม หรือยกโทษหรือให้อภัยได้หรือไม่
แต่จากการอนุมานสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ประสบมา ข้าพเจ้าก็มั่นใจว่า บุคคลนั้นย่อมสามารถทำให้ดวงจิตของเจ้ากรรมนายเวร หมดสภาพจากตัวเขา โดยการที่บุคคลนั้นๆ ประพฤติธรรม ปฏิบัติธรรม เช่นการปฏิบัติ สมาธิ หรือ อื่นๆ
เพราะการปฏิบัติสมาธิ และอื่นๆ ย่อมสามารถทำให้ผู้ปฏิบัติ สามารถควบคุมตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นความคิด หรือพฤติกรรมใดใด นั่นก็หมายความว่า บุคคลนั้นๆ ก็ย่อมสามารถบังคับและควบคุมเจ้ากรรมนายเวร มิให้มีอำนาจเหนือตัวของบุคคลนั้นๆ และดวงจิตแห่งเจ้ากรรมนายเวรก็ย่อม เสื่อมสภาพไป เพราะเป็นเพียงดวงจิตที่แฝงอยู่ในตัวของบุคคล หรือสามารถกล่อมเกลาปรับเปลี่ยนให้ดวงจิตของเจ้ากรรมนายเวรนั้น ปรับสภาพให้เป็นดวงจิตของเราโดยการปฏิบัติธรรม ประพฤติธรรม
ที่เขียนไป อาจจะอ่านแล้วเข้าใจยาก แต่ถ้าอ่านช้าช้า แล้วค่อยพิจารณา เป็นบรรทัดบรรทัดไป ก็ย่อมเกิดความเข้าใจ ฉะนี้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 30 มิ.ย.2008, 11:25 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณBuddhaคือคุณเทวาดาในเว็บพลังจิต หรือเปล่าครับ ผมใบไม้นอกกำมือยังไงครับ ผมขออนุญาตอธิบายเรื่องเจ้ากรรมนายเวรที่ผมรู้ให้คุณฟังนะครับ

1. เจ้ากรรมนายเวรที่ยังเป็นวิญญาณอยู่ในปรโลก
2. เจ้ากรรมนายเวรที่กลายเป็นเชื้อร้าย เช่นโรคมะเร็ง
3. เจ้ากรรมนายเวรที่เป็นมนุษย์หรือสัตว์อยู่ในโลกมนุษย์

เมื่อทำทำสมถะและวิปัสสนาเข้าถึงฌาน 4 สัก 1 ชั่วโมงหรือครึ่งชั่วโมง แล้วแผ่เมตตาออกไปให้ เจ้ากรรมนายเวรในข้อ 1 และ 2พวกเขา จะต้องมาเข้าฝันหรือแสดงนิมิตในความฝันให้ผมเห็นเพื่อขอบคุณประจำ ถ้าเป็นประเภท 3เขาจะต้องเข้ามาเจอเราในวันใดวันหนึ่งระยะนั้น หรืออย่างน้อยก็ต้องโทรมา หรือหาทางติดต่ออย่างใดอย่างหนึ่ง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 01 ก.ค.2008, 5:43 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เจ้ากรรม นายเวร เราสร้างภาพกันสะจนผู้คน

(ส่วนหนึ่ง) หวาดกลัว เพราะเติมคำ

ว่า “เจ้า” เข้ามา ใครเป็นคนเรียกเป็นคนแรก ไม่มีใครรู้ได้ แต่

ไม่ใช่พระพุทธเจ้าแน่นอน

จะให้ดีนะครับ น่าจะตัดคำว่า “ เจ้า” ออกไปสะ คงไว้แต่

คำว่า "กรรม" "เวร"

แบบนี้น่าจะหันเหความสนใจของชาวพุทธ ให้กลับมาสู่ความเป็น

พุทธได้มากว่า เพราะคำว่า

กรรม เวร สั้นๆ นี้มีกล่าวไว้ในพระพุทธศาสนา


แล้วพฤติกรรมแก้กรรมแปลกๆเป็นต้นก็จะไม่เกิดขึ้นเหมือนมีคำว่า

เจ้ากรรม นายเวร
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
RARM
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2007
ตอบ: 417

ตอบตอบเมื่อ: 01 ก.ค.2008, 5:57 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ท่านผู้รู้ทั้งหลาย

ข้าพเจ้าสงสัย

เจ้ากรรมนายเวร เกิดจาก สังขารจิตใช่หรือไม่

ข้าพเจ้ายังหาคำตอบไม่ได้ในข้อนี้ช่วยตอบให้ด้วยขอบคุณครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
Buddha
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415

ตอบตอบเมื่อ: 01 ก.ค.2008, 9:01 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

RARM พิมพ์ว่า:
ท่านผู้รู้ทั้งหลาย

ข้าพเจ้าสงสัย

เจ้ากรรมนายเวร เกิดจาก สังขารจิตใช่หรือไม่

ข้าพเจ้ายังหาคำตอบไม่ได้ในข้อนี้ช่วยตอบให้ด้วยขอบคุณครับ


ตอบ...
เจ้ากรรมนายเวร ไม่ได้เกิดจาก การปรุงแต่งของจิตในตัวเรา
แต่เป็นดวงจิตอีกดวงจิตหนึ่ง ที่สอดแทรก หรือแอบแฝงอยู่ในตัวเรา ถ้าจะกล่าวในทางหลักการแพทย์ ดวงจิตของเจ้ากรรมนายเวรนั้น น่าจะเป็นพันธุกรรม หรือเป็นเซลล์ หรือ การที่เราได้รับเชื้อโรคบางอย่างเข้าสุ่ร่างกาย หรือ อาจเป็นเพราะเราถูกดวงจิต หรือนิวเคลียส ที่ล่องลอยอยู่ในอากาศไหลเข้าสู่ร่างกาย แล้วเจริญเติบโต หรือเข้าผสมผสานกับเซลล์ที่หัวใจ
(ที่ได้กล่าวข้างต้น เป็นเพียงข้อแสดงความคิดเห็น อ่านแล้วโปรดใช้วิจารณญาณในการคิดพิจารณา)
เพราะบุคคลที่มีเจ้ากรรมนายเวรแอบแฝงอยู่นั้น จะไม่รู้สึกตัว หรือไม่รู้เลยว่า ตัวเองมีเจ้ากรรมนายเวรแอบแฝงอยู่ ต่อเมื่อตัวเองเกิดการกระทำหรือมีพฤติกรรม ทั้งกายวาจาและใจที่เบี่ยงเบน ผิดปกติ ออกไปแล้ว พอรู้สึกตัว ก็จะคิดว่าไม่น่าทำอย่างนั้น ไม่น่าพูดอย่างนั้น แต่ยังมีข้อยกเว้น ว่า บางคนไม่มีเจ้ากรรมนายเวรอยู่แต่กระทำไปโดย อุปนิสัย ที่ได้รับการขัดเกลามา ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าบุคคลใด เมื่อได้กระทำหรือมีพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น และระลึกได้ว่า ไม่ควรกระทำ นั่นแสดงว่า มีเจ้ากรรมนายเวรแอบแฝงอยู่ (กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่านและคิดพิจารณา เพราะเป็นความรู้ ความเข้าใจ ประสบการณ์เฉพาะบุคคล ไม่อาจเชื่อได้ว่ามีจริงเป็นจริง)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 01 ก.ค.2008, 11:33 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พระพุทธเจ้าตรัสว่า ชีวิต มีเพียงขันธ์ 5 คือ รูป เวทนา สัญญา
สังขาร และวิญญาณเท่านั้น ไม่มีนอกเหนือไปจากนี้

ก็ในเมื่อเป็นเช่นว่า นั้น เจ้ากรรมนายเวร ก็เป็นขันธ์ ที่6 ที่ 7 เสริม
ซ้อนเข้ามาอีกภายหลัง
เรียกว่าขันธ์แอบแฝง หรือขันธ์ซ้อนขัน ยิ้ม
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 01 ก.ค.2008, 1:52 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กรัชกาย พิมพ์ว่า:
เจ้ากรรม นายเวร เราสร้างภาพกันสะจนผู้คน

(ส่วนหนึ่ง) หวาดกลัว เพราะเติมคำ

ว่า “เจ้า” เข้ามา ใครเป็นคนเรียกเป็นคนแรก ไม่มีใครรู้ได้ แต่

ไม่ใช่พระพุทธเจ้าแน่นอน

จะให้ดีนะครับ น่าจะตัดคำว่า “ เจ้า” ออกไปสะ คงไว้แต่

คำว่า "กรรม" "เวร"

แบบนี้น่าจะหันเหความสนใจของชาวพุทธ ให้กลับมาสู่ความเป็น

พุทธได้มากว่า เพราะคำว่า

กรรม เวร สั้นๆ นี้มีกล่าวไว้ในพระพุทธศาสนา


แล้วพฤติกรรมแก้กรรมแปลกๆเป็นต้นก็จะไม่เกิดขึ้นเหมือนมีคำว่า

เจ้ากรรม นายเวร



เจ้ากรรมนายเวร คือ จิตวิญญาณ ที่โดนเราไปทำกรรมกับเขา ทำกรรมอะไรลงไป ด้วยจิตเจตนากุศลหรืออกุศล มันล้วนมีผลสะท้อนกลับมาสู่เรา เรียกว่า กฎแห่งกรรม จิตวิญญาณดวงนั้นเป็นผู้เล่นที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เราตีไปอย่างไร เขาก็ตีกลับอย่างนั้น
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 01 ก.ค.2008, 1:58 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

RARM พิมพ์ว่า:
ท่านผู้รู้ทั้งหลาย

ข้าพเจ้าสงสัย

เจ้ากรรมนายเวร เกิดจาก สังขารจิตใช่หรือไม่

ข้าพเจ้ายังหาคำตอบไม่ได้ในข้อนี้ช่วยตอบให้ด้วยขอบคุณครับ



ผมไม่ตอบเหมือนกับคุณBuddha เจ้ากรรมนายเวร ไม่ได้เกิดจาก สังขารจิต แต่เป็นผลจากสังขารจิตของเรา ส่งกรรมจากขันธ์ 5 ของเราไปกระทบขันธ์ 5 ของเขา มันมีผู้เล่นอยู่ 2 ฝ่าย การกระทำของเราไม่ว่าดีหรือชั่ว มันไปกระทบขันธ์ 5 ของผู้เล่นอีกคนหนึ่ง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
Buddha
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415

ตอบตอบเมื่อ: 02 ก.ค.2008, 8:45 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กรัชกาย พิมพ์ว่า:
พระพุทธเจ้าตรัสว่า ชีวิต มีเพียงขันธ์ 5 คือ รูป เวทนา สัญญา
สังขาร และวิญญาณเท่านั้น ไม่มีนอกเหนือไปจากนี้

ก็ในเมื่อเป็นเช่นว่า นั้น เจ้ากรรมนายเวร ก็เป็นขันธ์ ที่6 ที่ 7 เสริม
ซ้อนเข้ามาอีกภายหลัง
เรียกว่าขันธ์แอบแฝง หรือขันธ์ซ้อนขัน ยิ้ม


ตอบ....
ขันธ์ 5 ก็คือ ขันธ์ 5
แต่ส่วนที่ละเอียดที่สุดของขันธ์ 5 คือ จิตวิญญาณ แล้วคุณสามารถมองเห็นจิตวิญญาณหรือไม่
และคำว่า จิตวิญญาณ นี้ เป็นศัพท์ภาษา เมื่อ หลายพันปีที่ผ่านมา ถ้าจะเปรียบเทียบคำว่า จิตวิญญาณ เป็นคำศัพท์ในสมัยนี้ยุคนี้
จิตวิญญาณ ก็คือ อะตอม อันประกอบไปด้วยนิวเคลียส (ซึ่งมนุษย์ไม่สามารถมองเห็น)
อะตอม อันประกอบไปด้วยนิวเคลียส หลายนิวเคลียส รวมตัวกันเป็นเซลล์ เซลล์หลายๆเซลล์รวมตัวหรือประกอบกันเป็นอวัยวะ อวัยวะหลายๆอวัยวะ(ซึ่งก็คือรูปชนิดหนึ่ง) และยังประกอบกัน เป็น รูปลักษณะทั้งภายนอกภายใน อีกทั้งยังทำให้เกิดระบบการทำงาน ทำให้เกิด ความจำ ความรู้สึก เกิดการนำเอาความรู้ความจำมาคิด (สังขาร) อันเกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีของนิวเคลียสภายในร่างกาย ซึ่งก็คือ จิตวิญญาณ อย่างนี้เป็นต้น
ดังนั้น เจ้ากรรมนายเวร จึงไม่ใช่สิ่งนอกเหนือจากขันธ์ 5 เพียงแต่ ดวงจิตของเจ้ากรรมนายเวรนั้น ก็คือนิวเคลียสตัวหนึ่ง หรือหลายตัว ทำปฏิกิริยา ณ.ที่หัวใจ กลายเป็นคลื่นหัวใจ ส่งต่อไปที่สมอง สมองส่งต่อไปยังอวัยวะต่างๆ ที่กล่าวไปนี้ ใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีในการเกิดการทำงานตามระบบ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ค.2008, 2:08 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

จิตวิญญาณ ก็คือ อะตอม อันประกอบไปด้วยนิวเคลียส (ซึ่งมนุษย์ไม่สามารถมองเห็น)

ในเมื่อมองไม่เห็นทราบได้อย่างไรว่าเป็นอะตอม ว่าประกอบด้วยนิวเคียส



อะตอม อันประกอบไปด้วยนิวเคลียส หลายนิวเคลียส รวมตัวกันเป็นเซลล์ เซลล์หลายๆเซลล์รวมตัวหรือประกอบกันเป็นอวัยวะ อวัยวะหลายๆอวัยวะ(ซึ่งก็คือรูปชนิดหนึ่ง) และยังประกอบกัน เป็น รูปลักษณะทั้งภายนอกภายใน อีกทั้งยังทำให้เกิดระบบการทำงาน ทำให้เกิด ความจำ ความรู้สึก เกิดการนำเอาความรู้ความจำมาคิด (สังขาร) อันเกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีของนิวเคลียสภายในร่างกาย ซึ่งก็คือ จิตวิญญาณ อย่างนี้เป็นต้น

ถ้าเป็นจริงตามข้างต้นต้องมีสารเคมีเร่งจิตเข้าสู่นิพพาน



ดวงจิตของเจ้ากรรมนายเวรนั้น ก็คือนิวเคลียสตัวหนึ่ง หรือหลายตัว ทำปฏิกิริยา ณ.ที่หัวใจ กลายเป็นคลื่นหัวใจ ส่งต่อไปที่สมอง สมองส่งต่อไปยังอวัยวะต่างๆ ที่กล่าวไปนี้ ใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีในการเกิดการทำงานตามระบบ

หัวใจทำหน้าที่สูบฉีดโลหิต สมองทำหน้าที่เป็นประสาทส่วนกลางควบคุมระบบของร่างกายทั้งหมด ทำงานกันคนละหน้าที่

ผัสสะที่เกิดจากอายตนะสัมผัสมิได้ส่งไปยังหัวใจแน่นนอน

หาอ่านได้ในหลายๆพระสูตรจากพระไตรปิฎก

สมอง จิต เจตสิก สัมพันธ์กัน

แต่ใจ(ธรรมารมณ์) กับหัวใจ ไม่สัมพันธ์กัน เหมือนกับ การมองเห็นกับตา หรือกลี่นกับจมูด


พุทธศาสนาเป็นเรื่องของปัญญา

ปรัชญาเป็นเรื่องของความคิดอย่างตรรก

ทั้งสองประการมิใช่จะเป็นการคิดเอาเองได้แน่นอน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
Buddha
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415

ตอบตอบเมื่อ: 04 ก.ค.2008, 12:49 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

mes พิมพ์ว่า:
จิตวิญญาณ ก็คือ อะตอม อันประกอบไปด้วยนิวเคลียส (ซึ่งมนุษย์ไม่สามารถมองเห็น)

ในเมื่อมองไม่เห็นทราบได้อย่างไรว่าเป็นอะตอม ว่าประกอบด้วยนิวเคียส

ตอบ...
คุณไม่ได้เรียนวิชาวิทยาศาสตร์บ้างเลยหรือขอรับ
ศัพท์ทางวิทยาศาสตร์เป็นศัพท์ที่บัญญัติขี้นมาใหม่
ส่วนศัพท์ทางพุทธศาสนา หรือศาสนาใดใด เป็นศัพท์ที่บัญญัติไว้ก่อนหน้าจะมีวิชาวิทยาศาสตร์
คุณอ่านแล้วทำความเข้าใจให้ดี



อะตอม อันประกอบไปด้วยนิวเคลียส หลายนิวเคลียส รวมตัวกันเป็นเซลล์ เซลล์หลายๆเซลล์รวมตัวหรือประกอบกันเป็นอวัยวะ อวัยวะหลายๆอวัยวะ(ซึ่งก็คือรูปชนิดหนึ่ง) และยังประกอบกัน เป็น รูปลักษณะทั้งภายนอกภายใน อีกทั้งยังทำให้เกิดระบบการทำงาน ทำให้เกิด ความจำ ความรู้สึก เกิดการนำเอาความรู้ความจำมาคิด (สังขาร) อันเกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีของนิวเคลียสภายในร่างกาย ซึ่งก็คือ จิตวิญญาณ อย่างนี้เป็นต้น

ถ้าเป็นจริงตามข้างต้นต้องมีสารเคมีเร่งจิตเข้าสู่นิพพาน

ตอบ..
คุณมีความรู้ เกี่ยวกับ สรีะร่างกายของมนุษย์ หรือเกี่ยวกับวิชาการทางด้านแพทย์ศาสตร์บ้างหรือไม่
ความคิด ความรู้ ล้วนมีผลต่อการทำปฏิกิริยาทางเคมีของเซลล์ในร่างกาย (ไม่รู้ว่าจะเป็นการสีซอให้....ฟังหรือไม่)
ความรู้ ความคิดย่อมสร้างสารเคมีชนิดหนึ่ง จากต่อมใต้สมอง และต่อมไร้ท่อต่างๆ ซึ่งสารเคมีเหล่านั้น ก็จะไปทำปฏิกริยา หรือมีผลต่ออวัยวะต่างๆภายในร่างกายของคน ดังนั้น ถ้าคุณมีความรู้ มีวิธีการปฏิบัติ ตามหลักศาสนา ร่างกายย่อมสร้างสารเคมี และทำปฏิกิริยา ขับดันเอาสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ อันอยู่ในรูปของคลื่น ซึ่งมีอยู่ทั่วร่างกาย ออกมาได้ โดยเฉพาะสมอง



ดวงจิตของเจ้ากรรมนายเวรนั้น ก็คือนิวเคลียสตัวหนึ่ง หรือหลายตัว ทำปฏิกิริยา ณ.ที่หัวใจ กลายเป็นคลื่นหัวใจ ส่งต่อไปที่สมอง สมองส่งต่อไปยังอวัยวะต่างๆ ที่กล่าวไปนี้ ใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีในการเกิดการทำงานตามระบบ

หัวใจทำหน้าที่สูบฉีดโลหิต สมองทำหน้าที่เป็นประสาทส่วนกลางควบคุมระบบของร่างกายทั้งหมด ทำงานกันคนละหน้าที่

ผัสสะที่เกิดจากอายตนะสัมผัสมิได้ส่งไปยังหัวใจแน่นนอน

หาอ่านได้ในหลายๆพระสูตรจากพระไตรปิฎก

สมอง จิต เจตสิก สัมพันธ์กัน

แต่ใจ(ธรรมารมณ์) กับหัวใจ ไม่สัมพันธ์กัน เหมือนกับ การมองเห็นกับตา หรือกลี่นกับจมูด


พุทธศาสนาเป็นเรื่องของปัญญา

ปรัชญาเป็นเรื่องของความคิดอย่างตรรก

ทั้งสองประการมิใช่จะเป็นการคิดเอาเองได้แน่นอน


ตอบ....
การคิดเอาเองนั้น ย่อมไม่ใช่วิสัยของผู้รู้ หรือผู้มีปัญญา แต่ผู้รู้ หรือผู้มีปัญญา ย่อมคิดได้ด้วยตัวเอง
ยกตัวอย่าง การคิดเอาเอง ก็แบบคุณนั่นแหละ
เพราะหลักวิชาการต่างๆ ย่อมต้องใช้ร่วมกัน ไม่ว่าจะอยู่ในอาชีพใด พฤติกรรมใด หรือการกระทำใดใด ล้วนต้องมีการผสมผสาน สิ่งที่มีอยู่ในหลักวิชาต่างๆ เข้าด้วยกัน
แต่ศาสนา เป็นแม่แบบแห่งหลักวิชา ต่างๆ ดังนั้น ในศาสนาจึงกล่าวไว้เป็นเพียงหัวข้อหลักว่า
ระลึก ดำริ ฯลฯ อย่างนี้เป็นต้น
ถ้าคุณยังสงสัยในเรื่องนิวเคลียสภายในร่างกาย ก็ให้ไปหาซื้อหนังสือ "ระบบอวัยวะต่างๆของร่างกาย" ซึ่งเป็นเพียงหนังสือชั้นพื้นฐาน ในวิชาวิทยาศาสตร์แขนง ชีวะวิทยา อ่านดู แล้วค่อยมา อวดรู้ อวดฉลาดนะคุณ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 04 ก.ค.2008, 8:21 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อะตอมของจิต ที่ว่า มีนิวตรอนเท่าไหร่ โปรตอนเท่าไหร่ อิเลคตรอน

เท่าไหร่ วาเลนช์อิเลคตรอนเท่าไหร่ เป็นธาตุอยู่ตรงตำแหน่งไหนของ

ตารางธาตุ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่าอะไร ใครตั้งชื่อ

ตอบมา ลุงใหญ่
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
RARM
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2007
ตอบ: 417

ตอบตอบเมื่อ: 04 ก.ค.2008, 8:32 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตกลงเรื่องเจ้ากรรมนายเวร หรือจะมาสร้างกรรมสร้างเวรกันครับ

งง สงสัย
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 05 ก.ค.2008, 8:01 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

029 วิญญาณมีจริงหรือ

ปัญหา ศาสนาพราหมณ์ถือว่า ในตัวคนเรามี “วิญญาณ” อันถาวรซึ่งเป็นตัวตนแท้ เป็นผู้พูด ผู้ทำ ผู้รู้ ผู้เสวยผลกรรม ผู้เกิดในภพใหม่ ในเรื่องนี้ พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้อย่างไร ?

พุทธดำรัสตอบ “.....ดูก่อนโมฆบุรุษ เธอรู้ธรรมอย่างนี้ที่เราแสดงแก่ใครเล่า ดูก่อนโมฆบุรุษ วิญญาณอาศัยปัจจัยประชุมกันเกิดขึ้น เรากล่าวโดยปริยายเห็นอเนกมิใช่หรือ ความเกิดแห่งวิญญาณ เว้นจากปัจจัยมิได้มี ดูก่อนโมฆบุรุษ ก็เมื่อเป็นดังนั้น เธอกล่าวตู่เราด้วย ขุดตนเสียด้วย จะประสบบาปมิใช่บุญมากด้วย เพราะทิฐิที่ตนถือชั่วแล้ว ดูก่อนโมฆบุรุษ ความเห็นของเธอจักเป็นไปเพื่อโทษไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์ตลอดกาลนาน
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย วิญญาณอาศัยปัจจัยใด ๆ เกิดขึ้น ก็ถึงความนับ (เรียกชื่อ) ด้วยปัจจัยนั้น ๆ วิญญาณอาศัยจักษุและรูปเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่าจักขวิญญาณ วิญญาณอาศัยโสตและเสียงเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่าโสตวิญญาณ วิญญาณอาศัยฆานะ และกลิ่นเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่าฆานวิญญาณ วิญญาณอาศัยชิวหาและรสเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่าชิวหาวิญญาณ วสิญญาณอาศัยมนะและธรรมารมณ์เกิดขึ้น ก็เรียกว่ามโนวิญญาณ เปรียบเหมือนไฟอาศัยเชื้อใด ๆ ติดขึ้น ก็ถึงความนับด้วยเชื้อนั้น ๆ ไฟอาศัยไม้ติดขึ้น ก็ถึงความนับว่าไฟไม้ ไฟอาศัยป่าติดขึ้น ก็ถึงความนับว่าไฟป่า ไฟอาศัยหญ้าติดขึ้น ก็ถึงความนับว่าไฟหญ้า ไฟอาศัยมูลโคติดขึ้น ก็ถือความนับว่าไฟโคมัย ไฟอาศัยแกลบติดขึ้น ก็ถึงความนับว่าไฟแกลบ ไฟอาศัยหยากเยื่อติดขึ้น ก็ถึงความนับว่าไฟหยากเยื่อ ฉันใด
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันและวิญญาณอาศัยปัจจัยใด ๆ เกิดขึ้น ก็ถึงความนับด้วยปัจจัยนั้น ๆ ”

มหาตัณหาสังขยสูตร มู. ม. (๔๔๓)
ตบ. ๑๒ : ๔๗๖-๔๗๗ ตท.๑๒ : ๓๘๗-๓๘๘
ตอ. MLS. I : ๓๑๔-๓๑๕

ขออนุญาตแสดงเพื่อประกอบจุดมุ่งหมายแสดงความคิดเห็นกระทู้นี้

จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
Buddha
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415

ตอบตอบเมื่อ: 05 ก.ค.2008, 8:35 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

mes พิมพ์ว่า:
อะตอมของจิต ที่ว่า มีนิวตรอนเท่าไหร่ โปรตอนเท่าไหร่ อิเลคตรอน

เท่าไหร่ วาเลนช์อิเลคตรอนเท่าไหร่ เป็นธาตุอยู่ตรงตำแหน่งไหนของ

ตารางธาตุ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่าอะไร ใครตั้งชื่อ

ตอบมา ลุงใหญ่


ฮ่า ฮ่า ฮ่า (ถ้าเป็นคำถามที่อยู่ต่อหน้ากัน ข้าพเจัาก้จะหัวร่อนะคุณ)เพราะคำถามของคุณ เป็นคำถามแบบลองภูมิ
แล้วใคร่ขอถามคุณกลับไปว่า ถ้าคุณรู้ว่า โปรตอน นิวตรอน อิเลคตรอน และวาเลนซ์อิเลคตรอน(ส่วนที่เล็กกว่า อิเลคตรอน) มีเท่าไหร่อยู่ตรงไหน ของตารางธาตุ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่าอะไร มันจะทำให้คุณเกิดความรู้ความเข้าใจ และรู้จักขจัดอาสวะแห่งกิเลสได้หรือ ฮ่า ฮ่า ฮ๋า

อีกประการหนึ่ง สิ่งที่คุณถามมานั้น เป็นข้อสอบของสถาบันไหนกันละ
ไปเป็นไร อยากลองภูมิก็จะตอบให้ เป็นบรรทัดฐานทางศาสนา
คุณต้องทำความเข้าใจคำว่า เป็นบรรทัดฐานทางศาสนา ดังนี้

อะตอม อันประกอบด้วยนิวเคลียส ในร่างกายมนุษย์ ไม่ได้มีสภาพหรือตำแหน่งที่ตั้ง หรือชื่อเรียกอย่างเช่นที่คุณถามมา เพราะสิ่งที่เป็นกลาง สิ่งที่เป็นบวก สิ่งที่เป็นลบ นั้น มีตำแหน่งที่อยู่ไม่ตรงกับที่นักวิทยาศาสตร์ได้ตั้งสมมุติฐานไว้
แต่ข้าพเจัาจะใช้คำที่มีอยู่เดิม เพื่อง่ายต่อการอธิบายว่า
โปรตอน (บวก) นิวตรอน(กลาง) อิเลคตรอน(ลบ) ในร่างกายของคนเรานั้น ขึ้นอยู่กับกรรมพันธุ์ ขึ้นอยู่กับการได้รับการขัดเกลาทางสังคม อันหมายถึง ความรู้ ความเข้าใจ ประสบการณ์ และอื่นๆ
และข้าพเจ้าจะไม่อธิบายต่อ เพราะอยากจะรู้ว่า การที่ข้าพเจ้าอธิบายเพียงสังเขปนี้ จะเป็นการเสียเปล่า หรือไม่ เพราะถ้าสมองสติปัญญาไม่ได้ความ สอนต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ เปรียบเสมือนสีซอให้.....ฟัง
นิวตรอน ในร่างกายคนนั้น นับไม่ได้ เนื่องจากอวัยวะของร่างกายของคนเรา มีความเป็นกลาง และมีเซลล์ นับได้หลายล้านเซลล์ดังนั้น อะตอม หรือนิวเคลียส จึงมีมาก ไม่สามารถนับได้ ถึงนับได้ ก็ไม่สามารถนำมาพิสูจน์ให้คุณเห็นได้ จึงไหมละคุณ ฮ่า ฮ่า ฮ่า
โปรตอน (บวก) อิเลคตรอน (ลบ) ก็เช่นเดียวกันนั่นแหละ แต่บุคคล จะมีโปรตอน มาก หรือ อิเลคตรอนมาก ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถ้ามีเอเลคตรอนมากเกินไป สุขภาพก็ไม่ค่อยดี หรือถ้ามี โปรตอนมากเกินไป สุขภาพก็ไม่ค่อยดีเหมือนกัน
แค่นี้นะคุณ รู้แค่นี้แหละ
ส่วนตารางธาตุ ถ้าคุณอยากรู้ ก็เข้าไปหาใน กูเกิล หรือยาฮู จะได้รับความรู้ ตามตำรา
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 05 ก.ค.2008, 9:31 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอถามใหม่อีกครั้ง

ที่ลุงใหญ่(ไม่อยากเรียกพุทธ)ตอบมาเป็นเรื่องของซลล์ที่เป็นมหาภูติ๔

แต่ที่ลุงใหญ่บอกว่า


จิตวิญญาณ ก็คือ อะตอม อันประกอบไปด้วยนิวเคลียส (ซึ่งมนุษย์ไม่สามารถมองเห็น)

ถามว่านิวเคลียสของอะตอมนั้นประกอบด้วยโปรตรอนเท่าไหร่ อิเลคตรอนเท่าไหร่ และวาเลนช์อิเลคตรอน(อิเลคตรอนที่อยู่วงนอกสุดของอะตอม)เท่าไร มีน้ำหนักอะตอมเท่าไหร่ และเกาะกันด้วยพัทธอะไร

อีกคำถาม ที่ว่าจิตวิญญาณเป็นอะตอม อนุมานมาจากพระธรรมบทใหน

ตกลงจิตเป็นวัตถุหรือ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 05 ก.ค.2008, 9:42 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอต่ออีกนิด

จิต = วิญญาณ

จิต = จิต + เจตสิก

เจตสิก = เวทนา สัญญา สังขาร

สรุปคื่อ เวทนา สัญญา สังขาร วิญาณ = ความรู้ ความรู้สึก ความจำ การปรุงแต่งของจิตใจ

สิ่งเหล่านี้เป็นวัตถุมีนิวเคลียสหรือ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 05 ก.ค.2008, 9:46 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอถามลุงใหญ่ต่อว่า

ดวงจิต 1ดวงมีน้ำหนักเท่าไหร่ ในเมื่อจิตมีนิวเคลียส เป็นอะตอม ก็ต้องมีน้ำหนัก

1อะตอมจิตหนักเท่าไหร่
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 05 ก.ค.2008, 10:03 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

๔. ปริวัฏฏสูตร
ว่าด้วยการรู้อุปาทานขันธ์โดยเวียนรอบ ๔
[๑๑๒] พระนครสาวัตถี. ฯลฯ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
อุปาทานขันธ์ ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน? คือ อุปาทานขันธ์คือรูป อุปาทานขันธ์คือเวทนา
อุปาทานขันธ์คือสัญญา อุปาทานขันธ์คือสังขาร อุปาทานขันธ์คือวิญญาณ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เรายังไม่รู้ยิ่งซึ่งอุปาทานขันธ์ ๕ ประการนี้ โดยเวียนรอบ ๔ ตามความเป็นจริง เพียงใด เราก็ยัง
ไม่ปฏิญาณว่า เป็นผู้ตรัสรู้ชอบยิ่งซึ่งสัมมาสัมโพธิญาณ อย่างยอดเยี่ยม ในโลกพร้อมทั้งเทวโลก
มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์เพียงนั้น. ดูกร
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดแล เรารู้ยิ่งซึ่งอุปาทานขันธ์ ๕ เหล่านี้ โดยเวียนรอบ ๔ ตามความเป็น
จริง เมื่อนั้น เราจึงปฏิญาณว่า เป็นผู้ตรัสรู้ชอบยิ่งซึ่งสัมมาสัมโพธิญาณ อย่างยอดเยี่ยม ในโลก
พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและ
มนุษย์. เวียนรอบ ๔ อย่างไร? คือ เรารู้ยิ่งซึ่งรูป ความเกิดแห่งรูป ความดับแห่งรูป ปฏิปทา
อันให้ถึงความดับแห่งรูป รู้ยิ่งซึ่งเวทนา ฯลฯ รู้ยิ่งซึ่งสัญญา ฯลฯ รู้ยิ่งซึ่งสังขาร ฯลฯ รู้ยิ่งซึ่ง
วิญญาณ ความเกิดแห่งวิญญาณ ความดับแห่งวิญญาณ ปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งวิญญาณ.
[๑๑๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็รูปเป็นไฉน? คือ มหาภูตรูป ๔ และรูปที่อาศัยมหาภูต
รูป ๔. นี้เรียกว่ารูป. ความเกิดขึ้นแห่งรูป ย่อมมีเพราะความเกิดขึ้นแห่งอาหาร ความดับแห่งรูป
ย่อมมีเพราะความดับแห่งอาหาร อริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ คือ สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ
สัมมาสมาธิ. นี้แลเป็นปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งรูป. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะหรือ
พราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง รู้ยิ่งซึ่งรูปอย่างนี้ รู้ยิ่งซึ่งความเกิดแห่งรูปอย่างนี้ รู้ยิ่งซึ่งความดับ
แห่งรูปอย่างนี้ รู้ยิ่งซึ่งปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งรูปอย่างนี้ ปฏิบัติแล้วเพื่อความหน่าย เพื่อ
ความคลายกำหนัด เพื่อความดับรูป สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ชื่อว่าปฏิบัติดีแล้ว ชนเหล่าใด
ปฏิบัติดีแล้ว ชนเหล่านั้น ชื่อว่าย่อมหยั่งลงในธรรมวินัยนี้. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะหรือ
พราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง รู้ยิ่งซึ่งรูปอย่างนี้ รู้ยิ่งซึ่งความเกิดแห่งรูปอย่างนี้ รู้ยิ่งซึ่งความดับ
แห่งรูปอย่างนี้ รู้ยิ่งซึ่งข้อปฏิบัติอันให้ถึงความดับแห่งรูปอย่างนี้ เป็นผู้หลุดพ้นแล้ว เพราะเบื่อ
หน่าย เพราะคลายกำหนัด เพราะความดับ เพราะไม่ถือมั่นรูป สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น
ชื่อว่า หลุดพ้นแล้วดี สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด หลุดพ้นดีแล้ว สมณะหรือพราหมณ์เหล่า
นั้น เป็นผู้มีกำลังสามารถเป็นของตน สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด เป็นผู้มีกำลังสามารถเป็น
ของตน ความเวียนวนเพื่อปรากฏ ย่อมไม่มีแก่สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น.
[๑๑๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เวทนาเป็นไฉน? เวทนา ๖ หมวดนี้ คือ เวทนาเกิดแต่
จักขุสัมผัส เวทนาเกิดแต่โสตสัมผัส เวทนาเกิดแต่ฆานสัมผัส เวทนาเกิดแต่ชิวหาสัมผัส
เวทนาเกิดแต่กายสัมผัส เวทนาเกิดแต่มโนสัมผัส. ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่าเวทนา ความ
เกิดขึ้นแห่งเวทนา ย่อมมีเพราะความเกิดขึ้นแห่งผัสสะ ความดับแห่งเวทนา ย่อมมีเพราะความ
ดับแห่งผัสสะ อริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ คือ สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิ. นี้
แลเป็นปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งเวทนา. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด
เหล่าหนึ่ง รู้ยิ่งซึ่งเวทนาอย่างนี้ รู้ยิ่งซึ่งความเกิดแห่งเวทนาอย่างนี้ รู้ยิ่งซึ่งความดับแห่งเวทนา
อย่างนี้ รู้ยิ่งซึ่งปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งเวทนาอย่างนี้ ปฏิบัติแล้วเพื่อความหน่าย เพื่อ
ความคลายกำหนัด เพื่อความดับเวทนา สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ชื่อว่าปฏิบัติดีแล้ว ชน
เหล่าใด ปฏิบัติดีแล้ว ชนเหล่านั้น ชื่อว่า ย่อมหยั่งลงในธรรมวินัยนี้. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็
สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง รู้ยิ่งซึ่งเวทนาอย่างนี้ รู้ยิ่งซึ่งความเกิดแห่งเวทนาอย่างนี้
รู้ยิ่งซึ่งความดับแห่งเวทนาอย่างนี้ รู้ยิ่งซึ่งข้อปฏิบัติอันให้ถึงความดับแห่งเวทนาอย่างนี้ เป็นผู้
หลุดพ้นแล้ว เพราะเบื่อหน่าย เพราะคลายกำหนัด เพราะความดับ เพราะไม่ถือมั่นเวทนา
สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ชื่อว่า หลุดพ้นดีแล้ว สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด หลุดพ้นดีแล้ว
สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น เป็นผู้มีกำลังสามารถเป็นของตน สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด
เป็นผู้มีกำลังสามารถเป็นของตน ความเวียนวนเพื่อความปรากฏ ย่อมไม่มีแก่สมณะหรือพราหมณ์
เหล่านั้น.
[๑๑๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัญญาเป็นไฉน? ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัญญา ๖ หมวดนี้
คือ ความสำคัญในรูป ความสำคัญในเสียง ความสำคัญในกลิ่น ความสำคัญในรส ความสำคัญ
ในโผฏฐัพพะ ความสำคัญในธรรมารมณ์. ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่าสัญญา. ความเกิดขึ้น
แห่งสัญญา ย่อมมี เพราะความเกิดขึ้นแห่งผัสสะ ความดับแห่งสัญญา ย่อมมี เพราะความดับแห่ง
ผัสสะ อริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ คือ สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิ. นี้แลเป็น
ปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งสัญญา. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง
รู้ยิ่งซึ่งสัญญาอย่างนี้ ฯลฯ ความวนเวียนเพื่อความปรากฏ ย่อมไม่มี แก่สมณะหรือพราหมณ์
เหล่านั้น.
[๑๑๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สังขารเป็นไฉน? ดูกรภิกษุทั้งหลาย เจตนา ๖ หมวดนี้
คือ รูปสัญเจตนา สัททสัญเจตนา คันธสัญเจตนา รสสัญเจตนา โผฏฐัพพสัญเจตนา ธรรม
สัญเจตนา. ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่าสังขาร. ความเกิดขึ้นแห่งสังขาร ย่อมมีเพราะความ
เกิดขึ้นแห่งผัสสะ ความดับแห่งสังขาร ย่อมมี เพราะความดับแห่งผัสสะ อริยมรรคประกอบ
ด้วยองค์ ๘ ประการ คือ สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิ. นี้แลเป็นปฏิปทาอันให้ถึงความดับ
แห่งสังขาร. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง รู้ยิ่งซึ่งสังขารอย่าง
นี้ ฯลฯ ความวนเวียนเพื่อปรากฏ ย่อมไม่มี แก่สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น
[๑๑๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย วิญญาณเป็นไฉน? ดูกรภิกษุทั้งหลาย วิญญาณ ๖ หมวดนี้
คือ จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ มโนวิญญาณ. ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย นี้เรียกว่าวิญญาณ. ความเกิดขึ้นแห่งวิญญาณ ย่อมมี เพราะความเกิดขึ้นแห่งนามรูป
ความดับแห่งวิญญาณย่อมมี เพราะความดับแห่งนามรูป อริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ
คือสัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิ. นี้แลเป็นปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งวิญญาณ. ดูกรภิกษุทั้ง
หลาย ก็สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง รู้ยิ่งซึ่งวิญญาณอย่างนี้ รู้ยิ่งซึ่งเหตุเกิดแห่ง
วิญญาณอย่างนี้ รู้ยิ่งซึ่งความดับแห่งวิญญาณอย่างนี้ รู้ยิ่งซึ่งข้อปฏิบัติอันให้ถึงความดับแห่งวิญญาณ
อย่างนี้ ปฏิบัติแล้ว เพื่อความหน่าย เพื่อความคลายกำหนัด เพื่อความดับวิญญาณ สมณะ
หรือพราหมณ์เหล่านั้น ชื่อว่าปฏิบัติดีแล้ว ชนเหล่าใด ปฏิบัติดีแล้ว ชนเหล่านั้น ชื่อว่าย่อม
หยั่งลงในธรรมวินัยนี้. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง รู้ยิ่งซึ่ง
วิญญาณอย่างนี้ รู้ยิ่งซึ่งความเกิดแห่งวิญญาณอย่างนี้ รู้ยิ่งซึ่งความดับแห่งวิญญาณอย่างนี้ รู้ยิ่งซึ่ง
ข้อปฏิบัติอันให้ถึงความดับแห่งวิญญาณอย่างนี้ เป็นผู้หลุดพ้นแล้ว เพราะเบื่อหน่าย เพราะคลาย
กำหนัด เพราะความดับ เพราะไม่ถือมั่นวิญญาณ สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ชื่อว่าหลุด
พ้นดีแล้ว สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด หลุดพ้นดีแล้ว สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น เป็นผู้มี
กำลังสามารถเป็นของตน สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเป็นผู้มีกำลังสามารถเป็นของตน ความ
วนเวียนเพื่อความปรากฏ ย่อมไม่มีแก่สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น.
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 05 ก.ค.2008, 10:09 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ดวงจิตของเจ้ากรรมนายเวรนั้น ก็คือนิวเคลียสตัวหนึ่ง หรือหลายตัว ทำปฏิกิริยา ณ.ที่หัวใจ กลายเป็นคลื่นหัวใจ ส่งต่อไปที่สมอง สมองส่งต่อไปยังอวัยวะต่างๆ ที่กล่าวไปนี้ ใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีในการเกิดการทำงานตามระบบ

พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนว่า

วิบาก หรือที่เราเรียกว่า เจ้ากรรมนายเวรคื่อ อายตนะ ของเราเอง

ดวงจิตของเจ้ากรรมนายเวร

ไม่ทราบเป็นอย่างไร อ้างเอาเองหรือเปล่า
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง