จิตเป็นอนัตตา หรือ อัตตา

ตอบเมื่อ: 22 มิ.ย.2008, 9:58 pm

อ้างอิงจาก:

การสนทนาโดยธรรม คืออย่างไร

สนทนาด้วยเหตุด้วยผล ยอมรับกันด้วยเหตุผลและปัญญา
บัณฑิตที่สนทนากัน คือพระนาคเสนกับพระเจ้ามิลินทร์

ยกโทษ โจทย์ผู้อื่น ยกขึ้นมาลอย ๆ ท่านไม่เรียกบัณฑิตนะ

การเผยแพร่ลัทธิที่เป็นมิจฉาทิฏฐิในที่สาธารณเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับ
ข้อมูลผิดๆเป็นกรรมหนัก มีที่ไปคืออบาย และมีผลปิดกั้นตนเอง มิให้มีปัญญา ในภายหน้า แลจะเป็นปัจจัยแก่การมีมิจฉาทิฏฐ ิอีกต่อไป หาทางออกจากสังสารวัฏไม่เจอ พึงเร่งแก้ไข เรียนร้ ูข้อเท็จจริงเสีย
โดยเร็ว เพื่อแก้ความเห็นผิดนี้เสียจักเป็นประโยชน์แก่ตนเอง ยิ่งกว่าทรัพย์ใดๆในโลก

อ้างอิงจาก:

ถ้าบังคับ กายและจิต ไม่ให้นอนหลับได้ ก็เป็นอันว่า จิตและกายนี้เป็นอัตตา อยู่ใต้บังคับบัญชาของเรา

สาธุกับคำตอบครับ

ตอบเมื่อ: 23 มิ.ย.2008, 5:56 am

อ้างอิงจาก:
ถ้าบังคับ กายและจิต ไม่ให้นอนหลับได้ ก็เป็นอันว่า จิตและกายนี้เป็นอัตตา อยู่ใต้บังคับบัญชาของเรา

สาธุกับคำตอบครับ

คือคำตอบอันนี้ ถึงจะถูกก็ยังไม่ทั้งหมด ข้าพเจ้ามาพิจารณาอีกครับ

ว่า ถ้าสามารถมีสติ สัมปชัญญะมากเข้าจน เรียกได้ว่า มีสติตลอด 24 ชม. ก็ว่าได้ ก็สามารถทำให้ไม่หลับ ได้เหมือนกัน คือกายนอนอยู่ แต่จิต นั้นมีสติรู้อยู่อย่างนั้นตลอดเวลา เรียกว่า มีสติปัฏฐานอย่างแท้จริงครับ

ส่วนเรื่องอนัตตานั้นบอกว่า เราไม่สามารถ บังคับ ให้ขันธ์ 5 นั้น คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ นั้นเป็นไปตามที่เราต้องการได้ จึงเรียกว่าเป็นอนัตตา

เหมือนเหมือนเมื่อครั้งที่ พระผู้พระภาคเจ้าได้ โต้ธรรมกับ นิครนนาฐบุตร จนนิครนฯนั้นยอมรับในการเป็นอนัตตาของ ขันธ์ 5 ลองหาอ่านดูนะครับ เป็นพระสูตรครับ

แต่ถ้าผมเจอก็จะเอามาลงให้นะครับ ส่วนท่านใดจะเอามาลงให้ก็จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งครับ
สาธุ

ตอบเมื่อ: 23 มิ.ย.2008, 5:37 pm

อ้างอิงจาก:

คือคำตอบอันนี้ ถึงจะถูกก็ยังไม่ทั้งหมด ข้าพเจ้ามาพิจารณาอีกครับ

ว่า ถ้าสามารถมีสติ สัมปชัญญะมากเข้าจน เรียกได้ว่า มีสติตลอด 24 ชม. ก็ว่าได้ ก็สามารถทำให้ไม่หลับ ได้เหมือนกัน คือกายนอนอยู่ แต่จิต นั้นมีสติรู้อยู่อย่างนั้นตลอดเวลา เรียกว่า มีสติปัฏฐานอย่างแท้จริงครับ

สัพเพธรรมาอนัตตา -คำตอบของท่านถูกต้องแล้วครับ สาธุ

การท่ี"ดูเหมือน"กับว่า เราบังคับบัญชาได้นั้น ที่แท้เป็นเพียง
ความพร้อมแห่งเหตุปัจจัยอันเกิดจาก ารท่ีเราสะสมมาไว้แล้วจนสามารถ
เกิดผลท่ีปรารถนาได้ หากเราสามารถบังคับบัญชาจิตได้จริง คงไม่มีใครมีความทุกข์หรอกครับเพราะทุกคนต้องบังคับให้มีแต่ความสุข
เท่านั้นครับ สาธุ

ตอบเมื่อ: 26 มิ.ย.2008, 10:27 am

ผมอ่านข้อสนทนาธรรมจากผู้รู้หลายๆท่านที่ได้ตอบมาและ เสนอแนะมายอมรับ ว่าได้ประโยชน์กับตัวเองมากในเวลานี้..
เนื่องจาก ผมสูญเสีย เพื่อนสนิท ของลูกชาย ที่เรียน รุ่นเดียวกัน (นรต 60)
หมวด ตี้ ครับ. ยอมรับ ทำงานไม่ได้มา 2 วัน แต่ก็ได้ Web.นี้ และ คำตอบ การสนทนา โดยเฉพาะของคุณ โปเต้. และ อีกหลายๆท่าน ทำให้ดวงตาเห็นธรรมชาติของความทุกข์มากขึ้นครับ..
ขอขอบพระคุณจริงๆๆ.

ตอบเมื่อ: 26 มิ.ย.2008, 2:36 pm

เสียใจด้วยนะคะ เข้าใจความรู้สึกค่ะ
เคยเสียเพื่อนสนิทของน้องสาว ความที่คุ้นเคยกับเค้ามาก แล้วก็ไม่ใช่วัยอันควร ทำให้รับไม่ค่อยได้
ตอนนั้นก็คิดเพียงว่าเป็นไปได้ยังไง ไม่อยากเชื่อ.... ต้องไม่ใช่

ขออุทิศกุศลผลบุญที่ได้ทำมาแล้ว ให้กับหมวดตี้ด้วยค่ะ สาธุ

ตอบเมื่อ: 13 ส.ค. 2008, 11:01 pm

อ้างถึงคุณโปเต้-อ่านแล้วก็ทึ่งมากๆ กับความงดงาม ในศีลาจริยวัตรที่ทรงบัญญัติ
ทรงเป็นถึงเจ้าชาย แต่สอนเรื่องการเก็บงำอาสนะได้อย่างเป็นระเบียบ เรียบร้อย
สอนเรื่องมารยาท ทั้งในการวางตัว และในการรับประทานอาหาร

ลองค้นคว้าไปเรื่อยๆนะคะ เพราะบอกไม่ถูกจริงๆค่ะ ว่าควรอ่านตรงไหนอย่างไร
เพราะทุกเรื่อง ก็เป็นเรื่องที่น่ารู้ น่าอ่านทั้งนั้นค่ะ
ระหว่างนั้น ก็ควรจะ รักษาศีล สวดมนต์ ภาวนาทำจิตให้สงบไปด้วย จะช่วยให้รู้เรื่องได้ดีขึ้นเยอะค่ะ-

เมื่อก่อน บัวหิมะ ก็เคยคิดว่า พระไตรปิฎก คงเป็นเรื่องที่อ่านไม่รู้เรื่องแน่ แต่พอเอาเข้าจริง กลับตรงกันข้าม นอกจากจะได้ความรู้แล้ว ยังชวนให้ติดตามชวนให้อยากศึกษาไปเรื่อย ๆ อีก

เจริญในธรรม ทุกท่าน สาธุ