ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
มรรคคา
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 30 มี.ค. 2008
ตอบ: 77
ที่อยู่ (จังหวัด): ภูเก็ต
|
ตอบเมื่อ:
25 มิ.ย.2008, 10:47 pm |
  |
พระพุทธศาสนานั้นสอนให้เราเห็นความเป็นจริงของชีวิตที่ว่า
การเกิดเป็นทุกคราวเป็นทุกร่ำไป และชีวิตนี้มีแต่ความเป็นทุกข์
ตั้งแต่เกิดถึงตาย แล้วก็ความจริงที่ว่าทางออกจากทุกข์นั้นมีอยู่
แต่ว่าน้อยคนนักที่จะทำความเข้าใจได้
และก็น้อยคนนักที่จะทำได้สำเร็จ
ทั้งการรู้เห็นตามจริงว่าชีวิตนี้เป็นทุกข์ และทางออกจากทุกข์นั้นมีอยู่
ต้องอาศัยการปฏิบัติที่ถูกต้องและการสั่งสมบารมี
เหมือนที่ท่านบอกว่า ทำไปเรื่อย ๆ เหมือนน้ำย้อยบอกตาล
สักวันคงสำเร็จ
 |
|
_________________ มีสติสัมปชัญญะกับทุกลมหายใจเข้าออก |
|
  |
 |
dd
บัวเริ่มพ้นน้ำ


เข้าร่วม: 17 มิ.ย. 2008
ตอบ: 179
ที่อยู่ (จังหวัด): overseas
|
ตอบเมื่อ:
26 มิ.ย.2008, 12:25 am |
  |
อ้างอิงจาก: |
คุณคิดว่า คนเสื่อม ไม่ใช่ศาสนาเสื่อมหรือขอรับ
แล้วคนมันเสื่อมเพราะอะไรหรือขอรับ
เพราะไม่นับถือศาสนา หรือศาสนาสอนแล้วไม่สามารถทำให้เขาเข้าใจว่า หลักศาสนาเป็นหลักธรรมชาติ เป็นหลักความจริงที่ไม่อาจหลีกหนีได้พ้น
ถ้ามีศาสนา แล้วมีคนนับถือศาสนานั้นๆ แต่คนที่นับถือศาสนานั้นๆ ไม่อาจหรือไม่สามารถเข้าถึงธรรมะ ทีแท้จริงได้ เขาเรียกว่า ศาสนาเสื่อมขอรับ
เพราะถ้าศาสนาไม่เสื่อม คนก็ไม่เสื่อม ถ้าคนเสื่อมก็แสดงว่า ศาสนาเสื่อม |
นี่คือตัวอย่างของคนเส่ือม แต่ศาสนาไม่เคยเส่ือมครับท่าน
 |
|
|
|
  |
 |
Buddha
บัวบาน

เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415
|
ตอบเมื่อ:
27 มิ.ย.2008, 8:24 pm |
  |
dd พิมพ์ว่า: |
อ้างอิงจาก: |
คุณคิดว่า คนเสื่อม ไม่ใช่ศาสนาเสื่อมหรือขอรับ
แล้วคนมันเสื่อมเพราะอะไรหรือขอรับ
เพราะไม่นับถือศาสนา หรือศาสนาสอนแล้วไม่สามารถทำให้เขาเข้าใจว่า หลักศาสนาเป็นหลักธรรมชาติ เป็นหลักความจริงที่ไม่อาจหลีกหนีได้พ้น
ถ้ามีศาสนา แล้วมีคนนับถือศาสนานั้นๆ แต่คนที่นับถือศาสนานั้นๆ ไม่อาจหรือไม่สามารถเข้าถึงธรรมะ ทีแท้จริงได้ เขาเรียกว่า ศาสนาเสื่อมขอรับ
เพราะถ้าศาสนาไม่เสื่อม คนก็ไม่เสื่อม ถ้าคนเสื่อมก็แสดงว่า ศาสนาเสื่อม |
นี่คือตัวอย่างของคนเส่ือม แต่ศาสนาไม่เคยเส่ือมครับท่าน
 |
ตอบ..
เอาละ ข้าพเจ้าเองก็ไม่อยากขัดศรัทธา และก็ไม่อยากที่จะดึงท่านให้หลุดพ้นจากความไม่เข้าใจในเรื่องของศาสนา
แต่ข้าพเจ้า ก็มีเมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายอยู่พอสมควร
เอาเป็นว่าคุณ กลับไปอ่านกระทู้นี้ อีกครั้ง อ่านช้าๆ และทำความเข้าใจช้าช้า แล้วคุณก็จะพบคำตอบด้วยตัวของคุณเองนะขอรับ |
|
|
|
  |
 |
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542
|
ตอบเมื่อ:
02 ก.ค.2008, 3:11 pm |
  |
เมตตาธรรมค้ำจุนโลก ทุกอย่างสำเร็จด้วยจิต
ศาสนาช่วยอะไรได้บ้าง ในยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง
ถ้ายังไม่เข้าสู่ภาวะจิตแห่งความเมตตา ก็ยังไม่เข้าใจเรื่อ ทุกอย่าง
สำเร็จด้วยจิต ความรุงเรือง ความตกต่ำมาจากจิตของมวลชนเป็นอย่างไร |
|
|
|
  |
 |
ส.ต.อ.ขรรค์ชัย
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 21 พ.ค. 2007
ตอบ: 50
ที่อยู่ (จังหวัด): ชุมพร
|
ตอบเมื่อ:
03 ก.ค.2008, 2:58 am |
  |
ข้าพเจ้าแวะเข้ามา ตามคำเชิญชวนของคุณ Buddha
นำภาพมาให้พิจารณากัน |
|
_________________ นิพพานคือการดับความยึดมั่นถือมั่นเราจะเข้าถึงนิพพานได้อย่างไร |
|
   |
 |
ส.ต.อ.ขรรค์ชัย
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 21 พ.ค. 2007
ตอบ: 50
ที่อยู่ (จังหวัด): ชุมพร
|
ตอบเมื่อ:
03 ก.ค.2008, 3:44 am |
  |
การแสดงความคิดเห็น ต้องเปิดใจให้กว้าง
การที่คนอื่นเห็นแตกต่างจากเรา หรือเราเห็นแตกต่างจากคนอื่น ไม่ใช่ว่าเขาผิด และเราถูก หรือเขาถูกแต่เราผิด แต่เป็นการเปิดมุมมองที่กว้างขึ้น ทำให้เรามองได้ไกล กว้าง มองได้ละเอียด และรอบคอบขึ้น
เราควรเคารพในความคิดเห็นและการตัดสินใจของแต่ละคน
แต่การให้ความรู้ หรือถ่ายทอดความรู้ ผู้ให้ต้องมีความรู้ที่แม่นและถูกต้อง
แต่หากจะมีผิดพลาดกันบ้าง ก็เพราะว่า สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ตัวเรา........ก็เป็นมนุษย์ปถุชนธรรมดา........คนหนึ่ง
และการให้ที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง คือการให้อภัย ได้รับผลทันทีทั้งผู้ให้และผู้รับ |
|
_________________ นิพพานคือการดับความยึดมั่นถือมั่นเราจะเข้าถึงนิพพานได้อย่างไร |
|
   |
 |
ส.ต.อ.ขรรค์ชัย
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 21 พ.ค. 2007
ตอบ: 50
ที่อยู่ (จังหวัด): ชุมพร
|
ตอบเมื่อ:
03 ก.ค.2008, 4:20 am |
  |
ในยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง ศาสนาช่วยได้อย่างแน่นอน
หากเรายึดหลักในพระศาสนา ปัญหาต่างๆจะเบาบางลงและคลี่คลายได้ พร้อมทั้งมีสิ่งดี..ดี เกิดขึ้น ตามกรรมนั้นๆตามกาลเวลา
แล้วจะมาแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม  |
|
_________________ นิพพานคือการดับความยึดมั่นถือมั่นเราจะเข้าถึงนิพพานได้อย่างไร |
|
   |
 |
ส.ต.อ.ขรรค์ชัย
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 21 พ.ค. 2007
ตอบ: 50
ที่อยู่ (จังหวัด): ชุมพร
|
ตอบเมื่อ:
03 ก.ค.2008, 3:34 pm |
  |
ข้าพเจ้า ขอแนะนำ หนังสือ "เข็มทิศชีวิต" ของ ฐิตินาถ ณ พัทลุง มาให้อ่านกัน ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระทู้ในหัวข้อนี้อย่างแน่นอน
เพียงตอนหนึ่งในหนังสือ
โลภ...ไม่เหมือนเดิม
"หลายคนมักจะสงสัยว่า การฝึกมีสติรู้เท่ากันใจตัวเองจะช่วยเราทำงานธุรกิจได้อย่างไร หรือพอทำแล้วจะหาเงินสู้คนอื่นไม่ได้หรือเปล่า ความจริงก็คือ เรายังมีความสามารถในการหาเงินเหมือนเดิม ยังโลภ ยังโกรธเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ต่างจากเมื่อก่อนก็คือ พอโกรธขึ้นมา แทนที่จะพุ่งไปที่คนอื่น มันจะมีสติมารู้ที่ไฟในใจตัวเองก่อน บางครั้งก็มีกำลังที่จะยั้งไว้ทัน บ่อยครั้งก็ยังพุ่งออกไปเหมือนเดิม แต่ด้วยมีความรู้สึกตัว มันจะเหมือนเราเป็นคนอื่นที่ยืนดูตัวเอง ถูกความโกรธนำไปพูด หรือทำสิ่งที่น่าเกลียด พอเห็นความน่าเกลียดเข้า มันก็ปล่อย หยุดเอง ไม่ต้องให้มีใครมาบอก ก็บรรเทาความเสียหายไปได้พอสมควร พอเจ็บตัวก็ได้เรียนรู้ คราวหน้าก็รู้ทันเร็วขึ้นอีก
แล้วเราก็ยังหาเงิน มีเงินเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ต่างก็คือ เมื่อก่อนเวลาคิดโลภอยากได้มากๆ จะทำมาค้าขายอะไร มองเห็นแต่ทางได้ ไม่ค่อยเห็นทางเสีย แต่ตอนนี้ พอจะทำอะไรขึ้นมา สติมันจะเฉลียวรู้ทันใจ คอยเตือนว่า ถ้าพลาดจะกระเทือนถึงครอบครัว กระเทือนถึงทุกอย่างที่มีหรือเปล่า คอยเป็นพี่เลี้ยงประคับประคอง ความคิดเห็น ความมากไป น้อยไป ไม่ปล่อยให้ใจเห็นแต่ทางได้ สติปัญญาก็จะทำงานหยิบความคิดมาตรวจสอบ พิจารณารอบด้านแล้ว ตัดสินใจด้วยความรู้สึกตัว" |
|
_________________ นิพพานคือการดับความยึดมั่นถือมั่นเราจะเข้าถึงนิพพานได้อย่างไร |
|
   |
 |
ส.ต.อ.ขรรค์ชัย
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 21 พ.ค. 2007
ตอบ: 50
ที่อยู่ (จังหวัด): ชุมพร
|
ตอบเมื่อ:
03 ก.ค.2008, 3:50 pm |
  |
โลภ...ไม่เหมือนเดิม
"เวลาที่เรามีความรู้สึกตัว ตื่นหลุดออกมาจากการถูกความคิดครอบงำ มันจะมีความรู้เนื้อรู้ตัว เป็นตัวของตัวเอง รู้ประโยชน์รู้โทษของสิ่งที่กำลังจะทำ ความคิดมันก็จะพอดี พออยู่ พอเพียง เข้ากับวิถีชีวิตของเรา ที่เราปรับไว้ให้ตัวเองใช้น้อย เป็นแก้วใบเล็กๆ ใช้น้อยก็หาน้อย ไม่รีบเร่งจนพลาด
เวลาที่ใจมันขยับคิดการใหญ่ ไปหุ้นกับคนนั้น กู้คนนี้ จะได้ขยายให้มันใหญ่ๆ ใจมันก็จะคอยยั้งให้ดูดีๆ แค่ใจเราใจเดียวยังสร้างปัญหาไม่รู้จบ แล้วต้องมาบริหารใจคนอื่นด้วย มันไม่ง่ายเลย นอกเสียจากว่าเป็นงานที่เราวางใจ ปล่อยวางจากมัน หรือเราเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ มีส่วนต่างกำไรสูงเหลือเฟือ ก็เป็นอีกกรณีหนึ่ง แต่สำหรับคนตัวเล็ก ทำไมเราไม่ใช้ประโยชน์ของความเล็กให้เป็นจุดแข็งของเรา
ความเป็นคนตัวเล็ก แก้วความอยากใบเล็ก มีธุรกิจมีงานเล็กๆ ก็มีจุดเด่นที่ความคล่องตัว ดูแลค่าใช้จ่าย ดูแลต้นทุนให้ต่ำ คนน้อย ปัญหาน้อย ดูแลทั่วถึง งานมีประสิทธิภาพ ในตลาดที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเราสามารถปรับปรุงตัวเองให้เล็ก แต่แข็งแกร่งภายใน เกิดอะไรขึ้นก็ถอยได้ ถอยเป็น
หรือเป็นพนักงานบริษัทกินเงินเดือน ก็จัดรายรับรายจ่ายของเราให้พอเหมาะ ด้วยการปรับแก้วคือความอยากของเราให้พอดี เลือกใช้ของตามคุณค่า ไม่ใช่ตามค่านิยม ชีวิตก็ลงตัว แถมมีภาระทางใจน้อยกว่าพวกเจ้าของกิจการเสียด้วยซ้ำ พัฒนาความสามารถ ความอดทน มีน้ำใจกับเพื่อนร่วมงาน ให้ทุกวันเป็นวันของการเรียนรู้ ก็จะประสบความสำเร็จบรรลุเป้าหมายทุกวัน
ดิฉันมักจะบอกทีมงานเสมอว่า ร้านเรา สาขาเรา เปิดได้ก็ปิดได้ ไม่จำเป็นต้องรักษาหน้าตาภาพพจน์ อะไรที่มันดูดเลือดเรา เราก็สามารถตัดอวัยวะรักษาชีวิตได้เสมอ ของพนักงานก็เหมือนกัน ถ้าบ้านมันผ่อนหนักนักก็ย้ายบ้าน ค่ามือถือแพงนักก็เลิกใช้ เคล็ดลับง่ายๆก็คือ สำรวจดูว่าเราทุกข์ตรงไหน ก็วางตรงนั้น" |
|
_________________ นิพพานคือการดับความยึดมั่นถือมั่นเราจะเข้าถึงนิพพานได้อย่างไร |
|
   |
 |
ส.ต.อ.ขรรค์ชัย
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 21 พ.ค. 2007
ตอบ: 50
ที่อยู่ (จังหวัด): ชุมพร
|
ตอบเมื่อ:
03 ก.ค.2008, 4:02 pm |
  |
โลภ...ไม่เหมือนเดิม
"มีนักธุรกิจวัยหลังเกษียณท่านหนึ่ง ค้ำประกันเงินกู้ให้เพื่อนซึ่งหลนหนีไป ถ้ายอมให้ธนาคารยึดทรัพย์สินซึ่งไม่ใช่ของตัวเอง แล้วเพิ่มเงินตัวเองอีกเล็กน้อยโดยที่ไม่เดือนร้อนนัก เรื่องก็จบ แต่นักธุรกิจท่านนี้ เลือกแก้ปัญหาที่สร้างปัญหาใหญ่กว่าเดิม คือเอาเงินหลายล้านไปวางมัดจำซื้อที่ดินจากธนาคาร หวังลมๆแล้งๆว่าจะขายที่ได้ ทั้งๆที่พยายามนับสิบปี ก็ไม่เคยสำเร็จ สุดท้ายขายไม่ได้ ตัวเองต้องยอมเป็นหนี้ กู้เงินอีกเกือบร้อยล้าน มารับที่แปลงนั้นไว้เอง เสียหายมากมาย เพราะมัวเสียดายเงินเล็กน้อย บวกกับกลัวเสียหน้า ไม่ยอมปล่อยที่กำไว้ ก็ต้องมาเสียหายทีหลังอีกมากมาย
สุดท้ายแล้ว ทั้งหมดก็มาลงรวมที่การรู้เท่าทันใจตัวเอง เห็นใจที่มันยึดถืออะไร ไว้แน่นหนา ถอยไม่ได้ซึ่งจะทำให้เจ็บตัวทีหลัง หากรู้ทันก็ช่วยตัวเองได้ บ่อยครั้ง ถ้าเราพิจารณาให้ดี แล้วยอมสละส่วนเล็กน้อย ก็จะช่วยรักษาส่วนใหญ่ไว้ได้ ประกอบกับเราได้จัดสรรส่วนประกอบชีวิตของเรา ให้เรียบง่ายพอเพียงอยู่แล้ว ใจที่ไม่มีหนี้บัตรเครดิตที่ไปช็อปปิ้งมาเป็นชนักปักหลัง เร่งให้ลงทุนแบบเสี่ยงตาย เอาชีวิตเข้าแลก ก็มีทุนเหลือในชีวิต ถึงยามจำเป็นที่ต้องถอย ก็ไม่เจ็บตัวมากมาย"
นี่เป็นเพียง เสี้ยวหนึ่งในหนังสือ เท่านั้น ถ้าโดนใจ ลองไปหาอ่านดู รับรองว่า ไม่ผิดหวัง เพราะข้าพเจ้าได้อ่านมาแล้ว  |
|
_________________ นิพพานคือการดับความยึดมั่นถือมั่นเราจะเข้าถึงนิพพานได้อย่างไร |
|
   |
 |
Buddha
บัวบาน

เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415
|
ตอบเมื่อ:
04 ก.ค.2008, 12:36 pm |
  |
คุณผู้ใช้ชื่อว่า ส.ต.อ. ขรรค์ชัย
สิ่งที่คุณเขียนมาทั้งหมด หนีพ้น หลักธรรมหรือ หลักศาสนาที่ข้าพเจ้าเขียนไว้เป็นกระทู้หรือไม่ละคุณ
แล้วคุณลองพิจารณาสิ่งที่คุณเขียนมา ให้อนุมานดูซิว่า ตรงกับหลักธรรมในข้อใดบ้าง ตามกระทู้เรื่อง "ศาสนาช่วยอะไรได้บ้างฯ" |
|
|
|
  |
 |
mes
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
05 ก.ค.2008, 9:09 pm |
  |
คนที่กล้าเรียกตัวเองว่าพระพุทธเจ้า ต้องเรียกว่าอาการเพี้ยนขนาดหนัก
คนดีๆที่ยังพอมีมีจิตสำนึกบ้างคงไม่มีใครกล้ากระทำหรอกครับ
แสดงความคิดเห็นก็ มเลเถไถไปตามเรื่อง
นึกเองเขียนเอง ไม่ใช่ธรรมะอะไร ไรสาระ |
|
|
|
   |
 |
Buddha
บัวบาน

เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415
|
ตอบเมื่อ:
06 ก.ค.2008, 2:29 pm |
  |
mes พิมพ์ว่า: |
คนที่กล้าเรียกตัวเองว่าพระพุทธเจ้า ต้องเรียกว่าอาการเพี้ยนขนาดหนัก
คนดีๆที่ยังพอมีมีจิตสำนึกบ้างคงไม่มีใครกล้ากระทำหรอกครับ
แสดงความคิดเห็นก็ มเลเถไถไปตามเรื่อง
นึกเองเขียนเอง ไม่ใช่ธรรมะอะไร ไรสาระ |
ตอบ....
ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่รู้จริง ไม่รู้แจ้ง คิดเอาเอง ว่าข้าพเจ้าเรียกตัวเองว่าพระพุทธเจ้า เหมือนเด็กๆ ที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมจริงๆเลยนะ ถามแบบลองภูมิบ้างคิดว่าข้าพเจัาไม่รู้ แถมยังมีการยุยงใส่ร้ายอีกด้วย ฮ่า ฮ่า ฮ่า
หลักธรรมะ ก็คือ หลักธรรมะ ขึ้นอยู่กับสมองสติปัญญาของคน อ่านแล้วเข้าใจ หรืออ่านแล้วไม่เข้าใจ ก็ไม่มีวันหนีพ้นหลักธรรมะเหล่านั้น ศาสนาเป็นแม่แบบแห่งการปกครอง ศาสนาช่วยอะไรได้บ้าง
ท่านผู้ใดอ่านแล้วก็ต้องใช้สมองคิดพิจารณาให้ละเอียดถ่องแท้ ปัญญาก็เกิด |
|
|
|
  |
 |
mes
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
08 ก.ค.2008, 11:18 am |
  |
ลุงใหญ่ว่าหลักธรรมของพระพุทธเจ้าคืออะไร |
|
|
|
   |
 |
Buddha
บัวบาน

เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415
|
ตอบเมื่อ:
08 ก.ค.2008, 12:42 pm |
  |
mes พิมพ์ว่า: |
ลุงใหญ่ว่าหลักธรรมของพระพุทธเจ้าคืออะไร |
ตอบ...
เฮ้อ...ทำไมคุณถึงชอบถามแบบลองภูมิ สิ่งที่คุณถามมา มันมีประโยชน์อะไรกับคุณหรือ
คุณรู้ไหม ถ้าข้าพเจ้าตอบคำถามคุณได้ทุกคำถาม มันมีแต่ผลดีสำหรับข้าพเจ้า และท่านสมาชิกทั้งหลาย
อนึ่ง คำถามที่คุณถามมานั้น มันตอบได้แบบกว้างขวาง แต่ข้าพเจ้าจะตอบให้คุณสั้นๆว่า
หลักธรรมของพระพุทธเจ้า คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ซึ่งทั้งทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค ก็ปรากฎอยู่ในกระทู้เรื่อง"ศาสนาช่วยอะไรได้บ้างฯ" อันนี้ยังมีข้ออธิบายอีก แต่ไม่อธิบาย และไม่ต้องถาม
แต่ต้องพิจารณาเอาเอง เนื่องจากไม่สามารถเขียนแบบตรงๆได้ เพราะอาจจะเป็นการขัดเจตนารมณ์ ของผู้ก่อตั้งเวบธรรมจักรก็ได้
อนึ่ง หากผู้ใดตอบคำถามของคุณผู้ใช้ชื่อว่า mes นอกเหนือจากที่ข้าพเจ้าตอบ ก็ให้รู้เอาไว้ว่า ผิดทั้งนั้น เพราะหลักธรรมที่แท้จริง ก็คือสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ตอบไป นอกเหนือจากนี้ หลงผิดขอรับ |
|
|
|
  |
 |
mes
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
08 ก.ค.2008, 8:31 pm |
  |
หลักธรรมของพระพุทธเจ้า คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ซึ่งทั้งทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค ก็ปรากฎอยู่ในกระทู้เรื่อง"ศาสนาช่วยอะไรได้บ้างฯ" อันนี้ยังมีข้ออธิบายอีก แต่ไม่อธิบาย และไม่ต้องถาม
แล้วอิทัปปจจยตาคื่ออะไร |
|
|
|
   |
 |
mes
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
08 ก.ค.2008, 8:43 pm |
  |
อนึ่ง หากผู้ใดตอบคำถามของคุณผู้ใช้ชื่อว่า mes นอกเหนือจากที่ข้าพเจ้าตอบ ก็ให้รู้เอาไว้ว่า ผิดทั้งนั้น เพราะหลักธรรมที่แท้จริง ก็คือสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ตอบไป นอกเหนือจากนี้ หลงผิดขอรับ
แล้วรู้ได้อย่างไรว่าเขาจะตอบว่าอะไร |
|
|
|
   |
 |
mes
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
10 ก.ค.2008, 10:27 am |
  |
ธรรมธาตุ
ธรรมฐิติ
ธรรมนิยาม
ใช่ธรรมหรืไม่
ขอคำอธิบายอย่างละเอียด |
|
|
|
   |
 |
mes
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
10 ก.ค.2008, 10:30 am |
  |
อนึ่ง หากผู้ใดตอบคำถามของคุณผู้ใช้ชื่อว่า mes นอกเหนือจากที่ข้าพเจ้าตอบ ก็ให้รู้เอาไว้ว่า ผิดทั้งนั้น เพราะหลักธรรมที่แท้จริง ก็คือสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ตอบไป นอกเหนือจากนี้ หลงผิดขอรับ
หมายถึงว่าแม้แต่ในพระไตรปิฎก หรือใน อรรถกถา ฎีกา ทั้งหลาย รวมทั้งหนังสือพุทธธรรม ที่นอกเหนือจากคุณตอบผิดหมด |
|
|
|
   |
 |
Buddha
บัวบาน

เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415
|
ตอบเมื่อ:
10 ก.ค.2008, 9:01 pm |
  |
นี้แหละน่า ว่าให้เขาอิเหนาเป็นเอง
คิดเอาเอง คิดไปเอง แถมยังมีการคิดแบบคนจิตใจและปัญญาความคิดต่ำๆ
ดันไปคิดแบบนั้น ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ก็แล้วแต่คุณจะคิดก็แล้วกันนะ เพราะถ้าคุณอ่านภาษาไทยแล้ว ยังไม่รู้ความหมายของภาษา ก็เหมือนกับคำพังเพยที่ว่า " สีซอให้....ฟัง"
ถึงอย่างไร ข้าพเจ้าก็ยังยืนยันในคำตอบของข้าพเจ้า ว่า
หากผู้ใด ตอบว่าหลักธรรมของพระพุทธเจ้า คือสิ่งนอกเหนือจากที่ข้าพเจ้าได้ตอบไป ย่อมเป็นการหลงผิด
อีกประการหนึ่ง ข้าพเจ้าจะบอกคุณผู้ใช้ชื่อว่า mes ว่า ข้าพเจ้ามิได้ครองเรือนเป็นผู้ใช้ชื่อว่า "ลุงใหญ่"อะไรของคุณนั่น ที่ข้าพเจ้าตอบคำถามให้คุณ ก็เพราะโปรดสัตว์โลกผู้มีความเขลา อวดรู้ อวดฉลาด ให้ได้เกิดความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง
และคุณไม่ต้องเอา ศัพท์ภาษาบาลีมาถามข้าพเจ้า คุณมองพิจารณาตัวคุณให้ เรียนรู้ อ่าน และทำความเข้าใจในภาษาไทยให้ดีเถอะ
ฮ่า ฮ่า ฮ่า
อีกประการหนึ่ง กลับไปอ่านคำตอบของข้าพเจัาให้ดี นะ |
|
|
|
  |
 |
|