Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 การดูดวง อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
porntipth
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 20 มิ.ย. 2008
ตอบ: 3
ที่อยู่ (จังหวัด): Germany

ตอบตอบเมื่อ: 21 มิ.ย.2008, 2:06 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การดูดวงถือว่ามีเปอร์เซ็นต์ความน่าเชื่อถือมากหรือเปล่าค่ะ หมอดูแต่ละคนทายแม่นทุกคนไหม
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 21 มิ.ย.2008, 3:08 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

porntipth พิมพ์ว่า:
การดูดวงถือว่ามีเปอร์เซ็นต์ความน่าเชื่อถือมากหรือเปล่าค่ะ หมอดูแต่ละคนทายแม่นทุกคนไหม


การทำนาย มันมีอยู่จริง ทายได้จริง หยั่งรู้จริง มันก้มีอยู่
มีอยู่จริงๆ เพราะไม่มีใครปฏิเสธจริง
พระพุทธศาสนาก็ไม่ปฏิเสธ (ข้อมุลที่ผมมี ว่าอย่างนั้นะ ยังไม่พบตรงไหนปฏิเสธความมีอยู่ของมัน)

แต่มันไม่ใช่ "ของจริง"
พระพุทธศาสนาไม่สอนให้จมปลักกับความไม่แน่นอน

ไม่ใช่ ของจริง เพาะมันไม่แน่นอน
ดิ้นได้ เปลี่ยนได้
แม้แต่หมอดูที่ว่าแน่ๆ ยังยอมรับว่า ดวง เปลี่ยนได้
เพราะโลกนี้ไม่ได้มีดวงเราดวงเดียว

ดวงจึงเป็นของที่ผันแปรที่สุด อย่างหนึ่งในโลกนี้
ไม่ต่างอะไรจากการทำนายการกระเพื่อมของคลื่นน้อยใหญ่ในมหาสมุทร

คุณอาจจะทำนายได้ถูกบ้าง ผิดบ้าง
แต่ไม่มีทางได้ 100%

การหลงเชื่อไปว่า อนาคตอาจจะมีดวงเป้นอย่างนั้น เป้นอย่างนี้
แล้วเอาความเชื่อความคิดของเราไปยึดถือว่ามันอาจจะจริง
แล้วเอาความเชื่อความคิดของเราไปยึดถือกับสิ่งที่ไม่แน่นอน

เมื่อเราเอาความคิด ออกห่างจากปัจจุบัน
ไปหลงวนเวียนกับอนาคตที่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้
ทำให้เราเลือกทำปัจจุบันอย่างผิดๆ เดินทางผิด
ประมาทในปัจจุบัน
พอคิดว่าดวงจะดีก็ใช้ชีวิตประมาท เป็นต้น
พอคิดว่าดวงไม่ดีก็ใช้ชีวิตอย่างกังวล เป็นต้น
พอดวง ไม่ตรงอย่างที่เคยเชื่อมาในอดีต ก็เสียใจ ขุ่นใจ เป็นต้น
เรียกว่า หาความทุกข์มาแขวนคอตัวเองทั้งนั้น

การเชื่อถือดวง
เป้นลักษณะความคิดเดียวกันกับความเชื่อในการบนบานศาลกล่าว
กล่าวคือ หลงคิดว่าสิ่งเหล่านี้ เป็นสัจจะธรรม

ทั้งๆที่เทพเทวา ก็คือผู้ที่ยังไม่สิ้นกิเลส
ยังมีโมโห (ลองไม่แก้บนดูสิ)
ยังมีอิจจฉา (แอบมาเข้าฝันเล่าความเท็จแกล้งคน - เทพสังหรณ์)
ยังมีความลำเอียง (ช่วนคนนั้น แต่ไม่ช่วยคนนี้ เลือกคนช่วย)
มีอำนาจจำกัด (หยุดความตาย ความเสื่อม ไม่เกิด ไม่ได้)
มีโลภ (อยากได้ลาภสักการะ ของบน ของไหว้)


เพื่อความเข้าใจ ผมจะยกตัวอย่างการทดลองดังนี้
ให้คน 100 คน มาดูดวงกับคนที่แม่นที่สุด
....... แล้วสำรวจผลลัพธ์
คุณคิดว่า ผลลัพธ์ที่ได้ ... คือดวงของทั้ง 100 คนนั้นเป้นจริงดังที่ดูไว้
หรือเป็นจริงแค่ บางส่วน

ให้คน 100 คน มาบนบานศาลกล่าว
เอาแบบคำของ่ายๆ ขอไม่เวอร์ เทพเอย ผีเอย จะได้ไม่ลำบากใจ
....... แล้วสำรวจผลลัพธ์
คุณคิดว่า ผลลัพธ์ที่ได้ ... คือคำขอทั้งร้อยคน จะเป็นจริงทั้ง 100 คน
หรือได้ผลแค่ บางส่วน

ครับ มันได้ผลแค่บางส่วน ทั้งสองการทดลอง

เพราะถ้าได้กันทุกคน
รับรองว่าคนไม่ต้องทำอะไร ขออย่างเดียวดีกว่า ผมก็จะขอด้วย
เพราะการบนบานขอพร มันได้ผล 100% ผมก็จะไม่ทำอะไรแล้ว
ผมจะนอนกระดิกนิ้วเท้าแช่น้ำเย็น รอพรที่กำลังจะเป็นจริง

ถ้าดวงมันแม่น ทายถูกแน่นอน มีเท่าไหร่ผมก็จะไปจ่าย
อยากดูว่าวันไหนจะตาย ... จะลองกระโดดใส่รถสิบล้อ ในวันที่ยังไม่ครบกำหนดตาย ... ก็ยังไม่ถึงที่ตายนี่นา ดวงว่าอย่างนั้น
โดดไปเลย ไม่ตายแน่ๆ


และเพราะ ผลลัพธ์ที่ได้ ขึ้นอยู่กับบุคคล (เห็นตามข้างกล่องยาเสริมสวย)
ก็แปลว่า .... ผลลัพธ์ไม่แน่นอน

พระพุทธเจ้า สอนให้อยู่กับปัจจุบัน ไม่แนะนำให้เอาความคิดไปจินตนาการในสิ่งที่ยังไม่เกิด

ไม่แนะนำให้เอาความคิดไปในอดีต
ดึงความทรงจำออกมาร้องไห้บ้าง อยากได้ อยากมี อยากเป็ฯอย่างนั้นอีก พอเหนื่อยก็เก็บกลับเข้าไป วันหลังดึงออกมาป้อนให้ความคิดเอาไปปรุงแต่งมากมาย แล้วก้สะเทือนใจอีก

หากจะใช้อนาคต หรือ ใช้อดีต
ต้องใชเพื่อค้นหาความรู้ เรียนรู้ ให้เป็นไปเพื่อการดับทุกข์
ถ้าคนธรรมดาอย่างเรา .. ก็เอาจินตนาการไว้วางแผนงาน วางอนาคต
ใช้อดีตเรียนรู้ความผิดพลาด ความโง่

และไม่แนะนำให้ไปสนใจอะไรที่ไม่แน่นอน ไร้สาระ ไม่เป็นไปเพื่อการดับทุกข์

พุทธสอนให้มีธรรมะ เป้นใหญ่
หรืออีกนัยย์หนึ่ง คือ มีสัจจะธรรมเป้นใหญ่
ให้สัจจะธรรมทั้งหลายนำชีวิต
สัจจะธรรมที่ว่า ก็ทรงอุตสาห์ใช้ทั้งชีวิตคัดมาให้แล้ว
ไม่ต้องไปงมโข่งทดลองเอง ค้นหาเอง
ดังปรากฏเป็นพุทธธรรมให้เลือกใช้ express ยิ่งกว่า 7-11

อะไรล่ะสัจจะ
อธิบายอย่างง่ายคือ
ความจริงอันเป็นที่สุด ไม่เปลี่ยนแปลง
เช่น การเกิด ดับ ของสรรพสิ่งทั้งปวงนั่นแหละตัวอย่างของธรรม
เช่น การเกิด ดับ ของสรรพสิ่งทั้งปวงนั่นแหละตัวอย่างของสัจจะ

สัจจะ มีลักษณะต้องเป็นจริงเสมอ ทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต (อกาลิโก)
เป็นสากล คือเกิดในทุกที่ เป็นของทุกคน

แต่ดวง และการบนบานศาลกล่าว .... เป็นจริงในบางกรณี

ความจริง เรื่องสัจจะนี้ยาว จะว่ายากก็ยากอยู่ จะว่าง่ายก็ง่ายมาก
แต่พยามอธิบายให้เข้าใจง่ายที่สุดแล้ว

ผมก็ใช้เวลานาน กว่าจะเข้าใจว่าอะไรคือ สัจจะธรรม และอะไรไม่ใช่

ถ้าสนใจเรื่องนี้ ให้ลองศึกษา ปรัชญาเบื้องต้น
พวกปรัชญายุคต่างๆ .. . จะได้ดูพัฒนาการความคิดของคนยุคต่างๆ
ศาสนาลัทธิต่างๆ .....จนพอมาถึงยุคปัจจุบัน แล้วต่อด้วยพุทธปรัชญา.

ให้รู้ความแตกต่างว่าอะไรคือขอบเขตของคำว่า
ข้อเท็จจริง / ความจริง / สัจจะ /

ทำไมสัจจะถึงเรียกว่าเป็นที่สุดแล้ว จริงกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
ทำไมสัจจะจึงไม่เปลี่ยน ... แค่ข้อเท็จจริงและความจริงทั้งหลาย เปลี่ยนได้
ทำไมสัจจะไร้กาลเวลา เป็นจริงตลอดเวลา .... ทำไมอย่างอื่นถึงจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง

ท่านอาจจะพบขุมทรัพย์ตั้งแต่หนุ่มเหมือนผม
ดีกว่าแก่แล้ว เหี่ยวแล้ว เสื่อมแล้ว
อุปกรณ์หาความสุขเสื่อมแล้ว หากินไม่ได้แล้ว
ความทุกข์มาเยือน รับมือไม่ไหว ก็จำใจวิ่งแจ้นเข้าวัด

เข้าไปตอนแก่นึกว่าจะได้ของดี
ยังไปติดลัทธิบ้าทำบุญ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัวชาตินี้ ชาติโน้นอีก
หลงคิดว่าทำบุญ อยากกินอะไรตอนตายแล้ว ก้เอาไปใส่บาตร หวังว่าจะได้กินอย่างนั้น
บางคนก็หลงทรมานสังขารตระเวนไหว้พระ 9 วัด 9 โบสถ์
แขนขาหักก็มีมาก เพราะกระดูกบางหมดแล้ว

อวยพรให้เจริญธรรมคับ
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
RARM
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2007
ตอบ: 417

ตอบตอบเมื่อ: 21 มิ.ย.2008, 6:51 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถ้าโหรท่านดูทุกวัน หมายถึง โหรท่านฝึกฝนอยู่บ่อยๆ ท่านก็จะชำนาญและแม่นยำมากครับ

อย่างกับโหรท่านที่อยู่ในวัง งัยครับ อันนั้นแม่นเหมือนจับวาง

แต่ความคิดผมคงไม่ทั้งหมด เพราะเราต้องอยู่เหนือดวง

คือมีสติ ในการทำงานหรือในชีวิตประจำวัน สามารถเปลี่ยนสิ่งที่เลวร้ายให้เป็นดีได้นะครับ

สู้ สู้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 22 มิ.ย.2008, 12:59 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขออุปมา ว่า "ดวง" เปรียบเสมือนแผนที่ของกรรมเก่า
ที่บอกเราว่าในอดีตหลายภพหลายชาติ
ได้เคยสั่งสมประกอบกรรมทั้งดีชั่วมาอย่างไรบ้าง
จึงส่งผลให้เรามีลักษณะทางกายภาพ อุปนิสัย สติปัญญา
ฐานะ และวิถีชีวิตที่เป็นไปในปัจจุบัน...แตกต่างกัน

แต่ "ดวง" ก็มิใช่เป็นสูตรสำเร็จในการกำหนดชีวิตในปัจจุบันและอนาคต
เพราะสิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรานั้น
ล้วนมีความสัมพันธ์กับการกระทำในปัจจุบัน คือ กรรมใหม่
ซึ่งก็นับเป็นเงื่อนไขสำคัญที่สามารถจะปรับเปลี่ยนให้ชีวิต
"ดีขึ้น" หรือ "เลวลง" กว่า ที่ "ดวง" บอกไว้....

และนี่คือเหตุปัจจัยหนึ่งที่
อาจทำให้การดูดวง "แม่น" หรือ "ไม่แม่น"
นอกเหนือจาก ความชำนาญในโหราศาสตร์
และการตีความของผู้ดู หรือที่เรียกว่า โหราจารย์

พุทธศาสนาไม่ได้ปฏิเสธเรื่อง "ดวง"
แต่พุทธศาสนาก็มิได้ส่งเสริมให้เชื่อ "ดวง" ไปเสียทั้งหมด
เพราะพุทธศาสนาไม่ได้ปฏิเสธกรรมเก่า
แต่ในขณะเดียวกันก็เชื่อมั่น
และส่งเสริมในการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์
ที่จะพัฒนาสู่วิวัฒนาการที่สูงขึ้นจนสุดสายปลายทางที่ "นิพพาน"


จึงไม่น่าแปลกใจหากจะเคยได้ยินที่มีผู้กล่าวว่า
ผู้ปฏิบัติธรรมจะมีชีวิตที่เหนือดวง
หรือหมอดูทายดวงของชีวิตเขาเหล่านั้นไม่ถูก...คลาดเคลื่อน


อย่างไรก็ตาม
เราสามารถใช้ประโยชน์จาก "ดวง" ได้ดังนี้


หากสิ่งใดก็ตามที่ได้รับการทำนายว่า "ดี"
ก็ขอให้ฟังอย่างเข้าใจ ไม่เหลิงหลงใหล
และไม่ประมาทในสิ่งดีดีที่เขาบอกว่ามีอยู่
รวมทั้งพยายามรักษาและสั่งสมเพิ่มพูนความดีเหล่านั้นให้มากขึ้น

แต่หากสิ่งใดได้รับการทำนายทายทักว่า "ไม่ดี"
ก็ขอให้มีสติ คิดหาทางป้องกัน แก้ไข
จะได้ไม่ประมาทในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม...เหนือสิ่งอื่นใด
การมีชีวิตที่อยู่กับปัจจุบัน
โดยใช้สติ และปัญญา เป็นเข็มทิศนำชีวิตไปสู่เป้าหมายที่วางไว้
ย่อมเป็นวิธีการที่ชาญฉลาดและปลอดภัย
กว่าการยอมให้ "ดวง" มากำหนดชีวิตของเรา...นะคะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
Buddha
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415

ตอบตอบเมื่อ: 22 มิ.ย.2008, 9:51 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การดูดวงชตา เป็นศาสตร์ แขนงหนึ่ง ของศาสนาพราหมณ์ ฮินดู จะกล่าวว่า เป็นวิชาทางศาสนาอย่างหนึ่งก็ว่าได้ เพราะการดุดวงจะทำให้เกิด ความสุข และหาทางป้องกันเหตุร้ายให้เบาบางลงไปได้ ถึงแม้ว่า จะไม่ใช่หนทางหลุดพ้นในชั้นอริยะบุคคล แต่ก็เป็นหนทางหลุดพ้นจากกิเลส จากความทุกข์ ในทางปุถุชนคนธรรมดาทั่วๆไป
เนื่องเพราะมนุษย์เรามีสมองสติปัญญา ความอยาก ความต้องการ ที่แตกต่างจากกัน เฉลียวฉลาดไม่เหมือนกัน ได้รับการศึกษา ได้รับการเรียนการสอนในวิชาการที่แตกต่างจากกัน ดังนั้น ตำราดูดวง จึงเป็นศาสตร์แขนงหนึ่งของศาสนา และเป็นศาสตร์ที่ ผู้ใช้บริการต้องคิดพิจารณาด้วยตัวเอง ว่า สิ่งที่หมอดูทำนายให้นั้น ควรจะมีจริง เป็นจริง หรือไม่เป็นจริง และยังมีข้อควรคิดพิจารณาอีกหลายอย่างหลายประการ ที่ผู้ใช้บริการควรได้คิดพิจารณาไตร่ตรองให้รู้ได้ตัวเอง แล้วก็จะเข้าใจในศาสตร์ แห่งการดูดวงชตาราศี ฉะนี้
ส่วนคำถามของคุณนั้น หากคุณได้อ่านข้อแสดงความคิดเห็นด้านบนแล้ว ก็ให้คิดพิจารณาด้วยตัวเอง ก็จะได้รับคำตอบ ด้วยตัวของคุณเอง ขอรับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง