|
|
|
 |
ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
chat
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
11 ก.พ.2005, 8:14 pm |
  |
คือ คนป่วยเป็นลูกชายผมเองอายุ 2 ขวบ แกเป็นออทิติสครับ ก่อนที่จะมีลูก ก็หาเงิน ... มีความสุขไปวันๆ ไม่เคย เข้าวัดเลย
เมื่อเรื่องนี้เกิดกับลูก..มันก็คือเคราะห์กรรมที่โหดมาก สำหรับคนธรรมดาอย่างผม
ถ้ามันเป็นกรรมเก่าที่ผมได้ทำไว้ ผมก็ยินดี ชดใช้มันครับ
แต่ ผมจะสามารถ ปฏิบัติธรรม พร้อมไปกับการชดใช้กรรมในชาตินี้ได้ไหม ?
ผมคงจะบวชไม่ได้แล้ว เพราะต้องดูแลครอบครัว
ตอนนี้ผม นั่งสมาธิ ถือศีล 5 ,สำรวมกาย วาจา ใจ ไม่ดูหนัง ไม่ฟังเพลง งดกินเนื้อ (เพราะความอยากในรส)....
หลังจาก ได้ลอง ปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ มาเกือบ 2เดือน อย่างแรกที่เห็นผลคือ สามารถทำใจให้สงบได้ และ กลับมาดำเนินชีวิตได้ตามเดิมอีก...ไม่ต้องกิน ยาแก้เครียดอีกแล้ว
แต่ผมยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจนในการใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ครับ
|
|
|
|
|
 |
ผู้ไม่รู้ ฯ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
12 ก.พ.2005, 4:53 am |
  |
ก็เห็นใจนะครับ.. สำหรับวิบากกรรมที่คุณกำลังเสวยอยู่
ผมเองก็ยังไม่สามารถจะแนะนำอะไรได้ขอเป็นกำลังใจโดย copy ธรรมปฏิบัติที่ post โดยคุณ mayrin ใน webborad ลานธรรมเสวนา , เพื่อเป็นแนวทางเพราะผมก็ใช้แนวทางนี้อยู่
ด้วยเพราะว่ายังเป็นฆารวาสอยู่มีหน้าที่ที่รับผิดชอบ
เกี่ยวข้องกับสังคมที่เต็มด้วยมีสิ่งยั่วยุของกิเลสอยู่มากมายครับ โปรดจำไว้อย่างนะครับว่าธรรมะต้องสู้ สู้กับกิเลส
ต้องอดทนไม่ใช่หลบหนีครับ ขอเป็นกำลังใจครับ
กราบขออนุญาต webmaster larndham.net และขออนุญาต
เจ้าของกระทู้คุณ mayrin มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
================================================
ธรรมปฏิบัติ
เนื้อความ :
อารยา ติลกานนท์
--------------------
นับตั้งแต่ดิฉันเกิดมาเจริญเติบโตพอที่จะจำความได้มาถึงปัจจุบันขณะนี้ ดิฉันไม่เคยเห็นใครมีความรักความปราถนาดีอย่างบริสุทธิ์และจริงใจเท่าแม่ของดิฉัน คุณแม่เป็นทั้งแม่ผู้ให้กำเนิด เป็นทั้งครูอาจารย์ เป็นทั้งเทวดา เป็นทั้งพระพรหมของลูก เป็นบุคคลที่ควรบูชาอย่างสูงสุด
คุณแม่ได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมมาเป็นเวลามากกว่า ๑๐ ปีแล้ว ได้ฝึกฝนอบรมจิตใจให้ตั้งอยู่ในธรรม มีการเจริญสติปัฎฐานในชีวิตประจำวัน ท่านได้นำหลักธรรมทั้งปริยัติและปฏิบัติมาสั่งสอนอบรมลูก ๆ อยู่เป็นเนืองนิตย์ ด้วยวิธีการนั่งล้อมวงแล้วกล่าวธรรมให้ฟัง หรือบางครั้งก็อบรมธรรม โดยเขียนเป็นจดหมายแล้วทิ้งให้อ่าน
ครั้งนี้ก็เช่นกัน คุณแม่ได้เขียนเตือนสติดิฉัน ทำให้ดิฉันมีความประทับใจและซาบซึ้งมาก ดิฉันได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณแม่ ทำให้การเจริญสติปัฏฐานก้าวหน้าขึ้น จึงขอนำจดหมายของท่านมาลงในทีนี้
------------------
ตุ๊กลูกรัก
ชีวิตนี้หมดสิ้นไปทุกขณะจิต ทุกลมหายใจเข้าออก ขณะนี้กำลังทำอะไรอยู่ มีสติสัมปชัญญะ รู้สึกตัวอยู่หรือเปล่า ไม่ว่าลูกกำลังทำงานใดๆ กำลังเพลิดเพลินต่อสิ่งใด ถ้าขาดสติสัมปชัญญะควบคุมแล้ว ชีวิตก็สูญเปล่า คุณค่าของชีวิตอยู่ที่การมีสติสัมปชัญญะ คือ ความรู้สึกตัวต่อทุกๆ การงาน ไม่เผลอ ไม่ใจลอย มีสติจดจ่ออยู่กับทุก ๆ การงานที่เกี่ยวข้องตลอดเวลา
ยามใดที่ขาดสติสัมปชัญญะ ชีวิตก็จะเหมือนเป็นหมัน เหมือนคนที่ตายแล้ว เพราะคนตายคือคนที่ไม่มีสติสัมปชัญญะ หรือ เหมือนกับไส้ตระเกียงที่กำลังถูกเพลิงไฟเผาให้หมดสิ้นไป โดยไม่ได้นำแสงสว่างที่เกิดจากไส้ตะเกียงมาใช้ให้เป็นประโยชน์
จงตื่นเถิด ! จงรู้สึกตัวเถิด ! จงมีสติสัมปชัญญะเถิด
ลูกรักเอ๋ย ต่อแต่นี้ไปจงอย่าใจลอย อย่าเผลอ อย่าหลง ลืมสติ จะทำอะไรก็ทำอย่างมีสติสัมปชัญญะ รู้ตัวว่าขณะนี้กำลังทำอะไรอยู่ จะลุกไปเข้าห้องน้ำ หรือรับประทานอาหาร ก็ให้รู้สึกตัวก่อน แล้วจึงลุกไปดำเนินไป ขณะกินอาหาร ขอให้อยู่กับการกิน การเคี้ยวให้ละเอียด รู้นั่ง รู้เคี้ยว รู้เอื้อม รู้การตักอาหาร ให้ใส่ใจรู้สึกตัวในอาการของแต่ละขณะ ๆ อย่างต่อเนื่อง พยายามควบคุมจิตให้อยู่กับการงานที่กำลังทำเฉพาะหน้า มีสติสัมปชัญญะ ความรู้ตัวทั่วพร้อมมาล้อมกายน้อย ๆ นี้ไว้นะลูก ขอให้มีสติสัมปชัญญะความรู้สึกตัวเป็นเครื่องห่อหุ้มกายใจ จงคิดอย่างมีสติรู้เท่าทัน จงทำอย่างมีสัมปชัญญะรู้ชัดแจ้ง
เมื่อถึงเวลานอน จงนอนอย่างผู้มีสติ มีสติรู้อยู่ในอาการท่าทางของรูปนอน ขณะนี้ร่างกายกำลังทอดตัวยาว ๆ อยู่บนเตียง ขนานกับพื้นจงรู้สึกตัวลงไปที่ท่านั้น รู้แล้วหมดไป กลับมารู้ใหม่ ๆ ท่านอนนี้เมื่อยแล้วใช่ใหม ? มีสติรู้ว่าเมื่อยแล้ว ทุกข์เกิดแล้ว กำหนดรู้ก่อนว่าจะแก้ทุกข์ แล้วจึงพลิกตัว พลิกไปรู้ไป มีสติสัมปชัญญะมารู้ท่าใหม่ต่อไป ๆ ตามรู้ตามเห็นอาการของท่านอนนี้ตลอดไปจนหลับ
ในเวลาที่ตื่นนอน อย่าเพิ่งรีบลุก ให้ยังอยู่ในรูปนอน ดูท่าทอดไปยาว ๆ รู้สึกตามอาการนั้น แล้วจึงลุกไปแก้ทุกข์ ค่อย ๆ ประคองตัวลุกขึ้น รู้สึกตัวขณะที่กำลังลุก รู้ลุกขึ้น ๆ มาเป็นรู้นั่งแล้ว รูปนอนดับไปแล้วนะ รู้สึกในท่านั่งต่อ รู้สึกในรูปนั่งก่อนนะ แล้วจึงดำเนินต่อไป
ค่อย ๆ ยันตัวยืนขึ้น เข่าที่งออยู่ ค่อยๆ ยืดตรง จนมาอยู่ในท่ายืน ขณะนี้ยืนแล้วนะลูก เท้าแตะพื้น ศรีษะชี้ฟ้า กายตั้งฉากกับพื้น ลูกรู้สึกตัวหรือเปล่า ? กายน้อย ๆ ของลูกที่ทอดยาวบนเตียงดับแล้วกายนั่งก็ดับไปแล้ว กายยืนกำลังปรากฏอยู่ขณะนั้น ก่อนจะก้าวเดิน เอาสติมาไว้ที่กายยืนก่อน ดูอาการยืน แล้วจึงก้าวไป มีสติสัมปชัญญะตามรู้อาการที่ก้าวไป ๆ จนกระทั่งถึงห้องน้ำ
ในห้องน้ำ ขณะที่ลูกกำลังทำกิจต่าง ๆ มีอาการท่าทางมากมาย มีรูปมากมายมาปรากฏให้กำหนดรู้ แล้วก็ดับตาม ๆ กันไป รูปเก่าดับไป รูปใหม่เกิดขึ้นมาแทนที่อย่างต่อเนื่อง
ลูกเอ๋ย ! จงดูเถิด ! จงกำหนดเถิด ! จงพิจารณาเถิด ! จงดู จงกำหนด จงพิจารณารูปแต่ละรูปให้ต่อเนื่องเถิด มีสติสัมปชัญญะเป็นผู้ดู เป็นผู้กำหนด เป็นผู้พิจารณา มีรูปปัจจุบันเป็นผู้ถูกดู เป็นผู้ถูกกำหนด เป็นผู้ถูกพิจารณา ถ้าเผลอสติ ใจลอย รูปปัจจุบันกำลังมีอยู่ก็จริง แต่ไม่ถูกดู กลายเป็นรูปอดีตไปแล้ว และรูปอนาคตก็จะมาแทนรูปปัจจุบัน ลูกต้องมีสติสัมปชัญญะ กำหนดให้ทันรูปปัจจุบันอยู่เสมอ ๆ
ถ้าใจลอยขาดสติ ไม่ได้กำหนดรูปปัจจุบัน จะมีโทษมาก จะเป็นอาหารของกิเลสไป ขณะใดที่ลูกมีสติสัมปชัญญะ รู้สึกตัวขณะคิด ขณะพูด ขณะทำ ขณะนั้นมีคุณประโยชน์มาก ลูกกำลังให้อาหารแก่ปัญญาเชียวนะ
จงป้อนอาหารให้แก่ปัญญาเถิดนะลูกรัก พยายามตามรู้รูปที่กำลังปรากฏ เฉพาะหน้า รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ขณะที่รู้ คือ ขณะที่กำลังให้อาหารปัญญานะ ขอให้ลูกมีสติสัมปชัญญะห่อหุ้มกาย ใจไว้เสมอ ๆ
------------------------------------------------------------------------------
ความนึกคิด-จิตใจ
รูปยืน รูปเดิน รูปนั่ง รูปนอน
อริยบถย่อยต่าง ๆ เหยียด คู้ เคี้ยว กลืน ถ่าย ฯลฯ
------------------------------------------------------------------------------
รูปแ ต่ละรูปที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน มีปรากฏตลอดเวลา สติสัมปชัญญะเพียงแค่ รู้สึก เข้าไปที่อาการ นั้น ๆ ถ้ารู้รูปปัจจุบันมากขึ้น ๆ เท่ากับป้อนอาหารให้ปัญญามากขึ้น ปัญญามีมากเท่าไร กิเลสจะลดน้อยลงเท่านั้น จนกระทั่งปัญญาเจริญมากเต็มที่ กิเลสจะถูกปัญญาทำลายให้หมดสิ้น
เมื่อก่อนนี้จิตใจมีกิเลสครอบครองเป็นใหญ่ พาให้เศร้าหมอง มี โลภะ โทสะ โมหะ หงุดหงิด รำคาญ เบื่อหน่าย ดิ้นรน มีทุกข์มาก บัดนี้ในใจมีปัญญาเป็นใหญ่ กิเลสถูกทำลายไป พาให้สุขสบาย ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง เย็นใจ สุขใจ บันเทิงใจ ช่างมีความสุขสบายจริง ๆ นะลูกเอ๋ย
ด้วยความรักและเมตตา
จากแม่
----------------------------------------------------
คัดลอกจาก: ธรรมะเพื่อชีวิต
เล่มที่ ๒๕ ฉบับวันเข้าพรรษา ๒๕๔๓
มูลนิธิพุทธศาสนาศึกษา วัดบุรณศิริมาตยาราม
----------------------------------------------------
จากคุณ : mayrin [ 25 มิ.ย. 2545 / 14:20:21 น. ]
[ IP Address : 210.203.176.37 ]
|
|
|
|
|
 |
มาดู
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
12 ก.พ.2005, 11:24 am |
  |
|
|
 |
เกียรติ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
12 ก.พ.2005, 11:54 am |
  |
กรรมดี ตัดรอนกรรมชั่วได้ครับ คือ ไม่ได้หมายความว่า กรรมชั่วหมดไปนะครับกรรมชั่วยังอยู่ แต่กรรมดีสามารถดึงเราให้หนีออกมาจนกรรมชั่วตามไม่ทันได้ครับ ลองหาสื่อธรรมะดีๆ ที่ไม่เฉพาะเปิดให้คุณฟังคนเดียว แต่ให้ลูกคุณที่อายุ 2 ขวบนี่แหละครับ ฟังไปด้วย เราอย่าไปเข้าใจว่าเด็ก 2 ขวบ แถมป่วยเป็นโรคนี้ จะไม่รู้เรื่องนะครับ เปิดให้ฟังไปเรื่อยๆ วนไปวนมา ทั้งวันทุกวัน เดี่ยวถ้าใจเด็กนึกถึงบุญเก่าที่เคยทำมาได้ และวิบากกรรมนี้อ่อนกำลังลง เดี๋ยวบุญได้ช่อง แทรกเข้าไปได้ จะเกิดสิ่งอัศจรรย์ครับ |
|
|
|
|
 |
ppj
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
13 ก.พ.2005, 11:17 am |
  |
อาจารย์ท่านหนึ่ง ที่ppjเคารพรัก มักเล่าพุทธประวัติให้ฟัง ท่านเคยกล่าวว่า กรรมของบุคคลใด ก็เป็นกรรมของคนนั้น ไม่มีใครสามารถใช้กรรมแทนกันได้ แต่ที่ต้องมาเผชิญทุกข์ร่วมกัน เป็นเพราะความผูกพันกันมาแต่อดีตชาติ ทำให้เกิดมาพบกัน ppj จึงคิดว่ากรรมนี้เป็นกรรมเก่าของลูก ส่วนคุณคือพ่อบังเกิดเกล้า ที่จะช่วยให้ลูกของคุณผ่านพ้นวิกฤติของชีวิต และห้วงแห่งกรรมอันเลวร้ายนั้นไปได้
ขอเป็นกำลังใจให้ตลอดไป.................................
 |
|
|
|
|
 |
นพ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
14 ก.พ.2005, 11:27 am |
  |
ผมเองเห็นใจมากครับ
แต่ผมคิดว่า คุณน่าจะมีโอกาสพอควร
ลองทำตามที่คำแนะนำที่มีผู้แนะนำให้ผมทำแล้วกันครับ
แม้ว่า เวรกรรมจะใช้แทนกันไม่ได้ แต่เราสามารถช่วยเขาได้มากที่สุดเท่าที่
เราสามารถทำได้
ผมมีคำแนะนำที่พอจะใช้ได้กับคุณนะครับ
1. ให้สวดมนต์ แผ่เมตตา ทุกเช้า เย็น
2. ให้ทำบุญ อุทิศส่วนกุศลไปให้ ทำบ่อยๆ ทำจนกระทั่งเจ้ากรรมนายเวรจะยอมรับ
เพราะโดยปกติ ถ้าหากในอดีตชาติ พวกคุณไปทำเขารุนแรงมาก พวกเขาจะไม่ยอมรับส่วนบุญเลย
(สังเกตหน่อยนะครับว่า คุณหรือลูกคุณ เคยฝันอะไรแปลกๆ บ่อยๆ เช่น ฝันเห็นงู ฝันเห็นสงคราม ฝันเห็นผี เป็นต้น
ถ้าฝันเห็นสัตว์บ่อยๆ ก็ทำบุญด้วยอาหารที่พวกสัตว์นั้นกิน เช่น งู จะกินนม
)
3. ต้องตั้งความหวังว่าลูกคนจะต้องหาย
4. อย่ามัวแต่พึ่งทางธรรม ต้องพึ่งทางโลกคู่ขนานกัน
เช่น คุณอธิฐานให้คุณได้รับรางวัลฉลากกินแบ่งรัฐบาล แต่คุณไม่ซื้อ ก็ไม่มีโอกาสจะได้รับรางวัลแน่นอน เพราะว่ารางวัลคงไม่ลอยมาหาคุณหรอกครับ
|
|
|
|
|
 |
ชัช
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
14 ก.พ.2005, 6:56 pm |
  |
ขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจครับ
ผมจะมุงมั่นทำความดีต่อไป
ควบคู่ไปกับการดูแลลูก ด้วยความเมตตา |
|
|
|
|
 |
ชัช
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
15 ก.พ.2005, 8:10 pm |
  |
ขอบคุณครับ ที่ให้คำชี้แนะ
ทุกวันนี้ ที่ทำได้คือเก็บงาน ที่ค้าง ให้หมด
แล้วให้เวลา ครอบครัว ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ
ทุกวันนี้ ในช่วงเวลาระหว่างวัน ก็มี เผลอปล่อยให้ อารมณ์ หดหู่เข้ามา บ้าง
แต่เมื่อรู้ ว่าใจมันเริ่ม คิด วิตกอีกแล้ว ก็รีบ หยุดดู และ พิจารณา อารมณ์ที่เข้า
จับตาดู อาการเกิดและดับ ของทุกอารมณ์ที่เกิดขึ้นมาในใจ ครับ
สักวันผมคงจะ สามารถ เบิกบานได้กับทุกๆ ความทุกข์ที่เข้ามาในชีวิตครับ
ชัช
|
|
|
|
|
 |
|
|
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่ คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ คุณไม่สามารถลงคะแนน คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้ คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
|
| | |