ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
Buddha
บัวบาน

เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415
|
ตอบเมื่อ:
27 พ.ค.2008, 9:47 am |
  |
ศาสนาช่วยอะไรได้บ้าง ในยุค เศรษฐกิจฝืดเคือง น้ำมันแพง เครื่องอุปโภค บริโภคราคาแพง โดยเฉพาะศาสนาพุทธ
ในที่นี้จะไม่กล่าวถึงคนในศาสนาอื่นๆ เพราะทุกคนรู้เห็น และทราบกันดี ถึงความอยากชนะ ซึ่งกันและกัน ด้วยความโลภ ด้วยความแค้น อันไม่สามารถกล่าวถึงได้ เพราะมันจะเป็นการให้ร้ายศาสนาอื่นๆ
ดังนั้น จึงจะกล่าวถึงเฉพาะ ศาสนาพุทธ และบุคคลที่นับถือศาสนาพุทธ ทั้งหลาย ว่า หลักธรรมทางศาสนาพุทธ ช่วยอะไรประชาชนคนทั้งหลาย ได้บ้าง
ถ้าทุกคนที่เป็นคนไทย รุ้จักใช้ธรรมะทางศาสนา มาเป็นเครื่องเป็นปัจจัย เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต เป็นแนวทางในการปฏิสัมพันธ์ สังคมเป็นอยู่ร่วมกัน ประชาชนคนไทยทั้งหลายล้วนต้องอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขไม่เดือดร้อน
แล้วเพราะอะไรหรือ บ้านเมืองถึงระส่ำระสาย ไปทุกหย่อมหญ้า สาเหตุก็เพราะหลักธรรมศาสนา ไม่สามารถจรรโลงใจ ไม่สามารถทำให้เขาเหล่านั้นเห็นดีเห็นงามไปกลับหลักธรรมทางศาสนาทำให้จิตใจมีแต่ความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ ไม่ได้มีความสามัคคีปรองดอง กัน ตั้งแต่ระดับ การเมืองการปกครอง จนถึงระดับรากหญ้า
ถ้าเป็นสมัยโบราณ ข้าศึก หรือฝ่ายตรงกันข้าม ย่อมถือเป็นนิมิตหมายที่จะบุกเข้าโจมตีทำลายบ้านเมืองได้โดยง่ายดาย
คณะรัฐบาล ก็มัวหวง และห่วง เก้าอี้ตัวเอง เพราะรัฐธรรมนูญ ที่ไม่ค่อยมีความยุติธรรมเท่าที่ควรกับพวกเขาเหล่านักการเมืองทั้งหลาย จนพวกเขาแทบไม่ได้สนใจหรือใส่ใจ หรือ สนใจน้อยมาก โดยถือสาเหตุว่า มาจากปัจจัยภายนอก อันได้แก่น้ำมัน ซึ่งในทางที่เป็นจริงแล้ว น้ำมันนั้น เป็นเพียงปัจจัย เล็กๆ ที่ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น ในการผลิตสินค้า และประกอบการต่างๆ
หลักธรรมทางศาสนา ที่สามารถช่วยทำให้บุคคลรู้จักใช้สมองสติปัญญาช่วยเหลือ หรือแบ่งเบา สภาพจิตใจ สภาพความเป็นอยู่อันขัดสนในยุคนี้ มีอยู่หลายข้อหลายอย่าง อันสามารถทำให้บุคคลทุกระดับทุกชนชั้น มีสภาพจิตใจที่ดีขึ้น เข้าใจ และรู้จักเอาใจใส่ต่อตนเอง และคนรอบข้างได้เป็นอย่างดียิ่งในยุคสมัยนี้ ก็คือ
ทุกคน ควรได้มองดูตัวเองว่า ตัวเองนั้น
ครองเรือน อันได้แก่ บทบาท และหน้าที่ ของแต่ละบุคคลคือ อะไร สามารถที่จะให้ทาน คือช่วยเหลือ หรือสร้างนโยบาย หรือจำกัด ราคาสินค้า หรือ ตรึงราคาสินค้า ลดราคาสินค้า หรือ เอากำไรพอควร ในกิจการต่างๆ
การที่บุคคลรู้และระลึกนึกถึงได้อยู่เสมอถึง บทบาท และมีความคิดในหน้าที่ ในกิจการเกี่ยวกับหน้าที่ ซึ่งล้วนย่อมเกิดจาก การครองเรือน หรือรู้จักใช้บทบาท และหน้าที่นั้น สร้างสรรค์ นโยบาย จำกัด ราคา หรือ ตรึงราคาสินค้า ลดราคาสินค้า หรือเอากำไรพอควร ในกิจการต่างๆ ซึ่งก็ล้วนขี้นอยู่กับ อาชีพต่างๆ(สรรพอาชีพ) ที่บุคคล ดำเนินการ หรือประกอบกิจการนั้นๆอยู่ อีกทั้ง บุคคลผู้ระลึก นึกถึง และคิดพิจารณา สภาพการครองเรือนของตน รวมไปถึงหน้าที่ของตน ล้วนย่อม ประพฤติ ปฏิบัติ ไปตาม จรรยาแห่งอาชีพต่างๆ เหล่านั้น เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง และหมู่คณะ อันหมายถึงครอบครัว ห้างร้าน บริษัท จนไปถึง ระดับประเทศชาติบ้านเมือง การประพฤติ ปฏิบัติ ไปตามจรรยา ของอาชีพต่างๆเหล่านั้น ล้วนย่อมเกิดจากการรู้คุณ เกิดจากการเจรจา หรือติดต่อสื่อสาร อันหมายถึง ความรู้ประสบการณ์ ที่ได้รับการขัดเกลา ได้ร่ำเรียน ศึกษา ย่อมแสดงให้เห็น ย่อมแสดงให้รู้ถึงสภาพสภาวะจิตใจอันมี สติสัมปชัญญะ มีธรรมะ คือ ความเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา อันได้ชื่อว่า เป็นธรรมแห่งพรหม ซึ่งแสดงถึงความเป็นพุทธศาสนิกชน ที่มีธรรมแห่งศาสนาอยู่ในจิตใจและความคิด
เมื่อบุคคล รู้ และระลึกได้ถึงการครองเรือน หรือรู้และระลึกได้ ถึงบทบาท หน้าที่ของตนเอง รู้จักคิดพิจารณา สร้างสรรค์ ไปตามจรรยาแห่งสรรพอาชีพ ที่ประพฤติปฏิบัติอยู่ ทำให้เกิดรู้คุณ รู้เจรจา หรือการติดต่อสื่อสาร หรือ ได้รับการขัดเกลา ได้รับจากประสบการณ์ ได้รับจากการศึกษา และเรียนรู้ จากการเจรจา รู้คุณ จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ อีกทั้งยังหมายรวมไปถึงผู้อื่น นั่นก็ย่อมหมายถึง ความสามารถ ในการที่จะบริหารงานใดใด กิจการใดใด ให้สำเร็จลุล่วง โดยมิได้ก่อความเดือดร้อนใดใดให้กับผู้อื่น
ความเดือดร้อน ของประชาชน นั้น ย่อมเกิดจากความเป็นห่วง วิตก วิจาร เกรง จะไม่มีเงินพอใช้จ่าย ค่าขนมลูก ค่าเล่าเรียนลูก ค่าอาหารกลางวัน ค่ารถในแต่ละวัน และค่าเครื่องใช้อุปโภคบริโภค ในแต่ละวัน ในแต่ละเดือน ที่กล่าวไปนี้ จะเป็นความเป็นห่วง วิตก วิจาร ของประชาชนคนทั่วไปเป็นส่วนใหญ่ หรือจะกล่าวว่าทุกครัวเรือนเลยก็ว่าได้
ความห่วงกังวล วิตก วิจาร ของเขาเหล่านั้น ล้วนเป็นความคิด เป็นการระลึกนึกถึง อันเกิดจาก การครองเรือน และ จิตใจที่ต้องการให้ทาน ต่อบุคคลในครอบครัว และเช่นเดียวกัน ถ้าเป็นบุคคลในคณะรัฐบาล หากมีความคิด มีการระลึกนึกถึง ตามการครองเรือน เพื่อที่จะให้ทาน นั้นก็หมายถึง การแบ่งปันทรัพยากรให้กับประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน อีกทั้งยังหมายรวมถึง พฤติกรรม หรือการปฏิบัติตน รู้คุณ รู้เจรจา มิให้เกิดความแตกแยก ให้เกิดมีสามัคคีต่อประชาชนในประเทศ โดยมิให้ประชาชนเกิดความเดือนร้อนระส่ำระสาย ก็ย่อมแสดงให้เห็น แสดงให้รู้ถึงความเป็นผู้มีจรรยาแห่งอาชีพ เป็นผู้มีศีลธรรม ตามหลักพุทธศาสนา เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับประชาชน ในอันที่แก้ไขปัญหาต่างๆให้ลุล่วงไปด้วยดี
สำหรับประชาชน คนทั้งหลายนั้น ต่างก็ล้วนมีสภาพสภาวะจิตใจ ดังที่ข้าพเจ้ากล่าวไปอยู่ทุกถ้วนหน้า แต่ก็ยังมีบุคคลบางกลุ่มบางพวก ที่ไม่สนใจในศาสนาเท่าที่ควร โดยไม่ได้ระลึกนึกถึง และไม่ได้คิดว่า หลักธรรมทางศาสนาพุทธนั้น สามารถที่จะช่วยทำให้ประเทศชาติ หลุดรอด จากปัญหาต่างๆไปได้อย่างแน่นอน |
|
|
|
  |
 |
กรัชกาย
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348
|
ตอบเมื่อ:
27 พ.ค.2008, 9:48 pm |
  |
อ้างอิงจาก: |
ศาสนาช่วยอะไรได้บ้าง ในยุค เศรษฐกิจฝืดเคือง น้ำมันแพง เครื่องอุปโภค บริโภคราคาแพง โดยเฉพาะศาสนาพุทธ |
ศาสนาช่วยให้เรารู้จักทำใจรู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลง มันเป็นอย่างไรก็รู้อย่างนั้น
พอๆ ตอบได้เท่าเนี่ยครับ
แต่ขอแนะนำอีกที มีรูป คห. 6 เป็นศิษย์สำนักหนึ่ง สอนธรรมทางสถานีวิทยุ
เคยเห็นทางทีวีด้วย
พูดธรรมเป็นฉากเป็นช่องไม่ติดไม่ขัด ใครถามเกี่ยวกับธรรมะตอบได้หมด
มีโอกาสลองสนทนาธรรมกับท่านดู คงได้รับคำตอบครอบคลุมทุกประเด็น
ลิงค์นี้ครับ (คห. 6)
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P6648169/P6648169.html
|
|
_________________ สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา |
|
  |
 |
Buddha
บัวบาน

เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415
|
ตอบเมื่อ:
28 พ.ค.2008, 9:12 am |
  |
กระทู้ของข้าพเจ้า เป็นกระทู้หลักธรรมคำสอน ถ้าคุณอ่านแล้วใช้สมองคิดพิจารณาให้ดี ก็จะบรรลุธรรมได้ในระดับหนึ่ง ขึ้นอยู่กับ สติปัญญา ประสบการณ์ ฯลฯ ของท่านทั้งหลาย |
|
|
|
  |
 |
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
31 พ.ค.2008, 5:41 pm |
  |
อ้างอิงจาก: |
กระทู้ของข้าพเจ้า เป็นกระทู้หลักธรรมคำสอน ถ้าคุณอ่านแล้วใช้สมองคิดพิจารณาให้ดี ก็จะบรรลุธรรมได้ในระดับหนึ่ง ขึ้นอยู่กับ สติปัญญา ประสบการณ์ ฯลฯ ของท่านทั้งหลาย |
หลักธรรม ?
ถ้าใช้คำนี้
ข่วยยกธรรมบท อรรถกถา หรืออะไรทำนองนี้ มาตั้งไว้
แล้วอธิบายตีความเข้ากับยุคกับสมัย... ได้ไหมคับ
ถ้าทำไม่ได้ อย่าใช้คำว่า ... .."กระทู้ของข้าพเจ้า เป็นกระทู้หลักธรรมคำสอน "
ผมเห็นแต่จริตความชอบ ความคิดของตัว ทั้งนั้น
ถอดจิตไปไกลขนาดที่ว่า ....................
อ้างอิงจาก: |
ความเดือดร้อน ของประชาชน นั้น ย่อมเกิดจากความเป็นห่วง วิตก วิจาร เกรง จะไม่มีเงินพอใช้จ่าย ค่าขนมลูก ค่าเล่าเรียนลูก ค่าอาหารกลางวัน ค่ารถในแต่ละวัน และค่าเครื่องใช้อุปโภคบริโภค ในแต่ละวัน ในแต่ละเดือน ที่กล่าวไปนี้ จะเป็นความเป็นห่วง วิตก วิจาร ของประชาชนคนทั่วไปเป็นส่วนใหญ่ หรือจะกล่าวว่าทุกครัวเรือนเลยก็ว่าได้
ความห่วงกังวล วิตก วิจาร ของเขาเหล่านั้น ล้วนเป็นความคิด เป็นการระลึกนึกถึง อันเกิดจาก การครองเรือน และ จิตใจที่ต้องการให้ทาน ต่อบุคคลในครอบครัว และเช่นเดียวกัน ถ้าเป็นบุคคลในคณะรัฐบาล หากมีความคิด มีการระลึกนึกถึง ตามการครองเรือน เพื่อที่จะให้ทาน นั้นก็หมายถึง การแบ่งปันทรัพยากรให้กับประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน |
- ทาน กับ บริจาค ... คุณยังไม่รู้ความแตกต่างเลยนะ จะมาให้ทานทรัพยากร .. โถ.
- แล้วทรัพยากรนี่ของใครครับ ... ให้ทานยังไง ...
- ตกลงว่าความเดือดร้อนทั้งหลาย เกิดมาจากการครองเรือน ที่ให้ทานไม่เท่าเทียม ?
..... ถ้าผมยังไม่ได้ครองเรือน ผมอยู่คนเดียว จะไม่มีความเดือดร้อนใช่ไหมคับ
- ถ้าทั้งคนในครอบครัว หรือรัฐบาล ... แบ่งทรัพยาการให้เท่าเทียมกัน .. จะแก้ความเดือดร้อนได้?
.........แล้วถ้าประชาชน.. ทุกคนเลยนะ .. ขอที่ติดทะเลสักคนละ 10 ไร่
รบกวนคุณคนเก่ง แบ่งให้หน่อยนะคับ ... อยากรู้เหมือนกันว่าจะทำยังไงให้เท่าเทียม
..... แล้วเกิดคนอย่างผม แหลมขึ้นมาว่า ผมอยากได้ข้างหลังภูเขาข้างหน้าทะเล ...
แล้วและทำยังไงให้คนอื่นเท่าเทียม? ...
................ หาภูเขาให้ทุกคนที่ต้องการ หรือ เอาภูเขาออกไปจากความต้องการของผม?
ถ้าคุณไม่ให้ภูเขาผม ... ถือว่าคุณไม่เท่าเทียมนะ ... ผมต้องการอย่างนี้นี่ จะเอา มีไรมั๊ย.
ก็ผมว่าผมอยากได้เท่านี้ ผมถึงจะพอใจ... ให้น้อยกว่านี้ผมไม่เอา... คนอื่นยังไงไม่สน
.......
คุณไม่มีวันสนองความต้องการให้ทุกคนได้เท่าเทียมหรอกครับคุณ
พระพุทธเจ้ามาเกิดอีกแสนรูปผ่านไปแล้ว คุณก็จะยังแก้ตรงนี้ไม่ได้
คุณไม่ได้ดับสมุทัย... ทุกข์ไม่ดับหรอก ... เหตุแห่งทุกข์ของคุณมันมีปัญหา
ตรรกกะมีปัญหา
.... ความเดือดร้อน .. มาจากความวิตก
... ความวิตก ... มาจากการให้ทานไม่เท่าเทียมในครอบครัว
.... ถ้ารัฐบานแบ่งปันทรัพยากรเท่าเทียม .. จะแก้ความเดือดร้อนได้
เป็นอะไรมากมั๊ย ....หรือเปล่า .. ?
นิยามคำว่าความเดือดร้อนซะยืดยาว
แต่มาจบว่า ทั้งหมดเป็นพราะให้ทานในครอบครัวไม่เท่าเทียม!!!!
ประเทศเดือดร้อนเพราะให้ทรัพยากรไม่เท่าเทียม ... ซะงั้น
กลับไปกลับมา สับสน
พูดถึงกิ่งนี้ยังไม่ทันจบ ก็ไม่กิ่งโน้น ...
ว่าเรื่องกิ่งโน้น.. แต่หาว่ากิ่งนี้เป้นเหตุ
โอย .. ไม่มีระบบ ... จะอ้างว่าตัวพูดเป็น ....หลัก... ได้ยังไง
แม้คำพูด คำกล่าวต่างๆจะฟังได้ แม้จะจับแพะชนแกะกันระเนระนาด
แต่ไม่ใช่ ...หลัก ...
อวดอุตริ.
ถ้ายกมาว่า .. สมชีวตา คืออะไร ...
แล้วอธิบายเอาเชื่มโยงเข้าสถานการณ์ปัจจุบัน ... ผมคงจะสาธุให้นะคับ
ความจริงผมไม่อยากจะเสวนากับคุณหรอก เพราะคุณบรรลุอะไรๆตั้งมากมาย ถึงไหนต่อถึงไหน
ไปสูง ไปไกล จนเรียกกลับไม่ได้แล้ว
แต่หมั่นไส้ .... คัรบ .. ผมคนขี้เหม็น .. ไม่ใช่ผู้บรรลุ ถอดตับไตไส้พุงไปไหนมาไหนได้
เลยยังคงมีความหมั่นไส้รุนแรงอยู่
จริงๆผมยังหวังเล็กๆ 3 อย่างนะ
คือ 1 คุณแก้มิจฉาทิฏฐิ ให้มันดีขึ้น
จะได้ทำให้ข้อ 2. คือคนประเภทข้อหนึ่ง น้อยลง
3. พอคนแบบนี้น้อยลง ... มันจะได้ไม่มากองก่าย เต็มแยกมัฆวาลรังสรรค์ไปหมด
(ประหลาด .. ด่าคนอื่น ให้กันฟัง ทั้งวี่ทั้งวัน ... ไม่เห็นจะพูดว่าประท้วงทำไม
เอาเวลาด่า มาจารไนยเหตุผลสนับสนุนข้อเรียกร้องสักนิดก็ไม่มี...)
มิจฉาทิฏฐิ ไม่มีตรรกะ ไม่มีเหตุผล
เป็นพระเตมียืใบ้ไปกันหมดแล้วแล้ว บอดจากธรรมะ... ทุกทวาร
หวังว่าผมได้มาชี้ทางสว่างให้คุณแล้ว
คุณจะมีสติปัญญาเข้าใจธรรมะอันสูงส่งที่เข้าใจยากของผม
คำพูดผมทุกคำคือหลักธรรมนะคับ อ่านให้ดี อ่านให้แตก
ธรรมะของผมเป็นจริงที่สุด ดีที่สุด .. แต่คุณไม่เข้าใจเอง
ฉะนั้นคุณต้องเชื่อผม แล้วคุณจะเข้าใจเอง เมื่อคุณแลาดขึ้น
ถอดหัวถอดไส้ลอยไปลอยมาได้อย่างผมเมื่อไหร่
คุณจะเข้าใจ
วิทยาศาสตร์ตามไม่ทันก็แล้วกันล่ะ
เชื่อผมเถอะ
นะ
...
เชื่อเถอะ
..
..
..
ผมของจริง
...
..
..
พิสุจน์แล้ว
...
..
..
.
.
.
ทำไมไม่เชื่อว่ะ
...
อ๋อ คนฉลาดเท่านั้นที่เข้าใจ
...
ถ้าคุณไม่ฉลาด
คุณต้องอ่านทุกกระทู้ของผมให้ดี อ่านให้แตก
...
..
ถ้ายังไม่เข้าใจ แปลว่าโง่
...
ดังนั้น
คุณต้องเชื่อผม
...
...
..
เพราะผมสพิสูจน์ของผมเอง เออเอง ทั้งหมดทั้งสิ้นแล้ว
..
...
...
โง่ก้ต้องเชื่อสิ
...
..
..
คุณไม่มีวันเข้าใจหรอก
...
..เพราะธรรมะของผม สำหรับคนที่ฉลาด
..
..
(โอ๊ย เหนือย.. ผม... ไปละ ) |
|
_________________ ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
|
|
  |
 |
Buddha
บัวบาน

เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415
|
ตอบเมื่อ:
01 มิ.ย.2008, 8:59 am |
  |
ฮ่า ฮ่า ฮ่า คุณผู้ใช่ชื่อว่า "คามินธรรม" คุณเรียนแบบ ซะจน ไม่ใช้สมองสติปัญญาคิดพิจารณาอะไรบ้างเลยหรือ
คุณไปคิดพิจารณาให้ดี ถ้าคุณเป็นมนุษย์ มีพ่อ มีแม่ หรือมีครอบครัวแล้ว คุณ ก็จะคิดได้เองละนะว่า "คำว่า การครองเรือน นั้น มีความหมายถึงใครบ้าง "
ข้าพเจ้าให้เกียรติคุณ ใช้สมองสติปัญญาคิดพิจารณาด้วยตัวเอง หากคุณคิดได้ คุณก็สามารถบรรลุธรรมได้ในระดับหนึ่ง ตามหลักการหรือหลักธรรมคำสอนของข้าพเจ้าที่ได้กล่าวไป แล้ว พิจารณาให้ดี อย่าเพิ่งด่วนสรุป ฮ่า ฮ่า ฮ่า |
|
|
|
  |
 |
กรัชกาย
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348
|
ตอบเมื่อ:
01 มิ.ย.2008, 9:45 am |
  |
|
  |
 |
ชีวิตคืออะไร
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2008
ตอบ: 38
|
ตอบเมื่อ:
03 มิ.ย.2008, 4:21 pm |
  |
ผมเข้าใจเข้าความรู้สึกเจ้าของกระทู้ดีครับ แต่ก็ยังมีคนเลวร้ายมาอยู่ในสังคมนะครับ
แต่ยังไงก็ควรระมัดระวังคำว่า "หน้าที่" มาด้วยครับเพราะดูเหมือนที่ผู้คนที่แสวงหาสัจจะจะไม่มีคำว่า หน้าที่ครับ |
|
_________________ ที่ใดมีการเลือกหรือแบ่งแยก ที่นั้นย่อมมีการขัดแย้ง |
|
    |
 |
Buddha
บัวบาน

เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415
|
ตอบเมื่อ:
04 มิ.ย.2008, 9:12 am |
  |
ชีวิตคืออะไร พิมพ์ว่า: |
ผมเข้าใจเข้าความรู้สึกเจ้าของกระทู้ดีครับ แต่ก็ยังมีคนเลวร้ายมาอยู่ในสังคมนะครับ
แต่ยังไงก็ควรระมัดระวังคำว่า "หน้าที่" มาด้วยครับเพราะดูเหมือนที่ผู้คนที่แสวงหาสัจจะจะไม่มีคำว่า หน้าที่ครับ |
ตอบ...
คุณคิดพิจารณาให้ดี แล้วคุณจะเป็น "ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน"
นั่นหมายความว่าคุณย่อมบรรลุธรรมชั้นโสดาบัน ได้ในระดับหนึ่ง
แล้วอื่นๆ ก็จะตามมา |
|
|
|
  |
 |
ชีวิตคืออะไร
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2008
ตอบ: 38
|
ตอบเมื่อ:
10 มิ.ย.2008, 10:16 pm |
  |
อ้างอิงจาก: |
ตอบ...
คุณคิดพิจารณาให้ดี แล้วคุณจะเป็น "ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน"
นั่นหมายความว่าคุณย่อมบรรลุธรรมชั้นโสดาบัน ได้ในระดับหนึ่ง
แล้วอื่นๆ ก็จะตามมา
|
แต่ยังไงสัจจะ ก็ไม่มีสถานะหรือไม่ใช่หรือครับ ถึงแม้ผมจะเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ก็ตามครับหรือไม่ได้เป็นก็ตามแต่ เรื่องยังงี้ไม่สามารถบอกสถานะไม่ได้นะครับ |
|
_________________ ที่ใดมีการเลือกหรือแบ่งแยก ที่นั้นย่อมมีการขัดแย้ง |
|
    |
 |
เศษพุทธทาส
บัวใต้น้ำ

เข้าร่วม: 08 เม.ย. 2007
ตอบ: 121
|
ตอบเมื่อ:
11 มิ.ย.2008, 10:41 pm |
  |
ศาสนาจะดีหรือจะชั่ว
จะมีสาระหรือไร้สาระ
จะมีประโยชน์หรือไร้ประโยชน์
จะงมงายหรือจริงแท้
ก็สุดแท้ แต่ระดับผลกรรมแห่งปัญญาในจิตของใครจะมีมากน้อยต่างกัน ในการที่จะสกัดเอาสิ่งใดออกมาจากศาสนานั้นๆตามภูมิธรรมของแต่ละคน
ใครมีบุญมาก ก็ได้นับถือศาสนาดีๆ นอกจากนั้น ใครมีปัญญามาก ก็สามารถที่จะสกัดเอาสิ่งดีออกมาได้มาก จะไม่มีมานั่งบ่นนั่งว่า ว่าศาสนาช่วยอะไรได้มั่ง เพียงเพราะพวกเขานั้น ไม่เคยใช้หรือทดลองนำไปใช้เลยว่าศาสนาจะช่ยอะไรได้มั้ง ในยุคที่ข้าวยากหมากแพงอย่างนี้
แหมกลุ่มใหญ่จะไม่สามารถนำศาสนามาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างที่หวังกันแล้ว
แต่ก็ขอให้กลุ่มน้อยนั้นปฏิบัติตามูมิธรรมของแต่ละคนไปอย่างสงบเถอะ เพราะเราผู้ได้เข้ามาอยู่ในร่มบารมีของพระพุทธเจ้านั้น ย่อมตระหนักรู้ว่า ธรรมนั้น เป็น ปัจจัตตัง
May the Dhamma be with you. ขอธรรมจงสถิตอยู่กับท่าน  |
|
_________________ ทำวันนี้ให้ดีและต้องรู้ไว้ว่า ทำดีเพื่อดี ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ อุปสรรคไม่มี บารมีไม่เกิด |
|
  |
 |
RARM
บัวบาน

เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2007
ตอบ: 417
|
ตอบเมื่อ:
12 มิ.ย.2008, 7:12 pm |
  |
ช่วยเตือนเราว่า จะทำการสิ่งใด ต้องมีสติ และสัมปชัญญะครับ |
|
|
|
  |
 |
Buddha
บัวบาน

เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415
|
ตอบเมื่อ:
12 มิ.ย.2008, 7:54 pm |
  |
สรรพสิ่งทั้งหลายล้วนต้องมีสถานะ เพราะสถานะคือ ความเป็นไป หรือความเป็นอยู่ (พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน) ของสรรพสิ่งนั้นๆ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะนับได้หรือนับไม่ได้ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นรูปธรรมหรือนามธรรมก็ตามแต่
การปกครอง นับตั้งแต่ระดับครอบครัวเป็นต้นมา ล้วนต้องอาศัยธรรมะ ซึ่งล้วนเป็นธรรมชาติที่ดีงามของมนุษย์ และ ธรรมะในการปกครอง ก็มีมาช้านาน ถ้าเป็นประวัติชาติไทย ก็มีมาตั้งแต่สมัยไทยเริ่มมี กรุงสุโขทัยเป็นราชธานี เลยทีเดียว
หากบ้านใด ประเทศใด ไม่มีธรรมะในการปกครองประเทศ ประเทศนั้นไม่นานก็ต้องล่มสลาย
ไม่ว่า การปกครองเหล่านั้นจะเป็นการปกครองระบอบใด หรือแบบใดใด ก็ล้วนย่อมต้องมีธรรมะ แห่งศาสนาประกอบ หรือเป็นปัจจัยอันสำคัญผสมผสานอยู่ หรือเป็นส่วนหนึ่ง หรือจะกล่าวว่า ธรรมะก็คือ หลักการปกครอง ก็ไม่ผิด
เพราะธรรมะ คือ พฤติกรรม ทั้งทาง กาย วาจา และใจ คำว่าใจนั้น หมายรวมถึง ความคิดนะขอรับ |
|
|
|
  |
 |
Buddha
บัวบาน

เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415
|
ตอบเมื่อ:
12 มิ.ย.2008, 7:54 pm |
  |
สรรพสิ่งทั้งหลายล้วนต้องมีสถานะ เพราะสถานะคือ ความเป็นไป หรือความเป็นอยู่ (พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน) ของสรรพสิ่งนั้นๆ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะนับได้หรือนับไม่ได้ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นรูปธรรมหรือนามธรรมก็ตามแต่
การปกครอง นับตั้งแต่ระดับครอบครัวเป็นต้นมา ล้วนต้องอาศัยธรรมะ ซึ่งล้วนเป็นธรรมชาติที่ดีงามของมนุษย์ และ ธรรมะในการปกครอง ก็มีมาช้านาน ถ้าเป็นประวัติชาติไทย ก็มีมาตั้งแต่สมัยไทยเริ่มมี กรุงสุโขทัยเป็นราชธานี เลยทีเดียว
หากบ้านใด ประเทศใด ไม่มีธรรมะในการปกครองประเทศ ประเทศนั้นไม่นานก็ต้องล่มสลาย
ไม่ว่า การปกครองเหล่านั้นจะเป็นการปกครองระบอบใด หรือแบบใดใด ก็ล้วนย่อมต้องมีธรรมะ แห่งศาสนาประกอบ หรือเป็นปัจจัยอันสำคัญผสมผสานอยู่ หรือเป็นส่วนหนึ่ง หรือจะกล่าวว่า ธรรมะก็คือ หลักการปกครอง ก็ไม่ผิด
เพราะธรรมะ คือ พฤติกรรม ทั้งทาง กาย วาจา และใจ คำว่าใจนั้น หมายรวมถึง ความคิดนะขอรับ |
|
|
|
  |
 |
ชีวิตคืออะไร
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2008
ตอบ: 38
|
ตอบเมื่อ:
12 มิ.ย.2008, 11:15 pm |
  |
เรื่องนี่ผมเข้าใจครับ เหมือนมีคนดีก็ต้องมีคนเลวเป็นธรรมดาซึ่งเป็นของคู่ใช่ไหมครับ  |
|
_________________ ที่ใดมีการเลือกหรือแบ่งแยก ที่นั้นย่อมมีการขัดแย้ง |
|
    |
 |
Buddha
บัวบาน

เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415
|
ตอบเมื่อ:
17 มิ.ย.2008, 9:38 am |
  |
เป็นความเข้าใจที่เกือบถูก เพราะในทางที่เป็นจริงแล้ว ความดี หรือความเลวนั้น มนุษย์เอาบรรทัดฐานจากค่านิยมของสังคม ที่นิยมคิดกันว่า การประพฤติทางกาย วาจา และใจ อันไม่เบียดเบียนผู้อื่น จนได้รับความเดือดร้อน ถือว่า เป็นความดี
ถ้าประพฤติเบียดเบียนผู้อื่น ถือว่า เป็นความไม่ดี
แต่แท้จริงแล้ว ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต หรือจะเรียกว่า เนื้อแท้ของสิ่งมีชีวิต ล้วนมีทั้ง ความดี และความไม่ดี ตามค่านิยมของมนุษย์
แต่ถ้าเป็นสัตว์เดรัจฉาน พวกมันไม่รู้ ดอกว่า สิ่งไหนควรเรียกว่าดี หรือเรียกว่าไม่ดี ตามค่านิยมของธรรมชาติ พวกมันรู้แต่ว่า หากิน แม้จะต้องจับสัตว์อื่นกินเป็นอาหาร ซึ่งล้วนเป็นระบบนิเวศน์วิทยาของธรรมชาติ อันได้สร้างมาอย่างนั้น
แต่มนุษย์ มีสมองสติปัญญา ดีกว่า คิดได้มากว่า สรีะระร่างกายเอื้ออำนวย ให้สามารถ รู้สึกผิดชอบชั่วดี
แต่ฉันใดก็ฉันนั้น มนุษย์บางคน บางกลุ่ม บางพวก หรือจะเป็นทุกคน ล้วนมีทั้งความดี และความไม่ดี อยู่ในตัวตัวเอง เป็นธรรมดา ฉะนี้ |
|
|
|
  |
 |
สิตานัน
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 17 มิ.ย. 2008
ตอบ: 10
ที่อยู่ (จังหวัด): ร้อยเอ็ด
|
ตอบเมื่อ:
19 มิ.ย.2008, 10:27 am |
  |
ช่วยให้คน เป็นคนโดยสมบูรณ์ |
|
|
|
  |
 |
Buddha
บัวบาน

เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415
|
ตอบเมื่อ:
19 มิ.ย.2008, 7:59 pm |
  |
คนหรือมนุษย์ทุกคน ล้วนเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์แล้วเป็นส่วนใหญ่ คือ เป็นคนโดยสมบูรณ์ทั้งร่างกาย และจิตใจ
คำว่าเป็นคนโดยสมบูรณ์ ทั้งร่างกายนั้น คงไม่ต้องอธิบาย
แต่การเป็นคนโดยสมบูรณ์ ทั้งจิตใจนั้น จำต้องอธิบายสักนิดว่า คนจะเป็นคนโดยสมบูรณ์ทั้งจิตใจด้วยนั้น ต้องอาศัยธรรมะแห่งศาสนา เป็นเครื่องช่วย หรือเป็นปัจจัยก่อให้เกิดสภาพสภาวะจิตใจ อันเป็นหลักธรรมธรรมะในทางศาสนา นั่นย่อมหมายความว่า หลักธรรมะทางศาสนาก็คือ สภาพสภาวะจิตใจในด้านต่างๆของมนุษย์นั่นเอง
แต่ในทางค่านิยมของคนที่ไม่รู้ จริง ไม่รู้แจ้ง ก็มักจะเข้าใจและสร้างค่านิยมจนเคยชินและเข้าใจว่า สภาพสภาวะจิตใจที่ไม่เบียดเบียนผู้อื่น คือ ธรรมะ
ซึ่งในทางที่เป็นจริงแล้ว สภาพสภาวะจิตใจทุกชนิด (หมายเอาเฉพาะมนุษย์) ล้วนเป็นข้อปลีกย่อยในหลักการหรือหลักธรรมะแห่งศาสนาทั้งสิ้น ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะธรรมชาติของมนุษย์เป็นอย่างนั้น มีอย่างนั้น
และที่กล่าวไปข้างต้น เป็นความรู้ เป็นญาณอันนับเข้าในวิปัสสนา พอสังเขป |
|
|
|
  |
 |
dd
บัวเริ่มพ้นน้ำ


เข้าร่วม: 17 มิ.ย. 2008
ตอบ: 179
ที่อยู่ (จังหวัด): overseas
|
ตอบเมื่อ:
22 มิ.ย.2008, 10:14 pm |
  |
อ้างอิงจาก: |
ศาสนาช่วยอะไรได้บ้าง |
ช่วยป้องกันเราไม่ให้โง่ แล้วปล่อยพฤติกรรมท่ีโง่ทางกาย วาจาใจ ไม่ว่าจะยุคใหนก็ตามเมื่อไม่โง่ก็มีปัญญา ไม่เดือดร้อน ด้วยตนเอง และไม่ก่อความเดือดร้อนให้คนอ่ืนๆ เรียกว่าอยู่ด้วยสันติสุข
อ้างอิงจาก: |
ศาสนาจะดีหรือจะชั่ว
จะมีสาระหรือไร้สาระ
จะมีประโยชน์หรือไร้ประโยชน์
จะงมงายหรือจริงแท้
ก็สุดแท้ แต่ระดับผลกรรมแห่งปัญญาในจิตของใครจะมีมากน้อยต่างกัน ในการที่จะสกัดเอาสิ่งใดออกมาจากศาสนานั้นๆตามภูมิธรรมของแต่ละคน
|
ม่ัวใหญ่แล้วครับ นั่นมันคน ไม่ใช่ศาสนา คนละเร่ืองกันแล้ว ต้ังสติอ่านทวนก่อนโพสต์นะท่าน |
|
|
|
  |
 |
RARM
บัวบาน

เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2007
ตอบ: 417
|
ตอบเมื่อ:
23 มิ.ย.2008, 5:58 am |
  |
เห็นด้วยกับ คุณ dd เพราะจะทำให้บิดเบือนหลักคำสอนพระผู้มีพระภาคเจ้าไป |
|
|
|
  |
 |
Buddha
บัวบาน

เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415
|
ตอบเมื่อ:
24 มิ.ย.2008, 8:15 pm |
  |
dd พิมพ์ว่า: |
อ้างอิงจาก: |
ศาสนาช่วยอะไรได้บ้าง |
ช่วยป้องกันเราไม่ให้โง่ แล้วปล่อยพฤติกรรมท่ีโง่ทางกาย วาจาใจ ไม่ว่าจะยุคใหนก็ตามเมื่อไม่โง่ก็มีปัญญา ไม่เดือดร้อน ด้วยตนเอง และไม่ก่อความเดือดร้อนให้คนอ่ืนๆ เรียกว่าอยู่ด้วยสันติสุข
อ้างอิงจาก: |
ศาสนาจะดีหรือจะชั่ว
จะมีสาระหรือไร้สาระ
จะมีประโยชน์หรือไร้ประโยชน์
จะงมงายหรือจริงแท้
ก็สุดแท้ แต่ระดับผลกรรมแห่งปัญญาในจิตของใครจะมีมากน้อยต่างกัน ในการที่จะสกัดเอาสิ่งใดออกมาจากศาสนานั้นๆตามภูมิธรรมของแต่ละคน
|
ม่ัวใหญ่แล้วครับ นั่นมันคน ไม่ใช่ศาสนา คนละเร่ืองกันแล้ว ต้ังสติอ่านทวนก่อนโพสต์นะท่าน |
ตอบ...
ฮ่า ฮ่า ฮ่า อันมนุษย์ สมองสติปัญญาไม่เท่าเทียมกัน เป็นเรื่องธรรมดาขอรับ
แต่ไม่รู้แล้วอวดฉลาด แถมดันอวดฉลาดแบบ ไม่ได้คิดพิจารณาให้ถี่ถ้วน
คุณคิดว่า คนเสื่อม ไม่ใช่ศาสนาเสื่อมหรือขอรับ
แล้วคนมันเสื่อมเพราะอะไรหรือขอรับ
เพราะไม่นับถือศาสนา หรือศาสนาสอนแล้วไม่สามารถทำให้เขาเข้าใจว่า หลักศาสนาเป็นหลักธรรมชาติ เป็นหลักความจริงที่ไม่อาจหลีกหนีได้พ้น
ถ้ามีศาสนา แล้วมีคนนับถือศาสนานั้นๆ แต่คนที่นับถือศาสนานั้นๆ ไม่อาจหรือไม่สามารถเข้าถึงธรรมะ ทีแท้จริงได้ เขาเรียกว่า ศาสนาเสื่อมขอรับ
เพราะถ้าศาสนาไม่เสื่อม คนก็ไม่เสื่อม ถ้าคนเสื่อมก็แสดงว่า ศาสนาเสื่อม
แล้วถ้าคุณจะเถียงว่า ศาสนาก็อยู่ในตำรา ไม่ได้ทำความเสื่อมเสียอะไรให้กับคน นั่นแหละคุณ ใช้สมองสติปัญญาเท่าที่มีอยุ่ของคุณคิดซิว่า
แล้วศาสนามันจะเป็นศาสนาได้อย่างไร ในเมื่อไม่มีคนนำไปประพฤติปฏิบัติ ฮ่า ฮ่า ฮ่า
แตกต่างจากหลักคำสอน ในกระทู้นี้ ใครจะนับถือ หรือไม่นับถือ จะศรัทธา หรือไม่ศรัทธา หลักธรรมคำสอน เหล่านั้น ก็เป็นหลักธรรมคำสอนที่ไม่มีผู้ใดหลีกพ้น ทุกคน ทุกเชื้อชาติ ล้วนต้องมีอย่างนั้น เป็นอย่างนั้น
เรียกว่า ไม่มีหนีพ้น เงื้อมนิ้วมือ ไม่ได้แม้แต่เศษธุลี |
|
|
|
  |
 |
|