Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 กายทิพย์มีจริงหรือไม่ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
Buddha
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415

ตอบตอบเมื่อ: 28 พ.ค.2008, 1:27 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อภินันโท พิมพ์ว่า:
เรื่องของคุณน่าสนใจดีครับ มีอัจฉริยะหลายคนแล้วครับ ที่ถูกหาว่า บ้า สติ ฟั่นเฟือน แต่ ให้ รับฟังไว้ครับ และมุ่งมั่น ค้นคว้าให้ลึกซึ้ง ชัดเจน และ หาหลักฐานมาอธิบายให้ได้ครับ มีทางเป็นไปได้ครับ ตามทางการปฏิบัติสมาธิ สำคัญคือ ต้องมีสติ ครับเวลาปฏิบัติ อย่าไปอยากได้ อยากรู้ครับ ไปตามทางเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เจอครับ เพราะศาสนาพุทธ เป็นศาสนาที่เป็นวิทยาศาสตร์ รู้ได้เฉพาะตนครับ ใครทำไครได้ พิสูจน์ด้วยตนเองครับ แต่รู้เรื่องกายทิพย์ก็ยังไม่ใช่ที่สุดของความรู้นะครับ ยังมีมากกว่านั้นอีกครับ ไปตามทางเรื่อยๆ เดี๋ยวเห็นเองครับ สุดท้าย ก็จะวางเฉยไปเลยนะครับรับรอง เป็นกำลังใจให้ครับ


ตอบ....
ข้าพเจ้าถูกกล่าวหามามากแล้ว ตั้งแต่เริ่มเข้าเวบธรรมะมา ได้หลายปีแล้ว ปัจจุบันนี้ก็ยังมีอยู่ แต่ลดน้อยลงกว่าเริ่มแรก
สิ่งที่ข้าพเจ้าเขียน เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าสามารถปฏิบัติ ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่า การปฏิบัตินั้น ต้องอาศัยปัจจัยประกอบหลายสิ่งหลายอย่าง
ปัจจุบัน ก็กำลังวิจัย ค้นคว้า ทดลองอยู่ว่า จะทำกายทิพย์ให้เป็นกายเนื้อ ได้หรือไม่ ตอนนี้กำลังค้นหา ค้นคว้า และจะทดลองไปด้วย ทีนี้คนทั่วไปก็จะได้เห็นกันละว่า เทพเจ้ามีจริง เทวดามีจริง และอะไรอีกหลายๆอย่างในอดีตกาล ที่ หลักวิทยาศาสตร์ คิดว่าเป็นไปไม่ได้ ก็จะได้เห็นกันอย่างแน่นอน ถ้าข้าพเจ้าทำได้นะขอรับ
ที่เขียนไป ไม่ใช่กล่าวเกินเลยนะขอรับ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีในยุคสมัยนี้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 30 พ.ค.2008, 7:25 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:
กายทิพย์คืออะไร กายทิพย์ คืออะตอมภายในสรีระร่างกายของมนุษย์ที่แยกตัวออกจากเซลล์ของสรีระร่างกาย เพราะภายในสรีระร่างกายของมนุษย์นั้นจะประกอบไปด้วยเซลล์ต่างๆ เซลล์เหล่านั้นก็จะมีอะตอมอยู่


ลองดูเคมี ม.4

อนุภาค 3 อย่าง โปรตรอน-นิวตรอน-อิเล็คตรอน รวมกันเป็นอะตอม
อะตอมของธาตุต่างๆ รวมกันเป็นโมเลกุล
หลายๆโมเลกุลรวมกันเป็นออแกนเนล
ออแกนเนลรวมกันเป็นเนื้อเยื่อ
เนื้อเยื่อรวมกันมากๆเข้าก้เป็นอวัยวะ
แล้วก็ค่อยใหญ่ขึ้น


อ้างอิงจาก:

เมื่อบุคคลใดฝึกตนถูกหลักวิธี อีกทั้งมีความรู้ที่ถูกต้อง ฝึกตนถึงระดับหนึ่ง ก็จะสามารถแยกอะตอมภายในร่างกายของตัวเองได้ ซึ่งอะตอมที่แยกตัวนั้น อาจจะเป็นไปโดยอัตโนมัติ หรืออาจสามารถบังคับแยกอะตอมได้



ถ้าอะตอมแยกออกเซลของจากร่างกายอย่างที่คุณว่า
ผมว่าคุณตายตรงนั้น เดี๋ยวนั้น

ถ้าจะแยกอะตอมออกจากร่างกาย
โมเลกุลต้องแตกตัวก่อน เพื่อสลายพันธะของอะตอมที่จับกันอยู่
การสลายโมเลกุล ต้องมีเรื่องพลังงานออกมา หรือดูดเข้าไปเสมอ
แต่ว่ามันจะดูดหรือคายพลังงาน ตามธรรมชาติของธาตุ

เพราะต้องมีการหักล้าง หรือรวมกัน ของพลังงาน
นอกจากคุณจะตายแล้ว ผมว่าอาจจะมีควันด้วย
เพราะอาจจะมีการไหม้ด้วย ...


เมื่อโมเลกุลสลาย องค์ประกอบของเซลสลาย เซลจึงไม่ใช่เซลอีกต่อไป
เมื่อไม่มีเซลมาเกาะกัน แล้วจะเอาอะไรมาเป็นเนื้อเยื่อ
เมื่อเนื้อเยื่อไม่มีแล้ว อะไรจะเป็นอวัยวะ
อวัยะวะไม่มีแล้ว จะเอาอะไรมาเป้นร่างกาย
ร่างกายก็หมดไป เอาอะไรให้ชีวิตอยู่

ถ้าแยกเพราะคิดว่าว่ามันคืออะตอมจริง
คนที่ทำคงมาเล่ายืนยันไม่ได้ เพราะตายก่อนจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำไป

อ้างอิงจาก:

กายทิพย์มีลักษณะเช่นใด กายทิพย์เป็นอะตอม ดังนั้นจึงโปร่งแสง แต่ก็ยังสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า กายทิพย์จะคงรูปอยู่ครบถ้วนหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการฝึกตน ในที่นี้หมายถึงมองเห็นเป็นรูปร่างครบถ้วน

กายทิพย์สามารถเคลื่อนที่เคลื่อนย้ายได้ กล่าวคือ กายทิพย์สามารถเคลื่อนย้ายหรือเคลื่อนที่ไปได้ตามใจนึก ซึ่งก็ย่อมขึ้นอยู่กับความรู้ความเข้าใจและวิธีการฝึกตนที่ถูกต้อง ดังนั้นผู้มีกายทิพย์ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นผู้ที่ฝึกตนดีแล้วมีสมาธิที่ดีแล้ว



ย่อหน้าสองอันนี้ ขัดกันชัดเจน
อันแรกบอกว่า มองเห็นกายทิพย์ได้ .. นั่นหมายถึงกายทิพย์เป็นวัตถุ
เอาล่ะ อาจจะอนุโลมว่าเป้นกลุ่มของอะตอมที่คุณสั่งแยกออกมาได้ก็ตามที

แต่ย่อหน้าที่สองบอกว่าเคลื่อนย้ายดังใจนึก
ก้ในเมื่อย่อหน้าแรก บอกชัดๆว่ามันคือวัตถุ
วัตถุจะเลคื่อนย้ายโดยทำตัวเหมือนไม่มีคุณสมบัติอะไรเลยได้อย่างไร

วัตถุ ย่อมกินที่ กินเวลา มีน้ำหนัก เคลื่อนย้ายย่อมใช้พลังงาน
แม้แต่สิ่งที่เล็กกว่าอะตอม อย่างอนุภาค หรือรังสี ยังต้องใช้เวลา
เช่นแสงเดินทางมายังโลก จำไม่ผิด กลมๆ ก็ 3 แสนกิโลเมตร/วินาที

โลกนี้มีคนเคลื่อนย้ายวัตถุได้อย่างใจ อย่างพิศดารเช่นนั้น
ถือเป็นการค้นพบครั้งใหญ่ของมวลมนุษย
ไม่ต้องง้อน้ำมันแล้ว


เหนื่ออื่นใด
จริงๆ ผมว่าคุณผิดตั้งแต่วิธีคิดแล้วล่ะ

ผมถามหน่อยว่า คุณชั่งกิโล ความรัก ความซื่อสัตย์ ความดี ความงาม ..ฯลฯ ได้หรือไม่
ไม่ได้!
...คุณเห็นตัวความรักไหม ...ไม่มีทางเห็น
มันมีจริง แต่ไม่มีตัว...

ไม่ใช่ของที่เราใช้ประสาทสัมผัส 5 ของเราจะวัดได้
เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์อะไรก้วัดไม่ได้
แต่มันมีอยู่จริง เพราะเราเห็นอาการของมัน เห้นผลของมัน


กายทิพย์มีจริงไหม อาจจะมีจริง.. ผมไม่รู้ .. และยังไม่ต้องการคำตอบที่ยังรู้ไม่ได้



คุณเอาอะตอม มารวมกับกายทิพย์
เอาความจริงของโลกผัสสะ มาจับใส่ความจริงที่เหนือโลกของผัสสะ ซะงั้น

อยากรู้ทั้งที่ตัวรู้ไม่ได้ .. แต่ตะแบงใส่วิทยาศาสตร์ให้น่าเชื่อถือไปอย่างนั้น
อย่าสงสัยเลยครับว่า อภิญญามีจริงหรือไม่ อย่างไร
เพราะท่านกำลังจะบ้า (อจินไตย 4)

ขออนุญาตโมโห อดไม่ไหว
มั่วอย่างแรง
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
Buddha
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415

ตอบตอบเมื่อ: 30 พ.ค.2008, 8:56 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณเข้าใจผิดแล้ว คุณผู้ใช้ขื่อว่า "คามินธรรม"

หลักวิทยาศาสตร์นั้น ใช่ว่าจะถูกต้องไปซะทุกอย่าง
คุณเข้าใจว่า การแยกอะตอม คือ การเอาอะตอมออกจากร่าง ก็เข้าใจผิดอีกนั่นแหละ
การแยกอะตอม หรือ จะเรียกว่า แยกนิวเคลียส ออกจากร่างกาย ออกจาเซลล๋ ไม่ทำให้ตายดอกนะคุณ แต่เป็นการแยกหรือแบ่ง นิวเคลียส หรืออะตอม จากสิ่งที่มีอยู่เดิมคนละอย่างกัน


ส่วนการมองเห็นกายทิพย์ได้ นั้นเพราะ เมื่ออะตอม หรือนิวเคลียส แยกตัวออกมาก็จะมีแสงสว่างในตัวเอง จึงสามารถมองเห็นได้
กายทิพย์ คือ นิวเคลียส หรืออะตอมนั่นแหละ ไม่ผิดเพื้ยนอย่างแน่นอน
เพราะข้าพเจ้าได้วิจัย ทดลอง จนได้ผลในระดับหนึ่ง สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีจริงเป็นจริง
(คุณควรได้ทำความเข้าใจในคำว่า สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีจริงเป็นจริง)

คุณเขียนมายาว แถมยังเขียนมั่วโอ้อวดความไม่รุ้จริง
คุณต้องทำความเข้าใจเอาไว้อย่างหนึ่งว่า ศาสนา ไม่เหมือน หลักวิทยาศาสตร์ หมายความว่า ถึงแม้ข้าพเจ้าจะกล่าวถึง อะตอม นิวเคลียส แต่ปฏิกิริยาของนิวเคลียส ภายในร่างกายคนเรา ไม่เหมือนกับที่ทางวิทยาศาสตร์ให้ไว้ คนละอย่างกัน

ส่วนเรื่องของความรัก
ความรัก คือ สภาพสภาวะจิตใจหรือ ความคิด หรืออารมณ์ หรือความรู้สึก อันเกิดจากการได้สัมผัส ทางอายตนะ คือ หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ
ถ้าคุณไม่ได้สัมผัส ทางอายตนะ คุณก็ไม่เกิด สภาพสภาวะจิตใจ หรือ ความคิด หรือ อารมณ์ หรือ ความรู้สึก ที่มนุษย์เรียกว่า "ความรัก" อย่างแน่นอน
และไม่ไช่ ความรัก อย่างเดียวดัวย อย่างอื่น เช่น ความโลภ ความโกรธ ความหลง อย่างที่คุณกล่าวว่า คุณ โมโห นั่นแหละ


ส่วนเรื่องที่คุณกล่าวว่า ข้าพเจ้า ตะแบง เอาหลักวิทยาศาสตร์ มาใส่เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ
ข้าพเจ้าก็อยากจะถามคุณว่า คุณมีความรู้ในเรื่องของหลักวิทยาศาสตร์ กี่มากน้อย อย่างคุณ ก็แค่เรียนแบบ มา ไม่ได้ศึกษา ค้นหา ตามยุคตามสมัย คุณทำไม่ได้ ไม่รู้ แถมยังกล่าวหาว่าข้าพเจ้าบ้า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

(ส่วนวรรคนี้ ต้องขออนุญาต เวบมาสเตอร์ และผู้ดูแล เขียนเพื่อให้เขาได้หายสงสัย ไม่ใช่นั่งอยู่ที่หนึ่ง ไม่รู้ไม่เห็น แล้วมั่ว แถมบอกว่าโมโห ฮ่า ฮ่า ฮ่า โมโห อะไรกัน)

แล้วข้าพเจ้าก็อยากจะถามคุณ อีกว่า "คุณจะพิสูจน์ไหมว่า กายทิพย์ สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า " และ "กายทิพย์ ก็คือ อะตอม หรือนิวเคลียส ที่แยกตัว หรือแตกตัว ออกจาก นิวเคลียส หรือ อะตอม เดิม"

คุณผู้ใช้ชื่อว่า "คามินธรรม" อ่านกระทู้นี้ให้ดีนะขอรับ เพราะข้าพเจ้าเขียนเอาไว้ แบบ หลักธรรมคำสอน คือ มีทั้ง ระลึก และดำริ ฯลฯ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 31 พ.ค.2008, 3:27 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ไม่เป็นไรหรอกคับ ผมรุ้แล้วล่ะ ว่าอะไรเป็นอะไร
ผมจบของผมแค่นี้ ระงับแค่นี้ ปลงออกไปแค่นี้

ผมก็เชื่อของผมอย่างนี้ไปไป คุณก็เชื่อของคุณไป
ตามสิทธิ ตามจริตชอบของแต่ละคน

ก็ในเมื่อนิยามคำว่าอะตอมกันคนละแบบทางแบบนี้
อะตอมของผม เรียนมาอย่างนี้ ครูบาอาจารย์ก็สอนมาอย่างนี้
หนังสือเรียนก็เขียนโดยคณะครูจากกระทรวง
เรียนเคมีก้ตั้ง 6 เล่มแล้ว ไม่รวมของมหาวิทยาลัยอีก 2 เล่ม
ถ้าจะมีอะไรไม่จริง มันต้องฟ้องในห้องทดลองกันจ้าละหวั่นแล้วล่ะ ว่าทฤษฎีผิด

แต่อะตอมของคุณ ยืนยันได้เลยว่าไม่ใช่คำว่าอะตอมในทางวิทยาศาสตร์
เป็นอะตอมประหลาดที่ไหนก็ไม่รู้ แยกออกจากเซลได้ แล้วไม่ตายด้วย
แถมยังมองเห็นอะตอมได้ด้วยตาเปล่าด้วย
อะตอมประหลาด ค้นกี่ตำราในโลกก็ไม่เจอแบบนี้ ...
สงสัยต้องหัดถอดกายทพิย์ไปค้นหาเอาเอง

โอ กายทิพย์อัศจรรย์ ค้นทั้งพระไตรปิฎกก็ไม่เจอ
สงสัยพระพุทธเจ้ายังไม่รู้เรื่องนี้แน่ๆ
สาธุ ที่คุณรู้มากกว่า แถมว่าพิสูจน์แล้วด้วย อืม

ผมจบละ ปลงดีกว่า
ไม่งั้นความบ้าจะสั่งสม
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
Buddha
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415

ตอบตอบเมื่อ: 31 พ.ค.2008, 1:56 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณผู้ใช้ชื่อว่า "คามินธรรม" คุณคิดว่าคุณได้รักการศีกษา หรือได้เล่าเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์ เพียงคนเดียวหรือ
คุณไม่อ่าน กระทู้ให้ดี ข้าพเจ้าบอกว่า นิวเคลียส ในร่างกายของคนเรานั้น มีการเคลื่อนที่ที่ไม่เหมือนกับที่ได้เรียนมา
นั้นก็หมายความ ว่า
ข้าพเจ้า ได้ทดลองตามหลักการเคลื่อนที่ของนิวเคลียส ของหลักวิทยาศาสตร์ทั่วไปแล้ว ปรากฏว่า ไม่ถูกต้อง (เฉพาะภายในร่างกายของคนเรา) และเมื่อ การเคลื่อนที่ของนิวเคลียส ในร่างกาย ไม่ถูกต้อง ก็จะทำให้เกิดอาการทางโรคจิตประสาท มีอารมณ์รุนแรงผิดปกติ หรือมีอารมณ์ ความรุ้สึกเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม แต่ถ้าหาก การเคลื่อนที่ของนิวเคลียส ของอะตอม เคลื่อนที่ได้ถูกต้อง อาการเหล่านั้นก็จะหายไป


ดังนั้นสิ่งที่ข้าพเจ้าบอกจึงไม่ไช่ความเชื่อ แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
ข้าพเจ้าบอกแล้วว่า คุณเรียนแบบมา แต่คุณไม่ได้ศึกษาค้นคว้า ทดลองเพิ่มเติม ก็ได้ความรู้ตามแบบเรียน อันเป็นความรู้ที่อาจไม่ถูกต้องทั้งหมด
ร่างกายของมนุษย์ ประกอบไปด้วยอวัยวะต่างๆ อวัยวะ ประกอบไปด้วยเซลล์ต่างๆ เซลล์ต่างๆ ประกอบไปด้วยอะตอม อะตอม ประกอบไปด้วยนิวเคลียส
นิวเคลียส ประกอบไปด้วย โปรดอน นิวตรอน อิเลคตรอน
อะตอม เป็นตัวทำปฏิกิริยาทางเคมี ซึ่งก็ย่อมเกิดจาก นิวเคลียส ภายในอะตอมนั่นเอง

เมื่ออะตอม เป็นส่วนที่เล็กที่สุดรวมกันหรืออยู่ในเซลล์ ดังนั้น เมื่ออะตอม ทำปฏิกิริยาทางเคมี จึงทำให้อะตอม สามารถแยกตัว จากอะตอมเดิมได้ โดยอาจแยกตัวพร้อมกัน หลายๆอะตอมทั่วร่างกาย หรือ แยกเพียงบางส่วน บางอวัยวะ ขึ้นอยู่กับปัจจัย ในด้านความรุ้ และวิธีการปฏิบัติหรือดำเนินการ

อะตอมที่แสดงปฏิกิริยานั้น เมื่อแยกตัวจากอะตอมเดิมพร้อมกันทั่วร่างกาย หรือเกือบพร้อมกัน แต่อาจจะไม่ทั่วร่างกาย ก็คือ กายทิพย์
ที่ข้าพเจ้าอธิบายนี้ เป็นการอ้างอีงเอาหลักวิทยาศาสตร์ เพื่อให้เกิดความเข้าใจ ในการเกิดหรือการมีกายทิพย์
ซึ่งที่เล่ามา ไม่ใช่ความเชื่อ แต่เป็นเรื่องจริง มีจริง เป็นจริง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
sodname
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 08 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1

ตอบตอบเมื่อ: 08 มิ.ย.2008, 6:12 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เรื่องนี้รัสเซียอาจยังไม่รู้ อืมม์
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ปีโป้
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 04 มิ.ย. 2008
ตอบ: 14

ตอบตอบเมื่อ: 09 มิ.ย.2008, 5:36 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

มีหลายคนที่ต้องการศึกษาธรรม หลักเพื่อจะให้เกิดบุญกุศลเพื่อไปไว้ใช้กันในชาติหน้า แต่ว่าท่านพี่ทั้ง 2 เอาเรื่องของกายทิพย์กับ อะตอมมาพูดกันอย่างหา ปลายจบมิได้ ผมว่าท่านพี่ทั้ง 2 ถูก ถูกทั้งคู่ครับ ขอให้มองดู ไม่มีใครผิดครับเพราะ ท่านพี่ทั้ง 2 รวมทั้งตัวผม และอีกหลาย ๆ คน นับถือศาสนาพุธทเหมือนกัน พระพุธทเจ้า ท่านต้องการสั่งสอนให้ทุกคนเป็นคน ดีครับ อนุโมทนาสาธุ..........กับความรู้เรื่องกายทิพย์ที่ผมยังไม่รู้ด้วยครับ ...ขอบคุณครับท่านพี่ทั้ง 2 สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
บัวหิมะ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273

ตอบตอบเมื่อ: 12 ส.ค. 2008, 1:28 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถ้าสนใจแต่กายทิพย์ อาจไม่ถึงนิพพาน เด้อ! อมิตพุทธ พุทโธ
 

_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 12 ส.ค. 2008, 9:23 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมก็ไม่รู้ว่า กายทิพย์เป็นอะตอมโปร่งแสง ไหม

ผมรู้แต่เพียง กายทิพย์เป็นวิญญาณธาตุของเรา ผมถอดกายทิพย์ได้ ผมจึงรู้ วิญญาณมี 2 ส่วน

1. วิญญาณขันธ์ ตัวนี้เป็นตัวที่ให้พลังงานกับร่างกายเรา ถอดออกจากร่างกายไม่ได้

2. วิญญาณธาตุ ตัวนี้คือตัวกายทิพย์ ถอดออกจากร่างกายได้

วิญญาณขันธ์ตายไปกับร่างกาย ตัวที่ไม่ตายคือวิญญาณธาตุหรือกายทิพย์
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 12 ส.ค. 2008, 9:26 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

บัวหิมะ พิมพ์ว่า:
ถ้าสนใจแต่กายทิพย์ อาจไม่ถึงนิพพาน เด้อ! อมิตพุทธ พุทโธ


คุณเข้าใจยังไม่ถูกต้อง กายทิพย์ในนิพพานก็มี พระพุทธเจ้าเรียกกายทิพย์ในนิพพานว่า
อายาตนะนิพพาน หรือ ธรรมกาย
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
natdanai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok

ตอบตอบเมื่อ: 12 ส.ค. 2008, 12:07 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ พิมพ์ว่า:
ผมก็ไม่รู้ว่า กายทิพย์เป็นอะตอมโปร่งแสง ไหม

ผมรู้แต่เพียง กายทิพย์เป็นวิญญาณธาตุของเรา ผมถอดกายทิพย์ได้ ผมจึงรู้ วิญญาณมี 2 ส่วน

1. วิญญาณขันธ์ ตัวนี้เป็นตัวที่ให้พลังงานกับร่างกายเรา ถอดออกจากร่างกายไม่ได้

2. วิญญาณธาตุ ตัวนี้คือตัวกายทิพย์ ถอดออกจากร่างกายได้

วิญญาณขันธ์ตายไปกับร่างกาย ตัวที่ไม่ตายคือวิญญาณธาตุหรือกายทิพย์


ที่ท่านเคยถามกระผมในกระทู้ใดกระผมจำไม่ได้แล้ว เกี่ยวกับวิญญาณในขันธ์ กับวิญญาณในปฏิจสมุปบาทเป็นตัวเดียวกันรึป่าว กระผมเองตอบท่านไปและยังรอคำแนะนำจากท่านอยู่ ก็ไม่เห็นว่าท่านจะมีคำแนะนำให้กระผมสักที ทีนี้มาเจอข้อความของท่านในกระทู้นี้ กระผมก็เลยจะถามท่านว่า วิญญาณอันเกิดจากสังขารเป็นปัจจัยในปฏิจสมุปบาทนั้นเป็นวิญญาณขันธ์ หรือวิญญาณธาตุครับ ( ที่ผมพิจารณาได้ว่าเป็นวิญญาณธาตุ....แต่ก็ยังไม่แน่ใจครับ ) ขอความกรุณาท่านพลศักดิ์ชี้แนะครับ
 

_________________
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 12 ส.ค. 2008, 4:49 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณ"natdanai ครับ




ในปฏิจสมุปบาทมีวิญญาณอยู่ 2 ตัว

1. สังขาร เป็นปัจจัยให้เกิด วิญญาณ วิญญาณตัวนี้คือ วิญญาณธาตุ
2. วิญญาณทำให้เกิดนาม-รูป นาม-รูป คือขันธ์ 5 = รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สังขารขันธ์ สัญญาขันธ์
และวิญญาญขันธ์

จะเห็นว่า วิญญาณขันธ์ เป็นคนละตัวกับ วิญญาณธาตุครับ วิญญาณธาตุ ทำให้เกิดวิญญาณขันธ์
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 12 ส.ค. 2008, 5:49 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กระทู้นี้ฮามาก
ฮาเป็นประวัติการณ์ (สำหรับผม)
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 12 ส.ค. 2008, 5:52 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Bhudda พิมพ์ว่า:

คุณเจ้าของกระทู้ ต่อไป ถ้าจะนำเอาของใครมาเขียน ก็ให้บอกด้วยว่า เป็นข้อเขียนของใคร ไม่ใช่นำมาดัดแปลงคำบางคำ แล้วใส่ชื่อตัวเอง น่าเกลียด ผู้เจริญทางจิตใจ และใฝ่ศาสนา เขาไม่ทำกันดอกนะคุณ


Bhudda พิมพ์ว่า:

ต้องขออภัยต่อเจ้าของกระทู้
ข้าพเจ้าลืมไปว่า เจ้าของกระทู้คือ ข้าพเจ้าเอง พึ่งนึกขึ้นได้ว่า ตอนนั้น ใช้ชื่อว่า "ซุปเปอร์" แต่ดันลืมพาสเวอร์ด เลยเข้าเวบฯไม่ได้
(เขาเข้าใจผิด เลยไม่ได้เข้านั่นแหละนะ)


......... ยังอุตส่าห์ขออภัยเจ้าของกระทู้ด้วยนะ ก๊ากกกๆๆๆๆ

ใครถือสาคุณ Bhudda นี่ ผมเคืองนะ
ปล่อยแกเถอะ
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
บัวหิมะ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273

ตอบตอบเมื่อ: 16 ส.ค. 2008, 11:44 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตกลง ท่าน ซุปเปอร์ กับ ท่าน Buddha นี่คือคน ๆ เดียวกัน น้อ สู้ สู้

อ่านแทบตาย อมิตพุทธ พุทโธ
 

_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง