Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
ม้านักรบ (ธรรมสภา)
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
นิทาน-การ์ตูน
ผู้ตั้ง
ข้อความ
amai
บัวบาน
เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435
ตอบเมื่อ: 07 ม.ค. 2005, 9:33 pm
ม้านักรบ
นิทานธรรม ฉบับพิเศษ
จัดพิมพ์โดย ธรรมสภา
ในรัชกาลของพระเจ้าพรหมทัตพระองค์หนึ่ง มีพระราชาต่างแคว้น ๗ พระองค์ยกทัพมาล้อมเมืองพาราณสีเพื่อชิงราชสมบัติ ครั้งนั้น พระพุทธเจ้าของเราเกิดเป็นม้าสินธพอาชาไนยของพระเจ้าพรหมทัต พระสารีบุตรเกิดเป็นนายสารถี พระอานนท์เกิดเป็นพระเจ้าพรหมทัต
ม้าสินธพถือเป็นม้ามงคลของพระเจ้าพรหมทัต มีลักษณะดีสง่างาม ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี
อาหารที่กินประจำ คือข้าวสาลีหอมเก็บค้างไว้ ๓ ปี มีรสชาติปรุงอย่างดี ภาชนะที่ใส่อาหารให้ม้ากินเป็นถาดทองคำมีราคาเรือนแสนกหาปณะ โรงม้าที่ม้าสินธพอยู่นั้นเป็นโรงโอ่โถง มีพื้นทาด้วยของหอม ๔ ชนิดปรุงผสมกัน คือ หญ้าฝรั่น กำยาน กานพลู และกฤษณา พระเจ้าพรหมทัตทรงรับสั่งให้เอาผ้ากัมพลสีแดงมากั้นเป็นม่านล้อมรอบ เอาผืนผ้าที่ประดับประดาด้วยดาวทองคำมาทำเป็นเพดาน ทรงรับสั่งให้ห้อยพวงดอกไม้มีกลิ่นหอมย้อยเป็นระย้า และทรงรับสั่งให้ตามประทีปด้วยน้ำมันหอมส่งกลิ่นอบอวลอยู่ตลอดเวลา
เมืองพาราณสีเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ มีอยู่คราวหนึ่งพระราชา ๗ พระองค์ จาก ๗ แคว้นต่างหมายปอง จึงทรงปรึกษาหารือกันถึงวิธีที่จะเข้ายึดครองเมืองพาราณสีนั้นให้ได้ หม่อมฉันขอเสนอว่าให้เรายกทัพไปพร้อมกัน แล้วเรียงรายกันล้อมเมืองพาราณสีให้ตลอด พระราชาพระองค์หนึ่งทรงเสนอความเห็น
หม่อมฉันเห็นด้วย พระราชาอีกพระองค์หนึ่งตรัสสนับสนุน
ดังนั้นเมื่อได้ฤกษ์งามยามดี ก็ทรงพร้อมกันยกทัพไปล้อมเมืองพาราณสี หลังจากสร้างค่ายพักเรียบร้อยและเข้าประจำแล้ว พระราชาทั้ง ๗ พระองค์ก็ทรงปรึกษากันอีก
จะล้อมไว้อย่างนี้อย่างเดียวหรือ พระราชาพระองค์หนึ่งตรัสถามในที่ประชุม
ไม่หรอก พระราชาอีกพระองค์หนึ่งตรัส
ตามธรรมเนียมโบราณของการออกศึกสงคราม ผู้รุกรานจะต้องส่งสารไปถึงเจ้าของแคว้นเขาก่อน เป็นการเตือนให้เลือกเอาระหว่างการยอมแพ้กับการออกมาต่อสู้
ถ้าอย่างนั้นเราก็ปฏิบัติตามนั้นเลย พระราชาพระองค์ที่สามตรัสสรุป
เมื่อที่ประชุมเห็นด้วยกับข้อสรุปนั้น วันรุ่งขึ้น พระเจ้าพรหมทัตก็ได้รับพระราชสารฉบับหนึ่งความว่า พวกหม่อมฉันต้องการอย่างใดอย่างหนึ่งในสองอย่างนี้คือ ราชสมบัติ หรือไม่ก็การทำศึกกัน พระองค์จะให้อย่างไหน
ทันทีที่ได้รับพระราชสารฉบับนั้น พระเจ้าพรหมทัตก็รับสั่งให้บรรดาอำมาตย์เข้าประชุมร่วมกันพิจารณาคำขอของพระราชาผู้รุกราน ๗ พระองค์ จะให้ข้าตอบเขาไปว่าอย่างไร พระองค์ตรัสถามอย่างร้อนรน
ขอเดชะ... อำมาตย์คนหนึ่งกราบทูล ขอให้ฝ่าพระบาทตอบไปเลยว่าจะทำศึก
เจ้าพูดอะไร พระเจ้าพรหมทัตตรัสถามด้วยความตกพระทัย
เราจะเอาอะไรไปสู้เขาได้ เขายกมากันตั้ง ๗ แคว้น
ขอเดชะ ขั้นแรกนี้พระองค์ยังไม่ต้องออกไปรบเองหรอกพะย่ะค่ะ แต่ขอให้ส่งนายสารถีผู้ชำนาญในการขี่ม้าออกไปรบแทน
นายสารถีคนนั้นคนเดียวน่ะหรือ
ใช่...พะย่ะค่ะ
มันจะไปสู้อะไรเขาได้ คนคนเดียวสู้คนเป็นร้อยเป็นพัน
ถ้าสู้ไม่ได้ คราวนี้แหละพระองค์ค่อยยกกองทัพออกไป
พระเจ้าพรหมทัตยังรู้สึกงุนงงในแผนของอำมาตย์ผู้นั้น แต่เป็นเพราะเคยเชื่อมั่นกันมาก่อนจึงยอมทำตามที่เขาเสนอ พระองค์รับสั่งให้นายสารถีผู้ชำนาญการขี่ม้าที่อำมาตย์เอ่ยถึงเข้าเฝ้า แล้วตรัสถามถึงความสมัครใจที่จะออกไปสู้รบ
(มีต่อ)
amai
บัวบาน
เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435
ตอบเมื่อ: 07 ม.ค. 2005, 9:37 pm
ขอเดชะ ถ้าข้าพระองค์ได้ขี่ม้าสินธพอาชาไนยออกรบ อย่าว่าแต่แค่พระราชา ๗ องค์นี้เลย ต่อให้พระราชาทั่วทั้งชมพูทวีปข้าพระองค์ก็สู้ได้
อย่าว่าแต่แค่ม้าสินธพอาชาไนยเลย อย่างอื่นสิ่งไหนที่เจ้าต้องการ จงบอกมา ข้าจะให้ พระเจ้าพรหมทัตตรัสเสียงดัง
เมื่อได้รับพระราชานุญาตเช่นนั้นแล้ว นายสารถีก็กราบถวายบังคมลาแล้วลงมาจากปราสาทให้เจ้าหน้าที่จูงม้าสินธพอาชาไนยมาให้ เขาลงมือสวมเกราะให้ม้า จากนั้นจึงสวมเสื้อเกราะให้ตัวเอง แล้วคาดพระขรรค์กระโดดขึ้นหลังม้าควบออกจากเมืองไปอย่างรวดเร็วปานฟ้าแลบ
ม้าสินธพอาชาไนยแม้จะถูกยิงด้วยลูกศร เจ็บปวดถึงขั้นล้มนอนตะแคง แต่ก็ยังดีกว่าม้ากระจอก มาเถิดสารถี มาสวมเกราะให้ข้าพเจ้า
นายสารถีได้ฟังม้าสินธพร้องบอกเช่นนั้น ก็ผละจากม้าตัวใหม่มาหาม้าสินธพ พันแผลให้และรัดเกราะให้แน่นดุจเดิม จากนั้นก็ขี่ควบออกไปบุกค่ายที่ ๗ สามารถทำลายค่ายนั้นได้ และจับพระราชามากักตัวไว้ในเมืองอย่างที่แล้วมา
หลังจากเสร็จศึกแล้ว ม้าสินธพอาชาไนยซึ่งเหนื่อยอ่อนเต็มที ก็ล้มตัวลงนอนอยู่ใกล้ๆ ประตูพระราชวัง พระเจ้าพรหมทัตเสด็จมาต้อนรับ ม้าได้กราบทูลว่า
ขอเดชะ ขอพระองค์อย่าได้ประหารชีวิตพระราชาผู้เป็นเชลยทั้ง ๗ พระองค์นั้น เพียงแต่ว่าให้ทำพิธีสาบานแสดงความจงรักภักดีแล้วปล่อยตัวไปเถิด ยศที่จะพระราชทานแก่หม่อมฉันและแก่นายสารถี ก็ขอได้โปรดพระราชทานแก่นายสารถีแต่เพียงผู้เดียว ขอให้พระองค์จงทรงพระเกษมสำราญ ให้ทาน รักษาศีล และครองแผ่นดินโดยธรรมเถิดพระเจ้าข้า
ม้าเจ็บปวดเหลือกำลัง แต่ก็สู้ข่มความเจ็บปวดกราบทูล พระเจ้าพรหมทัตทอดพระเนตรดูความสงสาร ทรงลูบลำตัวไปมาพลางตรัสว่า
ม้าเอย...เจ้าทำความดีให้แก่บ้านเมืองมาก เมืองพาราณสีปลอดภัยจากศัตรูก็เพราะความเสียสละของเจ้า ความดีของเจ้าจะจารึกอยู่ในใจของข้าตลอดไป
ม้าสินธพรู้ดีว่าเวลาที่จะมีชีวิตอยู่ของตนเองเหลือน้อยเต็มที จึงเอาเท้าหน้าวางที่พระบาทของพระเจ้าพรหมทัต ฝ่ายพระราชาเชลยทั้ง ๗ พระองค์ก็ทรงทำตามที่ม้าแนะนำคือ ให้ทำพิธีสาบานแสดงความจงรักภักดีแล้วปล่อยตัวไป นับแต่นั้นมาเมืองพาราณสี แคว้นกาสีก็มีแต่ความสงบสุขตลอดรัชกาล
นิทานธรรมเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความดีไม่ว่าคนหรือสัตว์ทำ สมควรได้รับการยกย่องทั้งนั้น เพราะความดีให้ผลออกมาเป็นความสุขสงบของสังคม และบางครั้งผู้ทำความดีอาจจะต้องพบกับความทุกข์ยากถึงขั้นชีวิตอย่างม้าสินธพอาชาไนยฉะนั้น
........................ เอวัง ........................
เด็กน้อย
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 07 ส.ค. 2006, 12:00 am
suvitjak
บัวบาน
เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen
ตอบเมื่อ: 05 มิ.ย.2008, 3:54 pm
สาธุ
_________________
ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
นิทาน-การ์ตูน
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th