Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ช้างเกเรกลับใจ (ธรรมสภา) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 10 พ.ย.2004, 4:43 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



ช้างเกเรกลับใจ.JPG


ช้างเกเรกลับใจ

นิทานธรรม ฉบับพิเศษ
จัดพิมพ์โดย ธรรมสภา



ในรัชกาลของพระเจ้าพรหมทัต มีช้างมงคลตัวหนึ่งเกิดอาการบ้าคลั่งวิ่งไล่ฆ่าควานช้างและผู้ที่มาพบเห็น ครั้งนั้น พระพุทธเจ้าของเราเกิดเป็นอำมาตย์ของพระเจ้าพรหมทัต ได้หาวิธีแก้ไขจนพญาช้างมหิฬามุขกลับใจมาประพฤติตัวดีได้สำเร็จ

พญาช้างมหิฬามุขเป็นช้างมงคลมีลักษณะดีสง่างาม ที่สำคัญ คือ เป็นช้างมีศีล ไม่ทำร้ายใคร พระเจ้าพรหมทัตเองก็ทรงโปรดปรานช้างมงคลตัวนี้มาก ทรงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและนายควานช้างเลี้ยงดูอย่างดี

โรงที่อยู่ของพญาช้าง พระเจ้าพรหมทัตก็ทรงรับสั่งให้ตกแต่งสวยงาม มีกลิ่นหอมอบอวลด้วยเครื่องหอมชนิดเลิศ ประดับประดาด้วยพวงดอกไม้ห้อยย้อยระย้าเห็นแล้วชวนให้รื่นรมณ์ใจ พญาช้างเองก็เป็นสัตว์แสนรู้วางตัวได้เหมาะสมละเว้นพฤติกรรมต่างๆ ที่ไม่ดีอันจะทำให้พระเจ้าพรหมทัตไม่โปรดปราน

บริเวณโรงช้างเงียบสงบ ตกกลางคืนก็จะมืดมิด แม้จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลรักษาความปลอดภัยก็ไม่สู้จะเข้มงวดนักเนื่องจากไม่เคยมีเหตุการณ์ไม่ดีเกิดขึ้น เลยเป็นโอกาสให้พวกโจรมาอาศัยเป็นที่มั่วสุมกัน

นอกจากจะใช้เป็นที่มั่วสุมพูดคุย เรื่องต่างๆ แล้วพวกโจรยังใช้บริเวณนั้นเป็นที่วางแผนปล้นรวมทั้งสอนวิชาโจรด้วยพวกโจรรุ่นใหม่จะถูกนำมาอบรมที่นี่ ซึ่งการอบรมนั้น มีทั้งเรื่องนิสัยใจคอและวิธีปล้นให้ได้ผล

“เฮ้ย...ไอ้น้อง เป็นโจรนี่มันต้องเหี้ยม ต้องหยาบคายต้องตัดสินใจเร็ว ชักช้าไม่ได้” หัวหน้าโจรจะเริ่มต้นอบรมด้วยน้ำเสียงดุดัน

“การจะเข้าปล้นบ้านไหน ต้องศึกษาลู่ทางให้ดีก่อน ให้รู้จักทางเข้าไปและทางหนีทีไล่ ไม่อย่างงั้นแล้วเดี๋ยวเสร็จ”รองหัวหน้าโจรเสริมต่อ

“บ้านพวกเศรษฐีมันเข้ายาก คุ้มกันแข็งแรง มีทางหนึ่งคือ ต้องขุดอุโมงค์ลงไปใต้ดินให้ไปทะลุกลางบ้านเลยเรื่องการขุดอุโมงค์คงต้องฝึกหัดกันในโอกาสต่อไป” โจร พี่เลี้ยงแนะนำเป็นอันดับต่อมา

“การปล้นจะขนเอาทรัพย์สิ่งของที่เราต้องการไปได้ง่ายนี่ต้องฆ่าเจ้าทรัพย์จึงจะขนไปได้ เพราะเมื่อฆ่าตายแล้วก็จะไม่มีคนขัดขวาง” โจรพี่เลี้ยงอีกคนหนึ่งแนะนำถึงวิธีการขนทรัพย์สิน

เมื่อสอนวิชาโจรกันพอสมควรแก่เวลาแล้ว หัวหน้าโจรก็กล่าวสำทับอีกครั้งหนึ่งว่า

“จำไว้นะ..ไอ้น้อง เป็นโจรมันต้องเหี้ยม ฆ่าได้เป็นฆ่า ความเมตตาสงสารไม่มีในหมู่โจร”

จบคำ หัวหน้าโจรก็หัวเราะหึหึอยู่ในลำคออย่างใจเย็นแต่สายตาแข็งกร้าวเอาจริงเอาจัง

พวกโจรจะมั่วสุมกันที่แถวบริเวณโรงช้างเป็นประจำพญาช้างมหิฬามุขได้ยินคำพูดทุกคำของพวกมันและเข้าใจความหมายได้ดี ครั้งแรกก็ไม่ได้คิดอะไร แต่ต่อมา ได้ยินเสียงพูดบ่อยเข้าๆ ก็เกิดคิดคล้อยตาม

“โจรพวกนี้สอนกันให้โหดเหี้ยม หยาบคาย ฆ่าได้เป็นฆ่าเราก็น่าจะเป็นเช่นนั้นบ้าง”

นับแต่นั้นมา พญาช้างก็เปลี่ยนนิสัยกลายเป็นสัตว์ดุร้ายกระทืบโรงดังโครมคราม รุ่งเช้า พอนายควานช้างมาถึงก็อาละวาดเอางวงจับเขาฟาดที่พื้นจนขาดใจตาย พญาช้างฆ่าคนทุกคนที่เข้ามาใกล้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ความทราบถึงพระเจ้าพรหมทัต พระองค์ทรงรับสั่งให้อำมาตย์เข้าเฝ้า

“ช้างมหิฬามุขเกิดบ้าคลั่งฆ่าควานช้างตายเมื่อเช้านี้ท่านทราบไหม” พระองค์ตรัสถามเขาอย่างร้อนรนพระทัย

“ทราบพะย่ะค่ะ” อำมาตย์กราบทูล

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว อาจารย์ช่วยไปดูทีว่ามันบ้าคลั่งอย่างนั้นไปได้เพราะอะไร” ทรงรับสั่งอย่างแข็งขัน

อำมาตย์รับกระแสพระดำรัส แล้วก็กราบถวายบังคมลาไปยังโรงช้าง พอดีเวลานั้นพญาช้างเพิ่งจะสงบ อำมาตย์ได้ถามหมอหลวงถึงสาเหตุที่พญาช้างบ้าคลั่ง

ตรวจดูแล้วก็ไม่พบโรค อะไรที่จะทำให้บ้าคลั่งถึงขนาดนั้นไปได้ หมอหลวงรายงานพร้อมทั้งสันนิษฐานว่า “น่าจะเป็นอาการแปรปรวนทางจิตใจ”



มีต่อ >>>>>
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
amai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2004
ตอบ: 435

ตอบตอบเมื่อ: 10 พ.ย.2004, 4:48 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อำมาตย์รับทราบรายงานจากหมอหลวงอย่างนั้นแล้วก็คิดหาสาเหตุต่อไป เขาเห็นด้วยกับหมอหลวงว่าน่าจะเป็นอาการแปรปรวนทางจิต เขาสันนิษฐานลึกต่อไปว่าอาการแปรปรวนทางจิตนี้น่าจะเกิดมาจากที่ได้เห็นหรือได้ยินเรื่องที่ยั่วยุให้เกิดบ้าคลั่ง

“เรื่องเห็นนี่ไม่น่าเป็นไปได้” นายควานช้างอีกคนหนึ่งชี้แจง

“สิ่งแวดล้อมที่นี่ก็สวยงามทั้งนั้น”

“แล้วเรื่องได้ยินล่ะ” อำมาตย์ซักถามต่อ

“ไม่แน่ใจ” นายควานช้างตอบ

“แต่ก็คิดว่าไม่น่ามีปัญหาเพราะพวกเราก็ไม่ได้พูดหยาบคายอะไรกัน”

“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน” อำมาตย์สรุป

“ขอให้สังเกตดูว่ามีเสียงอะไรมาทำให้ช้างเปลี่ยนไปบ้าง”

นับแต่นั้นมา นายควานช้างก็คอยสังเกตดูพฤติกรรมของช้าง จนกระทั่งคืนหนึ่ง เขาสังเกตเห็นช้างยืนหูผึ่งเหมือนกับตั้งใจฟังเสียงอะไร เขาค่อยๆ หลบตัวอยู่ในความมืดและคอยตั้งใจฟังว่าจะมีเสียงอะไรดังขึ้น

“เฮ้ย...เป็นโจรมันต้องเหี้ยม หยาบคาย ฆ่าได้เป็นฆ่า” เขาได้ยินเสียงโจรพูดอบรมกันชัดเจน

นายควานช้างสังเกตดูช้างและฟังเสียงโจรไปด้วย จนในที่สุดก็แน่ใจว่าเสียงโจรนี่เองที่ทำให้ช้างมีนิสัยเปลี่ยนไปจึงได้ไปแจ้งให้อำมาตย์ทราบ อำมาตย์ก็ได้กราบทูลพระเจ้าพรหมทัตพระเจ้าพรหมทัตตบพระหัตถ์ฉาดใหญ่พร้อมกับตรัสว่า

“อย่างนี้นี่เล่า ช้างดีๆ จึงมาเป็นช้างเกเรไปได้ แล้วอาจารย์จะหาทางแก้ไขอย่างไร”

“เมื่อได้ทราบสาเหตุอย่างนี้แล้วก็แก้ไขไม่ยากหรอกพะย่ะค่ะ” อำมาตย์กราบทูลด้วยความเชื่อมั่น

“อาจารย์จะแก้ไขอย่างไร”

“ขอเดชะ เมื่อช้างมีนิสัยเปลี่ยนไปไม่ดีเพราะฟังเรื่องไม่ดีก็ต้องแก้ให้นิสัยเปลี่ยนไปในทางที่ดีด้วยการให้ฟังเรื่องที่ดี ”

“นั่นซีอาจารย์จะทำอย่างไร”

“ขอเดชะ นับแต่นี้ข้าพระองค์จะให้เจ้าหน้าที่กวดขันไม่ให้พวกโจรหลบมามั่วสุมใกล้โรงช้าง แล้วจะให้นิมนต์สมณพราหมณ์ผู้มีศีลมานั่งสนทนากันเรื่องศีลเรื่องเมตตากรุณา ช้างได้ฟังเรื่องที่ดีมากเข้าๆ ข้าพระองค์เชื่อว่าจะทำให้นิสัยกลับมาดีได้ พะย่ะค่ะ”

“เอ้า...ลองดู เผื่อว่าจะได้ผล”

ครั้นได้รับพระราชานุญาตแล้ว อำมาตย์ก็ให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปนิมนต์สมณพราหมณ์มานั่งใกล้โรงช้างแล้วขอให้สนทนากันถึงเรื่องศีลเรื่องเมตตากรุณา วันแรกๆ พญาช้างยังมีท่าทีเฉยเมย แต่ต่อเมื่อได้ฟังทุกวัน จิตใจที่หยาบคายร้ายกาจและแข็งกระด้างก็เริ่มอ่อนโยน แล้วในที่สุดก็กลายมามีเมตตากรุณาและสงบเยือกเย็นดุจเดิม

นิทานธรรมเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า สิ่งแวดล้อมมีส่วนสำคัญทำให้คนดีหรือคนเลวได้ เหมือนพญาช้างมหิฬามุขได้ยินเสียงโจรพูดคุยบ่อยครั้งจนทำให้มีนิสัยดุร้ายไปได้ฉะนั้น

พญาช้างมหิฬามุขเที่ยวรังควานคน
เพราะฟังคำของพวกโจร
ต่อมา ได้ฟังคำของท่านผู้มีศีล
จึงกลับใจมาประพฤติตัวดีใหม่



-------จบ-------
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
พญาช้างมหิฬามุข
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 16 ก.พ.2007, 8:30 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ
 
suvitjak
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen

ตอบตอบเมื่อ: 03 มิ.ย.2008, 3:31 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ซึ้ง ข้อคิดดีๆครับ ยิ้ม
 

_________________
ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง