ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
วดี
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 27 ก.ย. 2007
ตอบ: 11
|
ตอบเมื่อ:
02 ต.ค.2007, 11:25 pm |
  |
อยากจะได้ข้อคิดเกี่ยวกับการดูดวง เนื่องจากมีหมอดูทักเรื่องที่ไม่ค่อยดีมา ก็เลยไม่สะบายใจ ทั้งที่ไม่มีข้อพิสูทธิ์ว่าเรื่องนั้นจะจริงหรือไม่จริงแต่ก็สร้างความกังวลใจให้มาก จะทำอย่างไรดีถึงจะคลายกังวลได้ค่ะ |
|
|
|
  |
 |
bad&good
บัวใต้น้ำ

เข้าร่วม: 06 ส.ค. 2007
ตอบ: 115
|
ตอบเมื่อ:
03 ต.ค.2007, 1:15 am |
  |
เมื่อก่อน 8 ปีที่แล้ว ข้าพเจ้าชอบเรื่องดูดวงอย่างมาก
ด้วยเหตุ แห่ง ราคะ ความโลภ ความหลง(ใหลในศาสตร์)
ความชอบ ความเชื่อ จึงเกิดขึ้น
เลือกที่จะเชื่อเสียด้วย
เช่น ถ้าดูดวงเป็น "วัน" ก็ไม่เชื่อ เพราะเชื่อว่าคนเรา ไม่ใช่ว่ามีเพียง 7 นิสัย
ถ้าดูดวงเป็น "เดือน" ก็ไม่เชื่อ เพราะเชื่อว่าคนเรา ไม่ใช่ว่ามีเพียง 12 นิสัย
ถ้าดูดวงเป็น "ปี" ก็ไม่เชื่อ เพราะเชื่อว่าคนเรา ไม่ใช่ว่ามีเพียง 12 นิสัย
ถ้าจะให้มันส์ที่สุด ต้องดูแบบโหราศาสตร์จีน คือ มี 7 วัน คูณ วันละ 12 ราศี คูณ 12 เดือน คูณ 12 ปี คูณอีก 5 ธาตุ นิสัยคนก็จะเริ่มมีถึง 60,480 นิสัย
ดูหน้าตา โหง้วเฮง ดูสีผิว ดูผิวพรรณ ดูอารมณ์
หลักดูดวง บางครั้งก็ผสมผสานไปกับ หลักเหตุผลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสรีระ หลักสถิติของบุคคลิกภาพ หลักแห่งไหวพริบปฎิภาณ
จนบางครั้ง สมเหตุ สมผล ดูน่าเชื่อถือ ที่เนียนที่สุด ก็อ้างอิง พระพุทธศาสนา พราหมณ์-ฮินดู มันก็เลยอร่อยจิตของผู้ดูดวง และผู้เชื่อถือในดวง
....................................................................
มาบัดนี้ ข้าพเจ้าไม่เชื่อในการดูดวง
ข้าพเจ้าเชื่อในพระพุทธเจ้า เชื่อว่า กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ความดีทั้งสามแล้ว การละเว้นกิเลส ทั้ง โลภะ(อยากมีทรัพย์มาก ๆ) โทสะ(โกรธ โมโห ชอบทำให้ผู้อื่นโกรธ ทำให้ผู้อื่นโมโห) โมหะ(หลงในวิชาอื่น ที่ไม่ใช่ศาสนาพุทธ ทำให้ต้องเวียนว่ายตายเกิด ไม่รู้จักจบสิ้น สิ้น) การหมดทุกข์กิเลสทั้งปวง ย่อมนำมาสู่ความเจริญ และความสงบสุข สุขมากกว่าการเชื่อดวง(คือมีโมหะอยู่เต็ม)
.....................................................................
ถ้าว่าด้วยเหตุผลแล้ว
ถ้าเราจะถ่าย วีดีโอ ซีดี เก็บภาพยนตร์ไว้ดูเล่น
ข้าพเจ้าเชื่อว่า เหตุการณ์นั้นต้องเกิดขึ้นตั้งแต่ อดีต ถึง ปัจจุบัน จึงสามารถถ่ายภาพได้ จริงหรือไม่
แต่ถ้าให้ไปถ่ายภาพยนตร์ ในเหตุการณ์อนาคต เห็นจะเป็นเรื่องยาก
การดูดวง พยากรณ์ในอนาคต ก็เช่นเดียวกัน มันเป็นเรื่องที่ยาก
การพยากรณ์ที่สมเหตุสมผล เช่นนั้น ไม่ได้เรียกว่า การดูดวง
เช่นว่า ถ้าท่านนอนน้อยทุกวัน ท่านจะป่วย (แบบนี้ ใครก็ทราบ)
ถ้าท่านไม่สงเคราะห์ญาติ ญาติก็ไม่สนใจท่าน (แบบนี้ ใครก็ทราบ)
ถ้าท่านไม่ทำความสะอาดทุกวัน ค้าขายจะไม่เจริญ (แบบนี้ ใครก็พอทราบ)
.................................................................
จำได้ว่า แม้นแต่ นอส ตาเดอร์มุส ยัง หมายเหตุตอนท้ายเรื่องเลยว่า ทุกสิ่งที่เขาพยากรณ์ไว้ จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมได้ ก็ขึ้นอยู่ที่เราจะร่วมมือกันเปลี่ยนแปลงโลกอย่างไร
ประโยคแบบนี้ มันเป็นเหตุเป็นผลกัน ไม่ใช่หรือ
โลกสวยด้วยมือเรา
อนาคตอยู่ที่ท่านกำหนด
(ถ้าการกำหนดอนาคตนั้น ไม่ใช่เพื่อการเพิ่มพูนกิเลสทั้งสาม ข้าพเจ้าเชื่อว่า ทำได้โดยง่าย)
..................................................................
แต่ผู้นับถือศาสนาพุทธ บางคน นับถือเพื่อเพิ่มกิเลส เช่นนี้ ก็ไม่เป็นสุข มีแต่ทุกข์
คำถามบนโลกใบนี้ จึงมีอยู่มากมาย เช่น
ทำไม ทำดี แล้วไม่ได้ดี (ได้ดีในที่นี้ ดี เพื่อให้ได้โลกธรรม 4 "ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข" เช่นนั้นหรือ)
ทำไม คนทำชั่ว จึงได้ดี (ได้ดีในที่นี้ ดี เพื่อให้ได้โลกธรรม 4 "ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข" เช่นนั้น แบบเดียวกัน)
ทำไม คนดี ต้องตายเร็ว
ทำไม คนดี ต้องติดคุก
ทำไม คนดี ต้องลำบาก
ทุกสิ่ง ที่คนดี ใฝ่หา คือ โลกธรรม 4 ได้มาก ๆ ยิ่งดีมาก
ถ้าอย่างนี้ ก็ไปดูดวงกันเถอะ มีคนคอยปรับทุกข์ คุยแก้เหงา พร้อมให้กำลังใจ
จิตตกเมื่อไร ก็ไปหาหมอดูทุกที (กิเลสมันวน เรียกหาแต่ โลกธรรม 4 ) |
|
_________________ อริยมรรคมีองค์ 8 คือ สูตรสำเร็จแห่งการดับทุกข์ |
|
  |
 |
วิน
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 24 ส.ค. 2007
ตอบ: 7
|
ตอบเมื่อ:
05 ต.ค.2007, 4:02 pm |
  |
เคยดวงไม่ดีทำอะไรก็ติดขัดไปหมด ทั้งตกงาน ไม่มีเงินเก็บ แฟนเลิก มีคนแนะนำให้สวดมนต์และปฏิบัติธรรม พอลองทำตามดูก็ได้ผลเกินคาดจริงๆ ตอนนี้ก็สวดมนต์เป็นประจำเลย ชีวิตมีความสุขดี  |
|
|
|
  |
 |
ตะแง๊ว
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 09 ส.ค. 2007
ตอบ: 72
ที่อยู่ (จังหวัด): สุโขทัยธานี
|
ตอบเมื่อ:
06 ต.ค.2007, 12:46 pm |
  |
สนับสนุนความคิดของคุณวินค่ะ
ถามว่าเชื่อเรื่องดวงไหม โดยส่วนตัวไม่ชอบดูหมอ แต่ชอบอ่านตำรา และก็เชื่อว่า ดวงดาวต่างๆ มีส่วนในชีวิตเรา เช็คดวงบ้าง แต่ไม่งมงาย ก็คิดเสียว่ามีอะไรมาเตือนเรา จะได้รู้ตัวหรือระวังได้ทัน แต่ไม่เคยเสียเงินไปสเดาะห์เคราะต่างๆ นอกเสียจาก
...............ทำบุญด้วยการ ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เป็นเรื่องที่ทำปกติอยู่ทุกวัน จึงมีชีวิตที่ ไม่เคยเจอเรื่องโชคร้าย หรือว่าเคยเจอจิตใจก็ไม่ได้ไป ฟุ้งเฟ้อกะสิ่งที่เจอมากนัก แค่นี้ ความไม่ทุกข์ มันก็ไม่ค่อยจะมี
ธรรมสวัสดี  |
|
_________________ “จงทำจิตให้บริสุทธิ์” ด้วยความดี ไม่เบียดเบียนผู้อื่น หรือแม้กระทั่ง “ตัวของเราเอง” |
|
  |
 |
namsai
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 28 พ.ค. 2004
ตอบ: 5
|
ตอบเมื่อ:
08 ต.ค.2007, 12:00 pm |
  |
จากประสพการณ์ที่ผ่านมา เชื่อได้ และ แก้ไขได้
เมื่อก่อนเคยไม่เชื่อ และต่อต้านด้วยซ้ำ จนมาเจอหลวงพี่ท่านหนึ่ง
ท่านมีตำราที่ตกทอดมาจากบิดา ท่านเปิดตำราแล้วนับไปและทายไป
ท่านทายไปเรื่อยๆ เหลือเชื่อมากครับ ทายถูกแม้เรื่องบางอย่างที่เราเก็บเป็นความลับ
ท่านทายไปจนเราบอกว่าผิดเมื่อใด ท่านก็เลิกทายทันที
และก็เหลือเชื่อ ตรงที่ทายผิด คือ ช่วงที่ผมเริ่มรู้จักนั่งทำสมาธิ สวดมนต์ แผ่เมตตา
นั่นแสดงว่า เมื่อเราได้นั่งทำสมาธิ สวดมนต์ แผ่เมตตา เมื่อนั้น ดวงเราจะเปลี่ยนทันที |
|
|
|
  |
 |
tiptie
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 11 ก.ค. 2007
ตอบ: 19
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ
|
ตอบเมื่อ:
08 ต.ค.2007, 11:18 pm |
  |
อนุโมทนาสาธุค่ะ...ทุกๆความคิดเห็นค่ะ |
|
_________________ กรรมดี กรรมชั่ว อยู่ที่ตัวสร้าง...การกระทำมีผลตามมาเสมอ.... |
|
   |
 |
ทานธรรม
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 26 ก.ย. 2007
ตอบ: 13
ที่อยู่ (จังหวัด): สุพรรณบุรี
|
ตอบเมื่อ:
09 ต.ค.2007, 9:17 pm |
  |
เรื่องดวง เป็นเรื่องมีจริง ....แต่ไม่ใช่เพราะอิทธิพลของดวงดาว
แต่ดวงคนเราทุกคน เป็นไปตามแรง "กรรม"
ดังนั้นดวง จึงสามารถเปลี่ยนแปลงไปมาได้ หรืออาจจะดีหรือไม่ดีก็ได้ ไม่แน่นอน
ขึ้นอยู่กับว่า วิบากของกรรมใด กำลังส่งผลอยู่
ถ้าอยากดวงดี ก็ทำดีไปเรื่อยๆ แล้วดวงจะดีเอง
 |
|
_________________ จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย ไม่มีใครอยากเห็นเราเด่นเกิน |
|
  |
 |
ชัยพร พอกพูล
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 24 พ.ค. 2006
ตอบ: 73
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ
|
ตอบเมื่อ:
29 ต.ค.2007, 1:07 pm |
  |
ส่วนตัวแล้วผมเห็นว่าเรื่องดวงชะตานั้นเป็นเรื่องการแสดงผลของกรรมที่เคยทำมาแล้ว เป็นลำดับก่อนหลังทะยอยกันให้ผลแก่เรา ผมจะเล่าเรื่องสมัยพุทธกาลที่พอจะจำได้ให้ฟังแล้วกันครับ ถูกผิดยังไง รบกวนนักธรรมทั้งหลายช่วยแก้ไขด้วยครับ
มีตาหลานคู่หนึ่งเดินทางไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ตานั้นได้สอบถามเรื่องเกี่ยวกับธรรมะที่ตนยังสงสัยอยู่ต่อพระพุทธองค์ จนได้เวลาก็ขอลากลับ พระพุทธองค์ทรงประทานพรแก่ตาเพียงคนเดียว หาได้ประทานพรแก่ผู้เป็นหลานไม่ ตาสงสัยจึงได้ไต่ถาม พระพุทธองค์ตรัสว่า พรนั้นจะมีประโยชน์อันใดแก่ผู้ที่กำลังจะตายเล่า เหล่าพระสาวกก็เช่นกัน ตานั้นไม่พอใจนัก สงสัยว่าเหตุใดพระพุทธเจ้าและพระสาวกจึงตรัสเช่นนั้น
ระหว่างทางกลับบ้าน ตาหลานคู่นี้เดินผ่านหนองน้ำที่กำลังแห้งขอด มีปลาอยู่ตัวหนึ่ง หายใจพงาบ ๆ รอวันตายอยู่ ตานั้นไม่ได้สนใจอะไร แต่หลานซึ่งเป็นเด็กเล็ก ๆ เห็นแล้วก็ลงไปจับปลานั้นไปปล่อยยังแหล่งน้ำใกล้ ๆ ที่ไม่แห้งขอด
วันต่อมา ตาคนเดิมพาหลานที่พระพุทธเจ้าทรงบอกว่ากำลังจะตายนั้นไปหาพระองค์เพื่อต่อว่าที่พระองค์ตรัสว่าหลานของตนกำลังจะตายแล้วไม่ตายจริง
พอไปถึงตาก็เริ่มต่อว่าพระพุทธองค์ว่าพระองค์กล่าวเท็จว่าหลานของตนกำลังจะตาย พระพุทธองค์ก็ทรงถามว่าระหว่างทางกลับบ้าน เด็กคนนี้ทำอะไรบ้างหรือเปล่า ตาก็เล่าให้พระองค์ฟัง พระองค์ก็ตรัสว่า การช่วยชีวิตนั้นเป็นกรรมดีที่ใหญ่หลวง เด็กคนนี้ช่วยชีวิตปลา ทำให้กรรมชั่วที่เคยกระทำไว้เบาบางลง
จากพุทธประวัติตอนนี้ทำให้ผมเข้าใจว่า กรรมที่กระทำนั้นจะคอยส่งผลต่อเรา ไม่ว่าช้าหรือเร็ว และทำใมเมื่อบุคคลที่บำเพ็ญเพียรจนบรรลุอรหันต์แล้ว จึงเป็นผู้ที่กรรมตามไม่ทัน |
|
_________________ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม |
|
   |
 |
suvitjak
บัวบาน

เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen
|
ตอบเมื่อ:
27 พ.ค.2008, 11:51 am |
  |
มันเป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะครับ  |
|
_________________ ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน |
|
  |
 |
|