ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
muntana
บัวใต้น้ำ

เข้าร่วม: 10 ม.ค. 2008
ตอบ: 108
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok , Thailand
|
ตอบเมื่อ:
07 พ.ค.2008, 4:10 pm |
  |
สรรพคุณมากมายจากการไม่ทานเนื้อสัตว์
--------------------------------------------------------------------------------
คุณประโยชน์ของอาหารธรรมชาติ
ในทัศนะของ น.พ. โกศล กันตะบุตร
๑. อายุยืน ไม่เกิดโรค เช่น ฟันผุ ท้องผูก ริดสีดวงงอก โรคผิวหนังต่างๆ โรคกระดูกอ่อน โรคโลหิตซึม โรคไส้เดือนและโรคอื่นๆ ที่ติดต่อจากสัตว์อีกหลายอย่าง
๒. มีกำลังสมองและเส้นประสาทดีมาก เช่น ชาวฮินดู มีนิสัยใจคอเยือกเย็น ไม่ดุร้าย กลางคืนอยู่ยาม วันหนึ่งนอนไม่กี่ชั่วโมง ก็ไม่ทำให้ใจคอหงุดหงิด หรือเสียอนามัยประการใด พวกโยคีสามารถบังคับใจ ทรมานร่างกายด้วยวิธีต่างๆ เช่น นั่งอยู่บนปลายตะปู หรือกำมือยกชูสูง ไม่เอาลงจนมือลีบ และเล็บทะลุออกทางหลังมือ เป็นต้น
๓. มีกำลังกายดี เช่น ชาวฮินดู ช้าง ม้า วัว ควาย เป็นต้น ชาวฮินดูโดยมาก ท่านจะแลเห็นรูปร่างล่ำสัน แข็งแรง ไม่สู้จะมีโรคภัยไข้เจ็บอย่างใด ช้าง ม้า วัว ควาย กินแต่หญ้าและฟางแห้ง ยังสามารถลากเข็นล้อเกวียน และไถนาได้วันยังค่ำ แต่ถ้า เราจะสามารถจับเสือ และสิงโต ซึ่งกินแต่เลือดเนื้อของสัตว์ มาลองลากเข็นหรือไถนาดูบ้าง ก็คงจะไม่ทนทาน เพราะสัตว์กินเลือดเนื้อ เมื่อกินแล้วก็อ่อนเพลีย ขี้เกียจแม้แต่จะลุกเดิน ท่านจงสังเกตดูว่า ข้าวปลาอาหาร เงินทอง ตึกรามบ้านช่อง และกำลังของโรงงาน เครื่องจักรต่างๆ ก็เนื่องมาจาก กำลังของสัตว์ที่กินผักหญ้า เช่น วัว ควาย ช้าง ม้า เหล่านี้ เป็นผู้ชักลากให้ทั้งสิ้น
๔. ใจคอสุภาพไม่ดุร้าย ขอให้ท่านเปรียบดู ในระหว่างแขกฮินดู กับแขกบางชาติว่า จะมีศีลธรรมผิดกันอย่างไร ชาวฮินดู เป็นชาติที่มีศีลธรรม และอนามัยดียิ่ง มาหลายพันปีแล้ว กับขอให้ท่านสังเกตดูต่อไป ในระหว่างสัตว์ที่กินสัตว์ กับสัตว์ที่กินผัก เช่น เสือ สิงโต เหยี่ยว อีกา ที่ชอบกินสัตว์ กับวัวควาย นกพิราบ นกเขา ที่กินแต่อาหารธรรมชาติ เราจะเห็นว่า จำพวกสัตว์ที่กินผัก มีอนามัยและศีลธรรม ผิดกับจำพวกสัตว์ที่กินสัตว์มาก เครื่องอาวุธยุทธภัณฑ์ และคดีอาชญา อันร้ายแรงในโลกนี้ เกิดจากคนที่กินเนื้อสัตว์โดยมาก มนุษย์ยิ่งกินเนื้อสัตว์ ก็ยิ่งดุร้ายมากขึ้นทุกวันๆ ไม่มีเขตจำกัดว่า จะสิ้นสุดลงเพียงใด
๕. ถูกศีลธรรม ไม่เบียดเบียนเลือดเนื้อของผู้อื่น ความเมตตากรุณาของท่าน จะผลิดอกออกผล แตกกิ่งก้านสาขาบริบูรณ์ ได้ผลลัพธ์แก่สัตว์ทั้งหลายโดยเต็มที่ ก็เมื่อท่านเสพเฉพาะแต่อาหารธรรมชาติเท่านั้น
๖. ไม่เปลืองทรัพย์ เพราะอาหารธรรมชาติถูกกว่าเนื้อสัตว์ เราจะออมสตางค์ไว้เหลือทำบุญ และทำประโยชน์อื่นๆ ได้ปีละหลายๆ ร้อยบาททีเดียว
๗. ตัณหาราคะเบาบาง สัตว์ที่กินอาหารธรรมชาติต่างๆ มีความรู้สึกตัณหาราคะ เพียงหน้าเดียวในปี เฉพาะแต่เมื่อถึงฤดูจะแผ่เผ่าพันธุ์เท่านั้น เมื่อตั้งท้องแล้วก็หยุด ไม่ส้องเสพประเวณีต่อไปอีกเลย ส่วนมนุษย์ ไม่ค่อยจะมีข้อยกเว้นในสิ่งเหล่านี้ มนุษย์ยิ่งกินสัตว์มาก ยิ่งมีตัณหาราคะมาก ไม่เป็นเมื่อ เป็นคราว เหมือนสัตว์ จนต้องมีฮาเร็ม และมีโรงหญิงนครโสเภณี เป็นเครื่องบำเรอกาม
๘. เมื่อเสพอาหารธรรมชาติครบ ๗ ปี ร่างกายเราจะบริสุทธิ์ ไม่มีเลือดเนื้อของผู้อื่น เท่ากับล้างป่าช้า ใหญ่โตที่สุดในโลก ซึ่งฝังซากศพของสัตว์ต่างๆ ไม่รู้จักเต็มสักที ให้สะอาดบริสุทธิ์ แต่กลับฝังอาหารธรรมชาติต่างๆ ลงไปแทนที่ เพราะทางวิทยาศาสตร์ปรากฏว่า ร่างกายของมนุษย์ กว่าจะเปลี่ยนแปลงของเก่าหมด อยู่ในราว ๗ ปีเป็นประมาณ
ตัวอย่างเช่น ท่านซื้อมีดมาเล่มหนึ่ง ๓ ปีแรกตัวมีดหัก ท่านเปลี่ยนใส่ใหม่ ต่อมาอีก ๒ ปีปลอกมีดเสีย เปลี่ยนใส่ใหม่ ต่อมาอีก ๒ ปี ด้ามมีดเสีย ท่านต้องเปลี่ยนด้ามใหม่ พอถ้วนกำหนดครบ ๗ ปี มีดเล่มนั้น กลายเป็นมีดเล่มใหม่ขึ้นอีกเล่มหนึ่งแล้ว หาใช่เล่มเก่าไม่ ร่างกายของมนุษย์เรา ก็เปลี่ยนแปลงด้วยประการฉะนี้ แต่ว่า เปลี่ยนแปลงโดยวิธีละเอียด และสุขุมกว่ากันมาก คือค่อยๆ เปลี่ยนออก ถ่ายออก ทางอุจจาระ ปัสสาวะ ทางหายใจ ทางเหงื่อ ทางขี้ไคล ค่อยเปลี่ยนค่อยไป ทีละเล็กละน้อย
๙. สมกับภูมิประเทศและศาสนา เพราะประเทศของเรา ถือพระพุทธศาสนา ซึ่งเต็มไปด้วย ความเมตตากรุณาต่อสัตว์ และเต็มพร้อมไปด้วย อาหารธรรมชาตินานาชนิด ผิดกับประเทศยุโรป ซึ่งขาดแคลนอาหารเหล่านี้
๑๐. เวลาดับชีพ ซึ่งเป็นเวลาจะเลี้ยวหัวงาน จะมีกำลังใจมั่นคง กล้าแข็งไปสู่สุคติ ไม่มีเจ้ากรรมนายเวร ของสัตว์ใดๆ จะมาทวงเลือดเนื้อ และชีวิตของมัน ขอให้ท่านสังเกตดู คนที่ทำบาปกรรมไว้มากๆ เมื่อเวลาจะตาย มักจะมีลางร้ายมาบอกล่วงหน้า ให้รู้หนทางที่จะต้องไปสู่กรรม เช่น นักชนไก่ ก็เอาหัวแม่มือชนกันจนเลือดไหล เจ๊กฆ่าหมู ก็ร้องเหมือนหมู และหามีดจะเชือดคอตนเอง เป็นต้น
๑๑. เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวที และเมตตากรุณา ต่อสัตว์ที่มีคุณบางจำพวก เช่น วัว ควาย ม้า ลา เป็นต้น ขอให้เราคิดดูบ้างว่า สมมุติว่า ตัวเรา ถูกนายใช้งานมาตั้งแต่หนุ่มจนแก่ ถูกเฆี่ยน ถูกตี เหนื่อยยาก หิวข้าว หิวน้ำ ปวดหัวตัวร้อน และก็มิได้กระทำความผิดสิ่งใด แล้วยังต้องถูกฆ่า เอาเลือดเนื้อของเรา ให้นายเรากินอีก แล้วเรา จะรู้สึกอย่างไรบ้าง หรือเราจะเถียงว่า เราไม่ใช่ควาย แต่ควายก็เป็นสัตว์สี่เท้าเลี้ยงลูกด้วยนม เกิดร่วมโลก โลกเดียวกับเราเหมือนกัน ขอให้เอาอกเขา มาใส่อกเราดูบ้าง เราจะไม่มีหนทางช่วยเหลือได้อย่างอื่น นอกจากไม่กินเนื้อมันเท่านั้น
๑๒. รสชาติของอาหารธรรมชาติ ไม่เฉียบแหลมสดคาวเหมือนเนื้อสัตว์ เวลาจะรับประทาน จะไม่จุเกินไป กระเพาะอาหาร และลำไส้จะไม่ต้องทำงานเหลือบ่ากว่าแรง อาหารที่มีรสเฉียบแหลม หรือปรุงโดยวิธีต่างๆ จนเกินไป คุณสมบัติของอาหารนั้นย่อมเสื่อมทราม เช่น ข้าวโรงสีไฟ ซึ่งขัดสีจนปลอกนอก ซึ่งเป็นชั้นสำคัญหมดไป หรือของที่ทำให้สุกหลายๆ หนถูกความร้อนมากเกินไป เป็นต้น
๑๓. การรับประทานอาหารธรรมชาติ เรียกได้ว่า ท่านเป็นผู้ไม่ประมาทต่อเหตุการณ์ ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า คือในโลกนี้ก็ไม่ค่อยเกิดโรคภัย ในโลกหน้า ถ้าเผื่อบุญกรรมนรกสวรรค์มีจริงๆ เข้า เราจะต้องใช้หนี้สัตว์ หรือลำบากยากแค้นอย่างไรก็ไม่รู้ กันไว้ดีกว่าแก้
๑๔. การเสพอาหารธรรมชาติ จะไม่มีก้างปลา หรือกระดูกสัตว์ติดคอ ให้เป็นอันตรายได้ ผู้ที่รับประทานเนื้อสัตว์ คงเคยก้างติดคอมาแล้ว ซึ่งไม่สู้จะสนุกนัก อาหารธรรมชาติ จึงเหมาะแก่ท่านนักบุญบางท่าน ที่ชอบฉันจังหันโดยวิธีสำรวม เช่น สมเด็จพระพุทธเจ้า เป็นต้น
๑๕. การเสพอาหารธรรมชาติ ไม่เป็นการแสลงต่อโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ท่านคงจะเห็นพวกแพทย์แผนโบราณ ห้ามคนไข้ไม่ให้กินสัตว์ ๔ เท้า ๒ เท้า อาหารธรรมชาติ ไม่มีเชื้อโรคร้าย และไม่เป็นโรคระบาดต่างๆ เช่น เพล็ก อหิวาต์ วัณโรค และโรคเรื้อน เป็นต้น ซึ่งผิดกับเนื้อสัตว์ ที่น่ากลัวอันตรายยิ่งนัก
๑๖. ไม่มีภัยอันตรายอย่างใด ที่จะเกิดขึ้น จากการไปจับสัตว์ หรือฆ่าสัตว์มาเป็นอาหาร ท่านคงจะเคยเห็นพวกยิงเนื้อยิงกันเอง และพวกหาปลาถูกงูกัดตายบ่อยๆ
๑๗. ร่างกายและเลือดเนื้อ ของคนที่กินอาหารธรรมชาติ ย่อมคงทนต่อโรคภัยไข้เจ็บ ดีกว่าร่างกายและเลือดเนื้อ ของคนที่กินเนื้อสัตว์ ขอให้ท่านสังเกตดูกำลังของช้าง ม้า วัว ควาย กับเสือหรือสิงโต เป็นต้น
๑๘. วิธีที่จะทำให้จิตใจ และร่างกายสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีอะไรจะดีเท่าการเสพอาหารธรรมชาติ ซึ่งได้รับผลดียิ่งนัก
:SMLX_016: http://se-ed.net/twc/j/misc.htm#7
เเนบรูป
27-20050622162116.jpg (26.3 KB, |
|
|
|
   |
 |
ตามรอย
บัวใต้น้ำ

เข้าร่วม: 16 เม.ย. 2008
ตอบ: 109
ที่อยู่ (จังหวัด): เชียงใหม่
|
ตอบเมื่อ:
07 พ.ค.2008, 7:49 pm |
  |
ขอขอบพระคุณที่ให้แนวคิดครับท่าน
ตัวข้าพเจ้าเองแต่ก่อนกินเนื้อวัวเนื้อควาย
ตอนนี้งดแล้วเพราะเห็นว่าเนื้อนี้มีบุญคุณต่อแผ่นดิน
แต่ก็ยังทานเนื้อสัตว์อยู่ เพราะเห็นว่ายังไม่จำเป็นต้องงด
แต่ถ้าถึงวัยอันสมควรแล้วข้าพเจ้าว่าจะงดเนื้อสัตว์
ตามท่านแนะนำ
สาธุ สาธุ สาธุ
เจริญธรรม |
|
_________________ อย่าประมาทลืมตน |
|
   |
 |
muntana
บัวใต้น้ำ

เข้าร่วม: 10 ม.ค. 2008
ตอบ: 108
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok , Thailand
|
ตอบเมื่อ:
07 พ.ค.2008, 9:40 pm |
  |
กิน..สำคัญยิ่งนัก กินอย่างไรให้ปลอดโรคอายุยืนยาว
ความกดดันจากหน้าที่การงานและชั่วโมงการทำงานอันแสนยาวนาน ทำให้คนส่วนใหญ่มองข้ามเรื่องที่มีความสำคัญหลายๆ เรื่องไป เช่น เรื่องการรับประทานอาหารและคุณค่าางโภชนาการที่ร่างกายควรจะได้รับ ซึ่งคนส่วนใหญ่มักมีพฤติกรรมการรับประทานที่ไม่เหมาะสมนัก เช่น ดื่มกาแฟมากเกินไป รับประทานอาหารไม่ครบมื้อ ทานของจุบจิบที่ไม่มีประโยชน์ และลดน้ำหนักโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
พฤติกรรมที่ไม่ดีเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อสุขภาพหลายประการ เช่น การลดน้ำหนักด้วยการงด โปรตีนและคาร์โบไฮเดรตจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่คงที่ ส่งผลให้อารมณ์แปรปรวน หมดเรี่ยวแรงและขาดสมาธิ ส่วนการได้รับปริมาณคาเฟอีนมากเกินไปก็จะทำให้หงุดหงิดง่ายและเกิดการนอนไม่หลับตามมา ที่สำคัญก็คือ การได้รับสารอาหารไม่พอเพียง ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติของร่างกายทำงานไม่เต็มที่ ส่งผลให้เจ็บป่วยและเครียดมากกว่าเดิม และเพื่อให้เกิดพฤติกรรมการรับประทานที่เหมาะสมกับร่างกาย จึงขอแนะนำข้อควรปฏิบัติดีๆ เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงให้ลองทำกัน ดังนี้
+ + ควรให้ความสำคัญกับมื้อเช้า เพราะการรับประทานอาหารเช้าที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการอย่างเต็มอิ่ม จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม
+ + หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟในปริมาณที่มากจนเกินไป ลองหันมาลองดื่มชาเขียวดูบ้าง เลือกดื่มน้ำผลไม้หรือน้ำเปล่าแทนน้ำอัดลม
+ + ติดของว่างที่มีประโยชน์รับประทานที่โต๊ะทำงานบ้าง เป็นต้น ซึ่งเหล่านี้ก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของการเริ่มต้นการมีสุขภาพที่ดีของตัวท่านเอง
ที่มา : ku.ac.th
กินอย่างไรให้ปลอดโรคและอายุยืนยาว
โดย ศ นพ.เฉก ธนะสิริ ประธานชมรม 100 ปีชีวีมีสุข
แชมป์กีฬาโลกผู้สูงอายุหลาย ๆ สมัยทั้งกีฬา ว่ายน้ำ
จักรยาน เดินเร็ว
ผู้มุ่งมั่นที่จะมีชีวิตอยู่ถึง 120 ปี
อยากมีชีวิตยืนยาวไม่ใช่เรื่องยาก ในงานแนะนำหนังสือชุด กินอยู่อย่างไรให้ปลอดภัยโรค ยังจัดสนทนาหัวข้อ 120 ปี ชะลอชรา...ตำราหมอเฉก โดยผู้เขียนสูงวัยอายุเฉียด 90 ปี และยังครองตำแหน่ง แชมป์กีฬาโลกผู้สูงวัยหลายสมัย และกีฬาหลาย ๆ ประเภท เช่น ว่ายน้ำ จักรยานทางไกล เดินเร็ว ศ นพ.เฉก ธนะสิริ ที่มาแฉไลฟ์สไตล์ได้อย่างออกรส เรียกเสียงหัวเราะในกลุ่มผู้ฟังส่วนใหญ่ วัยผมสีดอกเลา!! ณ อาคารนานมีบุ๊คส์ เมื่อเร็วๆนี้
ศ.นพ.เฉก ผู้ไม่เคยลาป่วย ไม่กินยาบำรุงและอาหารเสริมทุกชนิด ไม่มีโรค ประจำตัว เกริ่นถึงเรื่องการออก กำลังกายก่อนเป็นลำดับแรก ทั้งการว่ายน้ำ เดิน วิ่ง ขี่จักรยาน โยคะ สมาธิ ต่อเนื่องมาตั้งแต่เกษียณบางคนที่อายุมากอาจไม่ เคยออกกำลังกาย แต่หากเริ่มเสียแต่วันนี้ คงต้องใช้เวลา อย่าหักโหม ขอให้ได้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน เพื่อให้ร่างกายสูดออกซิเจนเข้าไป ถ่ายคาร์บอนไดออกไซด์หรืออนุมูลอิสระออกมา การเคลื่อนไหวร่างกายบ่อยๆ ทำให้ได้พลังชีวิต เวลาเหนื่อยหอบแฮ่ก กล้ามเนื้อหัวใจจะบีบปั๊มแข็งแรงมาก ควรให้พอดีกับอายุ แล้วจะดีต่อการสูบฉีดของหลอดเลือดที่มีความยาวทั้งเส้นเลือดเล็กกับเส้นเลือดใหญ่ ในร่างกายเทียบแล้วเท่า กับความยาววนรอบโลก 2 รอบ!! อันเป็นตัวส่งสารอาหารไปสู่เซลล์ต่างๆ แล้วเซลล์ที่สูงสุดคือเซลล์สมอง ถ้าไม่ออก กำลังกาย การสูบฉีดเลือดก็ไป ไม่ถึงสมอง
ส่วนการรับประทานอาหาร โดยส่วนตัวจะเน้นผลไม้ไทยเท่านั้น เพราะสด และมีวิตามิน แร่ธาตุมากมาย ผลไม้นอกไม่จำเป็นและยังมีความเสี่ยงสูงต่อสารพิษตกค้างมากมาย จากการตรวจพบวิจัยในห้องแล็ปบ่อยครั้ง ๆ เพียงเท่านี้ก็ครบสารอาหาร 5 หมู่ และขอเน้นว่า ระหว่างการรับประทานอาหารไม่ควรดื่มน้ำ เพราะจะไปละลายน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร ควรรอสักพักจากนั้นก็ดื่มน้ำเปล่าที่สะอาดให้ บ่อยและมากที่สุด เพื่อล้างพิษในร่างกาย
สัตว์โลกมี 2 ประเภท คือสัตว์กินเนื้อที่ไม่มีกราม แต่มีเขี้ยว ลักษณะการดื่มน้ำจะใช้ลิ้นเลีย และเวลาออกลูกคราวละเป็นครอก ส่วนสัตว์กินพืช จะมีกรามแต่ไม่มีเขี้ยว ดื่มน้ำเป็นอึกใหญ่ มีลูกครั้งละเป็นตัว ฉะนั้นเราเป็นสัตว์กินพืชจึงต้องเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ควรกินในสิ่งที่เกินจำเป็น ประเภทโปรตีนก็รับประทานเต้าหู้ โปรตีนเกษตร ถั่วงา ธัญพืช ข้าวไม่ขัดสี หรือ ข้าวกล้อง ผัก ผลไม้สด พื้นบ้าน ควรรับประทานกล้วยน้ำว้าสุกให้ได้ทุกๆ วัน รักษาน้ำหนักและส่วนสูงให้สมดุลกัน อาหารหลัก ควรงดมื้อเย็นเพราะไม่มีความจำเป็นต่อร่างกาย ซ้ำร้ายยังชักนำโรคร้ายต่างๆ มาทำลายสุขภาพ นอกจากนี้ควรงดหรือละเว้นอาหารกระป๋อง อาหารปรุงแต่งรส แต่งสี หรือเจือปนสารเคมี ยากันบูด น้ำอัดลม น้ำหวานผสมสี ชาเขียวพร้อมดื่ม ขนมขบเคี้ยวต่างๆ รวมถึง อาหารเสริม ยาบำรุงและ วิตามินสังเคราะห์ต่างๆ เพราะมีแต่จะสร้างความเสียหายต่อไต และ ตับได้ ถ้ารับประทานต่อเนื่องกันนานๆ
สุดท้ายว่าด้วยเรื่องจิตนิ่งเป็นจิตที่มีพลัง รักษาศีล 5 หมั่นปฏิบัติให้ดีที่สุด และไม่ว่าอายุเท่าไหร่ก็ควรปฏิบัติธรรม นั่งวิปัสสนากรรมฐาน แล้วจะเป็นประโยชน์ต่อครอบครัว ต่อสังคม ต่อประเทศชาติและต่อโลก ในทางพุทธศาสนาเรื่องกฎแห่งกรรมเป็นสิ่งสำคัญมาก ขอให้ออกกำลังกายสำคัญ อาหารสำคัญและความดีสำคัญ คนดีมีคุณธรรมเท่านั้นที่จะมีอายุยืนยาวครับ.
ข้อมูลจาก : วารสารสุขภาพ สสส
สุขภาพดี ชีวีมีสุข |
|
|
|
   |
 |
รุ่งลลิดา สกุลงาม
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 21 ก.ค. 2007
ตอบ: 53
ที่อยู่ (จังหวัด): 75/8 ม.3 ม.จามจุรี 2 ต.ท่ามะกา อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี 71120
|
ตอบเมื่อ:
08 พ.ค.2008, 2:46 am |
  |
ปกติจะไม่ค่อยรับประทานเนื้อสัตว์อยู่แล้ว ยิ่งสัตว์ใหญ่เช่นโค ที่บ้านไม่ทานมาแต่
กำเหนิด แปลกแต่ไม่ไช่ว่าจะทำเพื่อสุขภาพ เป็นเหตุบังเอิญที่มีผลดีต่อสุขภาพ |
|
_________________ มีสติไว้ |
|
    |
 |
anusorn
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 17 มี.ค. 2008
ตอบ: 13
|
ตอบเมื่อ:
08 พ.ค.2008, 7:44 am |
  |
ตอนนี้ผมไม่กินเนื้อวัวแล้วครับ ปกติชอบกินเนื้อทอดมากช่วงที่มีกินเจเมื่อปีที่แล้ว 2550 ผมก็เลิกตั้งแต่นั้น แต่ก็ยังกินเนื้อสัตว์อื่นๆ เช่น ไก่ หมู ไข่ เป็ด ไม่ทราบว่า หมู ไก่ ไข่ เป็ด ต้องงดทานด้วยหรือไม่ ในความหมายของการไม่กินเนื้อสัตว์ จะทำให้ขาดสารอาหารครบ 5 หมู่หรือเปล่าครับ สงสัยตามหลักวิทยาศาสตร์ ถ้าไม่กินแล้วทำให้ไม่ขาดสารอาหาร ผมก็จะงดทั้งหมดเลย
แต่ถ้าพิจารณาตามหลักที่พระพุทธเจ้าสอน มัชฌิมาปฏิปาทา หรือ ทางสายกลาง ผมว่าทำอะไรตึงไปก้ไม่ดี หย่อนไปก้ไม่ดี ไม่ทราบเหมือนกันว่าพระพุทธเจ้าพระองค์ท่านฉัน เนื้อไก่ หมู เป็ด ไข่ หรือเปล่านะครับ ในใจผมว่าท่านต้องทานบ้างหละ |
|
|
|
  |
 |
ช้างชูธง
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 18 พ.ค. 2007
ตอบ: 50
|
ตอบเมื่อ:
09 พ.ค.2008, 8:35 am |
  |
ข้าวมธุปายาส เป็นอาหารมื้อที่พระพุทธองค์ได้ฉันก่อนตรัสรู้
สุกรมัทวะ ที่เป็นเห็ดชนิดหนึ่ง เป็นอาหารมื้อสุดท้ายที่พระองค์ฉันก่อนปรินิพพาน
พระพุทธองค์ตรัสสรรเสริญอาหารสองมื้อนี้ว่า มีผลมาก มีอานิสงค์มาก
ท่านตรึกตรองดูเองเถิดครับ ทั้งสองมื้อไม่มีเนื้อสัตว์เลย
พระพุทธเจ้าตั้งใจบอกอะไรกับพวกท่าน  |
|
|
|
  |
 |
sittidet
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 26 ธ.ค. 2007
ตอบ: 53
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
16 พ.ค.2008, 12:11 pm |
  |
จะกินเนื้อ หรือไม่กินไม่สำคัญ สิ่งจะทำได้คือหาทางพ้นทุกข์ไม่ต้องกลับมาอีก ก็เหมือนหยุดการเบียดเบียนไปอีกอย่างถาวร จะได้ไม่ต้องกินเนื้อกันอีก ถ้าอยากแก้ปัญหานี้จริงๆ |
|
_________________ ผู้ใดมีตนเป็นที่พึ่งนับว่าหาที่พึ่งอันหาได้ยาก |
|
  |
 |
chill
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 22 ก.พ. 2008
ตอบ: 85
|
ตอบเมื่อ:
14 มิ.ย.2008, 3:07 am |
  |
ลองไม่กินเนื้อสัตว์ดูก้อท่าจะดีนะคะ จะลองไปใช้ดูมั่งคะ
โมทนานะคะ
 |
|
_________________ มีชีวิตอยู่เพื่อทำความดี.. |
|
  |
 |
RARM
บัวบาน

เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2007
ตอบ: 417
|
ตอบเมื่อ:
14 มิ.ย.2008, 6:24 am |
  |
กายเบา จิตเบาดีครับ ผมเคยลองมาเหมือนกันครับ |
|
|
|
  |
 |
บัวหิมะ
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273
|
ตอบเมื่อ:
12 ส.ค. 2008, 1:09 am |
  |
ขอบคุณ กับบทความดี ๆ ที่ให้ความรู้ กับเพื่อนๆ ชาวลาน ตัวเองก็เลิกรับประทานเนื้อโค-กระบือมานานแล้ว ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนชอบเป็นอันดับหนึ่งเลย เนื่องจากกินเจในช่วงเทศกาลทุกปี จึงจำเป็นต้องงดเนื้อโค-กระบือ โดยปริยาย
ขออนุโมทนาบุญด้วย  |
|
_________________ ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ |
|
  |
 |
|