Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 เพราะ ความอาลัยใน สุขที่คาดว่าจะได้รับ แท้ๆ เลย อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ชัช
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 27 ม.ค. 2005, 9:16 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ลูกผมเค้ามีอาการทางออทิติด ครับ คือสมองการพูดและสื่อสารจะมีปัญหา

ตอนนี้สภาพจิตของพ่อ(ตัวผมเอง)ดีขึ้นมากครับ หลังจากที่ได้เปลี่ยนมุนมองใหม่

มีชีวิตอยู่เพื่อ ครวบครัวและคนอื่น

ไม่คอยแต่จะ มีชีวิตอยู่เพื่อหวังรอรับแต่ความสุข อีกต่อไป



ตัวที่ทำให้ทุกข์ ก็คือ "ความเห็นแก่ตัว " นั้นเอง!!

เพราะว่า ความอาลัยใน สุขที่คาดว่าจะได้รับ แท้ๆ เลย ทำให้ต้องมา คิดวิตกกังวล เศร้าใจเสียใจ อย่างแสนสาหัส



จิตใจ ที่เคยถูกบำเรอด้วย ความสุขทางโลก

จิตใจที่อ่อนแอ เพราะไม่เคยฝึกฝนให้รู้เท่าทันอารมณ์ และ มายาของกิเลส

มันทำให้ตัวผมตั่งอยู่ให้ความประมาท และไม่สามารถ จัดการแก้ปัญหา ของตัวเองได้เลย

คุมสติแทบไม่อยู่ จนเกือบจะเสีย ทั่งชีวิตครอบครัวและ งานที่ทำอยู่



โชคดีมาก ที่ยังมี กัลยาณมิตร ที่ดี

แนะนำให้มา ปฎิบัติวิปัสสนา ตามแนวของ หลวงพ่อชา สุภัทโท

ทำให้ผมสามารภรับมือกับ ความทุกข์ทางใจได้ และพบความสงบได้

เหมือนเป็นคนใหม่ที่อดทน และปล่อยวาง

เมื่อวานเป็น วันเกิด ลูกกันต์ ครบ 2 ขวบ

ก็หวังว่าผลจากการนั่งวิปัสสนา จะไปถึงลูกบ้างนะ......

ต่อไปนี้ พ่อจะทำทุกอย่างเพื่อลูก ไม่ใช่เพื่อตัวพ่อเอง

พ่อไม่เสียใจที่ลูกต้องมาเป็นแบบนี้ แต่พ่อเสียใจที่ ไม่เข้มแข็ง และอ่อนแอมาตลอด

พ่อจะดูแลและปกป้องลูกให้ดีที่สุด เท่าที่กำลังของพ่อจะมีอยู่





ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ที่ประสบ ปัญหาชีวิตทุกคน ครับ

 
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 28 ม.ค. 2005, 1:51 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

z]ผลจากการปฏิบัติธรรมของคุณหากเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ และต่อเนื่อง ตลอดการดำรงชีวิตอยู่ ย่อมส่งผลให้ครอบครัวของคุณประสบความสำเร็จในทุกๆด้านอย่างแน่นอน



จงมั่นใจเถิดว่า ทุกย่างก้าวแห่งทางปฏิบัติธรรม แม้จะพบอุปสรรคและความทุกข์กระหน่ำซ้ำเติมขนาดไหน คุณก็จะพบความสำเร็จได้รวดเร็วเฉกเช่นเดียวกัน



เป็นกำลังใจให้ทุกท่านค่ะ



มณี ปัทมะ ตารา
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
TU
บัวทอง
บัวทอง


เข้าร่วม: 23 พ.ค. 2004
ตอบ: 1589

ตอบตอบเมื่อ: 28 ม.ค. 2005, 4:44 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กัมมะสักกะ



เด็ก 13 ขวบ – มโนกรรม



…………………………………………………………………………………………




กัมมะสักกะ แปลว่า เรามีกรรมเป็นของของตน สักกะหมายความว่าของตน

มโนกรรมก็ดี วจีกรรมก็ดี กายกรรมก็ดี มีความหมายจริงๆ



..... ..... มีเรื่องที่น่าสนใจ ขอเล่าให้ฟังเรื่องหนึ่ง




ช่วงปี พ.ศ 2532 อาจารย์กลับไปเยี่ยมประเทศญี่ปุ่นและพักอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ในกรุงโตเกียว วันหนึ่งคุณหมอเด็กท่านหนึ่งกับผู้หญิงวัยกลางคน พา เด็กผู้ชายอายุราว 13 ขวบ มาเยี่ยมอาจารย์ เด็กคนนั้นดูแล้วหน้าตาดี หน้าคม ลักษณะฉลาดอยู่ แต่พูดไม่ได้ เขียนหนังสือไม่ได้ พฤติกรรมเหมือนเด็กปัญญาอ่อน เข้าใจว่าไปโรงเรียนพิเศษเรียนหนังสือเหมือนเด็กทั่วๆ ไป เขาซนมากจริงๆ เข้ามาวัดก็วิ่งไปวิ่งมา ไม่อยู่นิ่ง



บ้านญี่ปุ่นมีห้องใหญ่ๆ ใช้ประตูเบาๆ ทำด้วยไม้กับกระดาษสา แบ่งเป็นห้องเล็กๆ ได้ เมื่อมีแขกมาหลายคน หรือประชุมใหญ่ ก็เก็บประตูหมด ผู้หญิงก็ยกได้เบามาก เดี๋ยวเดียวก็เสร็จ ปีใหม่หรือนานๆ ครั้งหนึ่งก็ฉีกกระดาษทิ้งทำความสะอาดแล้วก็เอากระดาษใหม่ปิด สะอาดเหมือนได้ห้องใหม่ เด็กคนนี้วิ่งไปทั่วห้องเอานิ้วเจาะปุ๊บๆ ๆ ๆ ๆ เขาสนุก เราทุกข์



เขามาวัดเพื่อให้อาจารย์อบรมเทศน์ให้เด็กคนนั้นฟัง แม่ให้ลูกเขียนชื่อตัวเองให้อาจารย์ดู เขาเขียนตัวโต แม่ต้องช่วยหน่อย แต่อาจารย์อ่านไม่ออก เพราะไม่ค่อยชัด คนที่สอนเขียนคงจะอ่านออก เด็กคนนี้อยู่เฉยได้ไม่ถึง 2-3 นาที แล้วก็นอนตักแม่ตลอด อาจารย์เองไม่เคยพบสภาพอย่างนี้แต่คุณหมอนิมนต์อาจารย์เทศน์ เด็กคนนี้เหมือนไม่ฟังแต่จริงๆ ฟังอยู่ คุณหมอบอกว่าอย่างนั้น คุณหมอเด็กสนใจอยากศึกษาเด็กคนนี้ ก็เลยให้เด็กมาเล่นกับคุณหมอที่คลีนิคอาทิตย์ละ 1 ชั่วโมง



และได้สอนให้เขาพิมพ์ดีดด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ เขาสามารถพิมพ์หนังสือเป็นจดหมายได้ในเวลาไม่กี่วัน ถ้าเด็กธรรมดาก็ต้องใช้เวลานาน แต่เด็กคนนี้เรียนได้เร็วมากแสดงว่า เขาไม่ใช่คนปัญญาอ่อน IQ สูงมาก เขาพิมพ์เรื่องราวของตัวเขาเอง คุณหมอก็เลยได้รู้ว่าเขามีความรู้สึกอย่างไร คิดอะไรอยู่และได้รู้ว่าเขารังเกียจแม่มากๆ เพราะตอนที่เขาอายุยังไม่ถึงขวบแค่ 9 เดือนแม่ตั้งท้องใหม่ แม่กับพ่อปรึกษากันว่าลูกชายคนนี้ยังเดินไม่ได้ พูดก็ไม่ได้ เลี้ยงคนเดียวก็เหนื่อยแย่แล้ว



พ่อแม่สองคนตกลงกันทำแท้งลูก ลูกชายคนนี้ฟังอยู่ด้วย รู้เรื่อง เสียใจมากที่แม่ฆ่าน้อง ตั้งแต่นั้นผูกโกรธอาฆาตไว้กับแม่ เด็ก 9 เดือนนะยังเรียกพ่อแม่ไม่ได้แม่กำลังสอนให้พูด แม่มีความรู้สึกว่าลูกเริ่มจะพูดอยู่สักครั้งสองครั้งแล้วก็หยุดพูด เขามีลูกสาวอีกคนหนึ่ง พี่สาวของเด็กคนนี้ อายุห่างกันประมาณ 2-3 ปี ไม่มีปัญหา ปกติดี เด็กคนนี้กำลังต่อสู้กับอารมณ์ที่ขัดแย้งกันอยู่ภายในจิตใจ วันไหนแม่พาลูกไปเที่ยวเล่นในสวนสนุก ลูกชายมีความสุข ก็พิมพ์หนังสือออกมาว่า วันนี้แม่พาไปเที่ยวสนุกมีความสุขมากๆ รักแม่



อยู่ไปอีก 2-3 วัน เกิดสัญญาเก่า เกิดอาฆาตพยาบาท แค้นเสียใจที่ "แม่ฆ่าน้อง" ก็โกรธแม่อีก แม่ก็รักลูก อาจจะยิ่งกว่าคนอื่นก็ได้ แม่ก็ทำดีกับลูก ลูกก็มีความสุข รักแม่ แต่อารมณ์เก่าๆ มันตีกลับมาทับอีก ต่อสู้อยู่อย่างนั้น เขาชอบไปวัด ชอบพระพุทธศาสนาทางศาสนาสอนให้แผ่เมตตากรุณาเป็นหลัก เมื่อโตแล้วอยากจะเป็นผู้ช่วยคุณหมอหรือบวชพระในพระพุทธศาสนา เขามาเยี่ยมอาจารย์เพราะดูทีวีแล้วก็เกิดศรัทธา และคุณหมอมีความหวังนิดหน่อยว่าอาจารย์จะเทศน์ช่วยเขาได้บ้าง



ช่วงกลางเดือนเมษายน พ.ศ. 2532 อาจารย์ได้เดินธุดงค์จากสนามบินนารีตะถึงเมืองฮิโรชิม่า ระยะทางเกือบ 1,000 กิโลเมตรใช้เวลา 72 วัน ไม่ได้รับเงินทอง รับแต่อาหารบิณฑบาต หาที่นอนแล้วแต่โอกาส พักที่วัดบ้าง ตามริมถนนบ้าง กลางคืนมืดๆ แล้วก็เข้าไปนอนที่จอดรถของสรรพสินค้าบ้าง ใต้สะพานบ้าง สาระพัดแบบ



เมื่อถึงโตเกียว จากสนามบินนารีตะอาทิตย์หนึ่ง สื่อมวลชน สถานีโทรทัศน์ญี่ปุ่นมาขออนุญาตทำสารคดีเพราะบางคนคิดว่าไม่น่าจะเดินถึงเมืองฮิโรชิมาได้ รายกายนี้ได้ออกอากาศ เขาเห็นเขาจึงอยากมาเยี่ยมอาจารย์ คุณหมอก็นิมนต์อาจารย์เทศน์ให้เขาฟัง แต่อาจารย์ไม่ค่อยมีอารมณ์เทศน์ เพราะผู้ฟังนอนตักแม่คะนองมือคะนองเท้าตลอดไม่อยู่ธรรมดา แต่คุณหมอบอกเรื่อยๆ ว่าเด็กคนนี้เหมือนไม่ฟังแต่ความจริงใครพูดอะไรก็ฟังทั้งนั้น



อาจารย์ตั้งใจเทศน์เรื่อง วิธีระงับเวร ความโกรธ และเจริญเมตตากรุณา ให้เด็กฟัง แต่ได้ผลมากน้อยเพียงใดไม่ทราบ เรื่องนี้อาจารย์ยกขึ้นมาพูดในวันนี้ เพื่อเป็นอุทาหรณ์แสดงให้เห็นว่า เด็ก 9 เดือนยังพูดอะไรไม่ได้ เดินก็ไม่ได้ เหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่ความจริง เขามีความรู้สึก ความเข้าใจ ความคิด เขาสามารถสร้างมโนกรรมได้จริงๆ รุนแรงถึงขนาดนั้นก็มีอยู่



..... ..... หมอก็สันนิษฐานว่าความโกรธ ความรังเกียจแม่อย่างรุนแรงเป็นกำลังทำให้ระบบประสาทของเขาพิการ มโนกรรมที่เขาสร้างขึ้นมาเป็นเหตุ มีผลทำให้เขาพูดไม่ได้ กัมมะสักกะ เรามีกรรมเป็นของๆ ตนจริงๆ กรรมมีผลร้ายแรงถึงเพียงนี้จริงๆ



ศึกษาเรื่อง "กรรม" จากหนังสือผิดก่อน-ผิดมาก โดย พระอาจารย์มิตซูโอะ

ได้จากที่นี่ นะค่ะ



http://www.dhammajak.net/webboard/show.php?Category=d_book&No=561







 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวYahoo Messenger
มาดู
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 29 ม.ค. 2005, 4:55 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขออนุโมทนาทุกท่านค่ะ





 
เกียรติ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 29 ม.ค. 2005, 7:24 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ยังมีอีกวิธีครับ ที่มีทำกันในสมัยพุทธกาล มี 2 เรื่องครับ

1. พระจูลปัณถก ท่านมีสติปัญญาช้ามาก เรียนคาถายาวแค่ 1 บรรทัด เป็นเวลา 3 เดือน จำไม่ได้ เหตุเพราะในอดีตท่านฉลาดมาก แต่ไปล้อเพื่อนพระภิกษุที่มีสติปัญญาช้าให้หมดกำลังใจ จนสึกไป ทำให้ชาตินี้ท่านต้องมารับผลกรรมบ้าง พระพี่ชายเห็นท่านอยู่ไปก็เป็นหนี้พระศาสนา จึงไล่ให้ท่านไปสึก แต่พระพุทธเจ้าเสด็จมาสอนให้ท่านทำสมาธิ โดยนำผ้าขาวมาให้ท่านเช็ดมือ แล้วท่องไปว่า "ผ้าเช็ดธุลี" ท่องๆ ซ่ำๆ อย่างนี้ไปเรื่อยๆ พอใจเป็นสมาธิขั้นต้น บุญได้ช่องตามทำทัน ท่านเห็นผ้าหมองคล้ำ เกิดปัญญาคิดได้ว่า กายนี้ไม่งามเลย พระพุทธเจ้า เห็นเป็นโอกาส จึงเทศน์โปรดอีกครั้ง ทำให้ท่านได้บรรลุธรรมครับ พร้อมกับสติปัญญาที่เป็นเลิศ กลับคืนมา

2. ค้างคาว 500 ตัว ฟังพระภิกษุสงฆ์สวดมนต์ในถ้ำเป็นประจำ แม้ไม่รู้ความหมายแต่ก็ซาบซึ้ง พอตายจากค้างคาวมาเกิดเป็นคน แล้วได้ยินบทสวดบทเดิมก็น้อมใจตามไปได้ง่าย แล้วก็บรรลุธรรมครับ

สรุปนะครับ ลองหาสื่อที่สอนให้ฝึกสมาธิ เช่น บทสวดมนต์ นิทานธรรมะ หรืออื่นๆ เปิดให้ฟัง ดู ซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ ครับ หรือ ถ้าเขาฝึกสมาธิได้ ให้ลองฝึกดูเลย

จะพอช่วยได้ครับ หรือถ้าเป็นวิบากกรรมที่หนักจริงๆ ชาตินี้แก้ไขไม่ได้ ก็จะเป็นกำลังบุญติดตัวเขาไป ให้เขาไปเอาดีในภพเบื้องหน้าได้ครับ

 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง