ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
Buddha
บัวบาน

เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415
|
ตอบเมื่อ:
09 เม.ย.2008, 9:05 am |
  |
ก่อนอื่นต้องขออนุญาต ทีมงานเวบมาสเตอร์ ในการนำกระทู้มาโพส เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วน ทั้งการติดต่อร้องเรียนทางโทรศัพท์ไม่ได้ผล จึงของอนุญาต โพสกระทู้นี้ สัก 3 -4 วัน เพื่อจะมีคนในคณะรัฐบาลแวะเข้ามาเห็น หรือใช้วิธีบอกต่อ ก็คงจะดี
กระทู้นี้ จะกล่าวถึงวิธีแก้ปัญหาปุ๋ยมีราคาแพง จะว่าสั้นๆพอเข้าในวิธีการ ซึ่ง ดีกว่า และได้ผลประโยชน์ทุกฝ่าย โดยที่รัฐบาลบาลไม่ต้องสั่งปุ๋ยมาเอง เพราะมีค่าเท่ากัน แถมยังทำให้พ่อค้า คนทำงานเดือนร้อน ได้รับผลกระทบ
กล่าวคือ ในเมื่อกระทรวงพาณิชย์ ต้องการให้ปุ๋ยมีราคาถูกลง โดยได้ทำความตกลงกับบริษัทผู้ค้าปุ๋ยแล้ว
แต่พ่อค้าปุ๋ย สามารถลดราคาปุ๋ยได้ครึ่งหนึ่ง ของที่ทางกระทรวงพาณิชย์ต้องการ เช่น กระทรวงพาณิชย์ต้องการให้ลดลง 1000 บาท แต่ทางผู้ค้าปุ๋ย ลดได้เพียง 500 บาท รวมไปถึงการเพิ่มปุ๋ย
ทำไม ทางรัฐบาล หรือคณะรัฐมนตรี ไม่เสริมส่วนต่าง 500 บาทนั้น หากรัฐบาลเสริมส่วนต่าง ราคาปุ๋ย ก็จะลดลงได้ 1000 บาท ตามความประสงค์ รวมไปถึงการเพิ่มปุ๋ย ถ้าหากรัฐบาลเข้าไปรับเอาส่วนต่างที่ผู้ค้าปุ๋ยไม่สามารถหาได้ ก็จะเป็นการดีด้วยกันทุกฝ่าย เพราะพวกผู้ค้าปุ๋ยก็ไม่เสียผลประโยชน์ คนทำงานเกี่ยวกับโรงงานปุ๋ย ก้ไม่เสียผลประโยชน์ ประชาชนเกษตรกรผู้ใช้ปุ๋ย ก็ได้ผลประโยชน์
ตัว รัฐบาล คณะรัฐมนตรี สส. ก็ได้ฐานเสียงเพิ่มอีกเยอะ
ดีกว่า รัฐบาลสั่งปุ๋ยเอง นะขอรับ |
|
|
|
  |
 |
Buddha
บัวบาน

เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415
|
ตอบเมื่อ:
09 เม.ย.2008, 9:27 am |
  |
ที่ข้าพเจ้ากล่าวว่า ติดต่อทางโทรศัพท์ ไม่ได้ผลนั้น
เพราะตอนแรก ก่อนที่จะโพสกระทู้นี้
ข้าพเจ้าได้ติดต่อทางโทรศัพท์ หมายเลข 1111 ผู้ชายเป็นผู้รับสาย จำชื่อไม่ได้
ไม่ได้เรื่อง วางหูไปเฉยๆ ไม่รับปาก ไม่กล่าวอะไรเลย ได้แต่ครับ แล้วก็วางหู หลังจากข้าพเจ้าพูดจบ
ต่อมาเมื่อข้าพเจ้าโพสกระทู้ไปตามเวบฯต่างๆแล้ว ข้าพเจ้าก็โทรศัพท์อีกครั้ง คราวนี้ เป็นผู้หญิง ชื่อ คุณ "เยาวดี" เป็นผู้รับ คราวนี้ดีหน่อยเพราะเขาตอบรับทุกอย่างแต่จะทำอย่างไรไม่รู้ จึงเข้ามาแก้ไขและทำความเข้าใจ
กระทู้นี้ แม้จะดูเหมือนไม่ใช่เรื่องศีลธรรม ทางศาสนา แต่ความจริงแล้วเกี่ยวข้องกับศีลธรรมทางศาสนา และรวมไปถึง ความสมัครสามัคคี ความเป็นปึกแผ่นของคนในชาติด้วยขอรับ |
|
|
|
  |
 |
charoem
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 07 เม.ย. 2008
ตอบ: 31
|
ตอบเมื่อ:
09 เม.ย.2008, 11:55 am |
  |
การแก้ปัญหาเรื่องการค้าโซมกับต้าชิง ซึ่งพ่อค้าต้าชิงถือโอกาสรวมตัวกันกดราคาโสมโดยบังคับให้ขายในราคาต่ำ ชั่งละ 60 ตำลึง ซึ่งเท่ากับเป็นการฆ่าตัวตายทีเดียวถ้าขายราคานี้ เพราะจะขาดทุนย่อยยับ ปกติแล้วราคาโสมที่พ่อค้าจากโชซอนจะขายได้ในราคาปกติชั่งละ 110 ตำลึง แต่เพราะความขี้โกงและความโลภเห็นแก่ตัวขอพ่อค้าต้าชิง
อิมซังอ๊กเลยแก้ปัญหาโดยการรับซื้อโสมทั้งหมดจากกลุ่มพ่อค้าอื่นๆ ที่มาจากโชซอนด้วยกันในราคา 65 ตำลึง รวมทั้งหมดอิมซังอ๊กมีโซมอยู่กับตัวเองถึง เกือบประมาณ 20000 ชั่ง
ทีนี้อิมซังอ๊กก็ตั้งราคาโสมไว้ที่ 110 ตำลึง พอ่ค้าต้าชิงเห็นก็ยังไม่ยอมซื้อ อิมซังอ๊กเลยเพิ่มขึ้นอีกเป็น 120 ตำลึง พ่อค้าต้าชิงก็ยังไม่ยอมซื้ออีก คราวนี้อิมซังอ๊กจึงใช้กลยุทธิที่ล้ำเลิศ โดยการทำทีเผาโสมทิ้งทีละกล่อง ต่อหน้ากลุ่มพ่อค้าต้าชิง พ่อค้าชาวจีนบอกว่างั้นซื้อก็ได้ 120 ตำลึงนะ แต่อิมซังอ๊กบอกว่า
"ไม่ได้ต้อง 200 ตำลึง เพราะพวกท่านบังอาจดูถูกโสมที่มาโชซอนของเรา บังอาจรวมหัวกันกดราคาโสม เมื่อไม่เห็นคุณค่าของมัน ข้าก็จะเผามันทิ้งซะให้หมด "
เท่านั้นแหละกลุ่มพ่อค้าต้าชิงก็ตาลีตาเหลือก เห็นว่าโสมจากโชซอนมีคุณภาพดีเลิศ ไม่อาจเห็นอิมซังอ๊ก เผาโสมชั้นเลิศทิ้งได้อีกจึงยอมตกลงซื้อโสมทั้งหมดในราคา 200 ตำลึง
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า หลักการทำการค้า ไม่ใช่หวังแต่จะเอาแต่กำไรอย่างเดียว การค้าที่ดีควรทำเพื่อหวังได้ใจคน |
|
|
|
  |
 |
Buddha
บัวบาน

เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415
|
ตอบเมื่อ:
10 เม.ย.2008, 4:54 pm |
  |
นั่นมันในหนังทีวี คุณเขาแต่งขึ้นมา ในความเป็นจริง ไม่มีใครทำอย่างนั้นดอกนะคุณ
พ่อค้าย่อมหวังกำไร ถ้ามันจำเป็นเพราะสิ่งแวดล้อมบังคับ ก็ไม่มีใครว่าดอกขอรับ แต่ก็มีบางกลุ่มบางพวก สร้างสถานะการณ์เพื่อหวังได้กำไรเพิ่มก็มีขอรับ
และหากจำเป็นต้องขึ้นราคาปุ๋ย อันเป็นความจริงแล้ว รัฐบาลก็น่าจะสามารถช่วยได้ดังที่กล่าวไป
ไม่ใช่แก้ปัญหา ด้วยการค้าปุ๋ยเอง ไม่รู้จะกล่าวอย่างไรดี
และก็อย่าเข้าใจว่าข้าพเจ้ามีส่วนได้ส่วนเสียในการค้าปุ๋ยนะ ข้าพเจ้าไม่เกี่ยวข้องเลย ที่เสนอแนะความคิดเห็นก็เพราะ ทุกฝ่ายจะได้ผลประโยชน์ และประโยชน์ ก็ตกอยู่ต่อคนในชาติ
ไอ้ที่มันจะซื้อปุ๋ยราคาถูกมาขายแข่งพ่อค้านั้น ไม่รู้ว่า มันถูกกว่าไปกี่บาท แล้วถ้ารัฐบาลเสริมส่วนต่างที่ได้ปรึกษากันนั้น ใครเสียผลประโยชน์ พิจารณาหน่อยเถอะน่า |
|
|
|
  |
 |
Buddha
บัวบาน

เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415
|
ตอบเมื่อ:
10 เม.ย.2008, 5:12 pm |
  |
การที่จะส่งเสริมให้เกษตรกร ทำปุ๋ยด้วยตัวเองนั้น คงทำได้ในระดับหนึ่ง
ถ้าจะเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์แล้ว คง ประมาณ ไม่เกิน 2 เปอร์เซ็นต์ เพราะมีเหตุและปัจจัยตัวแปรหลายประการ อันเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องซื้อปุ๋ยมาใช้
วิถีชีวิตของชาวนานั้น ใครไม่ได้สัมผัสจะไม่รู้ซึ้งถึงความยากลำบาก
เพราะการทำนา จะต้องประกอบไปด้วยวิชาชีพหลายสาขาผสมผสานกัน ไม่ว่าจะต้องใช้แรงงานอย่างทุ่มเท ต้องหลักวิชาการที่สืบทอดกันมา การทำนา เป็นทั้งศาสตร์ และเป็นทั้งศิลป เพราะวิธีการทำนานั้นมีขั้นมีตอน มีเทคนิคหรือวิธีการที่แยบยล ไม่ใช่เรื่องง่าย จะยกตัวอย่างให้ได้อ่านกันประดับความรู้ เอาเป็นแบบนาปีนะขอรับ
กล่าวคือ..
ในที่นี้จะข้ามการปลูกเพาะต้นกล้าข้าวนะขอรับ
พอฝนเริ่มตกห่าแรก ชาวนาก็ต่างไปสำรวจพื้นที่นาไม่ว่าจะเป็นคันนาที่ชำรุด
หรือต้องทำทางน้ำเข้า กักเก็บน้ำไว้ในพื้นที่นา เพื่อดองดิน
คงจะประมาณ 1 ถึง 2 อาทิตย์ (หมายถึงน้ำมีเยอะนะ) จากนั้นก็เริ่มไถ
เพราะพื้นนาชุ่มน้ำ อ่อนนุ่มเพราะได้น้ำดองไว้ ไถแล้วก็ต้อง เอาน้ำเข้านาที่ไถไว้อีก
และดองดินไว้อีก พอไถได้ครบทุกแปลงนาแล้ว ก็มาพลิก ฟื้น แล้วก็
กล้าว (ภาษากลางเขาเรียกอะไรก็จำไม่ได้) ถู ในขณะที่จะทำการ พลิก ฟื้น กล้าว ถู
นั้น กลางคืนก็ต้องออกไปสำรวจ หรือทางเหนือเขาเรียก ใจน้ำนา เกือบทุกวัน โดยเฉพาะวันหรือคืนฝนตก ต้องออกไปสำรวจ เอาน้ำจากแปลงนานี้ไหลไปเข้าแปลงนาโน้น กั้นแปลงนาโน้น ไม่ให้น้ำเข้าอีก ฯลฯ จนเมื่อถูเสร็จ ก็จะเริ่มปลูก พอปลูกเสร็จก็ยังต้องบำรุงรักษา ตรวจตราดูน้ำว่าขาดตรงแปลงไหน จะเอาน้ำจากแปลงไหนไปแปลงไหน ต้องดูหญ้า คันหา ต้องปรับแต่งคันนา นี้ยังไม่รวมถ้า ไถนาด้วยควาย เป็นๆนะ ถ้าใช้ควายเป็นๆ ก็ต้องดูแลควายอีก เรียกว่า เหนื่อยละขอรับ คงไม่มีเวลาเสาะแสวงหาทำปุ๋ยด้วยตัวเอง เพราะซื้อสะดวกรวดเร็ว สบายกว่า
ที่กล่าวไปยังไม่รวมถึงการเกี่ยวข้าว ตีข้าว หาบข้าวขึ้นยุ้งฉางอีก แล้วใครไม่ช่วยเหลือชาวนา
ศีลธรรมต่ำทราม ดันไปลักข้าวชาวนา ต่ำที่สุด เพราะในสมัยก่อนๆ ใครขโมยข้าว ไม่ได้ตายดีดอกขอรับ เบาที่สุด ก็ไล่ออกจากหมู่บ้าน อย่ามาเห็นหน้าอีก
กลียุค มาถึงแล้วขอรับ |
|
|
|
  |
 |
manio
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 10 เม.ย. 2008
ตอบ: 16
|
ตอบเมื่อ:
10 เม.ย.2008, 11:33 pm |
  |
มันเรื่องของเศรษฐศาสตร์ที่ว่าด้วยการ หวังผลกำไรป่ะ  |
|
|
|
  |
 |
|