กิเลส

ตอบเมื่อ: 13 มี.ค.2008, 12:44 pm

คุยเสียดี ที่แท้ แพ้กิเลส
น่าเสียดาย เตือนเท่าไหร่ ก็ไม่เห็น
ว่าเป็นทาส กิเลส อยู่เช้าเย็น
จะอวดเป็น ปราชญ์ไป ทำไมนา

ค้นธรรมะ หาทางออก อุ้มกิเลส
น่าสมเพช จริงๆ เที่ยววิ่งหา
ตำรานี่ ตำรานั่น สรรหามา
ได้เป็นข้า กิเลสไป สมใจเอย

(ที่มา: http://www.geocities.com/dhammakamo/wallpaper13.html)

ตอบเมื่อ: 13 มี.ค.2008, 2:25 pm

ตอบเมื่อ: 15 มี.ค.2008, 4:43 pm

คุยเสียดี ที่แท้ แพ้กิเลส
น่าเสียดาย เตือนเท่าไหร่ ก็ไม่เห็น
ว่าเป็นทาส กิเลส อยู่เช้าเย็น
จะอวดเป็น ปราชญ์ไป ทำไมนา

ค้นธรรมะ หาทางออก อุ้มกิเลส
น่าสมเพช จริงๆ เที่ยววิ่งหา
ตำรานี่ ตำรานั่น สรรหามา
ได้เป็นข้า กิเลสไป สมใจเอย

++++++++++++++++++++++++++++++

.... น่าเสียดาย หากหลงสังขาร ไม่รู้จักคน ไม่รู้จักหนัก-เบา
.... ไม่รู้แยกแยะ ไม่พิจารณาโลกออกจากธรรม
ปล. กลอนวิจารณ์ จะไร้คุณค่า ได้นะ ถ้ามา จากความปรารถนาร้าย ประสงค์ไม่ดี ไม่กอปด้วยความเมตตา ซ้ำยังร้ายกับผู้นั้น หากไม่แก้ด้วยความรอบคอบ
. อย่ากังวลตีเหล็กเสีย หากยังไม่ หลอมเนื้อเหล็ก หล่อขึ้นเบ้า
(อย่าไปรำก่อนเพลง - จะบ้าเสียสติเอาได้)
. อย่าตีเหล็กเมื่อเย็น จะเสียเนื้อ เมื่อร้อน ค่อยตี ค่อยเคาะ
(ยังก้าวอยู่ตรงทาง ดำเนินอยู่ ยังต้องพูด อะไรหรือ)

[จะพิจารณาแบบใด ก็ได้นะ ถ้า ชำระใจได้ ภาวนาได้ สงบได้ ก็ ทำไปเถอะ]

ตอบเมื่อ: 18 มี.ค.2008, 3:38 pm

ตอบเมื่อ: 19 มี.ค.2008, 9:33 pm

ก็ตอนนี้มีแต่พวกมีกิเลสเท่านั้นแหละท่านที่มาสนทนากันอยู่ เพื่ออะไรต่างหากท่าน
ส่วนข้าพเจ้าแล้ว การพูดคุยก็เพื่อถากเปลือกเข้าหาแก่นนะท่าน ถ้าไม่มีใครแนะใครนำ ท่านจะทำได้หรือ มีทำได้ไม่กี่คนที่พอรู้ สมัยเราๆก็มีพระพุทธเจ้า ที่ไม่ต้องมีใครนำ แต่ท่านยังมีคนแนะอยู่ ท่านจึงรู้แจ้ง

ส่วนพวกเราๆก็เอากิเลสคุยกันไปก่อน สาธุ