Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ท่านมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับพระวินัยบัญญัติ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
พระธงชัย
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 16 พ.ย. 2007
ตอบ: 20
ที่อยู่ (จังหวัด): บุรีรัมย์

ตอบตอบเมื่อ: 17 มี.ค.2008, 1:07 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ท่านมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับพระวินัยบัญญัติข้อที่ห้ามไม่ให้พระสงฆ์
รับปัจจัยเงินทองเป็นของๆ ตนสำหรับวิถีชีวิตในยุคปัจจุบัน
http://watpamuntla.igetweb.com/index.php?mo=5&qid=96156

กรุณาให้ความคิดเห็นหน่อยนะคุณโยม
เพื่อการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น
หรืออาจจะเป็นข้อแนะนำเรื่องอื่นๆก็ได้ที่เห็นว่า
พระสงฆ์ควรปรับปรุงแก้ไขนะช่วยคลิ๊กเข้าไปตอบในลิงค์ที่ให้ไว้นะจะเป็นกุศลอย่างยิ่ง
สาธุ
สิ่งที่ควรศึกษาทำความเข้าใจก่อนให้ความคิดเห็น
สาธุ ตามที่คุณโยมกล่าวมานั้นอาตมาก็รู้สึกดีใจที่ยังมีผู้ให้ความสนใจในเรื่องนี้อยู่และใส้ใจห่วงใยกับการงานของทางวัด
เมื่อถามถึงความเห็นของอาตมา อาตมานั้นมีความเห็นดังนี้
1.เรามาดูกันที่ชีวิตความเป็นอยู่ร่วมถึงเจตนาของพระสงฆ์ในปัจจุบันนั้นเป็นเช่นใด มีความแตกต่างกันอย่างไรกับในอดีตบ้าง
1.1 พระสงฆ์ในอดีตออกบวชเพราะเบื่อหน่ายโลกวิสัยจึงแสวงหาหนทางให้พ้นจากโลกวิสัย เป็นผู้ใช้ชีวิตอย่างสันโดดมักน้อยยังชีพด้วยอาหารบิณฑบาต ห่มผ้าบังสุกุล อยู่ในที่อันวิเวกสงัด ฉันยารักษาโรคอันง่ายต่อการแสวงหา เป็นผู้ขวนขวยน้อย จิตจึงสงบ หน้าที่ของการรับปัจจัยเงินทองไว้เมื่อมีผู้มีจิตศรัธทาถว่ายมาก็คือให้ไวยาวัจกรเป็นผู้เก็บรักษา เมื่อผู้ถวายปัจจัยมีเจตนาให้ใช้ปัจจัยในส่วนนั้นเพื่อสิ่งใดก็ให้ พระสงฆ์ที่โยมผู้ถวายไว้หรือได้ปวารณาไว้นั้นบอกแก่ไวยาวัจกรให้หาสิ่งนั้นๆ มาห้ามให้ใช้ไปมากเกินกว่าที่โยมปวารณาไว้ เช่นโยมกล่าวว่า กระผมขอปวารณาซึ่งค่าอันควรแก่เภสัจแก่พระคุณเจ้าขอให้พระคุณเจ้าแสดงไวยาวัจกรแก่กระผมเถิด ดังนี้ พระภิกษุรูปนั้นก็สามารถขอได้เพียงเภสัจเท่านั้น แต่ถ้าโยมกล่าวว่าถวายค่าปัจจัยสี่อันควรแก่พระคุณเจ้า ก็สามารถขอได้ในปัจจัยทั้งสี่ตามจำนวนปัจจัยที่ได้มอบไว้แก่ไวยาวัจกรณ์
1.2 ในปัจจุบันพระสงฆ์มีการงานหน้าที่ที่แตกต่างกันออกไปจากแต่เดิมมาก เช่น บวชเรียน ต้องใช้ค่าเดินทางจะให้ไวยาวัจกรติดตามตลอดก็ไม่ได้ จุดนี้เป็นเรื่องที่หน้าคิดนะ เพราะ จุดมุ่งหมายในการออกบวชได้เปลี่ยนไปแต่ดั้งเดิม
2. แม้ออกบวชด้วยศรัทธาแล้วแต่ต้องมีหน้าที่การงานเกี่ยวกับการบริหารวัดวาอาวาส และเมื่อมีผู้นำปัจจัยมาถวายแล้วในปัจจุบันนี้จะหาโยมที่มีฐานะการเงินมากจนก่อสร้างอารามถวานสงฆ์ทั้งอารามเลยนั้นก็เป็นไปไม่ได้น้อย โดยมากก็คือรวบรวม
ปัจจัยมาถวายเพื่อการก่อสร้างเสนาสนะที่อยู่สงฆ์ ตรงจุดนี้แหละที่พระสงฆ์ต้องเข้าไปยุ่งกับการเงิน
2.1 ปัญหาที่มักเกิดขึ้น ไวยาวัจกรณ์ที่ทำตามหน้าที่โดยความเป็นธรรมนั้นหาได้ยากบางวัดกรรมการ เป็นเปรตไปเลยเจ้าอาวาสไม่มีสิทธิ์ในการออกคำสั่งใดๆ เป็นได้แค่หุ่นให้กรรมการแสวงหาผลประโยชน์จากรายได้ของวัด
2.1 เจ้าอาวาสบางท่านเลยตัดปัญหาด้วยการเก็บเองใช้เองจนลืมตัวไปกลายเป็นเปรตไปเสียเองก็มี
สรุป ปัญหาตั้งแต่ข้อง1-2
1. เจตนาในการออกบวชเปลี่ยนไปหน้าที่การงานที่พระสงฆ์แสวงหาได้เปลี่ยนไป จึงทำให้ความคิดจิตสำนึกการให้ความสำคัญของพระวินัยข้อนี้เปลี่ยนไปจากเดิม
2.ขาดไวยาวัจกรณ์ที่มีคุณธรรมเพียงพอในการที่จะเสียสละเวลาทำกิจเพื่อสงฆ์
ดังที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนั้นทางอาตมามีแนวคิดในการแก้ปัญหาตามความคิดของตนเองอยู่แต่อยากฟังความเห็นของทางคุณโยมหรือท่านใดก็ได้ทั้งบรรพชิตและโยมว่าควรทำอย่างไร จึงจะไม่กระทบกระทั่งเบียดเบียนทั้งทางปริยัติ ปฏิบัติ และการปกครอง
สิ่งที่ต้องคำนึงถึง
1. พระสงฆ์ที่ท่านต้องเรียนจำเป็นต้องใช้เงินทอง
2.ท่านที่ต้องปกครองดูแลอาวาสปรับปรุงแก้ไขอาวาส แต่ขาดโยมที่ไว้ใจได้
3.โลกปัจจุบันมีสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เกิดปัญหาต่างๆอันเนื่องจากการขาดศีลธรรมจริยธรรม พระสงฆ์จำต้องออกแสดงธรรมเพื่อช่วยเหลือโลกให้สงบลงบ้าง

ทั้ง3ข้อนั้นน่าคิดนะ หากจะกล่าวว่าเป็นพระก็ให้อยู่เหมือนเพราะ อยากเรียนก็ให้สึกมาเรียน ก็ดูจะบีบบังคับหยามเหยียดท่านเกินไป และการเผยผู้พระธรรมก็เช่นกัน หากไม่ทันกับเหตุการณ์ ก็คงช่วยเหลื่ออะไรไม่ได้มาก นอกจากว่ามารดาบิดา ตลอด

จนครูอาจารย์ และ สื่อ ทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ จะช่วยสร้างสรรค์ศีลธรรมจริยธรรมให้กับลูกหลานของตนเอง ด้วยจิตวิทยาธรรมชาติ เช่นพาไปทำบุญที่วัด พาตักบาตรหน้าบ้าน พาสวดมนต์ที่บ้าน จัดกิจกรรมอบรมธรรมบ่อยๆ เช่นมีชมรมธรรมะใน
โรงเรียน สื่อ ก็ช่วยกันหาข่าวที่สร้างสรรค์คุณธรรมจริยธรรม ให้คนในสังคมมองเห็นคุณค่าของพระศาสนา ไม่ใช่จี้แต่จุดเสื่อมต้องติงจุดเสีย ยกย่องจุดเด่นให้ชัดเจน เป็นต้นส่วนการบริหารของทางวัดที่อาตมาอยู่ได้เป็นไปตามระบบพระธรรมวินัย ที่ทำได้ก็เพราะได้ไวยาวัจกรณ์ที่มีคุณธรรมช่วยดูแล ขอแสดงแนวคิดไว้แต่เพียงนี้ อาตมาอยากให้โยมได้แสดงมากกว่านะ
สิ่งที่อยากทราบความเห็นก็คือในส่วนหน้าที่การงาน ของพระสงฆ์ในปัจจุบัน และ การปฏิบัติตนของพระสงฆ์ในความคิดเห็นของทางญาติโยมว่า ควรเป็นเช่นไรดี
เจริญธรรม เทวาสาธุปภาโส
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
RARM
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2007
ตอบ: 417

ตอบตอบเมื่อ: 17 มี.ค.2008, 10:28 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอแสดงความคิดเห็นครับหลวงพ่อ

ต้องตีความ ว่า สายกลางที่พระพุทธเจ้าให้เดินนั้นอย่างไรครับ

หรือ ดูจากมหาประเทศ 4 ครับ ชัดเจนดีมากแล้วที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้

แล้วแต่จะตีความตามปัญญาที่ตนเองมี หรือไม่ต้องไต่ถามครูอาจารย์ที่ท่านแตกฉานในเรื่อง พระวินัยจริงๆ

สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง