ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
I am
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972
|
ตอบเมื่อ:
11 มี.ค.2008, 7:27 am |
  |
กรรมมีความสำคัญเหนือกว่าตัวบุคคลทั้งปวง
“บุคคลเป็นคนเลวเพราะชาติก็หาไม่ เป็นผู้ประเสริฐเพราะชาติก็หาไม่
แต่เป็นคนเลวเพราะกรรม เป็นผู้ประเสริฐก็เพราะกรรม”
ที่ยกมากล่าวข้างต้นนี้เป็นพุทธศาสนาภาษิต ที่ควรได้รับความสนใจเป็นอย่างยิ่ง เรื่องของกรรมเป็นเรื่องสำคัญมาก แม้จะกล่าวว่าเรื่องของกรรมเป็นเรื่องสำคัญที่สุดก็ไม่ผิด
เพราะกรรมเท่านั้นที่เป็นเหตุให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุขและกรรมเท่านั้นที่เป็นเหตุให้เกิดความเดือดร้อนเป็นทุกข์ สุขทุกข์ทั้งหลายบรรดามี ในที่ทุกแห่ง ในกาลทุกเมื่อ มิได้เกิดจากเหตุอื่นใด เกิดจากกรรมตัวเดียวเท่านั้น
ที่กล่าวว่าทำให้ผู้นั้นเป็นสุข ผู้นี้ทำให้เป็นทุกข์นั้น ที่จริงแล้วหมายถึงว่ากรรมของผู้นั้นทำให้เป็นสุข กรรมของผู้นี้ทำให้เป็นทุกข์ มิใช่ตัวผู้นั้นผู้นี้โดยลำพัง คือโดยปราศจากกรรมของเขา จะสามารถก่อให้เกิดความสุขหรือความทุกข์ขึ้นได้
กรรมจึงมีความสำคัญยิ่งนัก
สำคัญเหนือกว่าตัวบุคคลทั้งหลายทั้งปวงเป็นอันมาก
บุคคลจะได้สุขได้ทุกข์ จะดีจะเลว ก็เพราะกรรมของเขาเองพาให้เป็นไป
มิใช่เพราะอะไรอื่น ดังพุทธศาสนาภาษิตข้างต้นที่กล่าวว่า
บุคคลเป็นคนเลวเพราะชาติก็หาไม่
เป็นผู้ประเสริฐเพราะชาติก็หาไม่
แต่เป็นคนเลวเพราะกรรม
เป็นผู้ประเสริฐก็เพราะกรรม
การบริหารจิตโดยตรงวิธีที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือการทำใจให้น้อมลงเชื่อพุทธศาสนาภาษิตนี้ เชื่อว่ากรรมเท่านั้นสำคัญที่สุด คำนึงถึงกรรมของตนเองเท่านั้นเป็นใหญ่ที่สุด ถ้ากรรมของตนเองเป็นกรรมไม่ดี คือเป็นการกระทำที่ไม่ดี จะเป็นการกระทำทางกายทางวาจาหรือทางใจก็ตาม ถ้าไม่ดี กรรมนั้นก็จะเป็นเหตุให้เกิดผลไม่ดีแก่ตน ผลไม่ดีนั้นก็ทำให้ตนเองนั้นนั่นแหละเป็นคนไม่ดี
ไม่ว่าจะเกิดเป็นคนชาติใดภาษาใดสกุลรุนชาติสูงต่ำอย่างใด ชาติภาษาและสกุลรุนชาติก็หาช่วยให้พ้นจากผลไม่ดีของกรรมไม่ดีได้ไม่ นั่นก็คือชาติภาษาสกุลรุนชาติหาอาจทำให้ผู้ที่ทำกรรมไม่ดี ได้ชื่อว่าเป็นคนดีได้ไม่ คนทำกรรมไม่ดีต้องเป็นคนไม่ดีอย่างแน่นอนเสมอไป จนกว่าจะหยุดการทำกรรมไม่ดีและทำกรรมดีเมื่อใด เมื่อนั้นแหละจะได้ชื่อว่าเป็นคนดีไม่ว่าจะมีชาติใดภาษาใด สกุลรุนชาติเช่นใด
อย่างไรก็ตาม การจะดูให้รู้ว่าตนกำลังทำกรรมดีหรือกรรมชั่วอยู่ ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอบรมตนให้มีจิตใจพ้นจากภาวะที่ท่านเรียกว่าเป็นพาลเสียก่อน เพราะพระพุทธศาสนภาษิตก็มีกล่าวไว้ด้วยว่า “คนพาลมีปัญญาทราม ทำกรรมชั่วอยู่ก็ไม่รู้สึก”
การจะอบรมจิตใจตนเองให้พ้นจากภาวะเป็นพาลได้
ก็อยู่ที่ต้องทำกรรมดี ไม่ทำกรรมชั่ว ทำใจให้ผ่องใส
ผู้ที่ปฏิบัติอยู่ดังนี้ย่อมเชื่อตนเองได้ว่า
จิตพ้นจากภาวะเป็นพาลอย่างแน่นอน
สามารถจะดูตัวเองให้รู้ได้ว่ากำลังทำกรรมดีหรือกรรมชั่วอยู่ในขณะนั้น
นอกจากในพุทธศาสนภาษิตจะมีกล่าวว่า
“คนพาลมีปัญญาทราม ทำกรรมชั่วอยู่ก็ไม่รู้สึก”
ยังมีกล่าวต่อไปอีกว่า
“ย่อมเดือดร้อนเพราะกรรมของตน เหมือนถูกไฟไหม้”
พุทธศาสนภาษิตนี้เป็นสัจจะ คือเป็นจริง
กรรมชั่วย่อมทำให้ผู้กระทำเดือดร้อน เหมือนถูกไฟไหม้นั้นเทียว
ผู้น้อมใจลงเชื่อพุทธศาสนภาษิตนี้ ย่อมหลีกเลี่ยงการทำกรรมชั่ว
เพราะย่อมกลัวความเดือดร้อนที่จะเกิดเพราะกรรมชั่ว
การบริหารจิตที่จะทำให้ผลเลิศที่สุด จึงอยู่ที่การต้องพยายามอบรมจิตใจ ให้น้อมลงเชื่อมั่นในเรื่องของกรรมนี้แหละ อาจกล่าวได้ที่เดียวว่า ผู้ที่เชื่อกรรมเสียอย่างเดียวเท่านั้น จะสามารถพาตนให้พ้นจากบาปอกุศล บรรลุถึงความสวัสดีได้
ดังนั้น เมื่อทุกคนต่างก็ปรารถนาจะประสบแต่ความสุขสวัสดีตลอดชีวิต
ทุกคนจึงควรที่จะอบรมใจตนเองให้เชื่อในเรื่องกรรม
คือเชื่อว่าผลของกรรมมีจริง กรรมดีให้ผลดีจริง
กรรมชั่วให้ผลชั่วจริง และผู้กระทำกรรมเท่านั้นจะเป็นผู้ได้รับผลของกรรม
อบรมใจตนเองให้เชื่อมั่นแน่นอนในเรื่องดังกล่าวเสียก่อน
แล้วการกระทำกรรมทุกอย่างจะเป็นการกระทำกรรมดีเท่านั้น
ไม่เป็นการกระทำความชั่ว
ที่ทุกวันนี้ยังมีการทำบาปทำชั่วก่อทุกข์โทษภัยกันอยู่มากมาย ก็เพราะจิตใจยังขาดการอบรมให้เชื่อมั่นในเรื่องกรรมอันเป็นเรื่องสำคัญที่สุดดังกล่าว
: การบริหารทางจิตสำหรับผู้ใหญ่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๑๖
: สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
 |
|
_________________ ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก |
|
     |
 |
ลูกโป่ง
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
11 มี.ค.2008, 5:12 pm |
  |
สาธุ สาธุ สาธุจ้า...คุณ I am
ธรรมะสวัสดีค่ะ
 |
|
|
|
   |
 |
กุหลาบสีชา
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
11 มี.ค.2008, 8:07 pm |
  |
“บุคคลเป็นคนเลวเพราะชาติก็หาไม่ เป็นผู้ประเสริฐเพราะชาติก็หาไม่
แต่เป็นคนเลวเพราะกรรม เป็นผู้ประเสริฐก็เพราะกรรม”
อนุโมทนาสาธุด้วยนะคะคุณ I am  |
|
|
|
    |
 |
|