ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
สี บุญมา
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 02 ม.ค. 2008
ตอบ: 83
|
ตอบเมื่อ:
20 ม.ค. 2008, 9:44 pm |
|
กระทู้นี้เป็นกระทู้ต่อเนื่องจากกระทู้ที่ข้าพเจ้าอยากได้อภินิหารจากการทำสมาธิ มีหลายท่านสนใจมาแชร์ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงๆ เราจะได้หาทางออกโดยอ่านตำรามาแล้ว ปรึกษาอาจารย์มาแล้ว และถามผู้ปฏิบัติจริงๆ มาแล้ว (จะไม่ก๊อบมาโพส) มาเล่าสู่กันฟัง
ข้าพเจ้าฝึกตั้งแต่อายุยังน้อยต่อเนื่องกันนานพอควร แต่ก็ขาดหายไปช่วงเข้ามากรุงเทพฯ แต่ตอนนี้อยู่ต่างจังหวัด ก็พอมีเวลาทบทวนบ้าง แต่ไม่เป็นเหมือนเดิมในตอนเด็ก ที่เวลาทำสมาธิมีความสุขเหมือนหลับเลย แต่รู้ตัวว่าหลับอยู่ เงียบมากแต่ก็ได้ยินเสียงอยู่ ประมาณนั้น แต่เดี๋ยวนี้วุ่ยวายจริง เลยไปถามแม่ (แม่เป็นศิษท์พระอาจารย์สายหลวงปู่มั่น)
แม่ถามว่า มึงคิดอะไรล่ะเวลาทำสมาธิ
ลูกคิดว่าจะพุทโธจน เห็นดวงแก้ว
แม่ก็บอก จ้างมึงก็ไม่เห็น
ทำไม
มึงอยากเห็น มึงก็ไม่ได้เห็น (งง ซิ ปรัชญาแล้วแม่เรา) แล้วท่านก็ไม่พูดต่อ
ท่านทั้งหลายตีประเด็นคำพูดแม่เฒ่าอายุ 80 นี้เป็นอย่างไร มาแชร์กันหน่อย สาธุ
(พยายามไม่ทำกระทู้ยาว เพราะกลัวคนขี้เกียจอ่าน) |
|
|
|
|
|
กนกอร
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 21 ธ.ค. 2007
ตอบ: 19
ที่อยู่ (จังหวัด): เกิดขอนแก่น อยู่ กทม.ค่ะ
|
ตอบเมื่อ:
20 ม.ค. 2008, 9:59 pm |
|
สวัสดีค่ะ คุณสี
หนุแดงว่า ถ้าเราทำแล้วสบายใจก็ทำเถอะ สมาธิคนเราอาจจแตกต่างกันก็ได้
ค่อยๆ ศึกษาไปค่ะ ไม่ได้เบียดเบียนใคร ไม่เป็นไรค่ะ
ถ้าอยากได้เพ่อนตอบแบบทันใจ ลองเข้าไปที่ลานสนทนาสิคะ
[/b] |
|
|
|
|
|
สี บุญมา
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 02 ม.ค. 2008
ตอบ: 83
|
ตอบเมื่อ:
20 ม.ค. 2008, 10:20 pm |
|
ท่านหนูแดง เคยทำสมาธิมั๊ยละจ๊ะ
ผลเป็นอย่างไร
ข้าพเจ้าไม่รีบหรอก ใครจะตอบตอนใหนก็ได้(ลานนั้นวุ่นวาย (ส่วนตัวนะ))
แล้วทัศนะของท่านหนูแดง ต่อ คำพูดของแม่เฒ่า(แม่ข้าพเจ้า) ท่านมีว่าอย่างไรจ๊ะ
สาธุ |
|
|
|
|
|
กรัชกาย
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348
|
ตอบเมื่อ:
21 ม.ค. 2008, 4:49 am |
|
อ้างอิงจาก: |
แม่ถามว่า มึงคิดอะไรล่ะเวลาทำสมาธิ
ลูกคิดว่าจะพุทโธจน เห็นดวงแก้ว
แม่ก็บอก จ้างมึงก็ไม่เห็น
ทำไม
มึงอยากเห็น มึงก็ไม่ได้เห็น (งง ซิ ปรัชญาแล้วแม่เรา)แล้วท่านก็ไม่พูดต่อ
ท่านทั้งหลายตีประเด็นคำพูดแม่เฒ่าอายุ 80 นี้เป็นอย่างไร มาแชร์กันหน่อย สาธุ
สี บุญมา
20 ม.ค.2008, 9:44 pm |
ทั้งคุณและคุณแม่ของคุณถาม-ตอบปัญหาคนละเรื่องเดียวกัน
กรัชกายจะลำดับความให้ฟังใหม่ พิจารณาดีๆนะครับ
คุณภาวนาพุทโธๆๆไปเรื่อยๆ แล้วเห็นดวงแก้วถูกไหม
ดวงแก้วนั่นเป็นนิมิตที่เกิดแก่คุณจากการภาวนาพุทโธนั่น ก็เป็นธรรมดา
แปลว่า จิตเริ่มสงบแล้ว
(นิมิต แปลว่า เครื่องหมาย (นิมิตเป็นตัวบ่งบอกว่าจิตเริ่มสงบแล้วนะ))
ก็เหมือนเห็นนิมิตอื่นๆ เช่น เห็นร่างกายใหญ่ใหญ่โต ตัวพองเป็นอึ่งอ่าง ตัวลีบ ตัวยืด
ตัวยาววววว ตัวหด เห็นฤๅษี เห็นเทวดา เป็นต้น ธรรมดาๆไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น
ที่คุณแม่คุณพูดว่า จ้างมึงก็ไม่เห็น....มึงอยากเห็น มึงก็ไม่ได้เห็น คำพูดนี้ถูกในแง่
เห็นแล้วแต่อยากเห็นอีก ซึ่งเป็นอีกขั้นหนึ่ง
อย่างนี้ครับ ขณะที่คุณภาวนาพุทโธๆ คุณมิได้อยากเห็นดวงแก้ว
แต่มุ่งภาวนาพุทโธๆ อยู่ เมื่อจิตอยู่กับกรรมฐานคือลมหายใจได้ถี่ขึ้น มากขึ้น จิตสงบ
คุณจึงเห็นดวงแก้ว นี่ขั้นหนึ่ง
เมื่อเห็นแล้วคุณอยากเห็นอีก ที่นี้ล่ะคุณจะไม่เห็น นี่อีกขั้นหนึ่ง คือขั้นที่คุณแม่คุณพูด
และเข้าใจ
ก็เท่านี้
|
|
_________________ สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา |
|
|
|
กรัชกาย
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348
|
ตอบเมื่อ:
21 ม.ค. 2008, 7:52 am |
|
ยังมีอีกขึ้นหนึ่งคือขั้นยึดติดหรือขั้นอุปาทาน คุณไม่อยากรู้บ้างหรอครับ
กรัชกายว่า ตอนนี้คุณสี บุญมา กำลังอยู่ในขั้นฟุ้งซ่าน ฟุ้งเพราะคำพูดของแม่+ความสงสัยนิมิต
นั้น ว่ามันคืออะไรๆเป็นอย่างไร
ไม่แน่อาจกำลังอยากจะเห็นอีก พิสูจน์ให้รู้กันไปเลย
จึงฟุ้งซ่าน เพราะจิตถูกนิวรณ์ครอบงำเอาแล้ว
|
|
_________________ สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา |
|
|
|
ดุสิตธานี
บัวบาน
เข้าร่วม: 21 ก.ย. 2007
ตอบ: 352
ที่อยู่ (จังหวัด): สุโขทัยธานี
|
ตอบเมื่อ:
21 ม.ค. 2008, 8:15 am |
|
คุงแม่พูดถูกใจยังเลยเจ้าค่ะ
ก็..มึ..................ง ......อยากอ่ะ
"ความอยาก" ไงค่ะที่ปิดตาเราอยู่ไม่ให้เห็น
คนเราเมื่อจะทำอะไรสักอย่าง ก็พึ่งเจ้าความอยากนี้ก่อน
หากว่าตอนแรกไม่มีไอ้เจ้าความอยากนี้ เราจะตั้งใจทำหรือ?
หากว่าเราเอาตัวตัณหาตัวนี้เป็นที่ตั้งจนเกินไปก็ไม่เป็นผลดี
ก็คงคล้ายๆที่จะก้าวเดินขึ้นยอดดอยสักยอดหนึ่ง
หากว่ารู้คร่าวๆมาแหละ ว่าเส้นทางที่จะไปมันเป็นเช่นไร
ที่นี้พอเริ่มเดิน ตรงไหนควรจะหยุดพักก็หยุด
ตรงไหนควรจะต้องรีบปั่นเท้าเดินก็ควรจะทำ
ทำไปตามเหตุตามผลที่สมควร
ไม่ใช่ตรงนี้น่านอนก็หยุดพักดีกว่า
พอตื่นมาก็มีแรงโหมกระหน่ำเดินแบบไม่ลืมหูลืมตา
ที่จริงเราควรจะเดินไปเรื่อยๆ เมื่อเหนื่อยก็หยุดพัก
ตรงไหนเป็นเนินก็ต้องฮึดสู้
ตรงไหนมันเป็นทางสบายก็ให้รู้
"ว่าแต่ว่า จะอยากเห็นดวงแก้วไปทำหยั๋งก๊ะ"
ธรรมสวัสดี |
|
_________________ จงทำจิตให้บริสุทธิ์ ด้วยความดี ไม่เบียดเบียนผู้อื่น หรือแม้กระทั่ง ตัวของเราเอง |
|
|
|
สี บุญมา
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 02 ม.ค. 2008
ตอบ: 83
|
ตอบเมื่อ:
21 ม.ค. 2008, 1:45 pm |
|
ถูกต้องแล้วจ้า
ตอนนี้คุณสี บุญมา กำลังอยู่ในขั้นฟุ้งซ่าน
กรัชกาย
บัวเริ่มพ้นน้ำ
เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
เพราะกำลังเริ่มฟุ้งซ่านจึงไปถามแม่ ไม่ได้ฟุ้งซ่านเพราะคำพูดของแม่ แม่เป็นคนเบรก จิตไม่ให้ข้าพเจ้าฟุ้งซ่าน ด้วยคำพูดที่บอกว่า จ้างก็ไม่เห็น เป็นการเบรกความอยากของข้าพเจ้าที่อยากเห็นอย่างที่ท่าน ดุสิตธานี บอก และท่านกรัชกายก็กล่าวไว้เบื้องต้น เพราะความอยากมันเป็นตัวขวางกั้นสมาธิ ข้าพเจ้าจึงไม่ได้อะไรจากสมาธิ
แม่ข้าพเจ้ารู้ข้อนี้ จึงเบรกข้าพเจ้าไว้ก่อน เพื่อป้องกันการสับสน และลดความอยากรู้ของข้าพเจ้าไว้ก่อนจึงไม่พูดต่อ
คำถาม
แล้วท่านกรัชกาย ถึงขั้นใหน เป็นอย่างไรบ้าง ในการทำสมาธิ เล่าให้ฟังบ้างซิ จะได้ยินดีด้วยคน
นะจ๊ะ
สาธุ |
|
|
|
|
|
สี บุญมา
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 02 ม.ค. 2008
ตอบ: 83
|
ตอบเมื่อ:
21 ม.ค. 2008, 1:54 pm |
|
ลืมตอบคุณดุสิตธานี
"ว่าแต่ว่า จะอยากเห็นดวงแก้วไปทำหยั๋งก๊ะ"
เป็นการเห็นนิมิต คือเมื่อจิตสงบดีแล้วจะเกิดนิมิต มันจะสวยงามมากจนอาจจะติดนิมิตนี้จะไม่อยากออกจากสมาธิเลย แต่ยังไม่ถึงปฐมญาณนะ ท่านลองดูซิ จะเห็นว่าสวยมากทีเดียว (แต่ไม่รับประกันว่าจะเห็นดวงแก้วเหมือนกันนะ) สาธุ |
|
|
|
|
|
กรัชกาย
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348
|
ตอบเมื่อ:
21 ม.ค. 2008, 2:21 pm |
|
อ้างอิงจาก: |
คำถาม
แล้วท่านกรัชกาย ถึงขั้นไหน เป็นอย่างไรบ้าง ในการทำสมาธิ เล่าให้ฟังบ้างซิ จะได้ยินดีด้วยคน
นะจ๊ะ
สาธุ
สี บุญมา
21 ม.ค.2008, 1:45 pm |
กรัชกายขอบคุณในมุทิตาธรรม คุณสี บุญมา ครับ
กรัชกายจะชี้ให้คุณดูเส้นทางสายหนึ่ง ศรัทธา => ศีล =>สมาธิ =>ปัญญา=> วิมุตติ
คุณเดินทางถึงสมาธิแล้ว ยังต้องไปต่อครับ
จะหยุดชื่นชมสวนไม้ดอกริมทางบ้างก็พอได้ แต่ระวังกลลวงให้ติดอยู่ในนั้นนะครับ
ควรมองธรรมะให้เป็นเหมือนยาน 7 ต่อ 7 ผลัด
|
|
_________________ สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา |
|
|
|
ธำรงค์ศักดิ์
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 03 ม.ค. 2008
ตอบ: 39
ที่อยู่ (จังหวัด): สระบุรี
|
ตอบเมื่อ:
21 ม.ค. 2008, 3:46 pm |
|
ทำสมาธิเพื่อให้ละ ให้วาง ......เป็นโลกุตตระสมาธิ
ทำสมาธิเพื่ออยาก เพื่อยึด เห็นโน่นเห็นนี่.......เป็นโลกียสมาธิ
ถ้าอยากจึงไม่เห็น
ไม่อยากจึงเห็น
สิ่งที่เห็นนั้นเห็นจริง
แต่สิ่งที่เห็นนั้น....ไม่มีอยู่จริง |
|
_________________ จงทำจิตให้ผ่องใสอยู่เสมอ |
|
|
|
สี บุญมา
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 02 ม.ค. 2008
ตอบ: 83
|
ตอบเมื่อ:
21 ม.ค. 2008, 5:12 pm |
|
เล่าประสบการณ์ท่าน กรัชกายให้ฟังบ้างซิ จะได้ยึดถึอทำตาม นะจ๊ะ ขอร้อง
อนุเคราะห์ด้วย สาธุ |
|
|
|
|
|
สี บุญมา
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 02 ม.ค. 2008
ตอบ: 83
|
ตอบเมื่อ:
21 ม.ค. 2008, 5:14 pm |
|
ถ้าอยากจึงไม่เห็น
ไม่อยากจึงเห็น
สิ่งที่เห็นนั้นเห็นจริง
แต่สิ่งที่เห็นนั้น....ไม่มีอยู่จริง
ธำรงค์ศักดิ์
บัวผลิหนอ
เข้าร่วม: 03 ม.ค. 2008
พูดเหมือนแม่ข้าพเจ้าเลย ฟังแล้วไม่เข้าใจ แต่ก็ขอบคุณที่กรุณาช่วยแนะ สาธุ |
|
|
|
|
|
สี บุญมา
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 02 ม.ค. 2008
ตอบ: 83
|
ตอบเมื่อ:
21 ม.ค. 2008, 5:35 pm |
|
เล่าต่อ
วันนั้นแม่กลับมาจากวันตอนเช้า(สายแล้วละ) ข้าพเจ้าก็นั่งอ่านประวัติหลวงปู่มั่นอยู่ แม่ก็เอ่ยขึ้นว่า
"มึงก็ท่องแค่พุทโธ เท่านั้นเอง ท่องให้มันเสียงดังในใจมึงแรงๆ ความคิดจะได้ไม่คิดอะไรอีก"
แล้วแม่ก็เก็บของ ข้าพเจ้า ก็ งง ต่อ (พูดไรวะ)
ตอนนั้นยังไม่ได้คิด
สาธุ |
|
|
|
|
|
กรัชกาย
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348
|
ตอบเมื่อ:
22 ม.ค. 2008, 8:13 am |
|
คุณสี บุญมาครับ
ปัจจุบัน ณ ขณะนี้ คุณใช้อานาปานสติอยู่ (ตามลมและภาวนาพุทโธกำกับ)
การปฏิบัติเป็นอย่างไรบ้าง
คล้ายๆจะเก็บคำพูดของแม่มาคิด เมื่อไม่เข้าใจก็งง
ท่านพูดอะไรอีกไม่เข้าใจก็งงอีก
หรือจะทำให้ได้อย่างหนังสือที่เขียนประวัติหลวงปู่มั่น หรือทำให้ได้อย่างแม่
กิเลสในใจใครก็ของคนนั้น มองที่ใจเราแล้วกำจัดเหตุที่นั่น จึงจะกำจัดทุกข์
ได้
คุณปฏิบัติแล้วเป็นยังไง เป้าหมายการปฏิบัติกรรมฐานคืออะไร ?
จะสิ้นสุดที่ไหน ? นี่สิสำคัญ ไม่อย่างนั้นคุณจะวนอยู่กับความคิดเก่าๆที่ดับ
ไปแล้วและความคิดใหม่จากคำพูดของผู้อื่น |
|
_________________ สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 22 ม.ค. 2008, 10:26 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
|
|
สี บุญมา
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 02 ม.ค. 2008
ตอบ: 83
|
ตอบเมื่อ:
22 ม.ค. 2008, 10:25 am |
|
ท่าน กรัชกาย จ๋า
ท่านไม่เห็นให้ความกรุณาแก่ข้าพเจ้าบ้างเลย ข้าพเจ้าถามไปก็หลายครั้ง เรื่องการทำสมาธิของท่าน น่าจะมีใจกรุณาเล่าให้กันฟังบ้าง กล่าวแต่โวหาร ตำรา หรือว่าท่านยังไม่ได้ปฏิบัติจริง หรือว่าท่านยังไม่ได้ถึงเป้าหมาย หรือแค่เป็นคนที่อ่านมามาก รู้มามาก ปฏิบัติน้อย ท่านมีเหตุขัดข้องอะไรถึงเล่าให้ฟังไม่ได้ โปรดอนุเคราะห์เพื่อเป็นแนวทางแก่บุคคลอื่นบ้าง ไม่เสียหลาย กลับจะได้บุญเสียอีกนะท่าน
ข้าพเจ้าเป็นคนมีปัญญาน้อย จึงปฏิบัติตามคนอื่นเท่านั้น แม่ของข้าพเจ้าเป็นคนมีปัญญาธรรมมากควรแก่การปฏิบัติตาม ที่เกริ่นเรื่องของแม่สอนสมาธิ ด้วยว่าเผื่อท่านใดที่ปัญญาธรรมน้อยอย่างเช่นข้าพเจ้า จะได้ค่อยๆลำดับเหตุการ การทำสมาธิไปเป็นขั้นๆไงละท่าน
เป้าหมายหลักของกระทู้เพื่อให้เล่าประสบการณ์การปฏิบัติสมาธิ วิธีการเป็นอย่างไร เป้าหมายรองคือ ผลของแต่ละท่านเป็นอย่างไร
ส่วนการทำสมาธิของข้าพเจ้าจะค่อยๆเล่าไปเรื่อยๆตามเหตุการที่แม่ข้าพเจ้าแนะนำ ถ้าข้าพเจ้าบอกผลตั้งแต่ บัดนี้ การสนทนาก็เป็นการสิ้นสุด เหล่าผู้สนใจในการทำสมาธิก็จะไม่ได้อะไร
จึงอยากให้มาแชร์ประสบการณ์กันไงละท่าน
โปรดอนุเคราะห์ด้วย สาธุ |
|
|
|
|
|
สี บุญมา
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 02 ม.ค. 2008
ตอบ: 83
|
ตอบเมื่อ:
22 ม.ค. 2008, 10:52 am |
|
เล่าต่อ
ตกเย็น ข้าพเจ้าก็เข้าไปคุยกับแม่อีกว่า เมื่อเช้าแม่พูดอะไร
แม่บอกว่า "มึงนะท่องแต่พุทโธ แต่มึงไม่ได้ยินพุทโธของมึงเลย หัวมึงก็ไม่มีพุทโธ คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย"
"เอ๊า แล้วลูกจะทำอย่างไรละแม่"
"มึงก็ท่องพุทโธให้มีเสียงดังในใจมึง ถ้ามึงสงบดีมึงก็ท่องตามจังหวะการหันใจ ถ้ามึงเริ่มไม่ได้ยินเสียงพุทโธในใจมึง หรือกำลังมีมารเข้าแทรก(คิดวอกแวก)มึงตระโกนพุทโธในใจมึงแรงๆ ตระโกนถี่ๆๆๆจนกว่ามารจะไป ไม่ต้องกำหนดตามลมหันใจมึงหรอกตอนนี้ เดียวมึงจะตายเสียก่อน"
"แล้วมันจะได้ยินหรอแม่พุทโธในใจ"
"มึงลองหรือยัง"
"ยัง"
"เอ้อ งั้นมึงไปลองก่อน ไม่ได้ยินค่อยว่ากัน"
สาธุ |
|
|
|
|
|
กรัชกาย
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348
|
ตอบเมื่อ:
22 ม.ค. 2008, 11:09 am |
|
กรัชกายว่าคุณสี บุญมา ไม่เข้าใจหลักปฏิบัติกรรมฐาน
เพียงแต่ทำตามคนนั้นพูดทีคนนี้พูดคำ แล้วก็ทำใจตามไป อย่างนี้เค้า
เรียกว่านึกเอาเองครับ
คุณใช้กรรมฐานอะไร ก็กำหนดไปตามกรรมฐานนั้นทางนั้น
ใช้พุทโธก็พุทโธไป ตามลมไป ก็เท่านี้หลักพุทโธ
สร้างเหตุให้พร้อมแล้วผลมันเกิดของมันเอง
หากต้องการจะดำเนินตามหลักสติปัฏฐาน 4 ด้วยก็กำหนดเวทนา-ความคิด-
ธรรมารมณ์ หรือนิวรณ์ด้วย อะไรเกิดก็กำหนดสิ่งนั้นๆไป
กำหนดไปตามแนวนี้แหละ
สร้างเหตุให้พร้อม เมื่อเหตุพร้อมมูลแล้ว ผลเกิดเอง หมายความว่า ผลเกิด
จากเหตุที่เราเพียรกำหนดนั้น ก็แค่นี้
แต่คุณก็ไม่เข้าใจ ต้องการจะเดินตามแบบคนนั้นคนนี้ ตามแบบแม่ ตาม
แบบหลวงปู่มั่น คงอยากเป็นพระอรหันต์ตามที่เขาเขียนเล่าในหนังสือสิท่า
หลักเขามีอยู่แล้ว ผู้ปฏิบัติดำเนินไปตามหลักดังกล่าวนั้น เมื่อสติ
สัมปชัญญะเป็นต้นพร้อมมูล มรรคผลเกิดเอง ตามเหตุปัจจัยของมัน
เราจะบีบบังคับเอาดังใจปรารถนาไม่ได้ เข้าใจบ่คับ
|
|
_________________ สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา |
|
|
|
สี บุญมา
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 02 ม.ค. 2008
ตอบ: 83
|
ตอบเมื่อ:
22 ม.ค. 2008, 2:16 pm |
|
เล่าต่อ
พอเริ่มปฏิบัติก็พอเข้าใจว่าพุทโธทำกันยังไง (ตอนเด็กไม่มีพุทโธ มันนิ่งเอง) พอนั่งปุบสักระยะหนึ่ง ก็มีพุทโธขึ้นมา แล้วก็กำหนดมันไว้ตามการเต้นของหัวใจ(ทำเป็นการส่วนตัว)แต่พุทโธอยู่ที่ความคิด ทำได้นานขึ้น ไม่เหนื่อย
อยากรู้ต้องทำไงต่อ และอยากรู้ว่าแม่ไปถึงใหนก็เลยแกล้งถามแม่
"แม่ พุทโธมันก็ดีนะแม่"
"เอ๊า มันก็ดีซิ ไม่งั้นเขาจะทำกันมานานเหรอะ"
"แล้วแม่ไปถึงใหนแล้วละ"
แม่มองหน้าผม
"เอาอีกแล้ว เดี๋ยวก็กำเริบอีกหรอก"
"พอแล้วแม่ ไม่เพิ่มมันอีกแล้วปวดหัว"
แม่หยุดคิดแป๊บหนึ่ง
"มึงเคยออกมาดูซากตัวเองหรือยัง"
"ยังแม่ ออกมาไม่ได้"
"งั้น มึงก็ทำต่อไป"
พอมาถึงตรงนี้รู้สึกแปลกๆ เพราะแต่ก่อนถ้าใครพูดขนาดนี้ข้าพเจ้าต้องตื่นเต้น อยากได้ตามมากๆแล้ว ช่วงแรกๆก็รู้สึกนะ แต่มีคำว่าพุทโธแทรกขึ้นมาในหัวเสียก่อน เลยไม่ทันได้ตื่นเต้น มันมีพุทโธ มันก็นิ่ง มีอารมณ์นิ่ง ข้าพเจ้าก็แปลกใจเหมือนกัน ทำไมไม่ตื่นเต้นเลยละ
น่าคิด ว่า คำว่าดูซากของแม่นั้น ให้เราพิจารณาร่างกาย หรือว่าแม่ถอดจิตออกมาได้จริงๆ เป็นเรื่องที่ต้องศึกษาต่อไป
สาธุ |
|
|
|
|
|
สี บุญมา
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 02 ม.ค. 2008
ตอบ: 83
|
ตอบเมื่อ:
22 ม.ค. 2008, 3:00 pm |
|
เล่าต่อ
จากคำว่าดูซาก ของแม่ ก็ตีความหมายไม่ออก แต่ก็ไม่กล้าถามมาก เน็ตเป็นคำตอบสุดท้าย
"ซากศพ" "คนตาย" "อสภะ" อะไรประมาณนี้
โอ้โฮ สุดยอด มีแต่ อื้อฮือ(คลิกรูปภาพนะ) ปลงเลยละท่าน
แต่ไม่ได้กลัวนะเพราะทำงานด้านนี้อยู่ชินตา แต่ไม่จำ ไม่ได้กำหนดจำ
จากนั้นก็ไม่ได้ดูอีกเลย
มาทำพุทโธต่อ(ทำเฉพาะก่อนนอน หลังสวดมนต์แล้ว) ทำอยู่ประมาณเดือนหนึ่งหลังจากไปรับคำแนะนำจากแม่(อยู่ห่างกัน กลับทุกเดือน) จิตมันนิ่งกับคำว่าพุทโธมาก รู้สึกว่ามันลึกลงไปเรื่อยๆ แล้วภาพที่ตาเราเห็น มันก็มืดจัง มื๊ดมืด ข้าพเจ้าก็ช่างมัน มืดก็มืด พุทโธ มันทั้งที่มืดนี้ละ
พุทโธมืดอยู่หลายวัน มาวันหนึ่ง ข้าพเจ้าก็พุทโธมืดอยู่อย่างนั้น ก็ปรากฏว่ามีแสงมาจากมุมตาข้างซ้ายบ้าง ข้างขวาบ้าง เป็นแสงแว๊บๆ ข้าพเจ้ารู้เป็นแสง คงเป็นแสงจากข้างนอก
พอกำหนดรู้อย่างนี้แสงนั้นก็หายไป
ท่านทั้งหลาย เคยหลับตาแบบสนิทเลยนะในที่มืดด้วย แล้วให้เพื่อนส่องไปฉายใส่หน้า จะรู้สึกอย่างไร
ข้าพเจ้าพอพุทโธเริ่มแผ่วลง ในที่มืดนั้น มันสว่างจ้า แบบที่มีใครเอาไฟฉายมาส่องอย่างนั้นแหละ กังวลอยู่เหมือนกัน อยากจะลืมตาดูแต่ก็ช่างมัน ในห้องใครจะส่องไฟใส่ จ้าก็จ้า ไม่สนใจ จากพุทโธในที่มืด เปลื่ยนมาเป็นสว่าง มันจ้าในช่วงแรกๆ แล้วมันก็เป็นสีนวนๆเย็นๆ ข้าพเจ้าก็มองมันว่านวนดี ก็สีมันนวนจริงๆ พิจารณาอย่างนี้อยู่นาน ลืมไปว่าข้าพเจ้าพลาดอะไรบ้างอย่าง
พุทโธ ในใจข้าเพเจ้ามันหายไป เมื่อรู้ว่าพุทโธหาย ข้าพเจ้าก็ออกจากสมาธิเกือบทันที
สาธุ |
|
|
|
|
|
RARM
บัวบาน
เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2007
ตอบ: 417
|
ตอบเมื่อ:
22 ม.ค. 2008, 5:10 pm |
|
การทำสมาธิ เพื่อให้จิตใจสงบจากสังขารทั้งหลายทั้งปวง
ในเมื่อตั้งใจ ไว้ว่าจะให้เห็น ดวงแก้วแล้ว ข้าพเจ้าคิดว่า ก็ความตั้งใจจะพุทโธ และเห็นดวงแก้วก็เป็นสังขาร ด้วยเหมือนกันนะครับ
ตามที่ข้าพเจ้าเคยปฏิบัติมานั้น ข้าพเจ้าก็เคยเห็นเหมือนกัน แต่ ดวงแก้วไม่ได้วิเศษวิโสอะไรเลย นอกจากถ้าไม่มี สมาธิ และปัญญา มากเพียงพอในการเห็น หรือดวงแก้วเกิดมาให้เห็นแล้ว ก็จะกลายเป็นอุปกิเลสไปเสีย ทำให้เสียเวลาในการปฏิบัติ ข้าพเจ้าก็ได้ถามพระอาจารย์ของข้าพเจ้า
พระอาจารย์ชัยรัตน์ ท่านให้ดูแต่ความคิดเกิดและดับเท่านั้น ส่วน ดวงแก้วจะเกิดหรือไม่นั้น ข้าพเจ้าไม่ได้สนใจอีก ทำให้สามารถเห็นการเกิด-ดับ ได้ดียิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ตามกำลังของสมาธิ คือถ้ามีกำลังสมาธิมาหน่อยก็เห็นตามความเป็นจริงได้มากยิ่งขึ้น
เท่าที่ปฏิบัติมา 8 ปีก็ทำเท่านี้แหละครับ เผื่อจะมีประโยชน์บ้างกับเพื่อน สหธรรมมิก
ขอให้เจริญในธรรม ไม่ติด อุปกิเลสอย่างที่ข้าพเจ้าเคยติด ตอนนี้ก็ยังติดอยู่ พยายามทำเรื่อยๆ ที่มีโอกาส ทุกครั้ง |
|
|
|
|
|
|