จะทำเช่นไรกับชีวิตที่วุ่นวาย

ตอบเมื่อ: 16 ม.ค. 2008, 11:46 am

ทำไมชีวิตช่วงนี้ของดิฉันถึงได้สับสนไปหมดทุกอย่าง ไม่สามารถเลือกสิ่งที่ตนต้องการได้เลย ไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตที่กำลังเจออยู่ตอนนี้เป็นกรรมเก่าที่ทำมาหรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงจะทำยังไงกับสิ่งที่เจอ เมื่อช่วงปีที่แล้ว สวดมนต์เป็นประจำเลย นั่งสมาธิทุกวันพระ แต่ช่วงนี้ไม่ได้ทำเลยสักวัน เพราะเหตุนี้หรือเปล่าถึงได้เจอแต่สิ่งที่วุ่นวายในชีวิต

ตอบเมื่อ: 16 ม.ค. 2008, 12:49 pm

ไปปลูกเมล็ดอะไรไว้ละคะมันถึงได้เติบโตมาเป็น "ต้นทุกข์" ที่ว่านี้ได้

ไม่มีเหตุ - ผลจะเกิดได้อย่างไร ?
ทุกอย่างที่เราได้รับทุกวันนี้คือ "ผลของการกระทำของเราในอดีต"

อยากให้อนาคตดีไม่เป็นอย่างปัจจุบันให้รีบ "แก้ที่วันนี้เสีย"
วันนี้เราได้มีโอกาสกลับมาแก้ตัวแล้ว หมั่นสร้างความดี สร้างบารมี

ภพหน้าจะได้เกิดในสภาพที่มีโอกาสได้สร้างบารมีแบบนี้หรือเปล่าไม่รู้!!??

สู้ สู้

ทำความดีนะคะ ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ให้มากๆ
ทำแล้วยังไม่เห็นว่าชีวิตจะเบาบาง ...ก็ต้องหมั่นทำให้มากยิ่งขึ้น
เวรกรรมที่เราไปปลูกเมล็ดไว้ยังชาติที่แล้ว อาจมีมากมายหลายต้นนัก
ใครจะรู้ได้ ซึ้ง

ตอบเมื่อ: 16 ม.ค. 2008, 12:52 pm

หนูก็ไม่ค่อยทราบนะคะ

แต่หนูก็เคยเจอกับชีวิตที่วุ่นวายเช่นกันค่ะ

เรื่องการบ้าน งาน อะไรสารพัด

แต่หนูก็ค่อยๆแก้ไปทีละนิดๆ จนเรื่องวุ่นๆในชีวิตหนูค่อยๆหายไป

ตอนนี้เรื่องไร้สาระก็ยังอยู่นะคะ

แต่หนูเชื่อถ้าเราไม่เข้าไปเพิ่มอีก

มันก็จะค่อยๆหายไปเองค่ะ

เรื่องที่ไม่สวดมนต์เหรอคะ

สำหรับหนู หนูจะสวดมนต์ก่อนนอน

นั่งสมาธิ เวลาที่ท้อ หรือ เจ็บปวดอะไรสักอย่าง หรือ ... อีกเยอะค่ะ แต่ก็ไม่มาก

ครูหนูบอกว่าสมาธิสามารถรักษาได้ค่ะ

ตอบเมื่อ: 16 ม.ค. 2008, 12:53 pm

ทุกอย่างอยู่ที่ใจ...ถ้าใจวุ่น..อารมณ์ความรู้สึกของเราก็จะวุ่นตาม ถ้าคุณเคยสวดมนต์ ขอแนะนำให้เริ่มใหม่ เพราะทำให้ใจเราสงบร่มเย็น ...ปัญญาเกิด ..... :b3:

ตอบเมื่อ: 16 ม.ค. 2008, 1:00 pm

การสร้างบุญกุศล การสวมนต์ไหว้พระ คงต้องทำเป็นประจำไปตลอดชีวิต ทำด้วยความเพียร ความวุ่นวายในชีวิตคงไม่มีทางหยุดตราบเท่าที่เรายังเป็นมนุษย์ เราจะต้องถูกกระทบจากทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เราพอใจและไม่พอใจ ทำให้เราอยากได้และไม่อยากได้ นั่นคือสาเหตุของความทุกข์ การสวดมนต์ช่วยให้เรามีจิตสงบนิ่ง แต่เราต้องมีปัญญาด้วยมองให้เห็นโลกว่าเป็นเรื่องของสมมุติ และอยู่ภายใต้กฏพระไตรลักษณ์ คือเป็นทุกข์ ไม่เที่ยง ไม่มีตัวตน ในทุกขณะที่มีเรื่องราวที่ทำให้จิตใจเราวุ่นวายเราต้องมีปัญญารู้เห็นว่าเป็นแค่เรื่องสมมุติ ใจเราจะคลายทุกข์ลงได้ คือรู้จักปล่อยวางเรื่องต่างๆลงได้และไม่เข้าไปยึดมั่นถือมั่นมากจนเกินไป

ตอบเมื่อ: 16 ม.ค. 2008, 2:04 pm

ถาม.... ทำไมชีวิตช่วงนี้ของดิฉันถึงได้สับสนไปหมดทุกอย่าง ไม่สามารถเลือกสิ่งที่ตนต้องการได้เลย ไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตที่กำลังเจออยู่ตอนนี้เป็นกรรมเก่าที่ทำมาหรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงจะทำยังไงกับสิ่งที่เจอ เมื่อช่วงปีที่แล้ว สวดมนต์เป็นประจำเลย นั่งสมาธิทุกวันพระ แต่ช่วงนี้ไม่ได้ทำเลยสักวัน เพราะเหตุนี้หรือเปล่าถึงได้เจอแต่สิ่งที่วุ่นวายในชีวิต

ตอบ.....
ชีวิตคน ก็คล้ายดังสภาพอากาศ บัดเดี๋ยวเย็น บัดเดี๋ยวร้อน บัดเดี๋ยวหนาว บัดเดี๊ยวฝนตก บัดเดี๋ยวลมพัดแรง บัดเดี๋ยวลมพัดเบาสบาย เรื่องธรรมดาขอรับ
กรรม คือการกระทำ ถ้าคุณกระทำกรรม คือ ดำเนินกิจกรรมหรือมีพฤติกรรมที่ไม่ดี ในการประกอบกิจการใดใดก็ตาม คุณก็ต้องได้รับผลแห่งการกระทำนั้นๆ ข้าพเจ้าหมายถึงในปัจจุบันนะขอรับ
ความวุ่นวายในชีวิต มีสาเหตุ จากตัวเรา เป็นหลัก ถ้าตัวเราไม่คิดมาก ไม่เอาใจไปฝักใฝ่กับเรื่องราวเหล่านั้น ความวุ่นวายก็ย่อมไม่เกิดขึ้น ความวุ่นวายอาจเกิดจากการประกอบกิจกรรมของคุณก็เป็นได้ แต่คุณไม่ได้เขียนรายะละเอียดมา ก็เอาแค่ให้รู้ว่า มันเป็นเรื่องธรรมดา วุ่นวาย ก็แก้ให้มันวุ่นวายน้อยๆ หน่อย หรือแก้ไขให้หายวุ่นวาย อาจจะยากบ้าง ง่ายบ้าง ก็เป็นเรื่องธรรมดาของการสังคมเป็นอยู่ร่วมกัน
ทุกข์ หรือไม่ทุกข์ วุ่นวายหรือไม่วุ่นวาย อยู่ที่ความคิด นะคุณ มันวุ่นวาย แต่เราคิดว่าสนุกละมีเรื่องให้แก้ปัญหา เรื่องวุ่นวายมันก็เป็นแค่บทละครตอนหนึ่งฉากหนึ่งที่ทำให้เราหายจำเจ ก็เท่านั้นแหละคุณ

ตอบเมื่อ: 16 ม.ค. 2008, 4:17 pm

ตั้งสติให้ดีๆ นะค่ะ ค่อยๆ คิดค่อยๆ พิจารณา ใจเย็นๆ เข้าไว้
เดี๋ยวก็คิดออกเอง เดี๋ยวก็หาหนทางแก้ไขได้เองค่ะ สู้ สู้

ไม่ยอมแพ้แก่โชคชะตา (พระไพศาล วิสาโล)
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=1462

ตอบเมื่อ: 17 ม.ค. 2008, 11:26 am

คุณอาภาพรรณ ปัญหาทุกอย่าง ล้วนเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต อย่าพยายามโยงปัญหาไปไว้กับดวงชะตามากนัก เพราะจะทำให้เรานั้น สับสน วุ่นวายใจ และกังวล จนขาดสติ และปัญญา จนทำให้เรานั้น ไม่สามารถเผชิญกับปัญหาที่หนักอกของเราในขณะนั้นได้
วิธีของผมที่ใช้แก้ปัญหาคุณพิจารณาเองนะครับ เผื่อบางที อาจจะเป็นประโยชน์ให้แก่คุณ ไม่มากก็น้อย
1. พยายามสงบจิต สงบใจ ให้ได้ เพราะจะทำให้เรามีสติ และปัญญา
2. นั้ง ทบทวนปัญหานั้นๆอย่างไม่เข้าข้างตนเอง หาเหตุแห่งปัญหา แล้วทบทวนถึงผลของปัญหาที่เกิดในขณะนี้ และผลที่จะเกิดในอนาคต และถ้าปัญหามันมาเรื่อง ก็เรียบเรียงความสำคัญของปัญหา จัดอันดับของปัญหาให้เป็นหัวข้อในความสำคัญ เพื่อที่จะให้เราแก้ปัญหาที่สำคัญ และเร่งด่วน แบบมีระบบ ไม่สับสน แล้วเราจะแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ
3. เมื่อทำใน ข้อที่ 1,2 แล้ว เราจะเข้าใจประเด็นของปัญหา ถ้าปัญหาบางเรื่องที่เราไม่สามารถแก้ไขได้ในขณะนั้น เราควรที่จะถ่อยออกมา แล้วตั้งสติใหม่ เมื่อเราพร้อม เราค่อยเข้าไปแก้ปัญหาใหม่ บางปัญหา มันอาจจะไม่หนักหนาอย่างที่เราคิดก็เป็นไปได้นะครับ เราคิดมาก กังวลมาก ไปเองหรือไม่ ทบทวนให้ดี แต่ถ้าเราแน่ใจว่า ไม่ใช่เป็นเพราะเราคิดมากไปเอง ก็ไม่เป็นไร ค่อยๆแก้ไป ที่สำคัญคือ อารมณ์ที่รุนแรงจากความกังวล และอารมณ์เสีย มันไม่ช่วยทำอะไรให้ดีขึ้น มีแต่พัง กับพัง เพราะฉะนั้น สติ คำนี้ คำเดียว ที่จะช่วยให้คุณแก้ปัญหาได้อย่างดี
4. พยายามอย่าไปปรึกษาใคร (ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ) เพราะการปรึกษานั้น เป็นดาบสองคมที่พร้อมจะทำให้พังได้แบบคุณไม่รู้ตัวเลย เพราะ ปัญหานั้นๆไม่ได้เกิดขึ้นกับคนที่คุณปรึกษา ความเข้าใจในปัญหานั้นๆ ของที่ปรึกษาคุณย่อมไม่สามารถให้คำตอบแบบฟันธงอย่างแท้จริง ถ้าที่ปรึกษาคุณมีคุณธรรม และมีวุฒิภาวะที่ดี คุณอาจจะได้คำแนะนำที่ดี แต่ถ้าที่ปรึกษาคุณขาดคุณสมบัติ ผมว่า คุณพังแน่ ยิ่งปัญหาครอบครัวแล้วละก็ อย่าอย่างเด็ดขาด คุณจะพังเพราะมือที่สามที่เป็นที่ปรึกษา (เรื่องนี้เกิดขึ้นในครอบครัวของผมจนทำให้ชีวิตครอบครัวผมพังทลาย)
5. ประการสุดท้าย หมอดู ทรงเจ้า ไม่ใช่ทางแก้ปัญหานะครับ มีแต่คุณจะต้องเสียเงิน จนกลายเป็นปัญหาใหม่ให้คุณปวดหัวแบบแก้ไม่ตก และจำไว้นะครับ สติและปัญญาเท่านั้นที่คุณควรยึดเป็นแนวทางในการแก้ปัญหา การไหว้พระสวดมนต์ เป็นเรื่องของจิตใจ ที่จะทำให้คุณสบายใจ และเมื่อคุณสบายใจ คุณก็จะมีความพร้อมในเรื่องของจิตใจโปร่ง คุณก็จะมีสติและปัญญา คิดให้ดีนะครับ
หวังว่าคงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย พิจารณาเองนะครับ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

ตอบเมื่อ: 15 เม.ย.2008, 1:23 pm

ปัญหาต่างๆย่อมมีเกิดขึ้นเป็นธรรมดาเป็นเช่งนั้นเองครับ ลองคิดง่ายๆครับ คิดว่าคนที่เขามีปัญหามากกว่าเรา ไม่มีที่จะอยู่ อาหารกิน ครอบครัวเสียชีวิตหมดแล้วเค้าเหล่านั้นอยู่ได้อย่างไรครับ เขาแก้ปัญหาด้วยวิธีใดครับ ถ้ายังอยู่บนโลกมนุษย์ คำว่าปัญหาคงเป็นของคู่โลกนี้ไปแล้วครับ ทางพระพุทธศาสนาสอนว่าสาเหตุของปัญหาเกิดจากความยึดมั่นถือมั่นครับ เมื่อเราเข้าไปยึดมั่นถือมั่นอะไรก็จะเป็นทุกข์ ลองปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติของมันแล้วเราคอยเฝ้าดูมันไม่ต้องร้อนรนตามมันก็พอครับ ทุกสิ่งต่างๆทั้งหลายมันเป็นเช่นนั้นเองครับ

ตอบเมื่อ: 21 เม.ย.2008, 10:29 am

สู้ สู้ สู้ ... สู้โว้ย!!

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ตอบเมื่อ: 14 มิ.ย.2008, 5:00 am

สู้ๆนะคะ เอาใจช่วยคะ เชื่อว่าอีกหน่อยจะดีขึ้นเองนะคะ
ยิ้มแก้มปริ

ตอบเมื่อ: 16 มิ.ย.2008, 9:52 am

หยุดก่อนครับ ! หยุดความคิดต่างๆก่อนครับ แล้วมาดูว่า ยังหายใจอยู่ ก็คือยังไม่ตาย ยังมีชีวิตอยู่ก็ต้องมีปัจจัยในการดำรงชีวิต นั่นคืออาหารครับ.....ถ้ายังมีกินอยู่ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหนักหนาครับ เรื่องอื่นที่สำคัญกว่านี้ไม่มีครับ เป็นเหมือนปัจจัยที่ปรุงแต่งให้จิตไม่สงบ จึงรู้สึกวุ่นวาย

ตอบเมื่อ: 13 ส.ค. 2008, 11:18 pm

ชีวิตคือการต่อสู้ เหนื่อยได้แต่อย่าท้อ ขอเป็นกำลังใจค่ะ น้อมนำพระธรรมเป็นสรณ นะค่ะ สาธุ