ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773
|
ตอบเมื่อ:
23 พ.ย.2007, 9:53 pm |
  |
###1.ยาคุมกำเนิดชนิดกิน หรือชนิดฉีดแบบทั่วไป นั้นออกฤิทธิ์หลักตรงการยับยั้งการตกไข่เป็นหลัก...... เมื่อไข่ไม่ตกจากรังไข่มาสู่ท่อมดลูกและโพรงมดลูกแล้ว มันก็จะไม่มีการปฏิสนธิขึ้น และไม่มี"ชีวิตใหม่"เกิดขึ้นแต่อย่างใด..... ดังนั้นจึงชัดเจนมากว่า การคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้ไม่มีทางเป็นปาณาติบาต
### 2.ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินชนิดกิน (ที่องค์ท่านดาไลลามะเคยทักท้วงออกนิตยาสารไทม์)นั้น กลไกการออกฤิทธิ์หลักเท่าที่ผมถามจากสูติแพทย์หลายท่านแล้ว กล่าวตรงกันว่า คือออกฤิทธิ์โดยการปรับสภาพเยื่อบุโพรงมดลูกไม่ให้ไข่ที่ได้รับการผสมแล้ว(ชีวิตใหม่)เข้าฝังตัวและเจริญเติบโตต่อไป...... ซึ่งมองว่าเป็นปาณาติบาตได้.
(ความจริงการคุมกำเนิดโดยการใส่ห่วงคุมกำเนิดก็เป็นหลักการขัดขวางการฝังตัวของไข่ที่ได้รับการผสมแล้วเหมือนกันกับยาคุมกำเนิดฉุกเฉินชนิดกิน ....)
.......................................................
“……ดูกรภิกษุทั้งหลาย จิตดวงแรกใดเกิดแล้วในอุทรมารดา
วิญญาณดวงแรกปรากฏแล้ว อาศัยจิตดวงแรก
วิญญาณดวงแรกนั้นนั่นแหละเป็นความเกิดของสัตว์นั้น ......
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้อุปสมบทกุลบุตรมีอายุครบ ๒๐ ปีทั้งอยู่ในครรภ์……”
จาก พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔มหาวรรค ภาค ๑
http://84000.org/tipitaka/read/?4/141 |
|
|
|
  |
 |
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773
|
ตอบเมื่อ:
23 พ.ย.2007, 9:54 pm |
  |
ท่านเจ้าคุณ พระพรหมคุณาภรณ์ ท่านวิสัชนาเรื่องนี้ ไว้อย่างละเอียด ทุกแง่ทุกมุม....
บทความนี้ จะสามารถใช้เป็นหลักพิจารณาสำหรับทุกๆ ฝ่ายอย่างรอบครอบครับ
ถาม - เรื่องการใส่ห่วง ในกรณีที่มารดาต้องการคุมกำเนิด โดยการใส่ห่วง โดยที่เจตนานั้นไม่ต้องการมีบุตร แต่ไม่มีเจตนาจะฆ่าตัวอ่อน ในกรณีนี้จะเป็นกรรมหรือไม่อย่างไร
ตอบ - ก็ตัดสินด้วยเจตนาอย่างที่ว่า ไม่มีเจตนาจะฆ่าให้ตาย อาจทำไปเพราะไม่รู้แล้วก็เป็นเหตุให้คนอื่นตายๆ ไป คล้ายกับจะเป็นการทำให้คนตายโดยประมาท แต่ที่จริงเป็นการทำให้คนตายโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์อย่างไรก็ตามในกรณีอย่างนี้ ถ้าจะพิจารณาให้ละเอียดก็ต้องดูที่เจตนา เพราะกรณีอย่างนี้มีเจตนาด้วย เพียงแต่ไม่ใช่เจตนาที่จะฆ่าโดยตรง เจตนาอาจต่างกันได้ เจตนาที่ไม่ต้องการมีบุตรนั้น อาจเป็นเจตนากีดกั้นไม่ให้เขามีชีวิตอยู่ได้ต่อไป หรือเป็นเจตนาแบบป้องกันตัวเอง ความต่างของเจตนานี้มีผลต่อคุณสมบัติ ของกรรมให้แรงหรือเบากว่ากัน
ถาม - เมื่อมาฟังนี่แล้ว ก็รู้ถ้าใส่ห่วงอยู่จะต้องไปถอดไหม
ตอบ - อันนี้เป็นเรื่องที่คุณหมอเองแนะนำกันได้ ก็อาศัยหลักการนี้ แล้วก็ปฏิบัติต้องให้เกณฑ์วินิจฉัยอย่างที่ว่า มาเป็นเครื่องประกอบการตัดสินใจ
http://www.geocities.com/yongyang_98/doctors/lady_abortion7.html
(ปล.... การใส่ห่วงคุมกำเนิด ออกฤทธิ์คล้ายๆ กับยาคุมกำเนิด ชนิดกินฉุกเฉิน) |
|
|
|
  |
 |
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773
|
ตอบเมื่อ:
23 พ.ย.2007, 10:00 pm |
  |
สรุปน่ะครับ
การคุมกำเนิดแบบนี้ ไม่เป็นปาณาติบาตแน่นอน
1. ยากินคุมกำเนิดแบบธรรมดา
2. ยาฉีดคุมกำเนิดแบบธรรมดา
3. ถุงยางอนามัย
4. วิธีการใดๆ ที่ยับยั้งการตกไข่ หรือ ขวางกั้นการผสมระหว่างไข่และอสุจิ
เพราะ ยังไม่มีชีวิตใหม่ เกิดขึ้น
ส่วน วิธีการใดๆ ที่ทำให้ไข่ที่ถูกผสมแล้ว (ชีวิตใหม่) ไม่สามารถฝังตัวที่เยื่อบุโพรงมดลูก เช่น ยาคุมกำเนิดกินชนิดฉุกเฉิน หรือ การใส่ห่วงอนามัย อาจจะเข้าข่ายปาณาติบาต |
|
|
|
  |
 |
wanida
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 06 ธ.ค. 2007
ตอบ: 3
|
ตอบเมื่อ:
06 ธ.ค.2007, 5:53 pm |
  |
เคยกินแบบฉุกเฉินไปค่ะแต่ไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นบาปอย่างนี้ถือว่าบาปมั้ยคะ
ช่วยตอบด้วยนะคะ |
|
|
|
  |
 |
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773
|
ตอบเมื่อ:
06 ธ.ค.2007, 9:56 pm |
  |
wanida พิมพ์ว่า: |
เคยกินแบบฉุกเฉินไปค่ะแต่ไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นบาปอย่างนี้ถือว่าบาปมั้ยคะ
ช่วยตอบด้วยนะคะ |
ถ้ามีการปฏิสนธิเกิดขึ้นแล้ว การกินยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินก็จัดว่าเป็นบาป
แต่ถ้าไม่มีการปฏิสนธิเกิดขึ้น การกินยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินก็ไม่จัดว่าเป็นบาป
ในกรณีที่มีปฏิสนธิเกิดขึ้นแล้ว แต่กินเยาพราะไม่นึกว่านั่นคือการทำปาณาติบาต(เพราะคิดว่ายังไม่มีชีวิตใหม่เกิดขึ้น) ก็บาปเหมือนกัน แต่เจตนาจะอ่อน ด้วยองค์ประกอบของปาณาติบาตไม่สมบูรณ์ครบทั้ง5
...................................................
ปาณาติบาตนั้น จะสำเร็จเป็นกรรมบถได้ ต้องประกอบด้วยองค์ ๕ คือ
๑. สัตว์มีชีวิต
๒. รู้ว่าสัตว์มีชีวิต
๓. จิตคิดจะฆ่า
๔. พยายามเพื่อจะฆ่า
๕. สัตว์ตายด้วยความพยายามนั้น
ปาณาติบาตนั้น มีโทษมาก เพราะเหตุ ๔ ประการ คือ
๑. สัตว์ใหญ่
๒. สัตว์นั้นมีคุณ
๓. ความพยายามของผู้ฆ่ามีมาก
๔. กิเลสของผู้ฆ่ารุนแรง
ปาณาติบาตที่ตรงกันข้าม ชื่อว่ามีโทษน้อย
.......................................................................
ที่ผมว่า เจตนาไม่เต็ม เพราะคุณไม่รู้ว่า มีชีวิตเกิดขึ้นแล้ว คุณคิดเพียงต้องการป้องกันตั้งครรภ์เท่านั้น
คือจะมีเพียง ข้อ1 และข้อ5 ในองค์5
แต่ อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลเสีย เผื่อว่าจะเคยมีชีวิตใหม่เกิดขึ้นแล้วในท้องคุณ ในคราวที่คุณกินยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินครั้งนั้นเข้า
และ อย่าปล่อบจิตให้เศร้าหมองไปเปล่าๆ กับสิ่งที่อาจจะเคยพลาดในอดีต.... พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้วางจิตเช่นนั้นครับ
อดีตเป็นสิ่งที่ผ่านไปแล้ว ไม่ควรกังวลถึง |
|
|
|
  |
 |
Story Note
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2007
ตอบ: 97
|
ตอบเมื่อ:
09 ม.ค. 2008, 5:32 pm |
  |
ขอบคุณความรู้ใหม่ค่ะ
ไม่ยักกะรู้ว่า การป้องกัน ก็อาจเป็นส่วนหนึ่งของการทำลาย..
ชีวิตที่รอเกิดใหม่ คงต้องรอเกิดในสถานที่ ที่เหมาะสม และพร้อมกว่า คนที่ไม่พร้อม
 |
|
|
|
  |
 |
โมกข์ป่า
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 10 ม.ค. 2008
ตอบ: 22
|
ตอบเมื่อ:
11 ม.ค. 2008, 11:49 am |
  |
อ้างอิงจาก: |
ชีวิตที่รอเกิดใหม่ คงต้องรอเกิดในสถานที่ ที่เหมาะสม และพร้อมกว่า คนที่ไม่พร้อม |
สมัยนี้หาคนดี มีบุญมาเกิดกับคนที่พร้อมแล้วยากค่ะ เพราะคนสมัยนี้ทำบาปกันมากเมื่อตายไปก็ตกนรก หรือไม่เช่นนั้นก็มาเกิดกับคนยากจน หรือคนไม่พร้อม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเด็กที่เกิดทุกคนจะเป็นคนบาปนะคะ เพียงแต่เปรียบเทียบเฉยๆ ค่ะ
เห็นตัวอย่างมาก็มากเหมือนกัน อย่างเช่น มีคนรู้จักที่ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ได้ถือว่าร่ำรวยแต่ก็จัดได้ว่าพร้อมแล้ว อีกทั้งบุคคลใกล้ชิดนั้นก็ล้วนแต่เป็นคนที่เข้าวัดทำบุญ (ทำบุญจริงๆ นะคะ ไม่ใช่ไปวัดหาหวย) หรือไม่งั้นก็พอมีทรัพย์พอที่จะช่วยเกื้อหนุน (คือรอเลี้ยงหลาน แต่ตัวเองไม่แต่งงาน ว่างั้น) หรือไม่อย่างนั้นก็เป็นครอบครัวที่อยู่ในเกณฑ์มีฐานนะ และพ่อ แม่ พี่น้อง ทั้งหลายก็ไม่ได้ยากจน ลำบาก แต่กลับเป็นครอบครัวที่มีฐานะกันทั้งนั้น ก็ยังไม่มีลูกกัน ทั้งๆ ที่แต่งงานกันมาก็หลายปีแล้วค่ะ
แต่พอมองไปตามถนน เห็นเหล่าคนหาเช้า กินค่ำ เค้าทั้งหอบ ทั้งจูง ทั้งอุ้ม ที่เดินเองก็มี ที่นั่งในรถลากก็มี มันเลยเกิดคำถามมาว่า ทำไมหนอ ครอบครัวที่เค้ายังไม่พร้อม เพียงหาเช้ากินค่ำเหล่านั้นลูกถึงได้ดกนัก แต่กับคนที่เค้าพร้อมแล้วไม่มีมาเกิดกันซักที
นี่แหละโลกเราหนอ
เกี่ยวกับกระทู้มั้ยเนี่ย!  |
|
|
|
  |
 |
|