ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
นพพร ระพีกุล
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 08 พ.ย. 2007
ตอบ: 1
|
ตอบเมื่อ:
22 พ.ย.2007, 5:27 pm |
  |
พระโพธิสัตว์แต่ละพระองค์จะมีความสามารถอะไรไหมที่ทำให้ตัวเองรู้ตัวเองว่าเป็นพระโพธิสัตว์เมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ |
|
_________________ สร้างบารมีจนกว่าจะสำเร็จ |
|
  |
 |
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773
|
ตอบเมื่อ:
22 พ.ย.2007, 9:55 pm |
  |
ผมมีความเห็นดังนี้น่ะครับ
ในสมัยที่พระพุทธเจ้าศากยมุนี ทรงบำเพ็ญบารมีเป็นสุเมธดาบส และได้รับลัทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าทีปังกร.... ในครั้งนั้น ท่านใช้ร่างกายท่านเป็นประดุจสะพานข้ามน้ำ ให้พระพุทธเจ้าทีปังกร และ พระสาวกเดินข้าม
ในครั้งพุทธกาล ก็มีพระนิตยโพธิสัตว์พระองค์หนึ่ง คือ พระศรีอาริยเมตตรัย ท่านมาบำเพ็ญบารมีในโลกมนุษย์ และยังบวชเป็นภิกษุอชิตะในศาสนาของพระพุทธเจ้าศากยมุนีเสียด้วยซ้ำ.....
ขนาด พระภิกษุโพธิสัตว์ศรีอาริยเมตตรัย ท่านยังบวชเป็นพระภิกษุสาวกของพระพุทธเจ้าศากยมุนี... ผู้มุ่งพุทธภูมิทั้งหลายในยุคปัจจุบัน ก็ควรจะดำเนินตามพระโพธิสัตว์ศรีอาริยเมตตรัย คือ ใช้แนวทางธรรม-วินัย เช่นเดียวกับที่ท่านทรงวางไว้
ทางเถรวาทนั้น พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ตรัสรู้สิ่งเดียวกัน และ สอนธรรม-วินัยไปในแนวเดียวกันทั้งหมด
ไม่มีปรากฏว่า ในเรื่องนี้ พระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งสอนแบบหนึ่ง อีกพระองค์หนึ่งทรงสอนไปอีกแบบหนึ่ง ชนิดขัดแย้งกัน.
ที่"ไม่เท่ากัน"ในคำสอนของพระพุทธเจ้าแต่ล่ะพระองค์ของทางเถรวาท คือ "รายละเอียด"ในการสอนครับ...
(หวังว่า คงแยกออก ระหว่าง คำว่า"ไม่เท่ากัน" กับ "ขัดแย้งกัน"ออกน่ะครับ)
กล่าวคือ บางองค์ทรงสอนรายละเอียดไว้มาก และทรงวางพระวินัยไว้มาก ศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นก็ดำรงอยู่ได้นาน
บางองค์ทรงสอนรายละเอียดไว้น้อย และทรงวางพระวินัยไว้น้อย ศาสนาของพระองค์นั้นก็ดำรงอยู่ได้ไม่นาน
(อ่าน พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑ วินัยปิฎกที่ ๑ มหาวิภังค์ ปฐมภาค
เหตุให้พระศาสนาดำรงอยู่ ไม่นาน และ นาน)
กำลังจะเสนอ ท่าน จขกท ว่า
ไม่ว่าจะมุ่งโพธิญาณ ปัจเจกโพธิญาณ สาวกญาณ หรือ ฯลฯ
เรา-ท่าน ควรใช้แนวทาง ธรรม-วินัย ของพระศากยมุนีพุทธเจ้าเป็นแนวหลัก
ด้วยเหตุว่า ณ ปัจจุบันนี้ คำสอนที่พระศากยมุนีพุทธเจ้า ทรงวางไว้ โดยสืบทอดผ่านมาในพระไตรปิฎกเถรวาทนั้น ยังสมบูรณ์พร้อม เพียงพอต่อการเป็นแนวทางเดินให้ ทุกจริตนิสัยอย่างแน่นอน
และขออนุโมทนา กับ กุศลเจตนาของท่านครับ  |
|
แก้ไขล่าสุดโดย ตรงประเด็น เมื่อ 22 พ.ย.2007, 10:18 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
  |
 |
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773
|
ตอบเมื่อ:
22 พ.ย.2007, 10:00 pm |
  |
นพพร ระพีกุล พิมพ์ว่า: |
พระโพธิสัตว์แต่ละพระองค์จะมีความสามารถอะไรไหมที่ทำให้ตัวเองรู้ตัวเองว่าเป็นพระโพธิสัตว์เมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ |
ลองอ่าน นี่สิครับ
ประวัติหลวงปู่จาม มหาปุญโญ พระโพธิสัตว์
http://larndham.net/index.php?showtopic=26588 |
|
|
|
  |
 |
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773
|
ตอบเมื่อ:
22 พ.ย.2007, 10:12 pm |
  |
พระโพธิสัตว์ของทางเถรวาทนั้น
1. เป็นผู้มุ่งที่จะเป็นเช่นพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ .... ในสมัยนี้ ก็คือ ตามรอยของพระพุทธเจ้าศากยมุนี.... และ แนวทางก็ไนทิศทางเดียวกับแนวธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าศากยมุนี
2. เนื่องจากตัวท่านเอง ยังไม่พ้นทุกข์ใจอย่างแท้จริง ท่านจึงยังไม่มีการประกาศโพธิสัตว์ธรรมแบบเป็นกิจจะลักษณะ ..... อย่างมาก อาจจะเป็นการสอนธรรมะ ขั้นระดับที่ท่านรู้จริง ให้แก่ผู้ติดตามในวงแคบๆ
3. ท่านจะสอนผู้อื่น เป็นกิจจะลักษณะจริงๆ ก็ต่อเมื่อท่านตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว
หรือจะพูดง่ายๆ พระโพธิสัตว์ในทางเถรวาทนั้น มุ่งที่จะฝึกฝนตนเอง ให้เป็นนักว่ายน้ำที่เก่งเสียก่อน...... ตนเองว่ายข้ามโอฆสงสารได้เสียก่อน แล้วจึงสอนให้ผู้อื่นว่ายน้ำเป็นและว่ายน้ำตาม |
|
|
|
  |
 |
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773
|
ตอบเมื่อ:
05 ธ.ค.2007, 7:07 am |
  |
ผมย้อนกลับไปค้น กระทู้เก่าๆ
เจอ กระทู้ห้าดาวเข้าโดยบังเอิญครับ
http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/001033.htm
บทความนี้ ผู้มุ่งพุทธภูมิทุกท่าน ต้องอ่านน่ะครับ
ปุจฉา....
โดยคุณ Listener
พระนิยตโพธิสัตว์ ที่ปรากฎในพระไตรปิฎก นอกจาก พระอชิตะ (พระศรีอารยเมตไตรย์)แล้ว มีท่านอื่นอีกไหมครับ (ถ้าจำไม่ผิด มีคัมภีร์ชั้นหลัง กล่าวว่า พระวัสวัตตีมาราธิราช และพระเจ้าปเสนทิโกศล ก็เป็นพระโพธิสัตว์)
มีข้อสังเกตว่า พระอชิตะเองท่านก็ Low profile มาก และชวนให้สงสัยว่าทำไม พระโพธิสัตว์อื่นๆ ที่Hot ในบางกลุ่มยุคนี้ จึงไม่ปรากฎพุทธพยากรณ์ หรือว่า ยังไม่แน่
วิสัชนา
โดย อดีตท่านสันตินันท์
คุณ Listener ตั้งข้อสังเกตได้น่าฟังมากครับ ที่ว่า
พระอชิตะ(ซึ่งต่อไปจะตรัสรู้เป็นพระเมตไตรย์)นั้น low profile มาก
ในยุคที่พระสมณโคดมพุทธเจ้าดำรงพระชนม์อยู่
ซึ่งก็ไม่ต่างกับโชติปาลมาณพ (ต่อมาตรัสรู้เป็นพระสมณโคดมพุทธเจ้า)
เมื่อครั้งที่ดำรงชีวิตในสมัยพระกัสสปพุทธเจ้า คือพระพุทธเจ้าองค์ก่อนหน้าพระองค์นี้
ผู้ประเสริฐทั้งสองท่าน เพียงแต่บวชในสำนักของพระพุทธเจ้า
แล้วไม่ปรากฏบทบาทอะไรมากมายนัก
เหมือนกับท่านเก็บงำประกายของท่านจนมิดชิด
ไม่แสดงความดีเด่นขึ้นในสมัยที่พระศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์อื่นยังปรากฏ
เพราะยังไม่ใช่เวลาที่ท่านควรจะมีบทบาทใดๆ ขึ้นมา
ให้เหมือนจะแข่งรัศมีของพระพุทธเจ้า
ที่สำคัญ ไม่ปรากฏว่า ท่านทั้งสองนี้แสดงธรรมหรือสิ่งใด
ที่เป็นการคัดค้าน ดัดแปลงคำสอนของพระพุทธเจ้า
เพราะหากทำเช่นนั้น นอกจากจะไม่ใช่การเพิ่มบารมีแล้ว
ยังเท่ากับเป็นการหาความเสื่อมใส่ตนเสียอีก |
|
|
|
  |
 |
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773
|
ตอบเมื่อ:
05 ธ.ค.2007, 7:37 am |
  |
ถ้า เรา-ท่าน พบผู้ที่กล่าวว่า ตนเป็นพระโพธิสัตว์นั้น
เรา-ท่าน ควรพิจารณาแยกแยะให้ดีๆ ว่า ผู้ที่กล่าวเช่นนั้น อยู่ในกลุ่มใด
ระหว่าง
1.เป็นพระโพธิสัตว์จริงๆ
ทั้ง อนิตยโพธิสัตว์ และ นิตยโพธิสัตว์
ถ้ายังเป็นอนิตยโพธิสัตว์อยู่ ก็เป็นไปได้ว่า ท่านอาจจะยังไม่เที่ยงตรง-งดงาม ด้านปฏิปธานัก.... แต่ก็ไม่ควรถึงขนาด ไปบัญญัติสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติไว้ หรือ ลบล้างสิ่งที่พระพุทธเจ้าได้บัญญัติไว้ชอบแล้ว
2.เป็นพวกลวงโลก
ใช้การเป็นพระโพธิสัตว์เป็นเงื่อนไข หาลาภ หรือ สักการะ ให้แก่ตน
ปัจจุบัน ก็พบได้อยู่เหมือนกัน
3.มีอาการผิดปกติทางจิต
ชนิด GRANDIOSE DELUSION.... ซึ่ง การหลงผิดว่าตนเอง เป็นผู้วิเศษ หรือ ผู้ทรงคุณธรรมขั้นสูงในลักษณะต่างๆ.... และ การหลงผิดว่าตนเองเป็นพระโพธิสัตว์ ก็เป็นหนึ่งในการหลงผิดแบบนี้
อ่าน http://www.elib-online.com/doctors2/mental_delusion01.html |
|
|
|
  |
 |
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773
|
ตอบเมื่อ:
06 ธ.ค.2007, 10:00 pm |
  |
สำหรับ พระโพธิสัตว์ ทางเถรวาท
ผมมีความเห็นเพิ่มเติมดังนี้ครับ
ทางเถรวาท
พระโพธิสัตว์ ในทางเถรวาท นั้น คือ ผู้เสียสละทุกอย่าง.... สละแม้นกระทั่งความสุข ชีวิต หรือ หน้าตาตัวตนของท่าน
ถ้าท่าน บังอิญไปเกิดในยุคที่มีพระพุทธเจ้าพระองค์อื่นตรัสรู้อยู่แล้ว หรือศาสนธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนยังคงสมบูรณ์อยู่....ท่านจะไม่มีทางไปประกาศธรรมแข่งบารมีกับพระพุทธเจ้าเลย.... และไม่มีทางที่ท่านจะไปกล่าวธรรมที่ไม่ไปในทิศทางเดียวกับพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อน....ไม่ว่าจะ เป็นเพียง อนิตยโพธิสัตว์ หรือ นิตยโพธิสัตว์...... ท่านจะวางตัวเรียบง่าย อ่อนน้อมถ่อมตน มักน้อยสันโดษ.....
จะไม่ปรากฏการสำคัญตน หรือ ลักษณะการแสวงหาสาวกให้เห็นเลย มีแต่ว่า ใครที่ไปพบเห็นก็จะศรัทธาเคารพท่านเอง
ในยุคสมัยใกล้ๆนี้ ที่เรา-ท่าน มีโอกาสได้รับทราบท่านที่ดำรงชีวิตอยู่จริงๆ ก็เช่น ครูบาศรีวิชัย ตนบุญแห่งล้านนา.....
ท่านจะทำสิ่งใด ท่านก็ทำง่ายๆ ไม่ใช่ทำสิบโฆษณาร้อย.... หากแต่ ใครที่ไปพบเห็น ก็จะศรัทธา และเข้าร่วมกับท่านเอง
ครูบาศรีวิชัย ท่านได้มีโอกาสพบกับผู้ทรงคุณธรรมสูงหลายท่าน เช่น หลวงปู่มั่น และ ๆลๆ..... ซึ่งคุณธรรมด้าน การอ่อนน้อม และไม่สำคัญตน ในยอดบุรุษทั้งสอง ก็มีผู้เล่าให้ฟังกันสืบมาถึงทุกวันนี้
หลวงปู่ บุดดา ถาวโร ท่านก็เคยไปกราบครูบาศรีวิชัย(ตอนที่ครูบาถูกนำตัวมากรุงเทพ) ก็มีแต่ความเอื้ออาทร และเรียบง่ายให้ปรากฏเห็น.....
ทางมหายาน
บางนิกายย่อยของมหายาน ให้ความสำคัญกับพระโพธิสัตว์ มากกว่าพระอรหันต์เสียอีก(บางครั้ง รู้สึกว่าจะให้ความสำคัญมากกว่าพระพุทธเจ้าเสียอีก )
แม้นแต่อนิตยโพธิสัตว์ ก็เคยมีเรื่องเล่า ที่แสดงให้เห็นว่า
"แม้นแต่อนิตยโพธิสัตว์ ก็สูงส่งกว่าพระอรหันต์".....
ผมเคยอ่านพบมา (ยังไม่มีเวลาย้อนกลับไปค้นครับ)
เรื่องมีว่า มีพระอาจารย์รูปหนึ่งที่เป็นพระอรหันต์ และ มีเจโตปริยญาณ ท่านมีเฌรน้อยรูปหนึ่งที่เป็นศิษย์คอยปรนิบัติท่าน . วันหนึ่งท่านเดินทางไปทำธุระที่หนึ่ง โดยให้เณรน้อยถือบาตรให้ท่าน....
ในระหว่างทางเดิน เฌรน้อยเกิดความปราถนาที่จะเป็นพระพุทธเจ้า .... อาจารย์ทราบความคิดของเณรน้อยเข้า จึงขอบาตรจากเฌรน้อยมาถือเอง
เดินต่อมาอีกสักครู่ เณรน้อยเกิดล้มเลิกความคิดที่จะเป็นพระพุทธเจ้า ท่านอาจารย์จึงให้เณรน้อยกลับไปถือบาตรตามเดิม....
เหตุผล ก็ คือว่า ในขณะที่เณรน้อยเกิดนึกอยากจะเป็นพระพุทธเจ้านั้น ท่านอาจารย์ถือว่า โพธิสัตว์มีฐานะสูงกว่าพระอรหันต์ จึงไม่สมควรให้เฌรน้อยมาปรนิบัติถือบาตรให้ท่าน.... แต่พอเณรน้อยล้มเลิกความตั้งใจ เฌรก็กลายเป็นเพียงปุถุชน ซึ่งฐานะต่ำกว่าพระอรหันต์ จึงต้องกลับไปถือบาตรให้พระอรหันต์.
(แนวคิดเช่นนี้ จะตรงข้ามกับ กรณีท่านสุเมธดาบส ใช้ร่างเป็นประดุจสะพานให้พระพุทธเจ้าทีปังกร และพระอริยสาวกย่ำข้ามน้ำ)
แนวคิดของทางมหายานในลักษณะนี้ จึงทำให้ทางมหายาน(บางนิกาย)มีผู้มุ่งเป็นพระโพธิสัตว์กันมากมาย และเรียก นิกายตนเองว่า มหายาน หรือ ยานอันใหญ่.....ซึ่งมุ่งขนสัตว์ข้ามน้ำเป็นหลัก....(และเรียก เถรวาทว่า หินยาน ที่หมายถึง ยานอันคับแคบ)
แต่แนวคิดโพธิสัตว์ของทางมหายาน ก็ต้องระวังให้ดี ว่าอาจจะมีอหังการ มมังการ เข้าไปปนอยู่ในส่วนลึกๆของจิตได้ง่ายๆ |
|
|
|
  |
 |
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773
|
ตอบเมื่อ:
10 ธ.ค.2007, 10:41 pm |
  |
การไม่เข้าใจในการที่จะ "เป็น"พระโพธิสัตว์ อย่างถ่องแท้นั้น
อาจจะสร้างปัญหาให้กับผู้ที่มุ่งจะเป็นพระโพธิสัตว์เอง และ ผู้ศึกษาธรรมส่วนรวมได้
ความจริง พระโพธิสัตว์ที่แท้จริง ท่านปราถนาที่ว่า
นอกจากตัวท่านเองจะพ้นทุกข์แล้ว ท่านมีเมตตาอันสุดประมาณที่จะช่วยชี้แนะสั่งสอนผู้อื่นให้พ้นทุกข์ตามไปด้วย.....
ท่านไม่ได้มีความปราถนาจะแสวงหาสาวก แสวงหาการยอมรับ แสวงหาหน้าตาตัวตนใดๆมาสนองอัตตาเลย
หรือจะกล่าวว่า การมุ่งเป็นพระโพธิสัตว์ที่แท้จริงนั้น มีลักษณะ"เป็น...แบบไม่เป็น" ก็ไม่น่าจะผิด
ถ้าเข้าใจความจริงข้อนี้ตรงกับความเป็นจริง.....
การสำคัญตนว่าตนเหนือกว่าผู้อื่น-ผู้อื่นไม่ดีเท่าตน
การหลงตนในลักษณะต่างๆ
การกล่าวธรรมะที่ขัดกับหลักธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าศากยมุนี ก็จะไม่บังเกิดขึ้น....
ในผู้ที่กำลังมุ่งจะเป็นพระนิตยโพธิสัตว์ |
|
|
|
  |
 |
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่

เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773
|
ตอบเมื่อ:
10 ธ.ค.2007, 10:43 pm |
  |
คำสอนของ หลวงพ่อชา สุภัทโท
จากอุปลมณี น.551
อย่าเป็นพระพุทธเจ้า
อย่าเป็นพระอรหันต์
อย่าเป็นพระโพธิสัตว์
อย่าเป็นอะไรเลย
การ "เป็นอะไร" ก็มีแต่ความทุกข์เท่านั้นแหละ
เราไม่มีความจำเป็นต้องเป็นอะไรสักอย่างหนึ่ง
|
|
|
|
  |
 |
|