กุหลาบสีชา
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
06 พ.ย.2007, 11:56 pm |
  |
ดวงตาแห่งชีวิต
ท่านเขมานันทะ (อาจารย์โกวิท เอนกชัย)
ชีวิตเป็นสิ่งล้ำค่า ร่างกายเป็นขุมข่ายของความรู้สึกตัว
เป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการส่องทางอันมืดมิด
บุคคลเมื่อรู้ตัวแม้แต่ไร้อนาคต เขาก็พอเอาตัวรอดได้
ประหนึ่งหิ่งห้อยน้อยมีแสงวอมแวมที่ตัวเอง
สามารถบินเข้าสู่หุบเหวที่มืดมิดได้อย่างอิสระ
ทั้งๆ ที่ไม่อาจหยั่งรู้ที่สุดของตัวเองได้
ความรู้สึกตัวน้อยๆ นี่แหละครับ
จะเปล่งปลั่งขึ้นเมื่อโลกมืดมิด
ดังที่ยกตัวอย่างเมื่อวานว่า
ตะเกียงที่จุดตอนเที่ยงวันนั้นดูเสมือนไร้ค่า
แต่ครั้นเวลาพลบโพล้เพล้ แสงเรืองรองเริ่มปรากฏ
ทั้งๆที่ตะเกียงก็เป็นตะเกียงดวงเดิม
แสงปลั่งนั้นก็เท่าเดิมทุกประการ
ยิ่งดึกยิ่งมืด ความเปล่งปลั่งของแสงสว่างก็เรืองรองขึ้น
ฉันใดความรู้สึกตัวน้อยๆ
ที่เราเป็นอยู่นั้นจะทำกิจจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต
เมื่อมันเดินทางเข้าสู่โลกมืดของผู้ตาย
แสงสว่างแห่งความรู้ตัวนี้จะเปล่งประกายขึ้น สว่างขึ้นๆ ถ้าเรามีสติ
การตายด้วยสตินั้นเป็นความตายที่ไม่ตาย
เป็นความเป็นทีเดียว
เมื่อตุ๊กตาน้ำแข็งตัวหนึ่งตกลงไปในกระแสน้ำลำธาร
มันก็ละลายอย่างรวดเร็ว
ไม่มีผู้ตายอยู่ในกระบวนตาย
แต่ผู้ตายอยู่ในความคิดของเรื่องความตาย
เรามัวแต่มีปฏิกิริยากับสิ่งนั้นสิ่งนี้
จนกระทั่งว่าเหมือนมีม่านบังตา
ลืมวินาทีสำคัญของชีวิตที่ว่า
เราต้องมีความรักต่อผู้อื่น เห็นผู้อื่นสลักสำคัญ
และโอนอ่อนผ่อนปรนกับเพื่อนมนุษย์ให้มากที่สุด
เข้มงวดกับสติสัมปชัญญะของตัวเองให้มากที่สุด
สติสัมปชัญญะของเราจึงจะเรืองรองขึ้น
เพราะว่าจุดหมายปลายทางของสติสัมปชัญญะก็คือ
“ญาณปัญญา” ดวงตาแห่งชีวิตจะเกิดขึ้นในการแลเห็น
แต่ถ้าเราใช้สติของเราไปเข้มงวดกับคนอื่น ไปเพ่งเล็ง
ตาเราจะมืดบอด
สติสัมปชัญญะนั้นเมื่อผนวกกับทัศนะอันชอบธรรมแล้ว
คงจะยังประโยชน์เกื้อกูลแก่สังคมและผู้อื่นโดยปริยาย
ผู้ที่หยั่งรู้ธรรมะตั้งแต่เกิดจนตายย่อมมีลักษณะเป็นสาธารณะ
เป็นของสาธารณะโดยไม่ตั้งใจ
เพราะว่าภาพลักษณ์ของตัวเองนั้นจืดจางรางเลือนไป
ยิ่งภาพลักษณ์จืดจางเท่าไร
ความเป็นสาธารณะ ความเป็นของทุกๆ ชีวิตก็จะปรากฏเด่นชัดขึ้นเท่านั้น
(ที่มา : ปกหลัง “ดวงตาแห่งชีวิต” โดย เขมานันทะ, ฉบับพิมพ์ครั้งแรก, พ.ศ. ๒๕๔๕)
หมายเหตุ : “ดวงตาแห่งชีวิต” เป็นผลงานอันรวบรวมจากธรรมบรรยายของ
ท่านอาจารย์เขมานันทะ ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓
ณ อาศรมศานติ-ไมตรี จ.สุราษฎร์ธานี
หมายเหตุภาพ : จิตรกรรมพุทธศิลป์ “หอมกลิ่นธรรม”
สร้างสรรค์โดย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์
รวมคำสอน “ท่านเขมานันทะ (อาจารย์โกวิท เอนกชัย)”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=44291 |
|
|
|