ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
โอ่
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
24 ธ.ค.2004, 6:42 am |
  |
ก้อเมื่อบุญและบาปนั้นมีอยู่จริง
สวรรค์นรกก็มีอยู่จริง
ชาติหน้าก็มีอยู่จริง
และผลกรรมนั้นก็มีจริง
การเวียนว่ายตายเกิดเป็นทุกข์ในสังสารวัฏก็มีอยู่จริง
แล้วทำไมเล่าจึงยังมีคนทำชั่วกันเป็นส่วนใหญ่หรือไม่น้อย
แล้วทำไมเล่าคนส่วนใหญ่จึงไม่นหน้ามาสร้างบุญกุศลกันให้มาก
ทำไมเล่า? ทำไมเล่า? เพราะเหตุไรจึงเป็นเช่นนี้ ? |
|
|
|
|
 |
ยังโง่อยู่เหมือนกัน.
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
24 ธ.ค.2004, 9:27 am |
  |
เพราะกิเลสมันบัง ซ่อนเร้นไว้ให้มองไม่เห็น
ตายแล้วเกิด ๆ ๆ กี่กับป์ กี่กัลป์ ก็กิเลสตัวเดิม
เพราะความโง่แท้ๆ ท่านจึงบอกให้พิจารณา
เกิดเป็นทุกข์
แก่เป็นทุกข์
เจ็บเป็นทุกข์
ตายเป็นทุกข์
... |
|
|
|
|
 |
อวิชชา
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
24 ธ.ค.2004, 9:49 am |
  |
อวิชชา ตัณหา อุปทาน  |
|
|
|
|
 |
ปุ๋ย
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275
|
ตอบเมื่อ:
24 ธ.ค.2004, 11:16 am |
  |
กราบสวัสดีครูบาอาจารย์ทุกท่านด้วยความเคารพ
ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นค่ะ
เพราะการเกิดมนุษย์ ยากนักที่จะหลีกเลี่ยงการก่อกรรม แต่กรรมที่เราก่อนั้น ก็มีทั้งกรรมดี กรรมชั่ว ก็อยู่ที่ว่า มนุษย์เรานั้นจะเลือกทางเดินในทางใด การประพฤติปฏิบัติบางอย่าง แต่ละบุคคลก็คิดว่า เดินในทางที่ถูกต้องที่สุดแล้ว จึงเกิดการก่อกรรมชั่วขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
สังคมปัจจุบัน ทุกคนล้วนแล้วแต่ดิ้นรน แก่งแย่งกัน เพียงเพื่อความสุขส่วนตัวเสียเป็นส่วนมาก นึกถึงแต่ผลประโยชน์แห่งตนเป็นส่วนใหญ่ ยินดีในชื่อเสียง เกียรติยศที่ตนได้รับ ยิ่งมีความรู้สูงในตำรา ยิ่งมองผู้อื่นที่ความรู้ด้อยกว่าตนด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม เพียงเพราะว่า หากแตกต่างจากตนที่รู้อยู่ ก็ผิดทั้งสิ้น เหมือนมองโลกด้วยสายตาอันคับแคบ
ทำไมเล่า...ทำไมเล่า...
ก็เพราะเป็นธรรมดาของมนุษย์นั่นเอง
มณี ปัทมะ ตารา |
|
|
|
   |
 |
สุรพงษ์
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
24 ธ.ค.2004, 12:10 pm |
  |
คนที่ทำนั้นไม่รู้ คนที่รู้นั้นไม่ทำ คนส่วนใหญ่นั้นไม่รู้ คนส่วนใหญ่จึงได้ทำ น้ำย่อมไหลลงที่ต่ำฉันใด จิตมนุษย์ไซร้มักเป็นเช่นกัน |
|
|
|
|
 |
โอ่
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
24 ธ.ค.2004, 2:04 pm |
  |
ก็เพราะโลกนี้เพลิดเพลินนักมิใช่หรือ
กามในโลกนี้เป็นของเพลิดเพลิน
กามในโลกนี้เป็นของน่าหลงใหลมิใช่หรือ
ก็เพราะกามในโลกนี้เป็นสิ่งน่ารักน่าใคร่มิใช่หรือ
ที่เราแย่งเกียรติและความสุขใด ก็มิใช่เพราะกามหรือ
ก็มิใช้เพราะกามหรือ เราจึงเบียดเบียนกัน
เราทำชั่วสร้างกรรมก็เพราะกามมิใช่หรือ กรรมจึงมีแก่เรา
เพราะว่าโลกนี้น่ารื่นรมย์ เราเห็นสิ่งรื่นรมย์ อยากได้ในความรื่นรมย์
จิตของเราจึงชื่นฉ่ำไปด้วยกาม
มีความบรรเจิดในกามนั้น
เมื่อเราก้าวลงในบ่วงกาม โลกแห่งความเป็นจริงก็มืดมิดไป
และเพื่อกามนั้นบุคคลจึงทำความชั่ว
|
|
|
|
|
 |
P
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
24 ธ.ค.2004, 5:37 pm |
  |
เป็นคนดีทำแต่ความดีแล้วไม่ต้องเกิดอีกหรือครับ ? ไม่ได้กวนนะครับถามจริงๆ |
|
|
|
|
 |
โอ่
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
24 ธ.ค.2004, 8:42 pm |
  |
ถ้าสิ้นกิเลสแล้วไม่เกิด ถ้าไม่สิ้นกิเลสก็ต้องเกิด
แค่นั้นเองครับ
นี่ก็ตอบตามความเป็นจริงครับ |
|
|
|
|
 |
DM
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2004
ตอบ: 27
|
ตอบเมื่อ:
25 ธ.ค.2004, 12:45 am |
  |
เพราะแต่ละคนมีปัญญาไม่เท่ากันครับ แถมบุญบารมีสะสมมาไม่เท่ากันด้วย
ซึ่งส่วนใหญ่จะมีปัญญาน้อยครับ ทำให้ไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องพวกนี้เท่าไรอะ |
|
|
|
  |
 |
โอ่
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
25 ธ.ค.2004, 3:24 am |
  |
แม้ปัญญาและบุญบารมีเป็นของจริง
แต่จะคิดว่าตนเองมีบุญบารมีปัญญาน้อยเกินไป
หรือคิดว่าผู้อื่นมีบุญบารมีหรือปัญญาน้อยเกินไป
เป็นสิ่งไม่ควรจะคิด
ควรคิดว่าบุคคลเหล่านั้นได้พยายามสดับมามากแล้วเท่าใด
ความเอาใจใสในการสดับ อันทำให้เกิดปัญญานั้นมีอยู่
ความศรัทธาที่ยังไม่เกิดนั้น ก็มีฐานะที่จะเกิดขึ้นได้
ความเพียรที่ยังไม่เกิดนั้นก็มีฐานะที่จะเกิดขึ้นได้
ความสดับให้มากขึ้น ความใส่ใจให้มากขึ้น
ทำอย่างไรจึงทำให้เกิดแก่บุคคลได้
การคบบัณฑิต ไม่คบคนพาล ทำให้เป็นผู้สดับมากได้
เมื่อเป็นผู้ได้สดับมาก ปัญญาอันเกิดจากการเงี่ยโสตย่อมเกิดขึ้นได้
เมื่อปัญญาจากการเงี่ยโสตเกิดแล้ว ความสำเร็จจากการฟังก็มีได้ เป็นต้น
เมื่อได้อัตภาพเป็นมนุษย์แล้ว โอกาสแห่งการได้สดับพระธรรมย่อมมีอยู่
เพราะพระธรรมก็เกิดขึ้นในโลกแล้ว
และบรรดาเราก็เกิดมาในปฏิรูปเทสแล้ว
โอกาสย่อมมีแก่เราทั้งหลาย และเราทั้งหลายควรใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ |
|
|
|
|
 |
โอ่
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
25 ธ.ค.2004, 9:01 pm |
  |
ด้วยการที่เรามีโอกาสอันดีเช่นนี้
เราควรคิดว่าเราควรมีเวลา
สำหรับศึกษาพระธรรม
พระธรรมที่ได้ศึกษาแล้ว ก็ศึกษาให้ชัดเจนขึ้น
และเข้าไปศึกษาพระธรรมที่ยังไม่ได้ศึกษา
ค่อยทำให้รู้ ค่อยทำให้ชัด
ยังศรัทธาให้เกิดในการที่จะศึกษา
เมื่อศรัทธาเกิดแล้ว ก็ยังความเพียรให้เกิดขึ้นแก่การศีกษาธรรม
โอกาสเป็นของเราแล้ว การรู้ธรรมนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตามลำดับ
ย่อมรู้ว่าธรรมใดเป็นกุศล ธรรมใดเป็นอกุศล
ธรรมใดเป็นกุศลย่อมนำมาประพฤติ ธรรมใดที่เป็นอกุศลย่อมละไปไม่นำ
มาประพฤติ
ชีวิตที่อยู่ในโลกก็ย่อมไม่มีอะไรล่วงไปโดยเปล่าประโยชน์ |
|
|
|
|
 |
|