Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
จากลำพูนสู่เชียงใหม่ ตามรอย พระแก้วขาว แห่งล้านนา
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
วัดและศาสนสถาน
ผู้ตั้ง
ข้อความ
เว็บมาสเตอร์
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 19 มี.ค. 2005
ตอบ: 993
ตอบเมื่อ: 17 ส.ค. 2007, 10:29 pm
กู่กุดหรือเจดีย์สุวรรณจังโกฏ ณ วัดจามเทวี จ.ลำพูน
จากลำพูนสู่เชียงใหม่ ตามรอย พระแก้วขาว แห่งล้านนา
หากพูดถึงพระแก้ว หลายคนคงจะนึกถึงพระแก้วมรกต พระพุทธรูปสำคัญองค์หนึ่งของเมืองไทย แต่ยังมีพระแก้วอีกองค์หนึ่งซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่ทำขึ้นจากแก้วสีขาว และเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวล้านนามาเป็นเวลานานแล้ว นั่นก็คือ
พระเสตังคมณี หรือ พระแก้วขาว พระพุทธรูปปางมารวิชัย แกะสลักจากหินสีขาวใส
ซึ่งอาจยังไม่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไปนัก แต่ประวัติความเป็นมาของพระพุทธรูปองค์นี้นั้น ถือว่าไม่ธรรมดา
ตำนานและความเป็นมาของพระแก้วขาว เกี่ยวเนื่องกับหลายคนและหลายสถานที่ด้วยกัน
โดยการกำเนิดของพระแก้วขาว มีตำนานเล่าว่า
พระยารามราช เจ้าเมืองละโว้ กับพระกัสสปเถระเจ้า
มีความประสงค์จะสร้างพระแก้ว ซึ่งพระอรหันต์ไปได้แก้วขาวบริสุทธิ์บุษยรัตน์มาจากจันทเทวบุตร แล้วขอพระวิษณุกรรมมาเนรมิตสำเร็จเป็นองค์พระพุทธปฏิมากร สุเทวฤๅษี ผู้สร้างนครหริภุญไชย และฤๅษีองค์อื่นๆ ก็ได้ประชุมช่วยในการสร้างองค์พระด้วย โดยได้บรรจุพระบรมธาตุ 4 องค์ไว้ใน พระโมลี (กระหม่อม) 1 พระนลาต (หน้าผาก) 1 พระอุระ (หน้าอก) 1 พระโอษฐ์ (ปาก) 1 รวมทั้งหมด 4 แห่ง
เมื่อสร้างเสร็จแล้ว พระแก้วขาวก็ได้ประดิษฐานอยู่ที่เมืองละโว้สืบมาเป็นเวลานาน
พระบรมราชานุสาวรีย์พระนางจามเทวี ณ วัดจามเทวี
และหากจะกล่าวถึงพระแก้วขาว ก็ต้องกล่าวถึง
พระนางจามเทวี
ปฐมกษัตริยาแห่งนครหริภุญไชย หรือนครลำพูนด้วยเช่นกัน เพราะพระแก้วขาวถือเป็นพระพุทธรูปประจำพระองค์ โดยเมื่อพระนางจามเทวี พระราชธิดาของเจ้ากรุงละโว้ เสด็จมาครองเมืองหริภุญไชย ก็ได้อัญเชิญพระแก้วขาวจากเมืองละโว้มายังเมืองหริภุญไชย มาเป็นพระพุทธรูปบูชาประจำพระองค์ด้วย พระแก้วขาวจึงได้มาประดิษฐานอยู่ในนครหริภุญไชยตั้งแต่บัดนั้น
เส้นทางตามรอยพระแก้วขาว เริ่มต้นที่
วัดจามเทวี
อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ตามประวัติกล่าวไว้ว่า วัดแห่งนี้สร้างขึ้นโดยพระนางจามเทวี และเมื่อพระองค์มีพระชนมายุ 60 พรรษา ก็ได้ทรงสละราชสมบัติออกบวชชีบำเพ็ญบุญอยู่ที่วัดแห่งนี้ และเมื่อพระองค์มีพระชนมายุได้ 92 พรรษา ก็ได้เสด็จสวรรคต ดังนั้น พระเจ้ามหันตยศและพระเจ้าอนันตยศ พระราชโอรสทั้งสองพระองค์จึงได้นำอัฐิของพระองค์มาบรรจุไว้ในเจดีย์สี่เหลี่ยมในวัดแห่งนี้
หอพระแก้วขาวที่ปัจจุบันเป็นหอระฆังภายในวัดพระธาตุหริภุญไชย
เจดีย์สี่เหลี่ยมในวัดจามเทวี
ที่ว่านั้น รู้จักกันในชื่อ
กู่กุด หรือ เจดีย์สุวรรณจังโกฏ
ซึ่งเป็นพระเจดีย์ศิลาแลงทรงสี่เหลี่ยมซ้อนลดหลั่นกันขึ้นไป 5 ชั้น แต่ละชั้นจะประดิษฐานพระพุทธรูปยืนปางประทานอภัย รวมทั้งหมด 60 องค์ พระเจดีย์องค์นี้ถือเป็นสถาปัตยกรรมต้นแบบให้แก่พระเจดีย์ต่างๆ ในภาคเหนือต่อมาอีกด้วย
ไม่ไกลกันนักเป็นที่ตั้งของ
วัดพระธาตุหริภุญไชย วรมหาวิหาร
ในจังหวัดลำพูนเช่นกัน วัดแห่งนี้เคยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วขาวมาตลอดระยะเวลาของการตั้งเมืองหริภุญไชย โดยภายในวิหารหลวงของวัดพระธาตุหริภุญไชย นอกจากจะมีพระประธานก่ออิฐถือปูน ลงรักปิดทอง บนแท่นแก้วรวม 3 องค์ และพระพุทธปฏิมาหล่อโลหะขนาดกลางสมัยเชียงแสนชั้นต้นและชั้นกลางอีกหลายองค์แล้ว ก็ยังมีบุษบกซึ่งภายในประดิษฐานพระเสตังคมณี หรือพระแก้วขาวองค์จำลอง ซึ่งสร้างไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ว่าพระแก้วขาวเคยประดิษฐานอยู่ที่นี่เมื่อนครลำพูนยังรุ่งเรืองอยู่ แต่ปัจจุบันหอพระแก้วขาวในอดีตนั้น ถูกแทนที่ด้วยหอระฆังของวัดไปแล้ว
พระธาตุหริภุญไชย จ.ลำพูน
ภายหลังจากที่พระนางจามเทวีเสด็จสวรรคต นครหริภุญไชยยังคงมีกษัตริย์ปกครองสืบเนื่องต่อมาอีกถึง 47 พระองค์ด้วยกัน และทุกพระองค์ต่างก็นับถือพระแก้วขาวเป็นพระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านเมือง
จนกระทั่งถึงในสมัยของพระยายีบา กษัตริย์เมืองหริภุญไชยองค์ที่ 47 เมืองหริภุญไชย ได้ถูกพญามังราย เจ้าครองนครเงินยวง (เมืองเชียงแสน) ยกกองทัพมาปราบ เมืองหริภุญไชยทั้งเมืองถูกเพลิงไหม้จนพ่ายแพ้ แต่หอพระแก้วขาวเป็นเพียงจุดเดียวที่ไม่ถูกเพลิงไหม้ตามไปด้วย
ด้วยความศรัทธาในปาฏิหาริย์นั้น พญามังรายจึงได้อัญเชิญพระแก้วขาวมาประดิษฐาน ณ ที่ประทับของพระองค์ และทรงเคารพสักการะพระแก้วขาวเป็นพระพุทธรูปประจำพระองค์ตั้งแต่นั้น ส่วนพระแก้วขาวก็ได้ชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ สามารถคุ้มครองป้องกันอันตราย และอำนวยความสุขสวัสดิ์แก่ผู้ที่เคารพสักการะด้วยเช่นกัน
พระเสตังคมณีหรือพระแก้วขาว ณ วัดเชียงมั่น จ.เชียงใหม่
การเดินทางของพระแก้วขาวจากเมืองลำพูนสู่เมืองเชียงใหม่จึงเริ่มขึ้นตรงนี้ เมื่อพญามังรายมาสร้างนครเชียงใหม่เป็นราชธานี เมื่อปีพุทธศักราช 1839 และได้อัญเชิญพระแก้วขาวมาด้วย โดยพระองค์ได้สร้างพระราชมณเฑียรขึ้นเป็นที่ประทับชั่วคราวเพื่อควบคุมการสร้างเมืองเชียงใหม่ และหลังจากที่สร้างเมืองเชียงใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว พระองค์จึงได้สร้างพระเจดีย์คร่อมทับหอนอนที่พระราชนิเวศน์ที่ประทับชั่วคราวนั้นเสีย เพราะทรงดำริว่า
ที่แห่งนี้เป็นหอนอนของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน เกรงจะเป็นเสนียดจัญไรแก่ผู้นอนทับในภายหลัง
อีกทั้งยังได้สร้างวัดขึ้นในที่แห่งนี้ด้วย นั่นก็คือ
วัดเชียงมั่น
อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ในปัจจุบัน
ซึ่งถือเป็นวัดแรกที่สถาปนาขึ้นในนครเชียงใหม่อีกด้วย
พระอุโบสถ (หลังเก่า) ตั้งอยู่ข้างพระเจดีย์ช้างล้อม ณ วัดเชียงมั่น
พระแก้วขาวมีอันต้องย้ายที่ประดิษฐานอีกหลายครั้ง ทั้งยังเคยตกไปอยู่กับอาณาจักรล้านช้างอีกเป็นเวลาถึง 225 ปี จวบจนกระทั่งเมื่อ
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1
เสด็จไปปราบเมืองล้านช้างได้สำเร็จ จึงได้อัญเชิญพระแก้วมรกตไปไว้ที่กรุงเทพฯ ส่วนพระแก้วขาว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำมาประดิษฐานไว้ที่วัดเชียงมั่น ที่ซึ่งพญามังรายทรงมีศรัทธาอัญเชิญมาประดิษฐานเป็นครั้งแรก โดยได้มีรับสั่งว่า
องค์เขียวเอาไปบางกอก องค์ขาวเอามาไว้ให้ชาวล้านนาเจ้าของเดิม
ที่วัดเชียงมั่นแห่งนี้ นอกจากจะเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วขาวแล้ว ก็ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมาย โดยมี
พระเจดีย์ช้างล้อม
สถาปัตยกรรมล้านนาฐานช้างล้อม สร้างโดยพญามังราย เป็นเจดีย์สี่เหลี่ยมผสมทรงกลมสูง (ทรงปราสาท) ตรงฐานเจดีย์ทำเป็นรูปช้างล้อม 16 เชือก สันนิษฐานว่าสร้างเลียนแบบพระเจดีย์ช้างล้อมของพ่อขุนรามคำแหงมหาราชที่เมืองศรีสัชนาลัย และได้รับการบูรณะอีกหลายครั้ง ถัดมาเป็น
หอไตร
ที่ชั้นล่างก่ออิฐฉาบปูน ชั้นบนเป็นไม้ลงรักปิดทองสวยงาม ถัดมาอีกนิดเป็น
พระอุโบสถทรงล้านนา
(พระอุโบสถหลังเก่า) เป็นพระอุโบสถที่งดงามด้วยสถาปัตยกรรมล้านนา และเป็นที่เก็บรักษาหลักศิลาจารึกอักษรล้านนาอันเก่าแก่ ที่กล่าวถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเมืองเชียงใหม่ และการสร้างวัดเชียงมั่น
พระเจดีย์ช้างล้อม ณ วัดเชียงมั่น
หากผู้ที่สนใจในพระราชประวัติของพญามังราย ผู้ก่อตั้งเมืองเชียงใหม่ ก็สามารถเดินชมภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถหลังใหม่ได้ด้วย และหากต้องการกราบสักการะพระแก้วขาว ก็ต้องไปที่พระวิหารจตุรมุขซึ่งนอกจากจะเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วขาวแล้ว ก็ยังมี
พระศีลา
พระพุทธรูปแกะจากหินเป็นปางปราบช้างนาฬาคีรี ซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่เมืองล้านนาด้วยเช่นกัน องค์พระแก้วขาวในวันนี้ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีและอย่างระมัดระวัง โดยจะอัญเชิญออกมาจากพระวิหารเพียงปีละครั้งในวันสงกรานต์ เพื่อให้ประชาชนได้สรงน้ำเท่านั้น
แต่ในตอนนี้ หากใครมีศรัทธาอยากจะได้
พระเสตังคมณี (พระแก้วขาว)
มาบูชา ทาง ชมรมอาสาสมัครชาวพุทธ ร่วมกับ เทศบาลนครเชียงใหม่ ก็ได้ร่วมกันจัดสร้างพระพุทธรูปบูชาพระเสตังคมณีหรือพระแก้วขาวองค์จำลองขึ้น เพื่อให้พุทธศาสนิกชนและประชาชนทั่วไปได้ร่วมบูชาพระศักดิ์สิทธิ์คู่พระบารมีของกษัตริย์ที่มีความยิ่งใหญ่ทั้งสองพระองค์
พระแก้วขาวและพระศิลา ตั้งอยู่ในพระมณฑปหลังพระประธาน ณ วัดเชียงมั่น
และที่สำคัญก็คือ เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้ทราบถึงประวัติความเป็นมาของพระเสตังคมณี (พระแก้วขาว) รวมถึงประวัติความเป็นมาของวัดเชียงมั่น วัดแห่งแรกของนครเชียงใหม่ ศูนย์กลางอาณาจักรล้านนาที่มีความเป็นมายาวนานถึง 711 ปี แห่งนี้ด้วย
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ผู้ที่มีศรัทธาสนใจจะสั่งจองบูชาพระแก้วขาว สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ ชมรมอาสาสมัครชาวพุทธ โทรศัพท์ 0-2784-6050 ศูนย์เช่าบูชา โทรศัพท์ 1577 และวัดเชียงมั่น โทรศัพท์ 0-5321-3170, 08-1386-4335 รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปบูรณปฏิสังขรณ์วัดเชียงมั่น
พระแก้วขาวองค์จำลอง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 30 เมษายน 2550 18:04 น.
_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
วัดและศาสนสถาน
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th