ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
bad&good
บัวใต้น้ำ

เข้าร่วม: 06 ส.ค. 2007
ตอบ: 115
|
ตอบเมื่อ:
08 ส.ค. 2007, 8:58 am |
  |
ในนิวรณ์ 5 ข้อที่ 3 ถีนมิทธะ
คือ ความที่จิตหดหู่ เคลิบเคลิ้ม ไม่ร่าเริง แจ่มใส ทำให้จิตไม่มีสมรรถภาพ ในการที่จะเห็นแจ้งในธรรม ท่านเปรียบเหมือนน้ำใส แต่มีพืช เช่น ตะไคร่ หรือ สาหร่าย เกิดอยู่เต็มก็ไม่อาจจะมองเห็นสิ่งต่างๆ ใต้น้ำ ได้เช่นเดียวกัน
วิธีแก้ปัญหา ถีนมิทธะ คือ
ให้ทำในใจ ถึง แสงสว่างเป็นอารมณ์ เช่น การเจริญ อโลกสัญญา เป็นต้น ย่อมกำจัดถีนมิทธะ ข้อนี้ แม้การทำในใจ ถึงสิ่งที่เป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใส หรืออิ่มใจ เช่น การเจริญ พุทธานุสติ เป็นต้น ก็ อาจจะช่วยกำจัดถีนมิธะ ได้ตามสมควร
ข้าพเจ้าขอถามว่า
1. การให้ทำในใจ ถึงแสงสว่างเป็นอารมณ์ คือ การทำอย่างไร อยากได้รายละเอียดอย่างมาก หรือมีตัวอย่าง
2. การเจริญอโลกสัญญา คือ การทำอย่างไร |
|
|
|
  |
 |
RARM
บัวบาน

เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2007
ตอบ: 417
|
ตอบเมื่อ:
08 ส.ค. 2007, 8:17 pm |
  |
หาหนังสือพระวิสุทธิมรรคอ่านนะครับมีลายละเอียดครบถ้วน |
|
|
|
  |
 |
bad&good
บัวใต้น้ำ

เข้าร่วม: 06 ส.ค. 2007
ตอบ: 115
|
ตอบเมื่อ:
08 ส.ค. 2007, 9:05 pm |
  |
 |
|
แก้ไขล่าสุดโดย bad&good เมื่อ 16 ส.ค. 2007, 8:03 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
  |
 |
ผู้เยี่ยมชม.
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 22 พ.ค. 2007
ตอบ: 95
|
ตอบเมื่อ:
09 ส.ค. 2007, 2:42 am |
  |
แสงสว่างเป็นอารมณ์นี้ คงหมายถึง กสิณขั้นสูง ที่เพ่งจนเห็นเป็นแสงสว่าง ลองหาหนังสือ สมาธิแบบหลวงพ่อโตมาศึกษาดูนะครับ มีการเพ่งกสินปัญญา หรือ กสินสีขาว ที่ฝึกเพ่งไปถึงขั้นกลายเป็น แสงสว่าง เลย ( ฝึกยากกว่าการเพ่งไตรลักษณ์เป็นอารมณ์อีก )
อโลกสัญญา รบกวนช่วยขยายความให้ทราบหน่อยได้ไหมครับ อยากรู้ความหมายที่ถูกต้องเหมือนกัน ( ในพจนานุกรมเล่มที่ใช้อยู่ไม่มีบันทึกไว้ )
แต่โดยมากถ้าใช้ในความหมายของ รูป หรือ อรูป แล้ว ให้เพ่งธรรม ไตรลักษณ์ไว้ให้มากครับเพราะสัญญาก็เกิดจาก การอาศัยธาตุ 6 เป็นปัจจัยเกิด เมื่อเพ่งไตรลักษณ์ให้เข้าใจแล้ว ธรรมทั้งหลายทั้งปวงก็เป็นอนนัตตาไปเอง ซึ่งก็รวมไปถึงการเจริญอโลกสัญญาไปด้วยครับ
ใช้ในความหมายเช่น รูป - อรูป สัญญา - อสัญญา คือ อ ใช้ในความหมายตรงข้ามกับ มี หรือ อ คือคำที่แปลว่า ไม่มี เป็นต้น
ถ้าช่วยขยายความให้ก็จะขอบคุณมากครับ |
|
|
|
  |
 |
RARM
บัวบาน

เข้าร่วม: 28 ก.ค. 2007
ตอบ: 417
|
ตอบเมื่อ:
09 ส.ค. 2007, 9:16 pm |
  |
ได้ครับท่านดีและเลวผมจัดให้
คำถามของคุณนั้นข้อ 1 กับข้อ 2 คืออันเดียวกันนะครับ
คือการเจริญอโลกสัญญาคือการทำแสงสว่างให้เป็นอารมณ์หรืออีกนัยหนึ่งคือการทำกลางคืนให้เป็นกลางวัน
ตามคัมภีร์วิสุทธิมรรคนะครัยกล่าวคือคนที่เจริญอาโลกกสินนั้นถ้ามีวาสนาบารมีเก่าเคยทำไว้แต่ชาติก่อนนะครับแต่ดูแสงพระจันทร์พระอาทิตย์ก็สำเร็จอุคคนิมิตแล้ว แต่ถ้าเป็นพวกอาทิกัมมิกะคือไม่เคยทำมาก่อนเลยก็ให้แลดูแสงจันทร์แสงอาทิตย์ที่ส่องลงมาที่ฝาและปรากฏเป็นปริมณฑล(กลม)และบริกรรมว่า โอภาโสๆๆหรือบริกรรมว่า อาโลโกๆๆ จนกว่าจะสำเร็จอุคคนิมิต
ผมของเล่าประสบการณ์ของผมเมื่อ 8 ปีมาแล้วนะครับวันหนึ่งผมนั่งอยู่บนเตียง ดูลมคืออานาปานสติอยู่ วันนั้นฝนตกลมพายุเข้า แรงมากมีลูกมะพร้าวตกลงมาบริเวณที่ผมอยู่ ผมตกใจครับจิตของผมรวมลงวืบเกิดอุคคนิมิตเป็นดวงจันทร์ขั้นมาใหญ่ประมาณ 6 นิ้วสีขาวนวลผมรู้สึกอิ่มเอิบกับนิมิตมากแต่ลมหายใจติดขัดเพราะเพิ่งฝึกใหม่ๆ นิมิตจึงอยู่ได้พักเดียว เป็นงัยถูกใจหรือยังครับ |
|
|
|
  |
 |
พระครูใบฎีกาภักดี
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 02 ส.ค. 2007
ตอบ: 8
ที่อยู่ (จังหวัด): ๑๘ วัดบางนานอก บางนา กทม.
|
ตอบเมื่อ:
09 ส.ค. 2007, 9:51 pm |
  |
อธิบายแบบผู้ที่มีความรู้น้อยนะครับ
ขณะที่เกิดถีนมิทธะให้พยายามกำหนดสติในขณะที่เกิดอาการ ระลึกรู้ตัวอยู่ตลอด หากเผลอก็พยายามตั้งใจกำหนดใหม่ แรกๆอาจจะช้าไปบ้างพยายามบ่อยๆแล้วจะจับอาการได้ทันเอง ต้องมีความเพียรในการกำหนด อย่าท้อในครั้งแรกๆ |
|
_________________ สุขใดเสมอความสงบไม่มี |
|
   |
 |
|