|
|
|
 |
ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
โอ่
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
16 ธ.ค.2004, 6:41 am |
  |
ปัตติทานมัย เป็น 1 ในบุญกิริยวัตถุ 10 นั้นเราเรียกอย่างชาวบ้านว่า "กรวดน้ำ"
กรวดน้ำนั้นเป็นพิธีกรรมที่ดี (แม้ว่าผมเองถวายทานทุกวัน และอุทิศส่วนกุศลโดยไม่ได้กรวดน้ำเลย ท่ามลางคนอื่นๆที่สนิทสนมเขากรวดน้ำกันจำนวนมาก็ตาม) เมื่อเป็นประเพณีปฏิบัติแล้วทำไปเถอะ เพราะทำให้สำเร็จในสิ่งอันปรารถนานั้นได้
หลักการอุทิศส่วนกุศลในพุทธศาสนานั้น จะสำเร็จแก่เปรตบางจำพวกเท่านั้น เพราะยังมีโอปปติกะในภพต่ำหลายพวกไม่สามารถรับส่วนบุญกุศลได้
และเทวดาก็ไม่รับส่วนกุศลที่เราอุทิศให้
เรื่องการอุทิศส่วนกุศลนั้นมีความซับซ้อน เพราะมีเหตุหลายประการที่ผู้ต้องการจะได้กุศลไม่สามารถจะรับส่วนกุศลนั้นได้ก็มี บุญที่เราอุทิศให้บุคคลอื่นนั้นเป็นบุญส่วนน้อย แต่มีค่าสำหรับผู้ได้รับ เพราะว่าเขารับได้เพียงแต่ส่วนน้อยทีละนิดตามกำลัง อันนี้จึงควรอุทิศบ่อยๆ
อีกอย่างหนึ่งอย่าคิดว่าเราไม่มีญาติในปรโลกเป็นอันขาด เรามีญาติแบบนี้มากมาย และบุญที่เราทำไม่พอที่จะให้แก่ใครๆในปรโลกได้หมด
ไม่ว่าญาติ มิตร สหาย หรือเจ้ากรรมนายเวร อย่าได้ชะล่าใจว่าวันนี้ฉันทำบุญแล้ว ฉันอุทิศส่วนกุศลให้ญาติฉันแล้ว ผู้ที่ต้องการส่วนบุญจากฉันต่างๆได้บุญกันหมดแล้ว เพราะวันนี้ฉันได้ทำสังฆทานใหญ่
การอุทิศส่วนกุศลนี้เป็นเรื่องไม่ควรละเลย และเป็นเรื่องที่ควรทำคู่กับการแผ่เมตตาและแผ่กุศลจากบุญนี้ออกไป
สัตว์ที่อยู่ในปรโลกบางประเภทนั้น ต้องการอาหารเราอุทิศให้หลังการได้ถวายอาหารแก่พระภิกษุ สัตว์บางตนต้องการเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม เราอุทิศด้วยการถวายผ้า สัตว์บางตนต้องการฟังธรรม เราต้องฟังเทศน์ หรือสวดมนต์แล้วอุทิศส่วนกุศล สัตว์ทุกประเภทต้องการชะโลมใจด้วยเมตตา เรารวบรวมเมตตาจิตให้เกิดขึ้นแล้วแผ่ไปทุกทิศ หรือระบุเฉพาะเจาะจง
ขึ้นชื่อว่าความสุขและความดีแล้ว สัตว์ต่างปรารถนา เพราะบรรเทาความทุกข์ที่สัตว์นั้นได้รับได้
การอุทิศส่วนกุศล และการแผ่เมตตานั้นควรทำให้มาก บ่อยๆ เพื่อประโยชน์ที่หมู่สัตว์ควรได้จากบุญที่มีผู้ทำให้ การแผ่เมตตานี้เป็นเมตตาธรรมค้ำจุนโลก เพราะว่าโลกจะอยู่ได้อย่างยั่งยืนก็ด้วยการไม่เบียดเบียน
ดังนั้นจึงตั้งจิตแน่วแน่ในทุกโอกาสในการจะให้กุศลแก่ผู้ที่อยู่ในปรโลก หรือแม้แต่ในโลนี้
สมัยก่อนผมสวดมนต์ทำวัตรเช้าที่บ้าน ( ตอนนี้ไปถวายทานแล้วทำวัตรเช้า สวดมนต์แปลหลายบทร่วมกับอุบาสกอุบาสิกาหลังถวายทานและพระให้พรเสร็จแล้วเป็นกิจประจำวันก่อนไปทำงาน) สส่วนตอนนี้เอาเวลาตอนเช้ามาภาวนาอย่างเดียว เลยมีชั่วโมงภาวนาวันหนึ่งหลายชั่วโมง ทั้งเช้า บ่าย เย็น กลางคืน
ในตอนเช้าสมัยก่อน เมื่อสวดมนต์เสร็จแล้ว ผมหลับตาเพ่งดู จะเห็นโอปปาติกะมาคอยอยู่ก่อนแล้ว
ตอนแรกผมไม่รู้หรกว่ามีผู้มาคอยรับส่วนบุญ แต่เมื่อสวดมนต์หลายครั้งเสร็จแล้ว ก็อยากให้กุศลที่เราทำถึงหมู่สัตว์ให้มาก จะระลึกแผ่กุศลและให้กุศลแก่สัตว์ไปในทิศต่างๆ คือทิศเบื้องหน้า ทิศเบื้องขวา เบื้องซ้าย เบื้องล่าง เบื้องบน เบื้องหลัง
เวลาแผ่ไปในทิศเหล่านั้น ก็กำหนดเพ่งไปในทิศนั้นด้วย พอเพ่งก็มองเห็นสัตว์รูปร่างต่างๆคอยอยู่ในทิศนั้นแล้ว สัตว์บางตนรูปร่างใหญ่เหมือนตอนไม้ ลอยอยู่ในอากาศ เมื่อหลับตาเพ่งก็เห็นว่าวันนี้ทิศข้างหน้ามีผู้มารออยู่แล้วห้าตนบ้าง แปดตนบ้าง หรือสามสี่ตนบ้าง
เมื่อแผ่กุศลไปให้เขา เขาก็ทำจิตส่งมาเบาๆจนสั่นในร่างกายเรา แล้วหายไป แสดงว่าเขาได้รับบุญที่ต้องการแล้ว
ในทิศเบื้องล่างนั้นเมื่อเราเพ่งลงไป บางทีมีห้าตน รูปร่างเหมือนคน แต่ใบหน้าจะไม่ชัด พวกเขายืนเป็นวงกลมห้อยหัวลงข้างล่าง และก้ม(คือเงย)ขึ้นมาข้างบน หมายถึงเขามองเราโดยก้มทางปลายเท้าของเขา เพราะยืนห้อยหัว
ก็แผ่ไป ผู้ที่ปรากฎให้เห็นนี้จะรับกุศลแน่นอน อาจเป็นญาติหรือเจ้ากรรมนายเวรก็ได้ แม้เราแผ่ทุกวันผู้ที่รับส่วนกุศลก็ไม่หมด
เมื่อเราภาวนาบ่อย ขับรถก็สวดมนต์ไป หรือกำหนดสติไป บางครั้งวิรัติศีลจริงจังเป็นอารมณ์ศีล บางครั้งพิจารณาอนุสติ 10 อยู่ในใจ การกรวดน้ำหรืออุทิศส่วนกุศล หรือแผ่เมตตาก็ทำได้ตลอดเวลา
ไม่ต้องไปทำบุญถวายทานแล้ว จึงมาอุทิศส่วนกุศล เพียงใจสงบก็ระลึกถึงบุญของเราแผ่ให้เขาไปได้เสมอ และแผ่กุศลไปยังบุคคลต่างๆ ไปยังหมู่สัตว์ไม่มีประมาณก็ทำได้ด้วยใจ ไม่ต้องใช้น้ำเป็นเครื่องมือประกอบ
นึกถึงบุญเมื่อไร หรือไม่นึกถึง ก็แผ่ได้ให้ใจประอบด้วยการให้และอยากจะให้
เพราะว่าสัตว์ต่างๆรับส่วนกุศลและความดีของบุคคลอื่นได้ บุญประเภทนี้ก็เป็นสิ่งควรทำให้มาก ทำให้บ่อย ทำอยู่เป็นนิจ ในโอกาสที่มีความสงบเกิดขึ้นก็ควรทำทันทีให้เป็นนิสัย เพราะเป็นประโยชน์แก่สัตว์ในโลกอื่น
บางทีการแผ่เมตตานั้นดีกว่าการให้สิ่งของ สัตว์เหล่านั้นต้องการใจที่ดี ต้องการให้เราเข้าไปในใจเขา เอาความดีไปสัมผัสเขา ให้เขาระลึกได้ว่าความดีเป็ยอารมณ์อย่างนั้น ถ้าเขาระลึกอารมณ์นี้ได้ดี ได้อย่างเข้าใจ เขาอาจเปลี่ยนภพมาอยู่ในที่ดีขึ้น เพราะเราไปเปลี่ยนใจและคติของเขาด้วยบุญที่แผ่ออกไปสัมผัสใจของพวกเขา ทำให้ใจเขาเปลี่ยนเห็นอย่างเราไม่มากก็น้อย
สัตว์อันมีความลำบากในปรโลกต้องการบุญ ต้องการใจของมนุษย์ที่ดีแผ่ไปถึงเขา เพราะว่าในทุคตินั้นบุญเป็นสิ่งไม่มี เป็นสิ่งหายาก และขาดแคลน ถ้าเราไม่ส่งไปให้ ทอดทิ้งธุระในการดูแลสัตว์เหล่านี้ไปแล้ว พวกเขาจะหาบุญจากที่ไหนเล่า ในความเป็นญาติก็ดี ในความเป็นเวรกันก็ดี มีความเกี่ยวพันอันทำให้สัตว์เหลานั้นสามารถอนุโมทนาและรับบุญ สะสมบุญได้
การกรวดน้ำ การแผ่เมตตาให้ผู้อื่น เป็นสิ่งควรใส่ใจ สัตว์ในปรโลกรับสิ่งเหล่านี้ได้แน่นอน และเราไม่เสียอะไรเลย เพียงแต่หาเวลาไว้เพื่อระลึกบุญให้ผู้อื่นเท่านั้น ถ้าผู้ที่อยู่ในทุคติเห็นบุญแล้วแม้นิดหน่อย เขาจะชื่นใจ ดีใจ และรู้สึกในบุญคุณของเราอย่างไม่รู้ลืม โอปปาติกะนั้นมีความรัก มีความซาบซึ้งและรู้สึกขอบคุณ เพราะเรานึกถึงเขา ส่งบุญไปให้เขา เป็นสิ่งมีค่าสำหรับเขา ลองนึกว่าถ้าคนทั้งประเทศทำบุญ ตั้งใจดีและส่งกุศลเหล่านี้ไปให้ญาติและเจ้ากรรมนายเวรในช่วงปีใหม่เป็นของขวัญแก่สัตว์เหล่านั้นพร้อมกันหมด ในปรโลกนั้นคงจะสั่นสะเทือนด้วยบุญไม่มากก็น้อย |
|
|
|
|
 |
สำเร็จ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
16 ธ.ค.2004, 11:20 am |
  |
ควรเอาคำกล่าวอุทิศส่วนกุศล...ของพระเจ้าพิมพิสารมาใช้
เพราะ...ครอบคลุมได้กว้างขวางและทั่วถึง..และยังสั้นดีด้วย..
คือกล่าว หรือ การตั้งจิต เพื่อุทิศส่วนกุศล ขณะที่กรวดน้ำ คือ...
" อิทัง โว ญาตีนังโหตุ สุขิตาโหตุ ญาตะโย "
แปลว่า...
" ขออุทิศให้แก่ญาติทั้งหลาย ขอให้ญาติทั้งหลายจงมีความสุข "
เมื่อญาติได้รับส่วนกุศลแล้ว..เขาก็จะอวยพรกลับให้ผู้อุทิศ..(แต่เราไม่รู้)..ว่า
" ขอให้ท่านผู้อุทิศจงเป็นผู้มีอายุยืน "
คำว่า...ญาติทั้งหลาย..หมายถึงบุคคลนับไม่ถ้วน..เพราะเราเกิด-ตายมานับชาติไม่ได้
ในแต่ละชาติก็มีญาติหลายคน
คำว่าอายุยืน...เป็นพรที่ประเสริฐที่สุด....เพราะ
ถ้าหมดอายุ...หมายถึง..ความสูญเสียทุกอย่าง..
ทั้งทรัพย์สิน ลูกเมีย ญาติมิตร เพื่อน...ฯลฯ
ดังนั้นการอุทิศส่วนกุศล..เป็นสิ่งดีมาก
ขออนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ครับ
|
|
|
|
|
 |
โอ่
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
16 ธ.ค.2004, 3:10 pm |
  |
ขอบคุณครับที่อุตส่าห์บอกคำกล่าวเวลากรวดน้ำมาให้ |
|
|
|
|
 |
โอ่
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
16 ธ.ค.2004, 3:50 pm |
  |
เมื่อกี้ลืมไปนิดหนึ่ง
มีเรื่องจะเล่าเกี่ยวกับการอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร
เป็นเจ้ากรรมนายเวรในลักษณะหนึ่ง ซึ่งผมจะเล่าเรื่องเจ้ากรรมนายเวรในลักษณะนี้ให้เข้าใจก่อน โดยจะเล่าเรื่องจริงเมื่อสักสามสี่ปีมาแล้ว
มีวันหนึ่งผมรู้สึกเจ็บแปลบๆ แสบๆในร่างกาย เจ็บอยู่อย่างนั้น เมื่อก่อนก็เคยมีอยู่บ้าง แต่ไม่ได้สนใจอะไร แต่เนื่องตอนนั้นมันมองเห็นอะไรมากเลยนึกว่ามันมีอะไรในท้องของเรา
จึงตั้งสติเพ่งดูในท้อง แต่ก็เห็นไม่ชัดรู้สึกว่ามืดหมด ก็นึกอย่างไรว่าทำให้ท้องสว่าง พอดีเห็นกระดาษสีขาววางอยู่บนโต๊ะไหว้พระ จึงกำหนดเอากระดาษสีขาวเป็นอารมณ์จำให้ภาพติดตาไว้
แล้วโน้มภาพสีขาวที่ใจทำไว้เข้าไปในท้อง กระดาษนั้นก็ปรากฏอยู่ในท้องเป็นแผ่นสีเหลี่ยมสีขาว
เมื่อมีสีขาวเกิดขึ้นก็อาศัยความสว่างนั้นเพ่งดู เห็นมีสัตว์สีดำเป็นขนปุกปุยหรือเพราะมันดำมากเกินไปก็ไม่แน่ใจ ประมาณหกหรือเจ็ดตัว ตัวเล็กกว่านิ้วก้อย และยาวราวสองนิ้ว หรือเล็กกว่านั้น
สัตว์นั้นมีมือมีขาเหมือนคน กำลังใช้หอกในมือพุ่งเข้าใส่อะไรอย่างหนึ่ง เคลื่อนไหวอยู่อย่างนั้นตลอด
แต่เนื่องจากกระดาษสีขาวทั้งแผ่นไปวางด้วยนิมิตที่ผนังด้านหลังด้านในร่างกาย ตรงที่ตัวประหลาดนั้นพุ่งหอกเข้าใส่พอดี
จึงเห็นอาวุธที่เป็นหอกนั้นชัดเจน เพราะเมื่อหอกที่เราเห็นเป็นรูปร่างหอกที่มีปลายแหลมเหมือนอาวุธนั้นพุ่งออกไป มันปักที่กระดาษติดบ้าง ไม่ติดบ้าง มันกลายเป็นเข็มหมุดอันเล็กๆ เข็มหมุดนั้นชัดเจนมาก เพราะอยู่ในที่สว่าง
ก็เลยเห็นว่าตัวประหลาดนั้นใช้เข็มหมุดซัดในท้องเรา เวลาเข็มหมุดไปปักก็เจ็บแปลบทุกครั้ง เลยนึกว่าที่แท้เจ้าตัวประหลาดไม่กี่ตัวนี่เองมาใช้เข็มหมุดปาท้องเรา และเจ้าตัวประหลาดนั้นสำคัญว่าได้ใช้อาวุธหอกแทงเรา ที่แท้เรามีกรรมเวรกับเจ้ากรรมนายเวรแบบนี้เอง
นี่เป็นอีกครั้งหนึ่งในจำนวนที่นับและจำจำนวนครั้งไม่ได้ เพราะมากมายเหลือเกิน ที่เห็นเจ้ากรรมนายเวรมาทำแบบนี้ จนนานเกือบสองปีแล้ว ไม่ว่าเจ็บอย่างไร ผมก็ไม่มองในท้องเลย หรือในที่เจ็บเลย เพราะสัมผัสอาการนั้นด้วยใจก็ชัดแจ๋วมากกว่ามองด้วยตาด้วยซ้ำ
จนกระทั่งเมื่อไม่กี่วันมานี้ ผมเจ็บแสบบริเวณหลอดลม หรือภายในทรวงอกทั้งสองข้าง แต่สิ่งเหล่านี้เป็นประจำไม่ได้สนใจ เพราะผมมักจะรู้ว่าทำอย่างไรให้บรรเทา หรือหายไปสำหรับอาการนั้นๆ แต่มันไม่สิ้นสุดมีอาการอื่นตามมาตลอด
ในขณะที่เจ็บอย่างนั้น มีคุณยายอายุ 70 กว่าที่อยู่ข้างบ้านเดินกระเผลกมา คุณยายมาขอเงินผมบ่อย ลูกหลานอาจไม่ค่อยดูแล
แต่ระยะหลังแกเกรงใจ ไม่กล้าขอ ไม่รู้ใครว่าแกหรือไม่ก็ไม่ทราบ
ยายคนนี้แกเคยตายไปสามวันเมื่อตอนอายุ 15 ปี และเคยไปนรกมาแล้ว ยมบาลบอกว่าเอาคนผิดไป เลยเอามาคืน แกฟื้นขึ้นมา ต่อมาแกมีลูกหลายคนสามีตาย แต่แกก็ไม่สนใจธรรมะ ทั้งที่เคยไปเห็นนรกและกระทะทองแดงกับต้นงิ้ว กาปากเหล็ก ยายเห็นหมด
แต่ยายก็ยังกินเหล้า ติดเหล้า ผมเห็นแกเดินอยู่ก็ไปหยิบเงิน ตอนแรกจะหยิบร้อยบาท แต่นึกว่าแกจะเอาไปซื้อเหล้าหมด จึงไปหยิบให้ห้าสิบบาท แล้วกำชับว่ายายอย่าไปซื้อเหล้านะ รู้สึกแกจะดีใจมาก
เมื่อผมให้เงินแกแล้วก็เดินเข้าบ้าน ระหว่างนั้นนึกว่าการให้เงินยายก็เป็นบุญ ลองนึกว่าขอให้บุญที่ให้เงินยายนี่ของอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรที่กำลังทำให้ผมเจ็บแปลบปลาบในเวลานี้ เพราะเจ็บก็ทรมานไม่สบายกายมากเหมือนกัน
พอนึกว่าขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้เจ้ากรรมนายเวร ความเจ็บทั้งหมดก็ถอนออกจากร่างกาย พุ่งเหมือนสิ่งของหรือวัตถุออกทางผิวหนังพร้อมกันหมด ความเจ็บนั่นหายไป
ผมนึกในใจว่า เรานึกว่าต้องถวายทานแก่พระภิกษุ แล้วจึงอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร เจ้ากรรมนายเวรจึงรับได้
แต่เวลานี้เราให้เงินคุณยายอายุ 70 แค่ห้าสิบบาท ยังอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรได้ผล ถ้าเราไม่เจอเองก็จะไม่มีวันรู้
และถ้าเราไม่นึกว่าอุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวร พวกเขาก็รับส่วนบุญนี้ไม่ได้เช่นกัน
นี่เป็นความรู้ใหม่ ที่รู้เมื่ออาทิตย์กว่าๆที่ผ่านมานี่เอง
|
|
|
|
|
 |
โอ่
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
17 ธ.ค.2004, 9:34 pm |
  |
มีใครเคยรวบรวมหรือศึกษาบ้างไหมครับ ว่าบทกรวดน้ำที่ใช้ๆกันมีทั้งหมด
สักกี่บท? |
|
|
|
|
 |
TU
บัวทอง


เข้าร่วม: 23 พ.ค. 2004
ตอบ: 1589
|
ตอบเมื่อ:
19 ธ.ค.2004, 3:14 pm |
  |
ดีแท้ ดีแล้ว ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ |
|
|
|
    |
 |
โอ่
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
19 ธ.ค.2004, 9:04 pm |
  |
สัพพปัตติทานคาถา (กรวดน้ำ)
(ปุญญัสสิทานิ)
(ย่อ)
พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เฉพาะสำนวนแปล
หมายเหตุ บทสวดมนต์นี้มีการแปลหลายสำนวน บางสำนวนในปัจจุบัน กระ
ทัดรัดมากและเหมาะที่จะเข้าใจได้ดี อย่างไรก็ตามสำนวนที่ยกมานี้
เอาเป็นส่วแรก เพราะทั้งหมดยาวมาก - โอ่
สัตว์ทั้งหลายไม่มีที่สุด ไม่มีประมาณ จงเป็นผู้มีส่วนแห่งบุญอันข้าพเจ้าได้ทำแล้ว ณ กาลบัดนี้ และแห่งบุญทั้งหลายอื่นที่ข้าพเจ้าได้ทำไว้ก่อนแล้วด้วย
(สัตว์) เหล่าใดที่เป็นที่รัก และมีบุญคุณ อันมีมารดา และบิดาของข้าพเจ้าเป็นต้น
เหล่าที่ข้าพเจ้าเห็นแล้ว หรือไม่ได้เห็นก็ดี เหล่าอื่นที่เป็นผู้มัธยัสถ์เป็นกลาง หรือเป็นผู้มีเวรกันก็ดี
สัตว์ทั้งหลายตั้งอยู่ในโลก เป็นไปในภูมิทั้งสาม เป็นไปในกำเนิดทั้งสี่
มีขันธ์ ๕ ขันธ์ มีขันธ์ขันธ์เดียว มีขันธ์สี่ขันธ์
กำลังท่องเที่ยวอยู่ในภพน้อยและภพใหญ่
ความให้ส่วนบุญของข้าพเจ้า อันสัตว์ทั้งหลายเหล่าใดรู้แล้ว สัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นจงอนุโมทนาเองเถิด
ส่วนสัตว์ทั้งหลายเหล่าใดซึ่งยังไม่รู้ความให้ส่วนบุญของข้าพเจ้านี้
ขอเทพยดาทั้งหลายพึงแจ้งแก่สัตว์ทั้งหลายนั้นให้รู้ แล้วจงอนุโมทนา
เพราะเหตุคือได้อนุโมทนา ซึ่งบุญทั้งหลายที่ข้าพเจ้าได้แผ่ให้แล้ว
ขอสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จงเป็นผู้ไม่มีเวร จงดำรงชีพอยู่เป็นสุขทุกเมื่อ จนถึงบทอันเกษม คือพระนิพพาน
ขอความปรารถนาที่ดีงามของสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงนั้น จงสำเร็จเถิด |
|
|
|
|
 |
P
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
24 ธ.ค.2004, 11:17 pm |
  |
ก็ฟังเขามาอีกที่นะครับ
การกรวดน้ำโดยผ่านนำและฝากพระธรณี คือ การอุทิศส่วนกุศลอย่างเป็นทางการ มีแบบแผน
ส่วนด้วยใจและกำลังสมาธินั้นถ้าเรากำลังไม่ถึง...อาจไม่ได้รับ |
|
|
|
|
 |
โอ่
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
25 ธ.ค.2004, 9:07 pm |
  |
เมื่อมีญาติเสียชีวิตใหม่ๆ และคนนิยมทำบุญกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้นั้นว่าได้ตัวอย่างมาจาก อนาถบิณฑิกเศรษฐี เพราะหลานทำต๊กตาเสีย ท่านเศรษฐีเลยปลอบหลานว่าเมื่อตุ๊กตาเสียชีวิตแล้วก็กรวดน้ำให้ตุ๊กตา หลานเลิกร้องไห้
อันนี้เลยเป็นประเพณีทำบุญอุทิศในงานศพ หรือให้ผู้ตาย |
|
|
|
|
 |
โอ่
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
19 ม.ค. 2005, 4:00 pm |
  |
บทกรวดน้ำ
นะโมตัสสะ ภะxxxต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3จบ)
ขอเดชะตั่งจิตอุทิศผล บุญกุศลแผ่ไปให้ไพศาล
ถึงบิดามารดาครูอาจารย์ ทั้งลูกหลานญาติมิตรสนิทกัน
คนเคยรักเคยชังแต่ครั้งไหน ขอให้ได้บุญกุศลผลของฉัน
ทั้งเจ้ากรรมนายเวรและเทวัญ ขอให้ท่านได้กุศลและผลบุญ
อีกปู่ย่าตายายทั้งหลายนั้น ขอให้ท่านได้กุศลผลอุดหนุน
ทหารตำรวจตรวจแดนไทยจงได้บุญ ช่วยป้องกันศัตรูภัยได้บุญนี้
สำหรับท่านหมั่นปฏิบัติวิปัสสนา ขอให้พาได้พบสุขทุกวิถี
ประสบพบนิพพานของญาณมุนี ในชาตินี้มีมรรคผลทุกคนเทอญ
บุญกุศลที่ได้ทำในครั้งนี้ จงสำเร็จเป็นปัจจัยไร้ราคี
ให้ฉันนี้พ้นกิเลสเขตกันดาร หากมิสำเร็จพระอรหันต์
ตัวของฉันอย่าได้พบความขัดสน พร้อมทวยเทพและสวรรค์จนบันดล
ให้เลิศล้นทรัพย์ยศปรากฏมี ความไม่มีอย่าบังเกิดกับตัวฉัน
ทุกสิ่งสรรค์พร้อมมูลบุญราศี คนใจบาปหยาบช้าไร้ปรานี
จงหลีกหนีให้พ้นคนใจมาร ยามสิ้นบุญข้าน้อยถ้าคล้อยคลาด
หากประมาทขาดสติมิประสาน ขอเทวาอารักษ์ชักบันดาล
โปรดประทานสติมั่นแก่ฉันเทอญ
(บทกรวดร้ำวัดสุทัศน์)
|
|
|
|
|
 |
|
|
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่ คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ คุณไม่สามารถลงคะแนน คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้ คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
|
| | |