องคมนตรีเชิญทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย ถวายแด่คณะสงฆ์

ตอบเมื่อ: 16 พ.ค.2007, 11:44 am

ทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย

องคมนตรี “กำธน สินธวานนท์” ประธานคณะกรรมการโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย เป็นประธานในพิธีเชิญทุนเล่าเรียนหลวงถวายแด่คณะสงฆ์ ประจำปี 2549 ซึ่งนับเป็นครั้งที่สามของโครงการฯ

เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 49 ฯพณฯ พลอากาศตรีกำธน สินธวานนท์ องคมนตรี ประธานคณะกรรมการโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย เป็นประธานในพิธีเชิญทุนเล่าเรียนหลวงถวายแด่คณะสงฆ์ ประจำปี 2549 ซึ่งนับเป็นครั้งที่สาม จำนวน 312 ทุน ณ หอประชุมใหญ่พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม โดยถวายแด่พระภิกษุสามเณรที่จะเข้าสอบเปรียญธรรม 6, 7, 8 และ 9 ประโยค ซึ่งได้รับคัดเลือกจากกองบาลีสนามหลวง จำนวน 76 ทุน แด่พระภิกษุสามเณรที่เคยได้รับทุนใน พ.ศ.2548 และศึกษาต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ทั้งในระดับปริญญาตรี โท และเอก จำนวน 76 ทุน และแด่พระภิกษุสามเณรที่มหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองแห่งคัดเลือกให้ได้รับทุนใหม่ จำนวน 76 ทุน

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมการจัดการศึกษาของคณะสงฆ์ และการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น โครงการนี้จึงได้จัดสรรทุนเพิ่มขึ้นอีก 5 ทุน โยถวายแด่สำนักเรียนพระปริยัติธรรมที่มีผลงานดีเด่น ในเขตปกครองคณะสงฆ์ทั้ง 5 เขต เขตละ 1 ทุน และแด่พระธรรมทูตระดับอำเภอที่มีผลงานดีเด่นทั้ง 9 สาย สายละ 1 ทุน ดังนั้นทุนที่จัดสรรถวายแด่พระภิกษุสามเณรใน พ.ศ.2549 นี้ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,756,000 บาท

ในการนี้ ประธานในพิธีได้ถวายตาลปัตรและย่ามโครงการฯแด่พระภิกษุและสามเณร ผู้ได้รับทุนและสอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค จำนวน 2 รูป พร้อมกันนี้ ฯพณฯ พลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ยังได้ถวายย่ามโครงการฯแด่พระภิกษุและสามเณรผู้ได้รับทุนและสอบได้เปรียญธรรม 6, 7 และ 8 ประโยค จำนวน 25 รูป

อนึ่ง โครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทยนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2547 และพระราชทานทุนปฐมฤกษ์ จำนวน 13 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2547 พร้อมกับทรงมีพระมหากรุณาธิคุณรับเป็นนายกกิตติมศักดิ์ของโครงการฯ ด้วย โดยโครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้พระภิกษุสามเณรได้ศึกษาพระธรรมวินัยอย่างลึกซึ้งแตกฉาน เพื่อสร้างความร่มเย็นในสังคมด้วยการที่มีหลักพุทธธรรมที่ถูกต้องเป็นแกน และเพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนาให้เป็นหลักทางจิตใจ และความคิดของประชาชน

โดยได้มีพิธีอัญเชิญทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย ถวายแด่คณะสงฆ์เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2547 จำนวน 152 ทุน และครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2548 จำนวน 242 ทุน

สำหรับผู้มีจิตศรัทธาจะทูลเกล้าฯถวายทุนทรัพย์ เพื่อโดยเสด็จพระราชกุศลในการนี้ สามารถดำเนินการได้โดย

1. โอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ชื่อบัญชี “โครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย” ทางธนาคารต่อไปนี้

- ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาย่อยพระบรมมหาราชวัง หมายเลขบัญชี 061-2-06592-5
- ธนาคารกรุงเทพ สาขาถนนตะนาว หมายเลขบัญชี 111-4-14822-2
- ธนาคารกสิกรไทย สาขาเสาชิงช้า หมายเลขบัญชี 004-2-37111-4
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาพาหุรัด หมายเลขบัญชี 003-1-15555-5
- ธนาคารกรุงไทย สาขาเสาชิงช้า หมายเลขบัญชี 159-0-00181-8

จากนั้นส่งสำเนาใบโอนเงินไปยังที่อยู่ของโครงการฯ หรือหรือแฟกซ์ใบโอนเงินไปที่ โทรสาร 0-2225-0116 และ 0-2225-0051-2 ต่อ 4214

2. ส่งเป็นธนาณัติ ตั๋วแลกเงินธนาคาร เช็คขีดคร่อม ในนามของ“โครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย”

หากต้องการทราบรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อไปได้ที่ โครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย สำนักงานเลขาธิการคณะองคมนตรี สำนักราชเลขาธิการ ทำเนียบองคมนตรี พระราชอุทยานสราญรมย์ กทม. 10200 โทร. 0-2225-0051-2 ต่อ 4214, 4118 และ 4224

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 23 มิถุนายน 2549 15:48 น.

ตอบเมื่อ: 16 พ.ค.2007, 11:45 am

โทรสอบถามรายละเอียดปี พ.ศ.2550 อีกทีนะครับ

ตอบเมื่อ: 29 มิ.ย.2007, 8:07 pm

ทุนเล่าเรียนหลวงสงฆ์ไทย

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระอนุสรณ์ คำนึงถึงว่า โดยที่พระภิกษุสามเณรเป็นผู้มีหน้าที่ปฏิบัติตามพระวินัยโดยเคร่งครัด และธำรงรักษา ตลอดจนเผยแผ่พระธรรม คำสอนแก่ประชาชนทั่วไป อันเป็นการสร้างความสงบร่มเย็น ให้เกิดขึ้นแก่สังคม ประเทศชาติและแก่โลก

ถ้าหากพระภิกษุสงฆ์และสามเณรมีโอกาสได้รับการศึกษาพุทธธรรมในขั้นสูง สามารถค้นคว้าและทำความเข้าใจพระไตรปิฏกอย่างแตกฉาน จะสามารถเข้าถึงแก่นแท้ของพุทธศาสนานี้ได้ด้วยตนเอง และนำไปปฏิบัติอย่างถูกต้องจนบรรลุธรรมแล้วนำไปสั่งสอนพุทธบริษัทต่อไปได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน

การบำรุงพระภิกษุสามเณรให้ได้ศึกษาพระธรรมวินัยอย่างลึกซึ้งแตกฉาน เป็นทางสำคัญที่จะช่วยจรรโลงและเผยแผ่พระพุทธศาสนาสืบไป

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งโครงการกองทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทยขึ้น เพื่อสนับสนุนพระภิกษุและสามเณรให้มีโอกาสศึกษาพระพุทธศาสนาขั้นสูงจากสถาบันพุทธศาสนาในประเทศ ได้แก่ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย และกองบาลีสนามหลวง เริ่มตั้งแต่ปีการศึกษา 2547 เป็นต้นมา

ซึ่งโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย มีที่ทำการอยู่ที่สำนักงานเลขาธิการคณะองคมนตรี สำนักราชเลขาธิการ ทำเนียบองคมนตรี พระราชอุทยานสราญรมย์ กรุงเทพฯ โทร. 0-2225-0051 ถึง 2 ต่อ 4214, 4118 และ 4224

จากมติมหาเถรสมาคมที่ให้วัดทุกวัดจัดแสดงพระธรรมเทศนาทศพิธราชธรรมและจักรวรรดิวัตร ในวันธรรมสวนะหรือวันใดวันหนึ่งตามสมควร เดือนละ 1 ครั้ง ตลอดปี 2549 แล้วรวบรวมเงินบูชากัณฑ์เทศน์เข้าบัญชี "โดยเสด็จพระราชกุศลสมทบโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย" นั้น

ในการประชุมมหาเถรสมาคมเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ที่ผ่านมา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้แจ้งยอดบัญชี ที่ได้รับค่ากัณฑ์เทศน์ ปรากฏว่ามีเงินถึงวันที่ 2 พฤษภาคม 2550 แล้ว จำนวน 20 ล้านบาทเศษ ที่

ประชุมมหาเถรสมาคมรับทราบ พร้อมกับให้นำเงินดังกล่าวสมทบเข้ากองทุน "ทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย" ต่อไป

หนังสือพิมพ์ข่าวสด หน้า 33
คอลัมน์ หน้าต่างศาสนา โดย สมชาย สุรชาตรี
ผู้อำนวยการกองพุทธสารนิเทศ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
วันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 17 ฉบับที่ 6056

ตอบเมื่อ: 08 ก.พ.2008, 11:14 am

ข่าวในพระราชสำนัก
พระบรมมหาราชวัง

วันพุธ ที่ 30 มกราคม พุทธศักราช 2551
วันนี้ เวลา 16.40 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงนำผู้ที่ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2550 ซึ่งประกอบด้วยศาสตราจารย์อักเซล อูลล์ริช (Professor Dr.Axel Ulltich) ผู้อำนวยการสถาบันชีวเคมีมักซ์พลั้งค์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล สาขาการแพทย์ จากการค้นพบและศึกษาลักษณะทางอณูชีววิทยาของยีนมะเร็งในโรคมะเร็งเต้านม นับเป็นต้นแบบของการวิจัยและพัฒนาการรักษาโรคมะเร็งอื่น ๆ ศาสตราจารย์ นายแพทย์เบซิล สจ๊วต เฮทเซล (Professor Doctor Basil Stuart Hetzel) ประธานเกียรติคุณ สภาการควบคุมโรคขาดสารไอโอดีนนานาชาติ เครือรัฐออสเตรเลีย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล สาขาสาธารณสุข จากการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาของการขาดสารไอโอดีนในประเทศต่าง ๆ อย่างเข้มแข็ง ส่งผลดีต่อสุขภาพอนามัยและพัฒนาการของประชากรทั่วโลก และนายแพทย์ซานดุ๊ก รูอิท (Doctor Sanduk Ruit) ผู้อำนวยการศูนย์จักษุทิลกานกา กรุงกาฏมาณฑุ ประเทศเนปาล เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล สาขาการสาธารณสุข มีบทบาทสำคัญในการคิดผลิตแก้วตาเทียมขึ้นใช้ในประเทศเนปาล และประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ แทนการสั่งซื้อแก้วตาเทียมราคาสูงจากต่างประเทศ แก้วตาเทียมที่ผลิตได้มีราคาถูกลง 50 เท่า ช่วยให้ผู้ป่วยที่มีรายได้น้อยสามารถรักษาตาด้วยวิธีผ่าตัดใส่แก้วตาเทียมได้ และได้ถ่ายทอดความรู้ทุก ๆ ด้าน แก่จักษุแพทย์ และบุคลากรจากนานาประเทศเพื่อนำไปใช้รักษาผู้ป่วยโรคต้อกระจกทั่วโลก

ในโอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำรัส ความว่า การปฏิบัติพัฒนางานทางด้านการแพทย์และการสาธารณสุขนั้น กว่าจะประสบผลสำเร็จที่น่าชื่นชมได้ จำเป็นต้องมีการศึกษาค้นคว้าและวิจัย รวมทั้งนำสิ่งที่ค้นพบมาปรับใช้ให้บังเกิดผล เป็นประโยชน์แก่มวลมนุษยชาติได้จริง ผู้ทำงานด้านนี้ จึงต้องมีความพากเพียร มีศรัทธาและเจตนาที่มั่นคง อีกทั้งต้องมีความรู้ความสามารถ มีความเสียสละและมีความเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์เป็นอย่างสูง จึงขอแสดงความนิยมยกย่องอย่างจริงใจ กับศาสตราจารย์อักเซล อูลล์ริช (Axel Ulltich) , ศาสตราจารย์นายแพทย์เบซิล สจ๊วต เฮทเซล (Basil Hetzel) และนายแพทย์ซานดุ๊ก รูอิท (Sanduk Ruit) ที่ได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลในครั้งนี้ และเต็มใจยินดีที่จะกล่าวด้วยว่า ผู้ที่ได้รับรางวัลทั้งหลายนับเป็นแบบอย่างอันงดงามของบุคคลผู้ทำความดีเพื่อความดีโดยแท้ เพราะผลงานอันยิ่งใหญ่ที่ทุกคนได้อุตสาหะศึกษาวิจัยและนำไปปฏิบัติจนประจักษ์ผลนั้น ได้ยังได้ยังประโยชน์อันไพศาลให้แก่ชนทุกชั้นทั่วทุกส่วนของโลก

เวลา 09.03 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จลง ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต พระราชทานพระราชวโรกาสให้คณะบุคคลต่าง ๆ เฝ้าทูลละอองพระบาทท ตามลำดับดังนี้

- พลอากาศเอก กำธน สินธวานนท์ นำ คณะผู้บริหาร บริษัท วันเอนเนอร์จี้ เซอร์วิสเซส จำกัด เฝ้าทูลละอองพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเงิน เพื่อสมทบทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย

http://news.sanook.com/palace/palace_242277.php

ขออัพเดทข่าวที่เกี่ยวข้อง และเลื่อนกระทู้ครับ