ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
ภคภรณ์ หัสดม
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 03 พ.ค. 2007
ตอบ: 2
|
ตอบเมื่อ:
25 มิ.ย.2007, 11:57 am |
  |
มีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเป็นคนที่มีอดีตไม่ดี ชีวิตปัจจุบันก็วุ่นวายมีโทสะจริตที่รุนแรง เช้าพูดอย่างเย็นพูดอย่าง ไม่มีความจริงใจให้ใคร (ตัวเค้าเคยพูดเอง) ชอบใส่ร้าย ชอบเห็นคนทะเลาะกัน ไม่ชอบเห็นใครได้ดีกว่าตัว มีปมด้อยในชีวิตมากมาย แต่ในบางครั้งก็ดูเหมือนมีน้ำใจชอบช่วยเหลือคน ขยันทำงานที่ได้รับมอบหมาย แต่พอทำดีก็ชอบป่าวประกาศให้คนรับรู้ว่าตัวเป็นคนดี หลายครั้งหลายอย่างก็ดูขัดแย้งกับบุคคลิกในบางช่วงบางอารมณ์ ที่ทำงานไม่มีคนที่อยากสุงสิงด้วยจะพูดคุยก็แต่เฉพาะเรื่องงานเท่านั้น ก็มีดิฉันนี้แหละที่สุงสิงด้วยมากหน่อยทั้งที่รู้ว่าเค้าเป็นอย่างไรแต่เค้าก็ชอบทำให้ดิฉันเดือดร้อนหลายครั้งหลายครา โดยการพูดให้ร้ายป้ายสี โยนความผิด พูดจากเสียดสีหยาบคาย พอเวลาผ่านไปเห็นดิฉันไม่คุยด้วยก็พยายามที่จะเข้าหามีการมาขอโทษสำนึกผิด ดิฉันก็ใจอ่อนย่อมพูดคุยด้วยดี จะเป็นอยู่อย่างนี้หลายครั้ง จนหลังๆ ดิฉันไม่ไว้ใจรู้สึกกลัวจิตกลัวใจเค้า ก็พูดด้วยแต่ไม่สนิทใจเหมือนเดิม ก็ดูเหมือนว่าเค้าก็จะรู้ตัว มาครั้งล่าสุดไม่กี่วันผ่านมา ได้ไปพูดในสิ่งที่ไม่ดีเกี่ยวกับดิฉันให้คนโน้นคนนี้ฟัง ทำให้ดิฉันได้รับความอับอายเสียหายมาก แล้วในครั้งนี้ดิฉันก็คิดว่าจะไม่ให้อภัยและไม่ให้โอกาสเค้าอีกแล้ว แต่ตัวเค้าก็พยายามที่จะดีด้วยนะแต่ดิฉันก็ไม่เปิดโอกาสเลย ไม่ทราบว่าทุกท่านที่อ่านกระทู้นี้คิดว่าดิฉันทำถูกมั้ย หรือดิฉันควรจะทำอย่างไรดี บางครั้งก็รู้สึกสงสารเค้าเหมือนกัน แต่อีกใจก็เข็ดกลัวจริงๆ |
|
|
|
  |
 |
ใบโพธิ์
บัวบาน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2007
ตอบ: 307
|
ตอบเมื่อ:
25 มิ.ย.2007, 1:19 pm |
  |
มงคลชีวิต ๓๘ ประการ
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=13008
มงคลข้อที่ ๑ เลย (ซึ่งสำคัญเป็นอันดับแรก) ท่านบอกว่า ไม่คบคนพาล
คนพาลชอบยุแหย่คนให้ทะเลาะกัน
...................................................................................................
มงคลที่ ๑ ไม่คบคนพาล
ใบไม้ที่ห่อหุ้มปลาเน่า
ย่อมต้องพลอยเหม็นแปดเปื้อนไปด้วยฉันใด
ผู้ที่คบคนพาล ก็ย่อมต้องพลอยเสียชื่อเสียง
ติดความเป็นพาลเดือนร้อนเสียหายไปด้วยฉันนั้น
ค น พ า ล คื อ ใ ค ร ?
คนพาล คือคนที่มีใจขุ่นมัวเป็นปกติ เป็นผลให้มีความเห็นผิด ยึดถือค่านิยมผิดๆ และมีวินิจฉัยเสีย คือไม่รู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว อะไรควร อะไรไม่ควร เช่น บัณฑิตเห็นว่า เหล้า เป็นของไม่ดี ทำให้ขาดสติ นำความเสื่อมมาให้นานัปการ แต่คนพาลกลับเห็นว่า เหล้า เป็นของประเสริฐ เป็นเครื่องกระชับมิตร หรือบัณฑิตเห็นว่า การเล่นไพ่ เป็นอบายมุข เป็นปากทาง หรือเป็นสัญลักษณ์แห่งความฉิบหาย แต่คนพาลกลับเห็นว่า การเล่นไพ่ เป็นสิ่งดี ทำให้เพลิดเพลิน เป็นการฝึกสมองซ้อมวิชาคำนวณ ดังนี้เป็นต้น
คนพาลเป็นคนเหมือนกับเรา คือมีร่างกายประกอบด้วยเลือดเนื้อเช่นเดียวกับเรา และอาจมีความสัมพันธ์ เกี่ยวข้องกับเราก็ได้ เช่น เป็นญาติพี่น้อง สามีภรรยา ครูอาจารย์ ฯลฯ อาจเป็นผู้มีการศึกษาสูง อาจมีตำแหน่งหน้าที่การงานสูง อาจมีสมัครพรรคพวกมาก ฯลฯ แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไร มีความ สัมพันธ์กับเราหรือไม่ ขึ้นชื่อว่าพาลแล้ว ถึงแม้จะมีความรู้มีความสามารถก็ไม่ใช้ความรู้ความสามารถในทางที่ถูกที่ควร เพราะเขาแสลงต่อความดี เหมือนคนไข้แสลงต่อน้ำเย็น
ลั ก ษ ณ ะ ข อ ง ค น พ า ล
เนื่องจากคนพาลมีใจขุ่นมัวอยู่เสมอ ทำให้ไม่สามารถควบคุมใจให้คิดไปในทางที่ถูกต้องได้ คนพาลจึงมีลักษณะวิปริตผิดจากคนทั้งหลาย ๓ ประการ คือ
๑. ชอบคิดชั่วเป็นปกติ ได้แก่ คิดละโมบอยากได้ในทางทุจริต คิดพยาบาทปองร้าย คิดเห็นผิดเป็นชอบ ฯลฯ
๒. ชอบพูดชั่วเป็นปกติ ได้แก่ พูดปด พูดคำหยาบ พูดส่อเสียดยุยง พูดเพ้อเจ้อ ฯลฯ
๓. ชอบทำชั่วเป็นปกติ ได้แก่ เกะกะเกเร กินเหล้าเมายา ชอบล้างผลาญชีวิตคนและสัตว์ ลักทรัพย์ ฉุดคร่าอนาจาร ฯลฯ
โ ท ษ ข อ ง ค ว า ม เ ป็ น ค น พ า ล
๑. มีความเห็นผิด ก่อทุกข์ให้ตนเอง
๒. เสียชื่อเสียง ถูกติฉินนินทา
๓. ไม่มีคนนับถือ ถูกเกลียดชัง
๔. หมดสิริมงคล หมดสง่าราศี
๕. ความชั่วเภทภัยทั้งหลาย จะไหลเข้ามาหาตัว
๖. ทำลายประโยชน์ของตนเองทั้งโลกนี้และโลกหน้า
๗. ทำลายวงศ์ตระกูลของตนเอง
๘. เมื่อละโลกไปแล้วมีอบายภูมิเป็นที่ไป ฯลฯ
วิ ธี สั ง เ ก ต ค น พ า ล
คนพาลมักกระทำในสิ่งต่อไปนี้ คือ
๑. คนพาลชอบชักนำในทางที่ผิด
- ชัก คือชักชวน เชิญชวน ชี้ชวน หรือเสนอแนะ
- นำ คือการทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง
เช่น ชักชวนหนีโรงเรียน ชักชวนไปลักขโมย ชักชวนให้เสพยาบ้า เสพ ยาเสพย์ติด ชักนำไปเป็นอันธพาล ฯลฯ การชักนำนี้อาจทำด้วยความหวังดีก็ได้ แต่ว่ามันผิด เช่น ได้เงินมาก็ชักชวนเพื่อนไปเลี้ยงเหล้า เที่ยวกลางคืน อย่างนี้ก็จัดว่าเป็นพาล
ผู้ที่ยังเยาว์วัย อ่อนความคิด อ่อนสติ มักถูกชักนำได้โดยง่าย ฉะนั้นผู้ใหญ่ในบ้าน จึงควรระมัดระวัง การกระทำและคำพูด ทั้งของตนเองและผู้ที่มาติดต่อคบหา เพราะเด็กมักจะจำและทำตามอย่างด้วยความไม่รู้ แม้ผู้ใหญ่ทำสิ่งไม่ดี เด็กก็มักเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีควรกระทำ
๒. คนพาลชอบทำในสิ่งที่ไม่ใช่ธุระ เกะกะเกเร หน้าที่การงานของตน ไม่พยายามจัดการให้เรียบร้อย แต่ชอบไปก้าวก่ายหน้าที่การงานของผู้อื่น เช่น จับผิดผู้ร่วมงาน เขียนบัตรสนเท่ห์ กลั่นแกล้ง รังแก ทำความรบกวน ให้เดือดร้อน ฯลฯ
๓. คนพาลชอบแต่สิ่งผิดๆ ชอบถือเอาสิ่งที่ชั่วว่าเป็นสิ่งที่ดี เช่น ชอบเล่นไพ่ ชอบสูบบุหรี่ ชอบหนีโรงเรียน ชอบเถียงพ่อแม่ ฯลฯ เห็นคนทำถูกเป็นคนโง่ เห็นคนกลัวผิดเป็นคนขี้ขลาด
๔. คนพาลแม้พูดดีๆ ก็โกรธ เช่น เตือนให้ดูหนังสือตอนใกล้สอบก็โกรธ เตือนให้ตื่นเช้าก็โกรธ แค่มองหน้าบางครั้งก็ยังโกรธ ฯลฯ
๕. คนพาลไม่ยอมรับรู้ระเบียบวินัย เช่น ไม่ชอบข้ามถนนตรงทางม้าลาย ทิ้งขยะบนพื้นถนน ไปโรงเรียนสาย ไปทำงานสาย ฯลฯ
พ ฤ ติ ก ร ร ม ที่ เ รี ย ก ว่ า ค บ คื อ อ ย่ า ง ไ ร ?
คบ หมายถึงพฤติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ คือ
- ร่วม เช่น ร่วมกิน ร่วมนอน ร่วมก่อการ ร่วมหุ้น ร่วมลงทุน
- รับ เช่น รับเป็นเพื่อน รับเป็นภรรยาหรือสามี รับไว้ทำงาน รับฟัง สิ่งที่คนพาลพูดหรือเขียน
- ให้ เช่น ให้ความไว้วางใจ ให้คำชมเชย ให้ยศ ให้ตำแหน่ง ให้หยิบยืมสิ่งของ ให้การสนับสนุน
การไม่คบคนพาล คือการไม่ยอมมีพฤติกรรมสัมพันธ์ใดๆ ดังกล่าว ข้างต้นกับคนพาล ถ้าเรายังคบคนพาลอยู่ ไม่ว่าจะในระดับไหนก็ตาม รีบถอนตัวเสียโดยด่วน อย่าประมาท รีบตัดไฟเสียแต่ต้นลม มิฉะนั้นจะพลาด ติดเชื้อพาลโดยไม่รู้ตัว กลายเป็นพาลตามไปด้วย
โบราณท่านให้คติเตือนใจไว้ว่า ห่างสุนัขให้ห่างศอก ห่างวอกให้ห่างวา ห่างพาลา ให้ห่างหมื่นโยชน์แสนโยชน์
โ ท ษ ข อ ง ก า ร ค บ ค น พ า ล
๑. ย่อมถูกชักนำไปในทางที่ผิด
๒. ย่อมเกิดความหายนะ การงานล้มเหลว
๓. ย่อมถูกมองในแง่ร้าย ไม่ได้รับความไว้วางใจจากบุคคลทั่วไป
๔. ย่อมอึดอัดใจ เพราะคนพาลแม้เราพูดดีๆ ด้วยก็โกรธ
๕. หมู่คณะย่อมแตกความสามัคคี เพราะการยุยงและไม่ยอมรับรู้ระเบียบวินัย
๖. ภัยอันตรายต่างๆ ย่อมไหลเข้ามาหาตัว
๗. เมื่อละโลกแล้ว ย่อมมีอบายภูมิเป็นที่ไป ฯลฯ
ปลาร้าพันห่อด้วย ใบคา
ใบก็เหม็นคาวปลา คละคลุ้ง
คือคนหมู่ไปหา คบเพื่อน พาลนา
ได้แต่รายร้ายฟุ้ง เฟื่องให้เสียพงศ์
(สุภาษิตโคลงโลกนิติ)
ป ร ะ เ ภ ท ข อ ง ค น พ า ล
คนพาลมี ๒ ประเภท ได้แก่
๑. พาลภายนอก คือคนพาลทั่วไป ซึ่งแม้จะร้ายกาจเพียงใด เราก็ยังมีทางหลีกเลี่ยงได้ แต่มีพาลอีกประเภทหนึ่งที่ร้ายยิ่งกว่า เพราะมักเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวและไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ คือพาลภายใน
๒. พาลภายใน คือตัวเราเองขณะที่คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว เช่น หนีงาน บ้าง เที่ยวเกเร ไปยุ่งธุระคนอื่นโดยใช่เหตุบ้าง ชอบไปทำงานสายบ้าง คนอื่นเตือนดีๆ ก็โกรธบ้าง หลีกเลี่ยงวินัยบ้าง พูดไม่ไพเราะบ้าง ครั้งใดที่เราทำ เช่นนี้ ครั้งนั้นเราเองนั่นแหละคือตัวพาล มีเชื้อพาลอยู่ภายใน ต้องรีบแก้ไข
ห ลั ก ป ฏิ บั ติ ใ น ชี วิ ต ป ร ะ จ ำ วั น
๑. หมั่นห้ามใจตนเองจากความชั่วแม้เพียงเล็กน้อย ก่อนที่มันจะลุกลามต่อไป เช่น การนอนตื่นสาย ทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทาง หรือปล่อยให้ที่อยู่อาศัยรกรุงรังไม่หมั่นทำความสะอาด
๒. อย่าตามนึกถึงความชั่ว ความผิดพลาดในอดีต ทั้งของตนเองและผู้อื่น ผ่านไปแล้วก็ให้แล้วกันไป ถือเป็นบทเรียนที่จะไม่ยอมทำซ้ำอีก แล้วตั้งใจทำความดีใหม่ให้เต็มที่
๓. ตั้งใจให้ทาน รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนาอย่างสม่ำเสมอ
๔. หลีกเลี่ยงการอ่าน การฟัง การพูด เรื่องเกี่ยวกับคนพาล จะได้ ไม่สะสมความคิดเกี่ยวกับพาลไว้ในใจ พยายามสะสมแต่ความคิดที่ดีงามโดยการอ่าน การฟัง การพูด แต่สิ่งที่ดีงาม เช่น อ่านหนังสือธรรมะ ฟังเทศน์ สนทนาธรรม พูดถึงคนที่ทำคุณความดี ฯลฯ
๕. ถ้าจำเป็นต้องอยู่ใกล้คนพาลอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ เช่น ทำ งานในที่เดียวกัน เป็นญาติพี่น้องกัน ในกรณีเช่นนี้เราต้องระลึกอยู่เสมอว่า เรากำลังอยู่ใกล้สิ่งที่เป็นอันตราย เหมือนอยู่ใกล้คนเป็นโรคติดต่อ ต้องระวังตัว คือระวังความเป็นพาลของเขาจะมาติดเราเข้า ต้องหมั่นให้ทาน รักษาศีล ทำสมาธิ เพื่อให้ใจผ่องใสอยู่เสมอ
เราต้องระลึกเสมอว่า หน้าที่อันยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดในชีวิต ไม่มีอะไรยิ่งไปกว่าการปราบพาลภายในตัวเราเอง
อ า นิ ส ง ส์ ก า ร ไ ม่ ค บ ค น พ า ล
๑. ทำให้ไม่ถูกชักจูงไปในทางที่ผิด
๒. ทำให้สามารถรักษาความดีเดิมไว้ได้
๓. ทำให้สามารถสร้างความดีใหม่เพิ่มขึ้นได้อีก
๔. ทำให้ไม่ถูกคนพาลทำร้าย
๕. ทำให้ไม่ถูกตำหนิ ไม่ถูกใส่ความ
๖. ทำให้ไม่ถูกมองในแง่ร้าย ได้รับความไว้วางใจจากบุคคลทั่วไป
๗. ทำให้มีความเจริญก้าวหน้า สามารถตั้งตัวได้เร็ว
๘. ทำให้มีความสุขทั้งตนเอง ครอบครัว และประเทศชาติ
๙. เป็นการตัดกำลังไม่ให้เชื้อพาลระบาดไป เพราะขาดคนสนับสนุนฯลฯ
ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ให้ผล คนพาลสำคัญบาปเหมือนน้ำผึ้ง บาปให้ผลเมื่อใด คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น ขุ.ธ.๒๕/๑๕/๒๔ |
|
_________________ ทำความดีทุกๆ วัน |
|
  |
 |
ณพรหม
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 25 มิ.ย. 2007
ตอบ: 47
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ
|
ตอบเมื่อ:
07 ก.ค.2007, 4:26 pm |
  |
สิ่งที่ผมได้อ่านมา
คุณทำถูกแล้วละจ้ะ
การที่เราสงสารคืออะไรละจ้ะ ก็คือทำในสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่เขา
น้ำย่อม แผ่ความเย็น ความสดชื่น แก่คนดีและคนชั่ว อย่างเท่าเทียมกันฉันใด
คุณก็เช่นกัน
แต่การแผ่ความเย็น ความสดชื่น นั้นไม่ใช่การให้ความสุขกับเข้าในสิ่งที่ผิดทางนะจ้ะ
เด็กที่ไม่สั่งสอนหรือทำโทษ ก็จะเสียคนและจะนำความทุกข์มาให้แก่แม่ของลูกเช่นกันนะจ้ะ
ซึ่งเขาก็ไม่ได้รับความสุขที่แท้จริงอยู่ดีถ้าคุณไปสงสารเขา ความสุขที่แท้จริงคือ ชี้ทางสว่างให้เขาได้เห็นและเข้าใจ
คุณก็อย่าย่อท้อ ต้องอดทน และหาทางช่วยเขาให้เขาได้รู้
ผมว่านี้เป็นโอกาสดีนะจ้ะ ที่จะได้ทดลองการมีลูก หรือ คนๆนั้น ซึ่งเป็นการทดลองว่ามีลูกแล้วจะทำอย่างไร ถึงจะดี เพราะนั้นนะเหมือนเด็กเห็นแก่ตัว เอาแต่อารมตัวเอง
สุดท้ายนี้ ก็อยากจะบอกว่า
นะจ้ะ
และอานิสงส์ของสิ่งที่ได้ทำ ก็จะทำให้เราได้ พบแต่บัณฑิต นักปราชญ์ ซึ่งเป็นทั้งเพื่อน ทั้งลูก
ทั้งคนที่เรารัก และครอบครัวของเราทุกชาติ ซึ่งมันก็จะก่อเป็นผังสำเร็จที่จะส่งผลทุกชาตินะจ้ะ
ขอให้คุณมีแต่ความสุขความเจริญ ขอให้มีดวงปัญญาเห็นธรรม ขอให้มีทั้งอายุ วรรณ สุขะและพละ เป็นบัณฑิต นักปราญช์ ฉลาดในศาสตร์ทั้งปวงรู้ทางโลกและทางธรรม และได้สำเร็จมรรคและผลเป็นคู่บุญในการต่ออายุพระพุทธศาสนาและได้เกิดในยุคที่มีพระพุทธศาสนาเป็นที่พึ่ง สิ่งได้ที่ปราถนาไปในทางที่ดี ขอเป็นผลสำเร็จ เทอญ |
|
_________________ ตะวันที่ให้แสงสว่างแก่ สัตว์ทั้งหลายทุกโลกธาตุฉันใด
ตัวเราจะเป็นผู้ให้ความสว่างชี้ทางสู่ความเป็น พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหัตถเจ้า ตลอดอนันต์โลกธาตุ จะรื้อสัตว์ขนสตัว์ให้หมดไปฉันนั้น
แก้ไขล่าสุดโดย ณพรหม เมื่อ 08 ก.ค.2007, 10:20 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
   |
 |
ผู้เยี่ยมชม.
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 22 พ.ค. 2007
ตอบ: 95
|
ตอบเมื่อ:
07 ก.ค.2007, 6:30 pm |
  |
ปฏิบัติได้ยากครับ เพราะอยู่ในถิ่นที่มีคนศรัทธาศาสนาพุทธน้อย ถ้ามีเงินทุนพร้อมเมื่อไหร่คงต้องย้ายถิ่นฐานแน่นอน จังหวัดที่ผมอาศัยอยู่ยังไม่สู้ดีนัก จำนวนคนติดเอดส์มีมากติดชาจ 1 ใน 3 ของประเทศเลยครับ
อยากอาศัยอยู่ในสถานที่ดีๆ ใช้ชีวิตเรียบง่ายธรรมดา มีคนทำบุญตักบาตรไปวัดกันเยอะ
น่าจะเป็นเมืองที่ดีนะครับ |
|
|
|
  |
 |
พิทรายา
บัวใต้น้ำ

เข้าร่วม: 12 ส.ค. 2007
ตอบ: 103
ที่อยู่ (จังหวัด): ชลบุรี
|
ตอบเมื่อ:
19 ธ.ค.2007, 7:47 am |
  |
มีเพื่อนร่วมงานประเภทนี้เหมือนกันค่ะ คงมีอยู่ทุกที่แหละค่ะ เรารู้ว่าเขาเป็นยังไงก็ถอยห่างออกมา ทักทายกันตามมารยาททางสังคมก็พอค่ะ อีกหน่อยไม่มีคนคบด้วยคงคิดได้เองสักวัน |
|
_________________ ความยึดมั่นถือมั่นทำให้เป็นทุกข์ |
|
  |
 |
บัว
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 28 ต.ค. 2007
ตอบ: 33
|
ตอบเมื่อ:
21 ธ.ค.2007, 12:19 pm |
  |
ก็อภัยให้เขาไปค่ะ แต่อย่าคบสนิท เราอภัยให้เขา ใจเราก็จะไม่ผูกพยาบาท จิตก็จะเป้นปิตค่ะ และก็ให้หนังสือธรรมะเขาอ่านบ้าง แต่ไม่ต้องคบสนิทค่ะ และก็แผ่เมตตาให้เขาไปค่ะ |
|
_________________ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ทางแห่งความสำเร็จ ขยัน อดทน ไม่ประมาท มีน้ำใจ |
|
    |
 |
บัว
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 28 ต.ค. 2007
ตอบ: 33
|
ตอบเมื่อ:
21 ธ.ค.2007, 12:20 pm |
  |
เราไม่ได้เป็นแบบที่เขาให้ร้ายก็ไม่ต้องกลัวค่ะ ถึงแม้ว่าใครๆ จะเชื่อเขา แต่สักวันนึงความจริงก็เป้นความจริงวันยังค่ำค่ะ เดี๋ยวคนที่หลงเชื่อก็จะรู้เองว่าเราเป้นยังไงค่ะ |
|
_________________ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ทางแห่งความสำเร็จ ขยัน อดทน ไม่ประมาท มีน้ำใจ |
|
    |
 |
บัวหิมะ
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273
|
ตอบเมื่อ:
23 ส.ค. 2008, 4:53 pm |
  |
เห็นด้วย กับคุณพิทรายา และคุณบัว ในสังคมทุกวันนี้ มีคนเช่นนี้ปะปนอยู่ทั่วไปหมด บัวหิมะอยากปัก เขตอภัยทาน ถ้าเจอคนอย่างนี้ สาธุ
เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร  |
|
_________________ ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ |
|
  |
 |
|