ขอปรึกษาหน่อยค่ะ กลุ้มมากค่ะ

ตอบเมื่อ: 20 มิ.ย.2007, 8:44 pm

คือว่าบ้านที่ดิฉันอาศัยอยู่ หลังบ้านเป็นร้านรับซื้อของเก่ามาดำเนินกิจการแบบไม่มีใบอนุญาต ทำงานขนเหล็กส่งเสียงดังตั้งแต่เช้ายันค่ำทุกวัน ดิฉันเคยร้องเรียนไปที่สำนักงานเขตให้มาดำเนินการไล่ไป แต่ไม่สำเร็จจนทุกวันนี้ ต้องอดทนกับสภาพแบบนี้ทุกๆ วัน อยากถามดังนี้ค่ะ

1. สิ่งที่เกิดขึ้นกับบ้านดิฉันในเวลานี้ถือว่าเป็นกรรมเก่าใช่มั๊ยคะ
2. ถ้าดิฉันทำเรื่องไปร้องเรียนอีกจะถือว่าเป็นการต่อกรรมให้ไม่สิ้นสุดหรือเปล่าคะ
3. แล้วดิฉันควรทำอย่างไรดีถึงจะสิ้นสุดในกรรมนี้ (อโหสิกรรมและอดทนต่อไปจนกว่าเค้าจะเลิกกิจการ)
4. กรรมที่ได้อยู่ในที่ไม่มีความสงบมาจากการทำกรรมอะไรไว้คะ แก้ไขได้อย่างไรบ้าง

ใครทราบช่วยขอแสงสว่างเป็นแนวทางหน่อยนะคะ

ตอบเมื่อ: 21 มิ.ย.2007, 11:35 am

1. ใช่ครับ..ชะตาฟ้าลิขิต แต่..ชีวิตเรากำหนด เรามีกรรมก็จริงอยู่ ซึ่งกรรมนั้นอันที่จริงแปลว่าการกระทำ ในเมื่อการกระทำในกาลก่อน (อดีตกาล) ส่งผลมาให้เราในปัจจุบันนี้ ซึ่งเมื่อเรารู้แล้วว่าเป็นเพราะกรรม แล้วเราจะทำยังไงให้ดีขึ้นหละ เพื่อที่จะให้หลุดพันจากกรรมนั้นๆ ไปได้

2. เป็นการสร้างกรรมอย่างหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่ดีไปเสียหมด ในส่วนที่ไม่ดีมันอาจจะมีส่วนที่ดีก็ได้ ถ้าหากว่าเราไปร้องเรียนให้สำนักงานเขตมาดำเนินการได้จริง ก็อาจจะเป็นการดีในการหยุดกรรมของร้านรับซื้อของเก่า (ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ดี (กรรมชั่ว)) เพราะว่าเขาได้ไปทำความเดือดร้อนให้คนอื่น เขาก็ย่อมมีกรรมซึ่งจะต้องตามเขาไปประดุจเงาตามตัว

3. ทางที่ดีเราควรที่จะไปบอกร้านหลังบ้านซึ่งได้ก่อความเดือดร้อนให้แก่เรา ชี้แจงให้เห็นว่า เขาทำเช่นนั้นเป็นการกระทำที่ไม่ดี เนื่องจากทำให้คนรอบข้าง หรือคนข้างบ้านได้รับความเดือดร้อนจากเสียงของเหล็ก อาจทำให้เพื่อนบ้านคนอื่นๆ ไม่พอใจ ทำให้เกิดปัญหาตามมาทีหลังได้อีก และก็ช่วยแนะนำวิธีทางในการแก้ปัญหา ว่าควรจะทำอย่างไรไม่ให้ไปรบกวนเพื่อนบ้าน

4. ผมไม่แน่ใจ อาจเกิดมาจากตัวเราได้ทำให้คนอื่นเดือดร้อนจากการกระทำที่เกิดจากเสียงของเราก็เป็นได้

ตอบเมื่อ: 22 มิ.ย.2007, 5:40 pm

-*-

แก้ไขได้ก็แก้เถอะครับ อย่างน้อยขอให้มีการลดลงของเสียงก็ยังดี

แต่ถ้าไม่รบกวนเวลานอนในยามค่ำคืน ก็อย่าไปว่าเขาเลย อาจถือเอาเสียว่าบ้านตนอยู่ใกล้สนามบิน

อดทนต่อเรื่องที่ควรอดทน ถือเป็นเรื่องดี แต่ปัญหาก็คือ เรื่องไหนบ้างที่เราควรอดทน ??

ยิ้ม

ตอบเมื่อ: 23 มิ.ย.2007, 9:43 am

ผมไม่ค่อยรู้วิธีแก้ที่แน่นอน 50% ทว่าผมรู้วิธีแก้ที่แน่นอน 1000% แล้วผมก็พอจะบอกได้ว่า ใช่แล้วครับ เหตุที่เกิดขึ้นกับคุณในคราวนี้เป็นกรรมเก่าแน่นอน 100% เพราะกรรมเก่าเปรียบเหมือนตัวสร้างฉากแรกให้ชีวิต ขุดทางทำทางมาให้โดยที่เราไม่รู้ แล้วมันก็จะคอยส่งผลให้เราไม่คราใดก็คราหนึ่งโดยอาศัยปัจจัยปรุงแต่งที่เหมาะสมประจวบเหมาะพอดีแห่งเวลาที่คุณสมควรจะได้รับจึงบันดาลให้เกิดเป็นบุพพกรรมของคุณจากเวรกรรมเก่าแก่ที่ทำไว้ ในชาติใดชาติหนึ่งของอดีต หรืออาจทำสะสมไว้หลายชาติแล้ว จนเมื่อถึงเวลามันก็ส่งผลออกมานั้นเอง

วิธีแก้ที่แน่นอน 50% คือ ย้ายบ้าน หาที่อยู่ใหม่ หรือย้ายที่ชั่วคราว มันเป็นการแก้ปัญหาโดย แบบเพิ่มปัญหา คือมันอาจจะไกลจากที่ทำงานของเรา แล้วไหนจะต้องย้ายของอีก หรือสะดวกเราไม่สะดวกญาติเรา สะดวกญาติเราไม่สะดวกเรา แต่วิธีแก้ที่แน่นอน 1000% คือกำหนดจิตรู้สภาวะที่ไหลเลื่อนเคลื่อนตัวอยู่ตลอดของเสียงเหล่านั้น หรือกำหนดจิตให้อยู่กับปัจจุบันขณะของสภาวธรรมทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเสียง ความคิด รำคาญ ความไม่สบายกายและใจ ทุกอิริยาบถ อยู่โดยไม่อิงอาศัยกับอะไร นอกจากส่งเสริมความใฝ่รู้ทุกช่วงขณะของจิตอย่างเดียวเท่านั้น

มันคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับคุณหรือเป็นไปได้ยาก ใช่หรือไม่ ? หากคุณทำได้มันก็จะดีกับคุณเองแต่ญาติคนในครอบครัวอาจจะไม่เอาด้วยเป็นแน่

ส่วนในกรณีที่คุณไปร้องเรียนแล้วสงสัยว่ามันจะเป็นการต่อกรรมหรือเปล่านั้น เป็นแน่นอนครับ เพราะการทำกรรมร่วมกันนั้นถือเป็นการสร้างกรรมต่อไปอีก ไม่ว่าคุณจะทำกับใครที่ไหนยังไง วิถีสืบเนื่องแห่งกรรมก็เป็นอันได้รับการสานต่อ โดยการคิด พูด หรือทำ ไม่ว่ามันจะดีหรือเลวก็ตาม เหล่านี้ก็ยังคงเรียกว่าเวรกรรมอยู่นั้นเอง ตราบเท่าที่คุณจะดับจิตดวงสุดท้ายหายไปจากวัฏสงสารเท่านั้นเอง

คุณควรจะทำอย่างไรดีงั้นเหรอ หากคุณหวังจะอยู่ในโลกแห่งโลกียชน คุณก็ได้แต่อโหสิกรรมและก็อดทนอย่างที่คุณว่านั้นแหละ แต่ถ้าไม่ก็จงทำอย่างที่ผมว่า คือ เป็นวิธีแก้ที่แน่นอน 1000 % แต่ผมยังมีอีกวิธีหนึ่งซึ่งเป็นวิธีแก้ 100 % คือ ทำบุญให้บุญนำพาครอบครัว ให้เส้นทางบุญทอดมาสานกับเส้นทางกรรมเก่าเพื่อบรรเทาอาการทุกข์หรือความรำคาญไปได้บ้าง อธิษฐานขอให้อุปสรรคในชีวิตผ่านพ้นไปเร็วผลัน หากคุณอยู่กับบุญอยู่ด้วยบุญแล้วถึงแม้จะมีเรื่องอุปสรรคปัญหาอะไรเข้ามาในชีวิต จิตใจของคุณก็จะเต็มไปด้วยความอิ่มเอมเปรมใจสุขใจในบุญอยู่แล้ว ไม่อยากขัดขวางหรือกีดกั้นเพื่อนมนุษย์จนมีเรื่องมีราวกับใครเขาเกิดขึ้นเป็นปัญหาทุกข์อันมิรู้จบสิ้น ถ้ามองให้ดีเขาอาจเป็นเจ้ากรรมของเรา เราก็ควรยอมรับ และ แผ่เมตตาหลังทำการภาวนาด้วยการสวดมนต์หรือเจริญสมาธิวิปัสสนา เพื่อเป็นการเปลี่ยนให้เจ้ากรรมนั้นกลายเป็นมิตรของเราได้ในที่สุด บุญอาจข้ามภพข้ามชาติมาส่งผลให้คุณและเขากลายมาเป็นคู่ที่เกื้อกูลกันก็ได้ อย่ามองข้ามพลังอำนาจของจิตเมตตาที่เกิดจากวิปัสสนานะครับ หากคุณไม่ยอมเปลี่ยนเส้นทางกรรมเก่าหรือสร้างกรรมใหม่ที่ดูที่เป็นกุศลหรือเป็นบุญขึ้นในตอนนี้ คุณยังคงใช่ชีวิตเหมือนเมื่อวันวาน ยังเป็นตัวตนเก่าๆ ก็สันนิษฐานได้แน่นอนว่าคุณก็ยังจะต้องประสบพบเจอกับเรื่องเก่าๆ ปัญหาเก่าๆ ทุกข์เก่าๆ วิบากกรรม บุพพกรรมเก่าๆ เป็นแน่

เพราะฉะนั้นตอนนี้บุคคลที่คุณควรจะเรียกร้องหาใช่ เป็นคนที่คุณมีปัญหาด้วยไม่ แต่คุณควรจะเรียกร้องให้ตัวคุณเองนั้นหันหน้าเข้าหาเส้นทางแห่งการพัฒนาตัวตนเก่าๆ เพื่อสลัดวิบากกรรมเก่าออกไปเท่านั้นเอง

ส่วนการที่เราต้องไม่อยู่ในที่ที่ไม่สงบนั้น ผมสันนิษฐานเอาว่าเป็นเพราะกรรมที่คุณอาจไปรบกวนไปก่อกวนความสงบสุขของใครเขามาก่อน ชอบไปแกล้งไปทำให้ผู้อื่นรำคาญใจบ่อย หรืออาจมีบางชาติที่คุณเคยเป็นเจ้าของร้านเหมือนกับเขาซึ่งเป็นที่ที่มีเสียงดังสร้างความลำบากให้กับชาวบ้าน หรือคนในละแวกนั้น แล้วชาวบ้านก็พยายามมาขอร้องคุณ แต่คุณไม่มีความเห็นใจพวกเขา เพราะคุณเห็นประโยชน์แต่ส่วนตัวเพียงฝ่ายเดียว มันจึงเป็นวิบากอันน่าเห็นใจเพราะเราไม่รู้เท่าทันกิเลสตัวเองปล่อยให้มันสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นและตัวคุณเอง หรือ อาจเป็นเพราะคุณเคยเป็นเจ้าของร้านขายเกี่ยวกับอุปกรณ์เครื่องสียง หรือวิทยุลำโพงอะไรนั้น แล้วคนที่ซื้อของของเราไปเขาไปสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นด้วยการเปิดเสียงดังเกิดเป็นความรำคาญให้พวกเขา หลายคน หลายเครื่อง หลายความรำคาญ ที่เราเป็นต้นเหตุเพียงเพราะเรารู้ไม่เท่าทัน เพียงเพราะประโยชน์ส่วนตน หวังประโยชน์ให้ผู้อื่นแบบผิดๆ คิดว่าเครื่องเสียงจะทำให้คนสะดวกสบายทันสมัย แต่มันกลับกลายเป็นการสร้างเวรกรรมที่ไม่ดีโดยที่เราไม่รู้ตัวเลย หรือคุณอาจจะเป้นคนซื้อก็ตามทีมันก็ไม่ต่างกันมาก เพียงแค่ใช่ระยะเวลาในการสะสม ให้เกิดเป็นผลที่คุณกำลังประสบพบเจออยู่ในตอนนี้นี่เอง คุณก็นึกเองก็ได้ว่ามีอาชีพและกรรมอะไรบ้างที่สร้างความเดือดร้อนทางเสียงให้ผู้อื่น แม้กระทั้งคนขายกล้วยแขก ที่บีบแตรเรียกลูกค้า มันก็ยังไปกระทบหูของคนที่กำลังนอนหรือกำลังอยู่ในอารมณ์ส่วนตนให้เกิดความไม่พอใจขึ้นมาได้นั้นเองครับ เห็นไหมละครับว่ากรรมบางครั้งบางอย่างมันไม่ได้ปรากฏตัวชัดเจนเป็นแสงสว่างหรือความมืดทึบให้เราเลือกตัดสินใจกระทำดีหรือชั่วได้เลย

เมื่อมันไม่แน่อนเช่นนี้แล้ว เราก็ควรเตรียมเสบียงบุญชีวิตไว้บ้างเพื่อเอาไว้ช่วยเหลือยามเราต้องมารับเคราะห์กรรมวิบาก มันจะได้ลดลั่นสกัดกั้นผ่อนหนักให้เป็นเบาบรรเทาสาหัสให้อยู่ในระดับที่ไม่ทุกข์จนเกินไปนั้นเองครับ เมื่อคุณเห็นเช่นนี้แล้ว ก็ควรทำให้มันตรงกันข้ามกับสิ่งที่ผมสันนิษฐานไว้ก็น่าจะเป็นทางที่เรียกได้ว่าเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นนั้นแหละครับ ว่าไหม ?

Be careful the Dark side, Support only the Light side.

May the Dhamma be with you. ขอธรรมจงสถิตอยู่กับท่าน

ตอบเมื่อ: 25 มิ.ย.2007, 9:59 pm

1ใช้จ้า
2 เป็นต่อเวรจ้า เพราะเขาก็ต้องเป็นทุกแน่จ้า เราจะต้องเริ่มหยิบยืน สิ่งที่ดี(ผูกมิตร) และธรรมะ หรือชวนเขาเข้าวัด หรือสังคมสงเคราะห์
3 ไปสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรมหรือร่วมสร้างจ้า เพราะเป็นที่สงบ
4 ชาติหนึ่งเคยเปิดสถานบรรเทิง ส่งเสียดังโดยมิคิดถึงความเดือดร้อนของผู้อื่นแต่ต่อมาสำนึก
จึงได้อธิฐานให้กรรมนี้หมด จ้าแต่ก็ยังดีนะจ้าที่ชาตินี้เป็นโรงงานที่เลกตามเวลาจ้า แต่กรรมยังไม่หมดนะจ้ะ ต้องอดและทน และสร้างกรรมดี ที่นี่และจ้าจะเบาบางและหายไปเองจ้า

ตอบเมื่อ: 26 มิ.ย.2007, 1:01 am

เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจมากค่ะ ถ้าพยายามแก้ปัญหาแล้วยังไม่ได้ผล ลองส่งเรื่องร้องเรียนไปที่น.ส.พ. เช่น คม ชัด ลึก ซึ่งจะมีคอลัมน์ รับเรื่องร้องทุก์ของลุงแจ่ม เข้าไปที่เวปไซด์แล้วส่งเรื่องที่กำลังเดือดร้อนเข้าไปได้เลย
รับรองได้ผลค่ะ

ตอบเมื่อ: 28 มิ.ย.2007, 8:14 am

เป็นกรรมเก่านะโยม ทำใจซะเถอะไม่ตอ้งไปทำอะไรเณรว่างั้นนะ ปล่อยไปตามยถากรรม
หรือไม่คุณโยมก็ย้ายบ้านซะ หรือมาเรียนธรรมะคลายเครียดก็ได้ ตกใจ

รายละเอียดที่เว็บ
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=13057
หรือที่เบอร์024114546
ปล.ที่ให้เรียนธรรมเพราะว่าเรียนธรรมจะได้รู้ว่าเราทำกรรมอะไรถึงเป็นเช่นนี้

ตอบเมื่อ: 28 มิ.ย.2007, 8:17 am

ขอบอกเพิ่มนะคุณโยม เราไม่ต้องทำอะไรเดี้ยวพอเรากรรมหมดเขาก็จะไปเอง หมั่นสวดมนต์แผ่เมตตาเข้าไว้

ตอบเมื่อ: 30 พ.ค.2008, 9:10 am

ต้องลองไปเจรจากับเจ้าของกิจการดูก่อนครับ ตื่นเต้น