ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
คนไทยรักชาติ
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
25 เม.ย.2007, 2:52 pm |
  |
การรักษาพระพุทธศาสนาคือการรักษาชาติ
ตามที่มีหลายๆ ท่าน ได้ออกมาพูดว่า ไม่ควรเอาพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาตินั้น เพราะว่าเราเป็นคนไทยนับถือพระพุทธศาสนามาตั้งแต่บรรพบุรุษ แล้วว่าศาสนามีอยู่ในใจของทุกๆ คน ไม่ต้องเขียนไว้เป็นตัวหนังสือเพียงไม่กี่บรรทัดก็ได้ อีกอย่างหนึ่งว่าไม่ควรเอาพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นของสูงมายุ่งเกี่ยวกับการเมืองซึ่งเป็นของสกปรก จะเป็นเหตุให้แตกความสามัคคี กับศาสนา อื่นๆ ให้แก้ที่ตัวผู้ปฏิบัติพระพุทธศาสนา แก้ไขตัวเองปฏิบัติตัวเองให้ดีขึ้น
ขอชี้แจงให้พ่อแม่พี่น้องทั้งหลายเข้าใจ ศาสนาพุทธทุกวันนี้ ต้องอาศัยกฎหมายบ้านเมืองเข้ามาช่วย เพราะคนทุกวันนี้มันหยาบมาก กิเลสมาก เป็นพวกอลัชชีที่มีความโลภ ไม่ละอายต่อบาปต่อกรรม เอาพระพุทธศาสนาเป็นที่ทำมาหากิน เป็นที่อาศัย โดยโกนหัวนุ่งห่มเหลือง สร้างบาป สร้างกรรม ทำให้เป็นข่าวทางหนังสือพิมพ์เกือบทุกๆ วัน โดยเฉพาะพระธรรมวินัยแล้วมันเป็นเรื่องทางจิตใจ เพียงแต่บอกว่าทำอย่างนี้มันเป็นบาปนะ มันห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพานตกนรกนะ คนพวกนี้มันไม่ฟังหรอก ต้องใส่คุกใส่ตาราง ต้องอาศัยกฎหมายบ้านเมือง เพราะมันมีคุกมีตารางเข้ามาช่วยเหมือนกับสมัยประวัติศาสตร์พระเจ้าอโศกมหาราช มีพระไม่ดีเกิดขึ้นในพระพุทธศาสนามากมาย ท่านก็เอากฎหมายบ้านเมืองเข้าไปช่วยถึงแก้ปัญหาได้ ทุกวันนี้ที่มีปัญหามันไม่ใช่เพราะพระที่ดีๆ แต่มันเป็นพวกอลัชชี คนพวกนี้ไม่ใช่พระแล้ว ถ้าจะเป็นพระต้องไม่ผิดศีลผิดธรรม ถ้าเป็นพระแล้วต้องถือพระวินัยอย่างเคร่งครัด มุ่งมรรคผลนิพพานอย่างเดียว ในวินัยของพระไม่มีปรับไหม ไม่มีจำคุก ติดตาราง อย่างมากก็ให้ลาสิกขาเท่านั้น จับสึกแล้วก็ไปบวชที่อื่นต่อ สร้างปัญหาอย่างนี้ตลอดมา ควรจะมีกฎหมายบ้านเมืองเข้ามาช่วยแก้ไขกำราบปราบปราม สะสางปัญหานี้ให้มันน้อยลงหรือหมดไป
สำหรับการปล่อยวางนั้นมันเป็นเรื่องของจิตใจ พระพุทธเจ้าท่านให้ปฏิบัติตามพระวินัยอย่างเคร่งครัด แต่การปล่อยวางนั้นมันเป็นเรื่องของจิตของใจ ถ้าเราปล่อยวางไม่ถูกมันจะทำให้มีปัญหามาก ทุกวันนี้มีคนชอบพูดว่าเราต้องรู้จักปล่อยวางเสียบ้าง รู้จักละกิเลสเสียบ้าง การปล่อยวางนั้น เราต้องปล่อยวางทางจิตใจ ไม่ใช่ปล่อยปะละเลย ไม่มีความรับผิดชอบ เราต้องทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ เราต้องบริโภค เราต้องนุ่งห่ม รู้จักอันไหนควรไม่ควร ทำดีที่สุดแล้วก็ยังไม่ติดดี รัฐธรรมนูญนั้นมันเป็นเรื่องของกาย เราต้องปฏิบัติทางกายให้ถูกต้องร่างกายนี้มันเป็นโลกียะ จำเป็นที่จะต้องบัญญัติรัฐธรรมนูญสำหรับกาย สำหรับจิตใจนั้นเอาไว้ปล่อยวาง ศีลนั้นมันเป็นเรื่องของกาย ธรรมนั้นมันเป็นเรื่องของใจ คนเรานั้นมีทั้งกายทั้งใจ ขอให้พ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย โปรดเข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างชัดเจน ศาสนาคือภาคปฏิบัติ ไม่ใช่ปรัชญาอย่างเดียว เมื่อมันทิ้งกาย วาจา แล้วจะเอาอะไรเป็นตัวศาสนา ถ้าเราปล่อยวางไม่ถูกต้องมันคงไม่ดีแน่ ทุกวันนี้ที่มีปัญหาก็เพราะมันปล่อยวางไม่ถูกต้อง ขอให้ท่านผู้รู้ทั้งหลายช่วยกันพิจารณาใคร่ควรญให้ดีๆ
ที่ผ่านมาเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา ไม่ว่าการเรียกร้องพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ หรือเรียกร้อง พ.ร.บ.สงฆ์ จะมีพระออกมาเรียกร้องขอให้ทางรัฐช่วย ปกติแล้วพระท่านจะไม่ออกมาเรียกร้อง ถ้าไม่ใช่กิจของพระศาสนา เพราะว่าพระต้องเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องพระพุทธศาสนา ถ้าพระไม่ออกมาแล้วจะมีใครเล่าออกมา พระที่ออกมาถือว่าถูกต้อง เป็นผู้เสียสละ ต้องอดทนต่อความร้อน ความเหน็ดความเหนื่อย ความหิว ความกระหาย อดทน ต่อคำติฉินนินทาจ้วงจาบต่างๆ นาๆ ประชาชนทั้งหมดน่าจะมีปัญญาพิจารณาว่ามีอะไรเกิดขึ้นพระท่านถึงออกมา แสดงว่าท่านแก้ปัญหาไม่ได้แล้ว ท่านมาขอความช่วยเหลือจากภาครัฐ เพื่อให้ทางรัฐช่วยในส่วนของกฎหมายบ้านเมืองเพราะเป็นสิ่งที่รัฐสามารถทำได้อยู่แล้ว
เรื่องจิตเรื่องใจสำคัญกว่าสิ่งใดๆ ในโลกนี้ ที่บ้านเมืองมีปัญหาอยู่ ก็เพราะว่าคนส่วนใหญ่ขาดคุณธรรมทางใจ ทางรัฐก็จะเน้นแต่วัตถุ เรื่องจิตใจเป็นเรื่องสำคัญมาก ทำไมมองไม่เห็น อุตส่าห์ไปเรียนเมืองนอก ปริญญาตรี โท เอก มีความรู้มีความสามารถ น่าจะมาพัฒนาทางคุณธรรมและทางวัตถุไปพร้อมๆ กัน ที่ไหนได้พากันมากินบ้านกินเมืองหมดเป็นแถบๆ มาแย่งเก้าอี้กันอย่างน่าเกลียดโจมตีว่าร้ายกันต่างๆ นาๆ เป็นพรรคเป็นพวก
พวก ส.ส.ร.ผู้เจริญทั้งหลาย ท่านเป็นตัวแทนร่างรัฐธรรมนูญเพื่อประชาชนหรือเป็นอะไรกันแน่ ให้ท่านพิจารณาตนเอง ท่านร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญให้ประชาชน ก็อย่าถืออัตตาตัวตนเอาตน เองเป็นใหญ่ไม่คำนึงถึงประชาชน ถ้าประเทศชาติจะดีก็เพราะพวกท่าน ถ้าจะพังก็เพราะพวกท่าน
การบัญญัติพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไม่เสียหายอะไร เป็นสิ่งที่ดี มีแต่ดีอย่างเดียวไม่มีอะไรเสียหาย ถ้าไม่บัญญัตินั้นเสียหายแน่ ต้องเกิดปัญหาวุ่นวาย เพราะคนส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่ได้รับความเป็นธรรม จากคณะ ส.ส.ร.ที่ไม่คำนึงถึงจิตใจของประชาชน เป็นการดูถูกดูแคลน ทำลายน้ำใจของประชาชนไม่น้อยกว่า ๙๐% เพราะออกกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นธรรม กฎหมายที่เขียนมาทั้งหมด ตัวสำคัญคือ ต้องบัญญัติศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ถ้าไม่บัญญัติแล้วไม่ควรบัญญัติรัฐธรรมนูญทั้งหมด เพราะรัฐธรรมนูญที่ออกมาไม่ใช่รัฐธรรมนูญของประชาชนส่วนใหญ่
ท่านพากันออกมาพูดว่า รัฐธรรมนูญเป็นของชั่วคราวเดี๋ยวก็ถูกฉีก ศาสนาพุทธก็คงถูกฉีกไปด้วย เราฉีกทิ้งได้เราก็เขียนใหม่ได้ ไม่เห็นมีอะไรจะเสียหาย อันไหนไม่ดีเราก็ฉีกมันทิ้งไป อันไหนดีก็เขียนขึ้นใหม่เพื่อพัฒนาประเทศให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป การที่ได้มีโอกาสไปศึกษาหาความรู้ต่างประเทศนั้นมันดีอยู่แล้ว เราควรจับเอาแต่สิ่งที่ดีๆ ของเขา ไม่ใช่เราจะมาลบล้าง ขาดความกตัญญูกตเวที กลายเป็นลูกธรพี พวกท่านผู้เจริญทั้งหลายพากันรู้หรือไม่ เพราะว่าพฤติกรรมของท่านมันบ่งบอกโดยภาคปฏิบัติในการทำลาย
ในครั้งนี้ที่ชาวพุทธออกมาเรียกร้องไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง เป็นการเรียกร้องให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติเท่านั้น
พรรคการเมืองทุกพรรคไม่ว่าจะเป็น สส. สว. อบจ. อบต. ก็ล้วนแต่เป็น ชาวพุทธทั้งนั้น เราจะไปโยงเป็นการเมืองไปไม่ได้ เพราะว่าคนพวกนั้นไม่ใช่คนตาย ถ้าเป็นคนรู้จักรับผิดชอบเขาก็ต้องมากันทุกคนเพื่อมาเรียกร้องสิทธิจาก ส.ส.ร. ให้ช่วยร่างรัฐธรรมนูญให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ
การรักษาพระพุทธศาสนาคือการรักษาชาติ |
|
|
|
|
 |
สองทะเล
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
25 เม.ย.2007, 4:02 pm |
  |
ไม่เห็นต้องระบุ ให้คนศาสนาอื่นเค้าน้อยใจเลย คนที่อยากระบุเนี๊ยะ ที่แท้จริงรู้หรือเปล่าว่า พุทธศาสนา แท้จริง คืออะไร.....การระบุเนี๊ยะ ถือเป็นการยึดติดใน ตัวกู ของกู หรือเปล่า....ใครรู้ช่วยบอกที
ศาสนาไหนก็เหมือนกัน ขอให้คนเป็นคนดี คิดดี ทำดี พูดดี ก็คงพอหรือเปล่า......  |
|
|
|
|
 |
นายห้ามล้อABS
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
25 เม.ย.2007, 7:51 pm |
  |
นายกสมาคมเกย์(หล่อ)ไทย พิมพ์ว่า: |
คนบางกลุ่มบางเหล่ากำลังชักนำให้เกิดมิจฉาทิฐิไปกันใหญ่ว่า...."ศาสนาพุทธอยู่ในใจ"
"ศาสนาพุทธอยู่ในใจ"....เป็นเรื่องของใจก็จริง
แต่ถ้ากล่าวอ้างกันอย่างนั้นแล้วจะสร้างวัดทำไม ? แล้วพระสงฆ์องคเจ้าจะต้องออกบวชทำไม ? ก็ในเมื่อ "มันอยู่ที่ใจ" ....มีแต่ชาวพุทธวิปริตเท่านั้นที่อ้างแบบนี้และสร้างมิจฉาทิฐิแบบนี้ หรืออีกนัยหนึ่งคือ " ชาวพุทธแบบเทวทัต" ซึ่งกำลังเบ่งบานเต็มบ้านเมืองไปหมด
จริงอยู่ศาสนาพุทธเน้นการปฎิบัติโดยเฉพาะการเห็นแจ้งในไตรลักษณ์ แต่ปัญหาสำคัญไม่ใช่อยู่ที่ปัจเจกชนแต่อยู่ที่ความสถาพรยั่งยืนของศาสนาพุทธต่างหาก....!!
คนที่อ้างตัวว่า "ธรรมะอยู่ที่ใจ" นั้นนั่นเป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน ท่านจะมีภูมิธรรมถึงขั้นไหน ก็เป็นเรื่องของท่าน (คนอื่นไม่เกี่ยว) แต่ศาสนาจะสถาพรดำรงอยู่ได้ก็ด้วยอุบาสกอุบาสิกาใหม่ๆ หรือพูดง่ายๆ ก็คือเลือดใหม่ ซึ่งก็มาจากเยาวชนที่มีความสนใจและเห็นความสำคัญเข้ามาศึกษาปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง
การที่จะมีเยาวชนใหม่ๆเข้ามาศึกษาก็เพราะเยาวชนเกิดความสนใจและเห็นความสำคัญ ถ้าศิษย์เทวทัตเอาแต่อ้างกันว่า "มันอยู่ที่ใจ" ในขณะที่เยาวชนรุ่นใหม่ที่ยังไม่ได้ศึกษาไม่รู้ว่าไอ้ที่อยู่ที่ใจนะมันอยู่ตรงไหน ? อย่างไร ? แล้วก็ไม่เห็นว่าคนที่เป็นผู้ใหญ่ในสังคมจะให้ความสำคัญกับมันก็จะทำให้เยาวชนขาดความสนใจและไม่ศึกษา ทำให้เขาเหล่านั้นเสียโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย
และเมื่อไม่มีเลือดใหม่เข้ามาในบวรพระพุทธศาสนาก็จะไม่มีผู้สืบทอดและสูญสลายไปจากความรู้ของมนุษย์ในที่สุด พวกที่อ้างว่า "ธรรมะอยู่ที่ใจ" หรือการเรียกร้องให้มีการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญมีปัญหาอย่างโน้นอย่างนี้จึงเข้าข่ายพวกบั่นทอนศาสนาจะโดยตั้งใจหรือโดยความเขลาเบาปัญญาของตัวเองก็ตาม
ถ้าคิดว่ายังเป็นชาวพุทธและอยากให้ศาสนาพุทธมีความสถาพรสืบไปก็จงเร่งสนับสนุนการบรรจุศาสนาพุทธไว้เป็นศาสนาประจำชาติสืบไป ไม่เช่นนั้นหากบรรพบุรุษของพวกคุณเป็นผู้ศรัทธายิ่งในศาสนาคุณจะโดนก่นด่าจากบรรพบุรุษของคุณเอง |
1 คำก็ศิษย์เทวทัต 2 คำก็ศิษย์เทวทัต 3 คำก็ศิษย์เทวทัต มันพิสูจน์แล้วว่าคุณมีความโกรธแค้นใครก็ตามที่ไม่เห็นด้วยกับความคิดของคุณ คุณมีไม้บรรทัดความคิดของตนเอง แล้วนำไปวัดเทียบกับผู้อื่นหากแตกต่างจากคุณ คุณก็จะด่าว่าเขาเป็นคนไม่ดี คนร้าย ผมจะเป็นคนเลวในสายตาของคนใจคอคับแคบ ไม่ฟังความเห็นของผู้อื่นก็ยินดี แต่ผมก็ภูมิใจว่าแม้ใครจะว่าผมเลวเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยผมก็ไม่เคยด่าคนที่เห็นแตกต่างจากผมว่าเลว ผมภูมิใจที่ได้ทำตัวเป็นห้ามล้อที่ดี แม้จะถูกเหยียบย่ำจากบุคคลหลายคนที่มีใจคอคับแคบ แต่ด้วยหน้าที่ของห้ามล้อต้องเป็นเช่นนั้น เพื่อหยุดยั้งกระแสแห่งความศรัทราที่เต็มไปด้วยโมหะ ต้องการเอาชนะ ผู้ใดไม่เห็นกับตูคือคนชั่ว เพื่อให้รู้ว่า ยังมีความเห็นที่แตกต่าง เพื่อเตือนสติท่านว่าท่านกำลังจะตกเหว ห้ามล้อคนนี้ยอมถูกต่อว่าได้ แต่ไม่ขอตำหนิผู้ที่เห็นต่างจากตน |
|
|
|
|
 |
ห้ามล้อABS
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
25 เม.ย.2007, 8:05 pm |
  |
แต่ผมขอเตือนท่านอีกนิด การรับฟังความเห็นของผู้อื่น ที่แตกต่างจากตนนั้น โดยไม่เห็นเขาเป็นศัตรู หรือด่าว่าเขาเลวเพราะเห็นต่างนั้น เป็นคุณธรรมเพียงเล็กน้อย หากสิ่งเล็กน้อยเพียงนี้ทำไม่ได้อย่าไปคิดทำการใหญ่เลย...  |
|
|
|
|
 |
๛ Nirvana ๛
บัวบาน


เข้าร่วม: 09 เม.ย. 2006
ตอบ: 403
|
ตอบเมื่อ:
25 เม.ย.2007, 10:01 pm |
  |
ผมว่าโอกาสที่พระสงฆ์จะมารวมตัว เป็นจำนวนหลักหมื่นรูปนี่หายากนะครับ
เป็นโอกาสที่ผู้ที่ต้องการขวนขวายในกุศลใหญ่ ปรารถนากัน
แค่อยากจะถวายสังฆทานพระ เก้ารูปยังต้องเตรียมอะไรวุ่นวายเหมือนกัน
หรือทำสังฆทานพระ ห้าร้อยรูป ก็ต้องใช้รถตู้ ราวๆ ห้าสิบคัน
แต่นี่พระสงฆ์ มารวมกันเป็นหมื่นๆ รูป เรามีโอกาสที่จะขวนขวายบุญ เช่น
ช่วยค่าอาหารเลี้ยงพระสงฆ์ หรือค่าเดินทางเพื่อถวายแด่พระสงฆ์เป็นจำนวนหมื่นๆ รูป
ได้ง่ายๆ โดยที่เราไม่ต้องเตรียมอะไรเลย แต่โอกาสนั้นได้เตรียมไว้ สำหรับผู้ต้องการขวนขวายใน
กุศล ผมคิดว่าจะไปรัฐสภา ไปทำกุศลกับผม ส่วนเรื่องรัฐธรรมนูญอะไรนั่น ไม่ค่อยได้ติดใจ
เท่าไร จะบรรจุหรือไม่บรรจุ ก็สุดแล้วแต่เหตุปัจจัย ก็ช่วยส่งกำลังใจให้พระคุณเจ้าทั้งหลายครับ
|
|
_________________ ขอความสวัสดีจงมีแด่ท่าน |
|
     |
 |
TU
บัวทอง


เข้าร่วม: 23 พ.ค. 2004
ตอบ: 1589
|
ตอบเมื่อ:
26 เม.ย.2007, 8:51 am |
  |
สาธุ คุณ ๛ Nirvana ๛
ขออย่าให้ ความแตกต่าง (ทางความคิด) เป็น ความแตกแยก
ในหมู่พุทธศาสนิกชนและในสังคมไทย เลยนะค่ะ
เพระความแตกต่าง (ทางความคิด) เป็นเรื่องปกติของโลก
ยอมรับ เข้าใจ และก็ปล่อยวางอย่างสงบเย็น ให้ได้ |
|
_________________ ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา |
|
    |
 |
samnan
บัวผลิหน่อ

เข้าร่วม: 25 เม.ย. 2007
ตอบ: 4
ที่อยู่ (จังหวัด): แพร่
|
ตอบเมื่อ:
27 เม.ย.2007, 4:20 pm |
  |
การรักษาพระพุทธศาสนาคือการรักษาชาติ
ตามที่มีหลายๆ ท่าน ได้ออกมาพูดว่า ไม่ควรเอาพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาตินั้น เพราะว่าเราเป็นคนไทยนับถือพระพุทธศาสนามาตั้งแต่บรรพบุรุษ แล้วว่าศาสนามีอยู่ในใจของทุกๆ คน ไม่ต้องเขียนไว้เป็นตัวหนังสือเพียงไม่กี่บรรทัดก็ได้ อีกอย่างหนึ่งว่าไม่ควรเอาพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นของสูงมายุ่งเกี่ยวกับการเมืองซึ่งเป็นของสกปรก จะเป็นเหตุให้แตกความสามัคคี กับศาสนา อื่นๆ ให้แก้ที่ตัวผู้ปฏิบัติพระพุทธศาสนา แก้ไขตัวเองปฏิบัติตัวเองให้ดีขึ้น
ขอชี้แจงให้พ่อแม่พี่น้องทั้งหลายเข้าใจ ศาสนาพุทธทุกวันนี้ ต้องอาศัยกฎหมายบ้านเมืองเข้ามาช่วย เพราะคนทุกวันนี้มันหยาบมาก กิเลสมาก เป็นพวกอลัชชีที่มีความโลภ ไม่ละอายต่อบาปต่อกรรม เอาพระพุทธศาสนาเป็นที่ทำมาหากิน เป็นที่อาศัย โดยโกนหัวนุ่งห่มเหลือง สร้างบาป สร้างกรรม ทำให้เป็นข่าวทางหนังสือพิมพ์เกือบทุกๆ วัน โดยเฉพาะพระธรรมวินัยแล้วมันเป็นเรื่องทางจิตใจ เพียงแต่บอกว่าทำอย่างนี้มันเป็นบาปนะ มันห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพานตกนรกนะ คนพวกนี้มันไม่ฟังหรอก ต้องใส่คุกใส่ตาราง ต้องอาศัยกฎหมายบ้านเมือง เพราะมันมีคุกมีตารางเข้ามาช่วยเหมือนกับสมัยประวัติศาสตร์พระเจ้าอโศกมหาราช มีพระไม่ดีเกิดขึ้นในพระพุทธศาสนามากมาย ท่านก็เอากฎหมายบ้านเมืองเข้าไปช่วยถึงแก้ปัญหาได้ ทุกวันนี้ที่มีปัญหามันไม่ใช่เพราะพระที่ดีๆ แต่มันเป็นพวกอลัชชี คนพวกนี้ไม่ใช่พระแล้ว ถ้าจะเป็นพระต้องไม่ผิดศีลผิดธรรม ถ้าเป็นพระแล้วต้องถือพระวินัยอย่างเคร่งครัด มุ่งมรรคผลนิพพานอย่างเดียว ในวินัยของพระไม่มีปรับไหม ไม่มีจำคุก ติดตาราง อย่างมากก็ให้ลาสิกขาเท่านั้น จับสึกแล้วก็ไปบวชที่อื่นต่อ สร้างปัญหาอย่างนี้ตลอดมา ควรจะมีกฎหมายบ้านเมืองเข้ามาช่วยแก้ไขกำราบปราบปราม สะสางปัญหานี้ให้มันน้อยลงหรือหมดไป
สำหรับการปล่อยวางนั้นมันเป็นเรื่องของจิตใจ พระพุทธเจ้าท่านให้ปฏิบัติตามพระวินัยอย่างเคร่งครัด แต่การปล่อยวางนั้นมันเป็นเรื่องของจิตของใจ ถ้าเราปล่อยวางไม่ถูกมันจะทำให้มีปัญหามาก ทุกวันนี้มีคนชอบพูดว่าเราต้องรู้จักปล่อยวางเสียบ้าง รู้จักละกิเลสเสียบ้าง การปล่อยวางนั้น เราต้องปล่อยวางทางจิตใจ ไม่ใช่ปล่อยปะละเลย ไม่มีความรับผิดชอบ เราต้องทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ เราต้องบริโภค เราต้องนุ่งห่ม รู้จักอันไหนควรไม่ควร ทำดีที่สุดแล้วก็ยังไม่ติดดี รัฐธรรมนูญนั้นมันเป็นเรื่องของกาย เราต้องปฏิบัติทางกายให้ถูกต้องร่างกายนี้มันเป็นโลกียะ จำเป็นที่จะต้องบัญญัติรัฐธรรมนูญสำหรับกาย สำหรับจิตใจนั้นเอาไว้ปล่อยวาง ศีลนั้นมันเป็นเรื่องของกาย ธรรมนั้นมันเป็นเรื่องของใจ คนเรานั้นมีทั้งกายทั้งใจ ขอให้พ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย โปรดเข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างชัดเจน ศาสนาคือภาคปฏิบัติ ไม่ใช่ปรัชญาอย่างเดียว เมื่อมันทิ้งกาย วาจา แล้วจะเอาอะไรเป็นตัวศาสนา ถ้าเราปล่อยวางไม่ถูกต้องมันคงไม่ดีแน่ ทุกวันนี้ที่มีปัญหาก็เพราะมันปล่อยวางไม่ถูกต้อง ขอให้ท่านผู้รู้ทั้งหลายช่วยกันพิจารณาใคร่ควรญให้ดีๆ
ที่ผ่านมาเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา ไม่ว่าการเรียกร้องพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ หรือเรียกร้อง พ.ร.บ.สงฆ์ จะมีพระออกมาเรียกร้องขอให้ทางรัฐช่วย ปกติแล้วพระท่านจะไม่ออกมาเรียกร้อง ถ้าไม่ใช่กิจของ พระศาสนา เพราะว่าพระต้องเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องพระพุทธศาสนา ถ้าพระไม่ออกมาแล้วจะมีใครเล่าออกมา พระที่ออกมาถือว่าถูกต้อง เป็นผู้เสียสละ ต้องอดทนต่อความร้อน ความเหน็ดความเหนื่อย ความหิว ความกระหาย อดทน ต่อคำติฉินนินทาจ้วงจาบต่างๆ นาๆ ประชาชนทั้งหมดน่าจะมีปัญญาพิจารณาว่ามีอะไรเกิดขึ้นพระท่านถึงออกมา แสดงว่าท่านแก้ปัญหาไม่ได้แล้ว ท่านมาขอความช่วยเหลือจากภาครัฐ เพื่อให้ทางรัฐช่วยในส่วนของกฎหมายบ้านเมืองเพราะเป็นสิ่งที่รัฐสามารถทำได้อยู่แล้ว
เรื่องจิตเรื่องใจสำคัญกว่าสิ่งใดๆ ในโลกนี้ ที่บ้านเมืองมีปัญหาอยู่ ก็เพราะว่าคนส่วนใหญ่ขาดคุณธรรมทางใจ ทางรัฐก็จะเน้นแต่วัตถุ เรื่องจิตใจเป็นเรื่องสำคัญมาก ทำไมมองไม่เห็น อุตส่าห์ไปเรียนเมืองนอก ปริญญาตรี โท เอก มีความรู้มีความสามารถ น่าจะมาพัฒนาทางคุณธรรมและทางวัตถุไปพร้อมๆ กัน ที่ไหนได้พากันมากินบ้านกินเมืองหมดเป็นแถบๆ มาแย่งเก้าอี้กันอย่างน่าเกลียดโจมตีว่าร้ายกันต่างๆ นาๆ เป็นพรรคเป็นพวก
พวก ส.ส.ร.ผู้เจริญทั้งหลาย ท่านเป็นตัวแทนร่างรัฐธรรมนูญเพื่อประชาชนหรือเป็นอะไรกันแน่ ให้ท่านพิจารณาตนเอง ท่านร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญให้ประชาชน ก็อย่าถืออัตตาตัวตนเอาตน เองเป็นใหญ่ไม่คำนึงถึงประชาชน ถ้าประเทศชาติจะดีก็เพราะพวกท่าน ถ้าจะพังก็เพราะพวกท่าน
การบัญญัติพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไม่เสียหายอะไร เป็นสิ่งที่ดี มีแต่ดีอย่างเดียวไม่มีอะไรเสียหาย ถ้าไม่บัญญัตินั้นเสียหายแน่ ต้องเกิดปัญหาวุ่นวาย เพราะคนส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่ได้รับความเป็นธรรม จากคณะ ส.ส.ร.ที่ไม่คำนึงถึงจิตใจของประชาชน เป็นการดูถูกดูแคลน ทำลายน้ำใจของประชาชนไม่น้อยกว่า ๙๐% เพราะออกกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นธรรม กฎหมายที่เขียนมาทั้งหมด ตัวสำคัญคือ ต้องบัญญัติศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ถ้าไม่บัญญัติแล้วไม่ควรบัญญัติรัฐธรรมนูญทั้งหมด เพราะรัฐธรรมนูญที่ออกมาไม่ใช่รัฐธรรมนูญของประชาชนส่วนใหญ่
ท่านพากันออกมาพูดว่า รัฐธรรมนูญเป็นของชั่วคราวเดี๋ยวก็ถูกฉีก ศาสนาพุทธก็คงถูกฉีกไปด้วย เราฉีกทิ้งได้เราก็เขียนใหม่ได้ ไม่เห็นมีอะไรจะเสียหาย อันไหนไม่ดีเราก็ฉีกมันทิ้งไป อันไหนดีก็เขียนขึ้นใหม่เพื่อพัฒนาประเทศให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป การที่ได้มีโอกาสไปศึกษาหาความรู้ต่างประเทศนั้นมันดีอยู่แล้ว เราควรจับเอาแต่สิ่งที่ดีๆ ของเขา ไม่ใช่เราจะมาลบล้าง ขาดความกตัญญูกตเวที กลายเป็นลูกธรพี พวกท่านผู้เจริญทั้งหลายพากันรู้หรือไม่ เพราะว่าพฤติกรรมของท่านมันบ่งบอกโดยภาคปฏิบัติในการทำลาย
ในครั้งนี้ที่ชาวพุทธออกมาเรียกร้องไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง เป็นการเรียกร้องให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติเท่านั้น พรรคการเมืองทุกพรรคไม่ว่าจะเป็น สส. สว. อบจ. อบต. ก็ล้วนแต่เป็นชาวพุทธทั้งนั้น เราจะไปโยงเป็นการเมืองไปไม่ได้ เพราะว่าคนพวกนั้นไม่ใช่คนตาย ถ้าเป็นคนรู้จักรับผิดชอบเขาก็ต้องมากันทุกคนเพื่อมาเรียกร้องสิทธิจาก ส.ส.ร. ให้ช่วยร่างรัฐธรรมนูญให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ
การรักษาพระพุทธศาสนาคือการรักษาชาติ |
|
|
|
   |
 |
ผ่านมา
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
29 เม.ย.2007, 1:37 pm |
  |
คนศาสนาอื่นนะถ้าออกมาคัดค้านการบัญญัติให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติก็คือศาสนิกชนชั้นเลวของศาสนานั้นๆ แหละครับแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้ที่มีจิตใจคับแคบมีจิตอิจฉาริษยา ถ้าหากเราจะมัวเกรงใจกับคนเลวๆ ประเภทนี้อยู่ประเทศชาติไม่มีวันเจริญหรอกครับ ที่ถูกต้องก็ควรที่จะร่วมอนุโมทนายินดีกับเราชาวพุทธที่ถึงจะถูกและจะเป็นเรื่องที่สวยงามอันแสดงถึงเป็นผู้ที่มีธรรมในใจของท่าน..
ลองอ่านพระราชนิพนธ์ของ ร.4 ดูครับ
คัดจากพระราชนิพนธ์ใน ร. ๔ ....
ประกาศพระราชทานส่วนกุศลทรงบริจาคเพชรใหญ่ประดับอุณาโลมพระแก้วมรกต
ประชุมประกาศรัชกาลที่ ๔ เล่ม ๑ องค์การค้าของคุรุสภา, ๒๕๒๘, หน้า ๘๒
ความว่า
".........การพระราชบริจาคอันนี้ทรงพระราชดำริเห็นว่า
ไม่ขัดขวางเป็นเหตุให้ท่านผู้ใดขุ่นเคืองขัดใจเลย
พระนครนี้เป็นถิ่นของคนนับถือพระพุทธศาสนามาแต่เดิม
ไม่ใช่แผ่นดินของศาสนาอื่น คนที่ถือศาสนาอื่นมาแต่อื่นก็ดี
อยู่ในเมืองนี้ก็ดี จะโทมนัสน้อยใจด้วยริษยาแก่พระพุทธศาสนาเพราะบูชาอันนี้ไม่ได้
ด้วยไม่ใช่เมืองแห่งศาสนาตัวเลย ถ้าโทมนัสก็ชื่อว่าโลภล่วงเกินไป........" |
|
|
|
|
 |
เพื่อนผ่านมา
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
29 เม.ย.2007, 10:08 pm |
  |
|
|
 |
kanalove
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 07 เม.ย. 2007
ตอบ: 35
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
|
ตอบเมื่อ:
18 พ.ค.2007, 3:37 pm |
  |
สงครามที่ 3 เมื่อไหร่มาถึง พุทธศาสนาเจริญ |
|
_________________ kanalovero@hotmail.com
ธรรมะสวัสดีคะ แอดเมล์ได้นะคะ
เรามักจะออนเอ็มเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์นะ
เรามีชีวิตอยู่เพื่อตาย จงตายจริงก่อนที่เราจะตายลวง |
|
      |
 |
kanawat_ny
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 04 มิ.ย. 2007
ตอบ: 47
|
ตอบเมื่อ:
05 มิ.ย.2007, 11:03 am |
  |
คิดดี ทำดี พูดดี (การปฏิบัติ หรือ ศีล สมาธิ ปัญญา)
ทำดี ละเว้นชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ (หัวใจของศาสนาขององค์สมณโคดม)
เพียงแค่นี้ ท่านก็ได้ว่ามี "ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติแล้ว"
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากๆ ขอไม่แสดงความคิดเห็น |
|
_________________ กมฺมุนา วตฺตตี โลโก
ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์
(อิสระ ชีวา) |
|
  |
 |
..........
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
05 มิ.ย.2007, 12:40 pm |
  |
ศาสนาประจำชาติไทยที่เข้มแข็งต้องมีอยู่ในรัฐธรรมนูญไทย ด้วยสืบต่อจากอดีตไปอนาคต พยายามอย่าใช้คำว่าประจำชาติแบบลอยลอยมามั่วกับแบบประจำชาติไทย เพราะแต่ละประเทศชาติลอยลอยในทั่วโลกมีประวัติต่างกัน /////// |
|
|
|
|
 |
20 มกราคม
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
09 มิ.ย.2007, 11:23 pm |
  |
ขอยืนยันว่าหลักของรัฐธรรมนูญทั่วโลกไม่ได้มีข้อห้ามให้มีศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ คำนิยามที่ยกมาก็มาจากแบบประเทศที่ไม่ประกาศสาสนาประจำชาติ.แท้จริงในรัฐธรรมนูญจะมีสาสนาประจำชาติหรือไม่ ก็ได้ ขึ้นอยุ่กับว่าประชาชนต้องการอย่างไรให้รัฐธรรมนูญมีข้อเฉพาะแสดงถึงประจำชาติหรือไม่
ขอยืนยันว่า ราชจารีตประเพณีไทยและจารีตประเพณีของประชาชนไทย ต่างยืนยันว่า ไทยมีพุทธเป็นศาสนาประจำชาติและจารีตประเพณีไทยไม่ได้ห้ามให้บรรจุพุทธเป็นศาสนาประจำไทยในกฏหมายสุงสุดของไทยด้วยตลอดมายังเปิดทางให้ตลอดมา แสดงว่าตามหลักกฏหมายของไทยแต่โบราณไม่ได้มีข้อบัญญัติห้ามบรรจุพุทธเป็นสาสนาประจำชาติไว้ในกฏหมายสุงสุดเลยตลอดมายังเปิดทางให้ตลอดมา ดังนั้นเราบอกได้ว่า การบรรจุพุทธเป้นศาสนาประจำชาติไทยในกฎหมายสุงสุดของ ไทยไม่ผิดตามจารีตของไทยและไม่ผิดหลักการของทั่วโลกที่ไม่ผิดเพราะศาสนาประจำชาติไทยได้รับการคุ้มครองจากพระราชาที่อยู่เหนือกฏหมายสูงสุดของไทยแทน ในระบบราชาธิปไตย แต่ในระบบประชาธิปไตยปัจจุบัน รัฐธรรมนูญอยุ่เหนือราชา รัฐธรรมนูญกฏหมายสูงสุดจึงต้องรักษาพุทธเป้นสาสนาประจำชาติไทยแทนพระราชาต่อไป *****ผมขอสรุปให้ชัดเจนว่า ในสมัยราชาธิปไตย ศาสนาประจำชาติไทยถูกรักษาคุ้มครองทั้งจากพระราชาผุ้อยุ่เหนือกฎหมายสุงสุดและจากประชาชน นี่2ด้านเลยแม้ไม่ได้บัญญัติข้อความชัดเจนในกฎหมายสุงสุดก็ตาม แต่ยังเปิดทางที่3ด้วยคือไม่มีข้อบัญญัติชัดเจนห้ามให้บรรจุพุทธประจำชาติในกฎหมายสูงสุด นี่เป็นแบบจำลองการคุ้มครองพุทธประจำชาติในสมัยโบราณตลอดมา/ในสมัยประชาธิปไตยยุคปัจจุบัน ชาวไทย ควรทำตามแบบโบราณคือ พุทธเป็นศาสนาประจำชาติไทยต้องได้รับการคุ้มครองรักษาจากทั้ง2ด้านเช่นกันไม่น้อยกว่านี้คือ พระราชายุคนี้และรัฐบาลยุคนี้ต่างอยู่ใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศแทนพระราชา เราจึงต้องถึงเวลาให้กฎหมายรัฐธรรมนูญกฎหมายสุงสุดของไทยมีการบัญญัติพุทธเป็นสาสนาประจำชาติ เพื่อทำหน้าที่รักษาคุ้มครองพุทธศาสนา คุ่กับประชาชนรักษาคุ้มครองพุทธสาสนาด้วยนี่เป็น2ด้านหลักไหม่เพื่อรักษาพุทธศาสนาประจำไทยในสมัยระบบประชาธิปไตยต่อไปไม่ผิดตามจารีตไทยโบราณที่เปิดทางให้ตลอดมาและไม่ผิดหลักการของรัฐธรรมนูญทั่วโลกด้วยครับ........ผมpeach-yanunหรือนาย20มกราคม ขอออกความเห็นเท่านี้ครับ |
|
|
|
|
 |
Dara
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
13 มิ.ย.2007, 12:18 pm |
  |
เห็นด้วย สมควรบัญญัติพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทย เพื่อคุ้มครองและจรรโลงพระพุทธศาสนาให้อยู่คู่กับชาติไทยสืบจากนี้ไป ทำเสียในรุ่นที่ยังมีคนเข้าใจถึงคุณค่าของพระพุทธศาสนาอยู่ |
|
|
|
|
 |
คนตัวเล็ก
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
13 มิ.ย.2007, 12:56 pm |
  |
ศาสนาพุทธจะเป็นศาสนาประจำชาติหรือไม่ ? ก็ไม่มีความแตกต่างอะไรมากมาย เพราะถ้าจิตสำนึกยังไม่ยอมที่จะเปิดรับกับธรรมะที่แท้จริง โดยทั่วไปหลายๆท่านบอกว่านับถือศาสนาพุทธ อยากถามว่ารู้จักแก่นแท้ของพุทธศาสนาดีแล้วหรือยัง ? คำสอนของพระพุทธองค์ สอนให้เรารู้จักความพอดี และเดินทางสายกลาง ทางที่ดีไม่ต้องไปเรียกร้องมากหรอก เราน่าจะร่วมมือกันส่งเสริมและทำนุบำรุงและเผยแผ่พุทธศาสนาให้ดีกว่านี้ อย่าเอาเวลาไปนั่งประท้วงกันเลยยิ่งพระสงฆ์หรือผู้ปฏิบัติธรรม ไปนั่งประท้วงกันแล้วขอบอกตรมตรงเลยว่าเป็นภาพที่ไม่น่าดูเลยทุกวันนี้ประเทศเราก็วุ่นวายเรื่องการเมืองมากพอสมควรอย่าเอาปัญหาที่มาจากความอยากไปสร้างความกดดันรัฐบาลอีกเลย เรามาหันหน้าร่วมกันแก้ไขปัญหาของประเทศเราจะดีกว่า
รักษาจิต ไว้ให้ดี
ทำหน้าที่ ให้ถูกต้อง
มีสติ ไม่บกพร่อง
ความเศร้าหมอง จะหมดไป |
|
|
|
|
 |
|