| ผู้ตั้ง | 
ข้อความ | 
wiroot999 
บัวผลิหน่อ 
 
 
  
เข้าร่วม: 25 เม.ย. 2007 
ตอบ: 7 
 
 
 | 
 ตอบเมื่อ:
28 เม.ย.2007, 8:01 am | 
   | 
 
 
 
จดหมายเปิดผนึก
 
 
                        เรื่อง  ขอให้กำหนดในรัฐธรรมนูญเป็นลายลักษณ์อักษรว่า
 
                                  ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไทย
 
 
 พุทธศาสนาในสมัยพุทธกาลเคยเจริญรุ่งเรืองอยู่ในหลายเมืองทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย  และบางส่วนของประเทศเนปาลในปัจจุบัน  ทั้งนี้เนื่องจากพระราชาซึ่งเป็นผู้ปกครองนับถือศาสนาพุทธ  จึงใส่ใจทำนุบำรุงพุทธศาสนา  ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการปกครอง  พระราชาที่นับถือศาสนาอื่นเข้ามาเป็นผู้ปกครองศาสนาพุทธก็เริ่มถูกริดรอนและถูกทำลายไปในที่สุด
 
 
   ในประเทศจีนพรรคคอมมิวนิสต์จีน  กำหนดว่าสมาชิกต้องไม่นับถือศาสนาใดๆ  ส่งผลให้ชาวจีนส่วนใหญ่ไม่ประกาศตนว่า  นับถือศาสนาใด  ทั้งนี้เพราะอาจเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าในชีวิตของพวกเขา
 
 
  การเมืองและการปกครองของแต่ละประเทศ จึงมีความสัมพันธ์กับศาสนาของคนในแต่ละชาติอย่างลึกซึ้ง  ไม่สามารถแยกพิจารณาออกจากกันได้  ในกรณีของประเทศในอดีต  พระมหาษัตริย์  ภายใต้การระบอบการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์  นอกจากเป็นผู้นำในการปกครองประเทศแล้ว ยังเป็นผู้นำทางพุทธศาสนาด้วย  จึงเป็นรากฐานที่สำคัญที่ส่งผลทำให้สังคมไทยเป็นสังคมที่ยึดถือแนวทางพุทธศาสนาเป็นแนวทางในการดำรงชีวิตอย่างร่มเย็น มีความสมานฉันท์และมีจิตใจเปิดกว้างต่อการเลือกนับถือศาสนาอื่นของคนไทยส่วนอื่นอีกด้วย
 
 
   ในสมัยกรุงศรีอยุธยา  พระบาทสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเคยถูกแรงกดดันจากประเทศมหาอำนาจตะวันตกขอร้องแกมบังคับให้พระองค์ท่านเปลี่ยนการนับถือพุทธศาสนาไปเป็นการนับุถือศาสนาอื่น  แต่พระองค์ท่านก็ใช้พระปรีชา สามารถ  หลีกเลี่ยงภาวะกดดันดังกล่าวไปได้โดยปราศจากข้อขัดแย้ง  แต่ส่งผลทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์  ยอมรับการเป็นอัครศาสนูปถัมภกของทุกศาสนาในประเทศไทย
 
 
  ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง  พ.ศ. 2475 สถาบันพระมหากษัตริย์มิได้อยู่ในฐานะผู้ปกครองเช่นในอดีต  แต่มีสถานะเป็นประมุขของประเทศ โดยมีนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ในการบริหารประเทศ รัฐธรรมนูญได้กำหนดให้พระมหากษัตริย์เป็นพุทธมามกะ และเป็นอัครศาสนนูปถัมภก แต่ไม่มีข้อกำหนดใดๆ  เกี่ยวกับการนับถือศาสนาของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเลย
 
 
 สังคมไทยแตกต่างจากสหรัฐอเมริกาในประเด็นเรื่องภูมิหลังการเลือกนับถือศาสนาของคนในชาติกล่าวคือ  คนอเมริกันเชื้อสายอังกฤษ  อพยพจากยุโรปเพื่อหลยหนีอำนาจรัฐที่เข้มงวดต่อวิถีการดำรงชีวิตของพวกเขา  รวมทั้งข้อจำกัดในการเลือกนับถือศาสนา  ทำให้พวกเขาเดินทางไปแสวงหาดินแดนใหม่  เพื่อจัดตั้งประเทศที่พวกเขามีอิสระจากอำนาจรัฐที่เข้มงวด  รวมทั้งการเลือกนับถือศาสนาเป็นเสรีภาพของประชาชน  แต่กรณีของประเทศไทย  คนไทยไม่เคยถูกบังคับในเรื่องการนับถือศาสนาใดๆ  คนไทยมีเสรีภาพในการเลือกนับถือศาสนาอยู่แล้วแต่คนไทยส่วนใหญ่เลือกนับถือศาสนาพุทธ เพราะเห็นว่าหลักคำสอนพุทธศาสนา ทำให้สังคมมีความร่มเย็นเป็นสุข อย่างไรก็ตาม ชาวไทยส่วนใหญ่ที่เป็นพุทธศานิกชนก็ไม่เคยมีพฤติกรรมข่มขู่คุกคามคนไทยที่นับถือศาสนาอื่นๆ
 
 
 พุทธศานิกชนไทยบางท่านที่ศึกษาหลักศาสนาพุทธอย่างลึกซึ้ง  อาจมองเห็นว่า  การเรียกร้องให้กำหนดว่า  ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติของไทยไว้ในรัฐธรรมนูญนั้น เป็นข้อเรียกร้องให้กำหนดว่า  ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติของไทยไว้ในรัฐธรรมนูญนั้น  เป็นข้อเรียกร้องที่เป็นเพียง เปลือกหรือกระพี้  ไม่ใช่ แก่น  ซึ่งเป็นสาระสำคัญ  แต่ถ้าเราพิจารณากันอย่างรอบด้านโดยไม่ประมาทแล้วจะพบว่าถ้าขาด  เปลือกหรือกระพี้  ที่แข็งแรง แก่นพุทธศาสน์ ก็อยู่ไม่ได้เช่นเดียวกัน
 
 
 คนไทยส่วนใหญ่ (สถิติปี พ.ศ. 2543   จำนวนประชากรประมาณ 57 ล้าน)  ที่นับถือพุทธศาสนา มีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะร้องขอให้มีการกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญว่า  ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไทยทั้งนี้เพื่อเป็นหลักประกันว่า พวกเขาจะสามารถมีวิถีการดำรงชีวิตตามแนวพุทธได้ทั้งในปัจจุบันและอนาคตโดยปราศจากการข่มขู่และคุกคามใด ๆ ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงในทางการเมืองและการปกครอง  ซึ่งอาจส่งผลต่อการเลือกนับถือศาสนาของคนในชาติ
 
 
พวกเราจึงขอเรียกร้องให้กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญและสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.)  ได้กำหนดให้ศาสนาประจำชาติไทย  และขอเรียกร้องชาวไทยทั้งมวลให้ร่วมกับสนับสนุนข้อเรียกร้องนี้กันอย่างกว้างขวาง | 
 
        
          |   | 
         
 | 
 
 
 | 
   | 
  | 
ผ่านมา 
ผู้เยี่ยมชม 
  
 
 
 
 
 | 
 ตอบเมื่อ:
29 เม.ย.2007, 1:37 pm | 
   | 
 
 
 
คนศาสนาอื่นนะถ้าออกมาคัดค้านการบัญญัติให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติก็คือศาสนิกชนชั้นเลวของศาสนานั้นๆ แหละครับแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้ที่มีจิตใจคับแคบมีจิตอิจฉาริษยา ถ้าหากเราจะมัวเกรงใจกับคนเลวๆ ประเภทนี้อยู่ประเทศชาติไม่มีวันเจริญหรอกครับ ที่ถูกต้องก็ควรที่จะร่วมอนุโมทนายินดีกับเราชาวพุทธที่ถึงจะถูกและจะเป็นเรื่องที่สวยงามอันแสดงถึงเป็นผู้ที่มีธรรมในใจของท่าน..
 
 
ลองอ่านพระราชนิพนธ์ของ ร.4 ดูครับ
 
คัดจากพระราชนิพนธ์ใน ร. ๔ ....
 
ประกาศพระราชทานส่วนกุศลทรงบริจาคเพชรใหญ่ประดับอุณาโลมพระแก้วมรกต
 
ประชุมประกาศรัชกาลที่ ๔ เล่ม ๑ องค์การค้าของคุรุสภา, ๒๕๒๘, หน้า ๘๒
 
 
ความว่า
 
".........การพระราชบริจาคอันนี้ทรงพระราชดำริเห็นว่า
 
ไม่ขัดขวางเป็นเหตุให้ท่านผู้ใดขุ่นเคืองขัดใจเลย
 
พระนครนี้เป็นถิ่นของคนนับถือพระพุทธศาสนามาแต่เดิม
 
ไม่ใช่แผ่นดินของศาสนาอื่น คนที่ถือศาสนาอื่นมาแต่อื่นก็ดี
 
อยู่ในเมืองนี้ก็ดี จะโทมนัสน้อยใจด้วยริษยาแก่พระพุทธศาสนาเพราะบูชาอันนี้ไม่ได้
 
ด้วยไม่ใช่เมืองแห่งศาสนาตัวเลย ถ้าโทมนัสก็ชื่อว่าโลภล่วงเกินไป........" | 
 
        
          |   | 
         
 | 
 
 
 | 
 | 
  | 
เพื่อนผ่านมา 
ผู้เยี่ยมชม 
  
 
 
 
 
 | 
 ตอบเมื่อ:
29 เม.ย.2007, 10:10 pm | 
   | 
 
 
 | 
 | 
  | 
ผู้เยี่ยมชม 
 
  
 
 
 
 
 | 
 ตอบเมื่อ:
06 พ.ค.2007, 2:04 pm | 
   | 
 
 
 | 
 | 
  | 
วิภา 
ผู้เยี่ยมชม 
  
 
 
 
 
 | 
 ตอบเมื่อ:
09 พ.ค.2007, 12:44 pm | 
   | 
 
 
 
ถ้าเป็นศาสนาประจำชาติแล้ว
 
คนไทยจะรักษาศีล 5 ได้
 
ก็จะสนับสนุน
 
แต่ถ้าให้เป็นแต่ปาก หรือลายลักษณ์อักษร
 
ไม่ปฏิบัติ
 
ก็ไม่มีประโยชน์
 
น่าจะรณรงค์ให้คนไทย
 
หันมาปฏิบัติธรรม
 
เลิกพูดโกหก เลิกอยากได้ของคนอื่น เลิกผิดลูกเมียเขา เลิกอิจฉาริษยาผู้อื่น เลิกปากว่าตาขยิบ
 
จะดีกว่ามั้ยคะ | 
 
        
          |   | 
         
 | 
 
 
 | 
 | 
  | 
ผู้เยี่ยมชม 
 
  
 
 
 
 
 | 
 ตอบเมื่อ:
09 พ.ค.2007, 1:33 pm | 
   | 
 
 
 
จะรักษาศีล ๕ ศีล ๘  ศีล ๑๐  เป็นต้นก็เหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง  
 
แต่ให้เขียนไว้ว่า พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทยแค่นี้เอง  
 
และชาวพุทธจะไปวัดไหน ปฏิบัติกรรมฐานรูปแบบใดก็ทำได้คือเก่า | 
 
        
          |   | 
         
 | 
 
 
 | 
 | 
  | 
เศษพุทธทาส 
บัวใต้น้ำ 
 
 
  
เข้าร่วม: 08 เม.ย. 2007 
ตอบ: 121 
 
 
 | 
 ตอบเมื่อ:
09 พ.ค.2007, 2:45 pm | 
   | 
 
 
 
การมีพุทธเป็นศาสนาประจำประเทศชาติไทยก่อนในรัฐธรรมนูญ จะทำให้ในอนาคตยาวนานไทยไม่มีช่องโหว่ใดๆ ที่จะเปิดโอกาสให้คริสต์หรืออิสลามหรือศาสนาอื่นใด เป็นศาสนาประจำประเทศชาติไทยได้ และชี้นำสงครามได้ นอกจากชาวพุทธจะล้มเลิกกันเอง | 
 
        
          |   | 
         
 _________________ ทำวันนี้ให้ดีและต้องรู้ไว้ว่า ทำดีเพื่อดี ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ อุปสรรคไม่มี บารมีไม่เกิด | 
 
 
 | 
   | 
  | 
รักมั่นต่อพระพุทธเกินใจ 
ผู้เยี่ยมชม 
  
 
 
 
 
 | 
 ตอบเมื่อ:
25 พ.ค.2007, 5:29 pm | 
   | 
 
 
 
เมื่อพุทธศาสนาหาย มลายไปจากโลก ทุกคนจะลืมเลือนทั้งแก่นแท้และกระพี้ ของพุทธะกันแน่นอน เพราะสติปัญญาคนไม่ถึงที่จะฟื้นคืนไหม่ได้ เอง ดังนั้นมาร่วมใจกันรักษาพุทธศาสนาทุกทางทั้งรัฐธรรมนูญกันครับเพื่อให้คงอยู่คู่ไทยและโลกสืบทอดยาวนานที่สุดให้ได้ถึง 10000 ปีกัน อย่างน้อยสำหรับผม ถ้าพุทธเกิดไม่มีในโลกแล้ว ผมจะยึดมั่นในพระราชาทรงคุณธรรมเพื่อชาติและโลกครับ หรือไม่ก็นักสมาธิที่ฝึกจิตสงบจนมีปาฏิหารย์จริงจริง เพื่อช่วยเหลือคนและชาติ สมาธิทั่วไปจะยังอยู่ แต่สมาธิขั้นพุทธจะหายไปเท่านั้นเอง ///////// | 
 
        
          |   | 
         
 | 
 
 
 | 
 | 
  | 
20 มกราคม 
ผู้เยี่ยมชม 
  
 
 
 
 
 | 
 ตอบเมื่อ:
09 มิ.ย.2007, 11:22 pm | 
   | 
 
 
 
ขอยืนยันว่าหลักของรัฐธรรมนูญทั่วโลกไม่ได้มีข้อห้ามให้มีศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ คำนิยามที่ยกมาก็มาจากแบบประเทศที่ไม่ประกาศสาสนาประจำชาติ.แท้จริงในรัฐธรรมนูญจะมีสาสนาประจำชาติหรือไม่ ก็ได้ ขึ้นอยุ่กับว่าประชาชนต้องการอย่างไรให้รัฐธรรมนูญมีข้อเฉพาะแสดงถึงประจำชาติหรือไม่ 
 
ขอยืนยันว่า ราชจารีตประเพณีไทยและจารีตประเพณีของประชาชนไทย ต่างยืนยันว่า ไทยมีพุทธเป็นศาสนาประจำชาติและจารีตประเพณีไทยไม่ได้ห้ามให้บรรจุพุทธเป็นศาสนาประจำไทยในกฏหมายสุงสุดของไทยด้วยตลอดมายังเปิดทางให้ตลอดมา แสดงว่าตามหลักกฏหมายของไทยแต่โบราณไม่ได้มีข้อบัญญัติห้ามบรรจุพุทธเป็นสาสนาประจำชาติไว้ในกฏหมายสุงสุดเลยตลอดมายังเปิดทางให้ตลอดมา ดังนั้นเราบอกได้ว่า การบรรจุพุทธเป้นศาสนาประจำชาติไทยในกฎหมายสุงสุดของ ไทยไม่ผิดตามจารีตของไทยและไม่ผิดหลักการของทั่วโลกที่ไม่ผิดเพราะศาสนาประจำชาติไทยได้รับการคุ้มครองจากพระราชาที่อยู่เหนือกฏหมายสูงสุดของไทยแทน ในระบบราชาธิปไตย แต่ในระบบประชาธิปไตยปัจจุบัน รัฐธรรมนูญอยุ่เหนือราชา รัฐธรรมนูญกฏหมายสูงสุดจึงต้องรักษาพุทธเป้นสาสนาประจำชาติไทยแทนพระราชาต่อไป *****ผมขอสรุปให้ชัดเจนว่า ในสมัยราชาธิปไตย ศาสนาประจำชาติไทยถูกรักษาคุ้มครองทั้งจากพระราชาผุ้อยุ่เหนือกฎหมายสุงสุดและจากประชาชน นี่2ด้านเลยแม้ไม่ได้บัญญัติข้อความชัดเจนในกฎหมายสุงสุดก็ตาม แต่ยังเปิดทางที่3ด้วยคือไม่มีข้อบัญญัติชัดเจนห้ามให้บรรจุพุทธประจำชาติในกฎหมายสูงสุด นี่เป็นแบบจำลองการคุ้มครองพุทธประจำชาติในสมัยโบราณตลอดมา/ในสมัยประชาธิปไตยยุคปัจจุบัน ชาวไทย ควรทำตามแบบโบราณคือ พุทธเป็นศาสนาประจำชาติไทยต้องได้รับการคุ้มครองรักษาจากทั้ง2ด้านเช่นกันไม่น้อยกว่านี้คือ พระราชายุคนี้และรัฐบาลยุคนี้ต่างอยู่ใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศแทนพระราชา เราจึงต้องถึงเวลาให้กฎหมายรัฐธรรมนูญกฎหมายสุงสุดของไทยมีการบัญญัติพุทธเป็นสาสนาประจำชาติ เพื่อทำหน้าที่รักษาคุ้มครองพุทธศาสนา คุ่กับประชาชนรักษาคุ้มครองพุทธสาสนาด้วยนี่เป็น2ด้านหลักไหม่เพื่อรักษาพุทธศาสนาประจำไทยในสมัยระบบประชาธิปไตยต่อไปไม่ผิดตามจารีตไทยโบราณที่เปิดทางให้ตลอดมาและไม่ผิดหลักการของรัฐธรรมนูญทั่วโลกด้วยครับ........ผมpeach-yanunหรือนาย20มกราคม ขอออกความเห็นเท่านี้ครับ | 
 
        
          |   | 
         
 | 
 
 
 | 
 | 
  | 
คนฝึกหัด 
ผู้เยี่ยมชม 
  
 
 
 
 
 | 
 ตอบเมื่อ:
14 มิ.ย.2007, 3:35 pm | 
   | 
 
 
 
ที่คุณวิภา  ว่ามาว่า
 
------------------------------------
 
ถ้าเป็นศาสนาประจำชาติแล้ว 
 
คนไทยจะรักษาศีล 5 ได้ 
 
ก็จะสนับสนุน 
 
แต่ถ้าให้เป็นแต่ปาก หรือลายลักษณ์อักษร 
 
ไม่ปฏิบัติ 
 
ก็ไม่มีประโยชน์ 
 
น่าจะรณรงค์ให้คนไทย 
 
หันมาปฏิบัติธรรม 
 
เลิกพูดโกหก เลิกอยากได้ของคนอื่น เลิกผิดลูกเมียเขา เลิกอิจฉาริษยาผู้อื่น เลิกปากว่าตาขยิบ 
 
จะดีกว่ามั้ยคะ
 
 
ผมเห็นด้วยเต็มที่ครับ  มีให้ภูมิใจแต่กาย กับใจยังชั่วอยู่ เอะอะไม่ได้ตามใจก็ร่วมกันประท้วงทั้งคนหัวดำ หัวไม่ดำ (ท่านที่เป็นสมมุตติสงฆ์) อย่าให้ความเป็นผู้ที่มุ่งความหนัก(ไม่ปล่อยวาง)เลยครับเพราะท่านเคยกล่าวไว้ในตอนที่ท่านขอบวชว่าบวชเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง | 
 
        
          |   | 
         
 | 
 
 
 | 
 | 
  | 
| 
 |