Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
เรียนทางโลก
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
เศษพุทธทาส
บัวใต้น้ำ
เข้าร่วม: 08 เม.ย. 2007
ตอบ: 121
ตอบเมื่อ: 08 เม.ย.2007, 12:13 am
การที่เราเรียนหนังสือทุกวันนั้น เรียนเพราะเห็นแก่ตัวที่ต่างคนต่างต้องการตอบสนองความอยากของตนเองทางปัจจัย 4 บางคนก็ขอแค่มี บางคนก็ต้องมีเยอะ มีทั้งความสำเร็จต่างๆ ที่ผู้คนรุ่นแล้วรุ่นเล่าส่งต่อๆ กันมาให้คนรุ่นหลังได้แสวงกันต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
การเรียนเดียวนี้พยายามกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความกลัวจะเสียเปรียบ กลัวจะตกงาน กลัวว่าตัวเองจะสอบได้คะแนนไม่พอที่จะเป็นใบผ่านการทำงานต่างๆ ได้ กลัวว่าจะทำงานไม่เสร็จที่กำหนด กลัวการถูกล่อจากเพื่อน และยังอีกสารพันแปดความกลัว เมื่อต่างคนต่างก็กลัวแล้วก็ต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อที่จะเอาตัวเองให้รอด พอต่างคนต่างก็คิดจะเอาตัวรอดแล้ว ก็กลายเป็นคนเห็นแก่ตัวในที่สุด เพราะบางคนก็ตั้งหน้าตั้งเรียนอย่างเดียวไม่สนใจใคร เรียนจนได้ที่หนึ่ง จบไปก็ไปทำธุรกิจที่สงเสริมกิเลสกันต่อไปอีก สนองความเป็นมายาตัวฉันกันทั้งตัวผู้สอนและผู้เรียน ช่างเป็นกรรมที่สร้างกันอย่างไม่รู้จบจริงๆ หรือบางคนก็ถูกความกลัวเล่นงานซะจนไม่กล้าที่จะทำอะไรอีก กลายเป็นคนไม่เอาถ่าน เรียนไม่เอาไหน เพราะในห้องมีทั้งคนเก่งและไม่เก่ง แน่นอนว่าโลกนี้ต้องการแต่ผู้ที่เรียนได้ดีๆ เกรดสูงๆ ฉะนั้นจึงไม่มีที่ว่างให้คนที่เกิดมาเพราะกรรมของตัวเองที่ทำให้เป็นคนไม่เอาไหน สุดท้ายก็ต้องหนีเรียนเพราะความกลัว แล้วก็ไปเป็นเป็นโจร หรือเป็นพวกสร้างปัญหาให้สังคม โทษเขาได้ไหมครับ ? เพราะความบีบอัดอันคับแคบบิดเบือนของวงการการเรียน เพราะอุดมคติอันไร้ค่าของพวกเรา ที่ต่างก็มุ่งความสำเร็จทางวัตถุกันจนลืมหูลืมตาไม่ขึ้น ไม่สนใจว่าใครหรือสิ่งใดจะเป็นอย่างไร ข้าขอเอาตัวรอดไว้ก่อน ใช่ไหมครับ ?
ในมหาลัยล้วนมีแต่วิชาที่สอนให้คนออกไปรบกัน ต่อสู้กัน จนเลือดท่วมแผ่นดินไปไม่รู้กี่ลิตรแล้ว ในสภา หรือที่ประชุมทุกที่ต่างก็มุ่งเน้นประโยชน์ส่วนตนทั้งนั้น มันยิ่งกว่าสนามโคลีเซียมของโรมในสมัยโรมันเสียอีก สรุปแล้วที่เราเรียนกันเนี้ยะมันแย่มากเลยว่าไหมครับหากมหาลัยไม่ให้ความสำคัญกับหลักพุทธวิถีธรรมะ ธรรมมะที่ไม่ว่าใครก็สามารถเรียนได้ ธรรมะสำหรับชีวิตอย่างพอเพียง ทำไมมหาลัยถึงไม่ยอมให้วิชาจำพวกนี้ เป็นวิชาหลักกันนะ หรือเพราะความกลัวอีก ? ความกลัวที่ถูกครอบงำตามๆ กันมาเหมือนพิษพันธุกรรมยังไงยังงั้น กลัวว่าจะแข่งกับเขาไม่ได้ ถ้าเรียนวิชาอะไรไรสาระแบบนี้ เพราะแบบนี้มหาลัยถึงมีแต่พวกอวิชชา ยิ่งเรียนยิ่งอวิชชา หรือยิ่งเรียนยิ่งโง่
เพราะฉะนั้นจงทำให้มหาวิทยาลัย เป็นมหาวิชชาลัยกันเถอะครับ ดีไหม ?
_________________
ทำวันนี้ให้ดีและต้องรู้ไว้ว่า ทำดีเพื่อดี ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ อุปสรรคไม่มี บารมีไม่เกิด
แก้ไขล่าสุดโดย เศษพุทธทาส เมื่อ 10 เม.ย.2007, 2:33 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
จิตงาม
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 06 มี.ค. 2007
ตอบ: 86
ตอบเมื่อ: 08 เม.ย.2007, 5:42 am
คิดง่ายๆ ล่ะกัน อีกสักห้าปีต่อไปนี้คนที่เรียนจบม.6 ก็เทียบเท่ากับ ม.3
จบป.ตรี เทียบเกรดเท่า ม.6
จบป.โท เทียบเกรดเท่า ป.ตรี
จบป.เอก เทียบเกรดเท่า ป.โท
คนที่จบม.3 เทียบจบ ป.สี่
นี่แหละการศึกษาเมืองไทย แข่งกันเรียน จนล้นตลาด ต้องถีบตัวเองให้ได้ มหาลัยเมืองไทยก็ตอบสนอง ขอให้มาเงินมาเรียน ประเดี๋ยวก็จบ สังเกต คนจบป.โท ซิ ตกงานเป็นแถว งานที่ทำก็ไม่ต่างกับป.ตรี
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 08 เม.ย.2007, 6:40 am
คนล้นงานก็เป็นแบบนี้แหละ
รัฐบาลต้องเก่ง ติดต่อค้าขายระหว่างประเทศ มีการค้าการลงทุน สร้างงาน...
แต่ปัจจุบันรัฐบวม...มีเหมือนไม่มี
ผู้มาเยือน
บัวผลิหน่อ
เข้าร่วม: 09 เม.ย. 2007
ตอบ: 5
ที่อยู่ (จังหวัด): ปทุมธานี
ตอบเมื่อ: 10 เม.ย.2007, 1:26 pm
การเรียนมีจุดประสงค์ที่จะนำความรู้ไปสร้างประโยชน์ ในอดีตยุคที่เขาทำสงครามล่าอาณาเขต การเรียนของเราปกป้องชาติเอาไว้ได้ หมายความว่าถ้าชาติไทยไม่ตกเป็นเมืองขึ้นชาติตะวันตก ศาสนาพุทธจะคงไม่ถูกทำลายง่ายๆ แต่ถ้าไทยตกเป็นเมืองขึ้นชาติตะวันตก ก็ไม่เสมอไปที่ศาสนาพุทธในไทยจะคงเจริญอยู่ได้แบบประเทศพม่า และลาว เพราะไทยเราไม่ปิดกั้นทางศาสนาอยู่แล้ว ประเทศไทยเราไม่ใช่อย่างอินเดีย ทางอินเดียมีทางเชื่อทางศาสนาอย่างแนบแน่น ยากที่ศาสนาใดจะเข้าไปตั้งในอินเดียได้ง่ายๆ แต่ถ้าไทยได้เป็นไท พระราชายังคงเป็นผู้บำรุงพระศาสนา และยังคงมีการสนับสนุนจากภาครัฐต่อเนื่อง ถึงแม้จะมีประชาชนให้ความสำคัญต่อศาสนาพุทธน้อย แต่ยังไงพระศาสนานี้ก็จะไม่สิ้นไปง่ายๆ
_________________
-เรามีความแก่เป็นธรรมดา-
-เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา-
-เรามีความตายเป็นธรรมดา-
-เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น-
-เรามีกรรมเป็นของตน-
ผู้มาเยือน
บัวผลิหน่อ
เข้าร่วม: 09 เม.ย. 2007
ตอบ: 5
ที่อยู่ (จังหวัด): ปทุมธานี
ตอบเมื่อ: 10 เม.ย.2007, 1:33 pm
แต่การเรียนในยุคนี้ ไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว ก็ถูกอย่างที่คุณเศษพุทธทาว่าไว้ ดังนั้น เราจำเป็นต้องใช้การศึกษาในยุคนี้ และเทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาให้มากที่สุด เพราะไม่ใช่ว่าเด็กสมัยนี้จะไม่สนใจศาสนา มีที่สนใจก็มาก แต่ที่ไม่สนใจออกจะเป็นภาพใหญ่ส่วนใหญ่เสียมาก เพราะอะไร เพราะเขาไม่ได้รับการส่งเสริมแต่วัยเด็กนะสิ การศึกษาต่อให้ส่งเสริมความเห็นแก่ตัวมากเพียงไรแต่ถ้ามีการปิดกั้นจากใจผู้เรียน ย่อมไม่มีผลต่อผู้เรียนที่จะเห็นแก่ตัวตามโลกเสมอไป...
_________________
-เรามีความแก่เป็นธรรมดา-
-เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา-
-เรามีความตายเป็นธรรมดา-
-เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น-
-เรามีกรรมเป็นของตน-
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
สนทนาธรรมทั่วไป
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
ไม่สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th