Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 วรรณะโลกวุ่นวาย วรรณะธรรมไม่วุ่นวาย อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ปทุมช่อต้องฝน
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 06 เม.ย. 2007
ตอบ: 3

ตอบตอบเมื่อ: 06 เม.ย.2007, 2:08 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สวัสดีครับ ต่อไปนี้ขอกล่าวเรื่องความแตกต่างของ วรรณะโลก วรรณะธรรม ตามที่ตนเข้าใจ

วรรณะ คือ ลำดับชั้น มีการแบ่งแยกเป็นกลุ่ม และในส่วนของผู้ศึกษาธรรมขอกล่าวว่า

วรรณะทางโลกนี้วุ่นวาย เหตุที่วุ่นวาย เป็นเพราะขาดผลประโยชน์อย่างเดียวกัน จึงแตกกแยกกัน แย่งชิงกัน ทะเลาะเบาะแว้งกันจนอาจถึงขั้นรบราฆ่าฟันประหารชีวิต ดั่งเช่นในประวัติศาสตร์โบราณ ต้องนองเลือดกันเป็นร้อยหมื่นเพียงแค่ผลประโยชน์ส่วนตนของคนกลุ่มน้อย นี่เรียกว่าวุ่นวายโดยใช่เหตุ

วรรณะทางธรรมไม่วุ่นวาย แม้นว่ามีการแบ่งแยกกัน มีการจัดลำดับชั้น มีการแบ่งกลุ่ม แต่ไม่วุ่นวาย เหล่าผู้ถือธรรม ผู้อยู่ในเหล่าชั้นวรรณะทางธรรม ไม่มีแตกแยกกัน ไม่มีแย่งชิงกัน ไม่มีรบราฆ่าฟันกันเหมือนสงครามในอดีต ไม่มีความวายวุ่นวายวอด ด้วยสามัคคีธรรมคล้องใจปรองดองกัน ถือธรรมเป็นประโยชน์เดียวกัน จึงไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเช่นกลุ่มวรรณะทางโลก ผู้แบ่งแยกกัน ผู้แตกแยกกันด้วยผลประโยชน์ที่แตกต่างกัน ผู้แย่งชิงกัน ผู้รบราฆ่าฟันกัน เป็นกลุ่มบุคคลผู้ขาดสามัคคีธรรม จึงเกิดความไม่สงบ มีแต่ความวุ่นวาย นี่คือความแตกต่างของวรรณะทางโลกและวรรณะทางธรรม

วรรณะธรรมแบ่งแยกกันด้วยระดับธรรม เช่นท่านผู้นี้ปฏิบัติธรรมอะไร ท่านผู้นี้ได้ธรรมอะไร ท่านผู้นี้คือเทพดา ท่านผู้นี้คือโสดาบัน ท่านผู้นี้คือสกิทาคามี ท่านผู้นี้คืออนาคามี ท่านผู้นี้คืออรหันต์ แม้นมีแบ่งแยกกันเป็นชั้นดังกล่าว แต่ไม่แตกแยกกัน สมัยพุทธกาลโบราณก็มีการแบ่งเป็นขั้นดังว่า ผู้บวชห่มผ้าเหลืองคือสงฆ์ ผู้ยังครองเรือนเองคือพุทธมามกะ แม้นก่อนหน้านี้จะเป็นใดมา เคยเป็นพ่อค้าผู้รวยร่ำ เคยเป็นขุนนางผู้มากศักดิ์ เคยเป็นทาส เคยเป็นโจร เคยเป็นกษัตริย์ เคยเป็นพรามณ์ เคยถือศาสนาอื่น เมื่อเชื่อมาทางธรรม มาถือธรรมของพระพุทธเจ้าสิทธัตถะ วรรณะทางโลกจะคลายไป กลายเป็นวรรณะทางธรรม ห่มผ้าเหลืองแล้วนับกันที่พรรษา นับกันที่ระดับธรรม ไม่มีการแบ่งลำดับอย่างวรรณะทางโลก ว่าเคยเป็นใดมา ถือธรรมเป็นประโยชน์เดียวกันคือความดีงาม วรรณะทางธรรมจึงไม่วุ่นวายดั่งวรรณะทางโลก

ผู้นับถือธรรมของพระพุทธเจ้าสิทธัตถะ จึงควรภูมิใจ ว่าศาสดาของตนมิได้กระทำกิจเป็นขอทาน เพราะทางโลกนี้เจ้าชายก็ใช่ย่อย เป็นผู้มีเชื้อสายกษัตริย์ มากด้วยกำลังทรัพย์และบริวาร แต่ได้วางโลกมาถือธรรม บรรลุสัจธรรมอันประเสริฐ เผยแพร่ธรรมอันดีงาม เป็นเสมือนแสงนำทางของผู้หลงผิด ยังความสงบสุขแก่ผู้มีปัญญาเข้าใจธรรม เกิดเป็นพุทธศาสนาสืบต่อมาจนถึงกาลปัจจุบัน

วรรณะธรรมจึงมีดีดังว่ามาทั้งหมดนี้ ท่านผู้ใดรู้มากกว่า ถูกต้องกว่า ฝากคำชี้แจงไว้ จะขอบพระคุณมากครับ สวัสดี

สาธุ สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
จิตอิสระ
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 06 เม.ย. 2007
ตอบ: 7

ตอบตอบเมื่อ: 06 เม.ย.2007, 3:09 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

วรรณะทางธรรมก็มีตัวอย่างวุ่นวายให้เห็นเหมือนกันครับ
ตัวอย่างง่ายๆก็เช่นตำแหน่งพระสังฆราช
เปรียบเหมือนความมืดสีขาวที่ดูเหมือนดี แต่ไม่ดีจริง
ผิดกับทางโลกที่เป็นความืดสีดำ จึงเห็นข้อบกพร่องได้ง่ายและชัดเจน

วรรณะทางธรรมจะไม่วุ่นวายก็ต่อเมื่อมีผู้เข้าใจธรรมจริงๆเป็นส่วนใหญ่ครับ

เจริญในธรรมครับ สู้ สู้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
จริยา
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 05 เม.ย. 2007
ตอบ: 14
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 06 เม.ย.2007, 11:18 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถ้าคุณเปรียบวรรณะเป็น มณฑล....

วรรณะไหนๆก็วุ่นวายได้นะคะ หากผู้อยู่ในวรรณะนั้นๆ ไม่ถ่องแท้ในธรรมอย่างแท้จริง


"สงบระงับจากกิเลสไม่ได้ ย่อมมีความวุ่นวายเป็นธรรมดา"


สาธุ ธรรมะสวัสดีค่ะ
จริยา
 

_________________
"...ท้ายสุด คือ สุดท้าย ลมหายใจแผ่ว ๆ เบา
รอวันเป็นถ่านเถ้า คืนสู่เหย้า..ประสมดิน... "
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวYahoo Messenger
ปทุมช่อต้องฝน
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 06 เม.ย. 2007
ตอบ: 3

ตอบตอบเมื่อ: 07 เม.ย.2007, 5:44 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอบคุณมากครับที่เข้ามาอ่านและแสดงความคิดเห็นฝากไว้

บัวชื่นเมื่อฝนปราย ละอองซ่านเซ็นดอกหญ้า ปทุมใจนี่เช่นเดียว ชื่มมื่นเมื่อธรรมโปรย

สาธุ ยินดีในธรรมแก่ผู้ถือธรรมครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง