ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
จิตงาม
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 06 มี.ค. 2007
ตอบ: 86
|
ตอบเมื่อ:
02 เม.ย.2007, 8:27 pm |
|
มีใครทราบประวัติของหลวงพ่อบ้างค่ะ ทำไมใครต่อใครจึงเอ่ยนามท่านว่า "หลวงพ่อฤาษีลิงดำ" .......ช่วยอธิบายด้วยค่ะ
ได้ไปอ่านวัดสุดท้ายของท่าน รู้สึกจิตเศร้าไปพัก อ่านแล้วซึ้ง จนรู้สึกตัวเองอ่อนแอจังค่ะ อ่านจบ รู้สึกถึงความดีของท่านที่สร้างสมมามากมาย ถึงที่สุด การเกิดแก่ เจ็บตาย การพลัดพราก ก็ต้องมาถึงทุกคน
หลวงพ่อท่านมีแต่ความดี คนจึงรักและบูชาท่าน ระลึกถึงท่านตราบจนทุกวันนี้ อ่านวันสุดท้ายของท่านแล้วทำให้ได้ข้อคิดมากมายจริงๆ |
|
|
|
|
|
ผู้รู้
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
02 เม.ย.2007, 10:21 pm |
|
|
|
|
จิตงาม
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 06 มี.ค. 2007
ตอบ: 86
|
ตอบเมื่อ:
03 เม.ย.2007, 4:48 am |
|
|
|
|
จิตงาม
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 06 มี.ค. 2007
ตอบ: 86
|
ตอบเมื่อ:
03 เม.ย.2007, 7:26 am |
|
สงสัยไม่มีใครรู้ที่มาที่ไป ของฉายาท่านมั้ง ทำไงนะถึงจะได้รู้ |
|
|
|
|
|
ผู้รู้มาแว้วว
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
03 เม.ย.2007, 7:38 am |
|
เนื่องจาก เรื่องหลวงพ่อปานกับศิษย์ ที่หลวงพ่อเล่า เป็นเรื่องสนุกคุณอ๋อยและคณะศิษย์ จึงพากันขอร้องให้หลวงพ่อทำการเขียนเรื่อง หรือบันทึกเสียงไว้ให้ถอดเทปเนื่องจากเกรงว่าหากสิ้นท่านไปเรื่องจะสูญ จะรวบรวมเล่ากันในภายหลังก็คงจำได้ไม่หมด และสำนวนจะไม่สนุกเท่าท่านเล่าเอง ข้อสำคัญ นอกจากความบกพร่องจะต้องมีแล้ว คนอื่นก็จะหาความว่า พวกศิษย์แต่งขึ้นเอง เลยทำให้ขาดความเชื่อถือได้ หลวงพ่อก็ทำให้ เมื่อทำให้แล้ว พล.อ.ท.ม.ร.ว.เสริม ก็ถอดเทปแล้วจัดพิมพ์โรเนียวอ่านกันเองสนุกๆ
ต่อมาคุณอรอนงค์ อรรถไกวัลวที ขออนุญาตหลวงพ่อเอาไปจัดพิมพ์งานศพคุณหลวงอรรถไกวัลวที ผู้เป็นบิดา หลวงพ่อก็อนุญาต หนังสือนี้คณะศิษย์ขอหลวงพ่อว่า ขอตัดชื่อของท่านและสถานที่ออกเสียเพื่อเป็นการป้องกันคนที่จะกล่าวหาว่า อวดอุตริมนุสธรรม หรือเขียนหนังสือหลอกลวงเพื่อหาลาภผล และขอให้ท่านตั้งนามปากกาขึ้น ท่านก็บอกว่าเอานามปากกา ฤาษีลิงดำ ก็แล้วกัน ส่วนชื่อหนังสือนั้นพวกศิษย์ตั้งว่า ประวัติหลวงพ่อปาน แต่ความจริงแล้วปนกันไปหมด ประวัติหลวงพ่อปานมีน้อยนิด แต่ก็ไม่ทราบจะเรียกอย่างไรเพราะ นามปากกาฤาษีลิงดำ ซึ่งหลวงพ่อบอกว่า หลวงพ่อปานท่านชอบเรียกตัวท่านว่า ลิงดำ เติม ฤาษี เข้าไปด้วยจะได้รู้ว่าเป็น ผู้บำเพ็ญ ไม่ต้องการให้เข้าใจว่าเป็นพระเขียน และนี่คือที่มาของสรรพนามท่าน
สรุปแล้ว คำว่า ฤาษีลิงดำ ความจริงเริ่มต้นด้วยการใช้เป็น นามปากกา และก็หวังว่าทุกๆ ท่านที่ยังไม่ทราบและสงสัยในชื่อนี้ก็ได้ทราบที่มาของชื่อนี้แล้ว และลำดับต่อนี้ไป ขอเชิญท่านคลิกเข้าไปดูตามคอลัมน์ต่างๆ ตามที่กล่าวมาแล้วตามใจชอบ บางคอลัมน์อาจจะยังไม่เรียบร้อยหรือยังไม่ได้นำมาลงตามที่อ้างถึงก็ต้องขออภัยเพราะต้องตรวจดูให้เรียบร้อยก่อน และถ้าแม้ความผิดพลาดใดๆ ที่บังเอิญเกิดขึ้นโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ข้าพเจ้าขอน้อมรับในความผิดนั้นแต่ผู้เดียว
http://www.sitluangpor.com/title.html |
|
|
|
|
|
ต้นบ้าว
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
03 เม.ย.2007, 9:24 am |
|
เมื่อครั้งยังเด็กท่านซนมาก หลวงพ่อปาน เลยเรียกท่านว่า ลิงดำ และเรียกพระอีกองค์ที่คู่กันกับท่านว่า ลิงขาว |
|
|
|
|
|
จิตงาม
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 06 มี.ค. 2007
ตอบ: 86
|
ตอบเมื่อ:
04 เม.ย.2007, 1:27 am |
|
ขอบคุณมากค่ะ สำหรับความชัดเจน |
|
|
|
|
|
สมพร
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
04 เม.ย.2007, 9:44 am |
|
ประวัติโดยย่อของท่าน เมื่อวัยเด็ก โยมแม่ท่านจะให้หลวงพ่อท่านภาวนาว่าพุทโธทุกวัน ตั้งแต่ยังเด็ก วันไหนถ้าท่านหลับไปก่อน โยมแม่ก็จะปลุกให้ภาวนา พุทโธ สามคำแล้วค่อยนอนได้ มีอยู่วัน น้าชายทำยำหอยโข่ง ท่านก็ไปกินด้วย กินไปมากจนเกิดอาการท้องเดินอย่างแรง จนหมดแรง โยมแม่เห็นท่าไม่ดีเลยเอาพระพุทธรูปมาให้ดูใกล้ บอกท่านว่า ดูพระไว้พระจะช่วยให้หายเจ็บ เมื่อดูไปไม่นานนักจิตก็ออกจากร่าง ออกมาก็ไปคุยกับคนบนบ้านก็ไม่มีใครได้ยิน ท่านเลยลงจากบ้านไป ท่านก็เห็นมีกลุ่มคน เดินไปเป็นแถวยาวมาก มีคนตัวใหญ่คุมไป ท่านอยากรู้ว่าไปไหนกัน ท่านเลยเดินตามเขาไป สักพักคนคุมเห็นเข้าเลยถามว่า หนูมาจากไหน แต่งตัวเหมือนพรหม แบบนี้ไปกับลุงไม่ได้หรอก แต่ลุงก็ให้ท่านดูภาพที่จะพาคนพวกนั้นไป เป็นภาพนรกขุมต่างๆ และท่านลุงก็นำท่านไปส่งเข้าร่างเดิม ต่อมาพอโตขึ้น ไปเป็นทหารเรือ หลวงปู่ปานท่านมาสอนธรรมะ หลวงพ่อท่านอยากให้สอนดูผี หลวงปู่ท่านก็สอนให้ ต่อมาท่านเลยบวช ท่านกับเพื่อนๆสามคนซนมาก หลวงปู่เลยเรียกท่านว่า ลิงดำ และเพื่อนของท่านมี ลิงเล็ก ลิงขาว ทุกองค์ได้อรหันต์หมด ทุกวันนี้ท่านสอนวิชามโนมยิทธิไว้ ให้คนได้เห็นสวรรค์ เห็นนิพพานไดแบบสบาย ท่านไดสนใจก็ไปฝึกได้ที่วัดท่าซุงอุทัยธานี หรือที่ซอยสายลม ก็มีครับ |
|
|
|
|
|
จิตงาม
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 06 มี.ค. 2007
ตอบ: 86
|
ตอบเมื่อ:
04 เม.ย.2007, 12:25 pm |
|
สาธุ กับความชัดเจนอีกครั้ง อ่านแล้วปิติเลยนะ อ่ะๆจริงๆนะอย่างเพิ่งว่าเราบ้านา
ถ้าบุญเรามีถึง คงได้ไปวัดท่าน....บ้านท่าน...แล้วไปเจอลูกศิษย์ ที่มีวิญญาณธรรมของหลวงพ่อ มารู้จักแนะทางกับเรานะค่ะ |
|
|
|
|
|
สมพร
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
06 เม.ย.2007, 9:40 am |
|
บุญของคุณจิตงามมีมากอยู่แล้วครับ ควรรีบไปด้วยตัวเราเองจะดีกว่านะครับ ต้องเร็วๆไวๆ การฝึก จะขึ้นไปพบพระพุทธเจ้าบนพระนิพพาน เห็นพระองค์แล้ว ชื่นใจมาก พระองค์สวยมาก เห็นแล้วมีแต่ปิติ จิตเป็นสุขมาก หลวงพ่อบอกว่า ที่เราขึ้นมาได้เพราะขณะนั้นจิตเราสะอาดเท่าพระอรหันต์ชั่วคราว เราเลยมาได้ ถ้าก่อนตายเราทำแบบนี้เราก็ไปพระนิพพานเลย ทุกคนที่สนใจในธรรมส่วนใหญ่บารมีเต็มหมดแล้ว เหลือแต่ว่า จะไปกันยังไงเท่านั้นเองครับ วิชาของหลวงพ่อยิ่งใหญ่มากผมฝึกแล้วเห็นผลมาก เคยออกจากกายไปทั้งหมด จิตเป็นสุขมาก ทุกวันนี้ไม่กลัวตายเลย มีแต่อยากตายไวๆ เพราะเราออกจากกายไป เราจะมีความสุขมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเลย aeiouaaa@hotmail.com |
|
|
|
|
|
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
06 เม.ย.2007, 9:58 am |
|
|
|
|
สมพร
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
06 เม.ย.2007, 10:29 am |
|
ความตายเป็นเรื่องธรรมดา ผมไม่ได้บอกให้คนไปฆ่าตัวตายนี่นา เพียงแต่บอกว่า ความตายไม่น่ากลัวถ้าเราทำดีก่อนตายนะครับ ตายแล้วเราก็จะไปดี |
|
|
|
|
|
จิตงาม
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 06 มี.ค. 2007
ตอบ: 86
|
ตอบเมื่อ:
06 เม.ย.2007, 5:00 pm |
|
สาธุค่ะ คุณสมพร กับคำชมว่าจิตงามเป็นผู้มีบุญอยู่มาก แต่สำหรับจิตงาม คงไม่หวังถึงต้องเห็นสิ่งใด นอกจากเห็นความดี เห็นความสงบ หลุดรอดพ้นจากภัยมารก็พอแล้วล่ะค่ะ การฝึกธรรม เพื่อหวังเห็นมากมาย รู้มากมาย คงต้องฝึกอีกนาน แสนนาน ใช่ค่ะ ความตายเป็นสิ่งที่ไม่น่ากลัว แต่ขอให้ตายในสภาพที่สวยงามหน่อยแล้วกัน บุญมีคงได้นอนหลับตายในบ้าน บนเตียงนอนขอตนเอง เห็นคนที่ตายแบบสยองๆ แล้วกลัวค่ะ |
|
|
|
|
|
ผู้รู้
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
06 เม.ย.2007, 5:17 pm |
|
ใจมันปรุงน่ะคุณ สมพร ใจมันปรุงให้ไปเหนสิ่งต่างไ หรือนิมิต เราไม่รุ้เท่าทันนิมิตนั้น ก็เลย
ยึดนิมิตนั้น ว่านิมิตน้เป็นเราเปนของเรา เราย่อมยินดีในนิมิต นั้นถ้าเปนนิมิตที่ดี ย่อมยินร้ายในนิมิต
นั้นถ้าเปนนิมิตที่ไม่ดี จิตมันไปติดที่นิมิตน่ะครับ เลยทำให้เราหลงผิดไปต่างๆนาๆ
บางคนหลงว่าเปนพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ เพราะจิตติดในนิมิตนั้น
พระพุทธองค์ทรงสอนให้ทำจิตให้ปล่อยวาง ไม่ใช่ทำจิตให้ยึดติดในสิ่งที่เห็น
ถ้าคุณสมพร เกิดนิมิตอะไรขึ้นมา ให้ทำจิตให้ เปนกลางในนิมิตนั้น ไม่ติดในส่วนใดส่วนหนึ่งทั้ง
ในนิมิต และ ตัวรู้นิมิตคือใจ คุณสมพร จะพบสภาวะที่ประเสริฐกว่านั้นครับ |
|
|
|
|
|
จิตงาม
บัวพ้นดิน
เข้าร่วม: 06 มี.ค. 2007
ตอบ: 86
|
ตอบเมื่อ:
06 เม.ย.2007, 5:33 pm |
|
เห็นด้วยกับผู้รู้นะ
บางที เราไปเห็นพวกที่ห่มขาว เดินสายเข้าวัด แต่ปฏิบัติตนตลกมากๆ บางคนเดินยิ้ม จนเกินงาม เกินธรรมชาติว่างั้นเถอะ แต่เขารู้สึกว่ายิ้มเกิดขึ้นเอง เกิดจากปิติ เราก็อ่านเจอมานะ ที่ว่า คนปฏิบัตินี่ ผิวจะงาม มันจะผ่องออกมาทั้งตัว ไม่ว่าจากดวงตา รอยยิ้ม ผิวกาย ฯลฯ คือจิตมันงาม มันสงบ มองทุกอย่างดี ย่อมเป็นแบบจริง อันนี้ยอมรับนะ เพราะทางวิทย์ฯ ก็บอกเหตุว่า เกิดขึ้นเพราะฮอร์โมนที่หลั่งออกมา
แต่บางคน คนที่หลง ก็เกิดปิติหลอน หลงบุญ มองให้ดี คนเหล่านี้น่าสงสารค่ะ ลึกๆ เขาเจอแต่สิ่งเลวร้าย เมื่อหันเข้าทางธรรม เลยอยากได้บุญ ได้อะไรที่ดีๆ เข้ามาที่ตัวเยอะๆ เพื่อกลบปมตนเอง ที่เขาเรียกกรรมไงค่ะ
เจอคนแบบนี้ เราสงสาร อยากสนทนาด้วย เพื่อให้เขารู้สึกดี แต่มันไม่ไหว คุยด้วยแล้วเราจะบ้าซะเอง |
|
|
|
|
|
สมพร
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
19 เม.ย.2007, 8:35 am |
|
ขอบคุณครับคุณผู้รู้ แต่ผมคงจะเชื่อหลวงพ่อพระราชพรหมยานแห่งวัดท่าซุงมากกว่าครับ เพราะท่านสำเร็จแล้ว ท่านสอนถูกแน่ การไปเห็นพระนิพพาน ทำให้เราชอบในที่แห่งนั้น แล้วจะไม่ให้ไปติดสิ่งดีๆคงไม่ใช่แล้วครับ พระท่านสอนให้ปล่อยวางในสิ่งไม่ดี ให้ยึดในสิ่งดี ไม่งั้นจะให้ยึดพระรัตนตรัยไว้เป็นที่พึ่งทำไม จะสอนอนุสติ ตามนึกถึงทำไม เราต้องปล่อยในสิ่งที่ไม่ดีและยึดในสิ่งที่ดี ทำจิตให้ว่างจากกิเลส ให้จิตเกาะส่วนที่เป็นกุศล อย่างนี้ถึงจะถูกต้องครับผม พอจิตอยู่ในด้านของกุศล เวลานั้นจิตจะว่างจากกิเลส อย่างนี้ถึงจะเรียกว่าปล่อยวางครับ |
|
|
|
|
|
admin
บัวทอง
เข้าร่วม: 15 ธ.ค. 2004
ตอบ: 1886
|
ตอบเมื่อ:
19 เม.ย.2007, 9:29 am |
|
นิพพาน คือ ธรรมชาติที่มีลักษณะสงบจากรูป นาม ขันธ์5 พ้นจากกิเลส เป็นธรรมชาติที่พ้นจากการถูกปรุงแต่งจากเหตุปัจจัยทั้ง4 คือ กรรม จิต อุตุ อาหาร ที่จะไปปรุงแต่งให้มันเกิดขึ้นให้มันดับไปไม่มี นิพพานเป็นธรรมที่ไม่มีการเกิดดับ เป็นอสังขตธรรม คือธรรมที่ไม่ถูกปรุงแต่งด้วยปัจจัยทั้ง 4 นิพพานมีอยู่โดยความเป็นธรรมารมณ์ นิพพานจึงไม่ใช่สถานที่
ธรรมะสวัสดี |
|
_________________ -- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง -- |
|
|
|
๛ Nirvana ๛
บัวบาน
เข้าร่วม: 09 เม.ย. 2006
ตอบ: 403
|
ตอบเมื่อ:
19 เม.ย.2007, 4:30 pm |
|
สิ่งประเสริฐที่สุดในศาสนา พุทธ คือการทำจิตไม่ให้ติด ทั้งกุศลและอกุศล หรือเรียกว่า
กรรมไม่ดำไม่ขาว เมื่อมีกรรมดำ ย่อมมีกรรมขาว การไม่ติดในกรรมดำและกรรมขาว
นั้นประเสริฐสุด เรายึดกรรมขาวไว้เพราะกรรมขาวย่อมนำมาซึ่งความสุข
เมื่อผู้ปฏิบัติ มาถึงจุดๆหนึ่งต้องละกรรมขาว เสีย ถึงจะพ้นทุกข์ได้ |
|
_________________ ขอความสวัสดีจงมีแด่ท่าน |
|
|
|
|