Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 การทำจิตใจให้สงบไม่ฟุ้งซานคิดมากมีวิธีอย่างไงบ้างครับ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
นาวิน อานนท์
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 25 มี.ค. 2007
ตอบ: 1
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรสงคราม

ตอบตอบเมื่อ: 26 มี.ค.2007, 5:36 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การทำจิตใจให้สงบไม่ฟุ้งซ่านคิดมาก มีวิธีอย่างไงบ้างครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messengerหมายเลข ICQ
กิต
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 27 มี.ค.2007, 7:20 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมว่าการเรียนในโรงเรียนหรือมหาลัยที่กระตุ้นให้คนเราคิด หาคำตอบมันก็เลยฝึกให้เราคิดไม่หยุดไม่ว่าเรื่องอะไร นานๆ เข้าก็ฟุ้งซ่าน และกลายเป็นคนขี้กังวล ผมว่าบางทีเราคิดอะไรมากๆ น่าจะหยุดคิดสิ่งนั้นก่อน เพื่อพักผ่อน เหมือนเราทำงานหนักก็ต้องนอนก่อนตื่นมาจะได้สดชื่นมีแรง

แต่ตอนแรกต้องหาให้เจอก่อนว่าเรากังวลเรื่องอะไรหรือเปล่า ถ้าแก้ไขได้ให้รีบแก้ แก้ไขยังไม่ได้พักไว้ก่อน แก้ไขไม่ได้เลย เช่นเรื่องของกรรม ก็ต้องปล่อยวาง (ปลง) หรือบางทีมันหนักมากต้องหลบไปก่อน แล้วค่อยกลับมาใหม่ แต่ความฟุ้งซ่านคือนิวรณ์ห้า ดับได้ด้วยสมาธิ แต่ก็ดับได้ชั่วคราวพอ ไม่ได้ฝึกเติมเข้าไปสมาธิก็อ่อนกำลัง ความฟุ้งซ่านก็กลับมาอีก
 
แทบเท้าพุทธองค์
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 15 มี.ค. 2007
ตอบ: 20

ตอบตอบเมื่อ: 27 มี.ค.2007, 9:07 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อานาปานสติ กับ เพ่ง วรรณกสิน 4 สงบใจฟุ้งซ่าน ครับ สาธุ
 

_________________
รับสารอาหารทางปาก
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ปาล
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 28 มี.ค.2007, 2:53 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความฟุ้งซ่านมีกันทุกคนครับ ต่างแต่มีมากน้อย ยกเว้น พระอรหันต์ครับ กับผู้มีจิตเป็นสมาธิในขั้นอัปนาสมาธิครับ ถ้าไม่อยากจะเป็นคนมีจิตใจฟุ้งซ่านก็ต้องฝึกครับ กว่าที่ใจจะสงบได้ ต้องใช้เวลาครับ แรกๆๆอาจจะอยาก ถ้าไม่ใจรักก็อาจจะเลิก จะให้ใจสงบต้องสู้ครับ ผมก็ฝึก ทำงาน ขับรถ เดิน ผมยังฝึกเลยยครับ เป็นกำลังใจให้ครับ
 
ปิงปอง ม.ราม
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 22 ม.ค. 2007
ตอบ: 6
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 04 เม.ย.2007, 3:57 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความฟุ้งซ่านรำคาญใจเป็นนิวรณ์ตัวหนึ่ง ต้องฝึกสมาธิจะช่วยให้ใจสงบมากขึ้น แม้ตอนไม่ได้นั่งก็จะมีใจเฉยๆ ที่สำคัญเราต้องอยู่กับปัจจุบันโรคประสาทจะได้ไม่มาถามหา เมื่อก่อนก็มีช่วงหนึ่งที่คิดมากชอบคิดฟุ้งซ่านแต่พอฝึกสมาธิอาการก็หายไป กลายเป็นคนที่มีความสุขกับชีวิตไม่ต้องเป็นทุกข์กับอาการคิดมาก ปัจจุบันมีความสุขตามอัตภาพ
 

_________________
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ลูกพระพุทธ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 09 เม.ย.2007, 7:07 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

จิตมีหน้าที่รับรู้อารมณ์ทาง ตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย
ถ้าจิตไม่รับรู้อารมณ์ ที่ผ่านเข้ามา ทางตา เป็นต้น คงได้แก่ผู้ที่มีอายตนะนั่นพิการ
หรือ คนตายแล้วเท่านนั้น
จิตเค้าทำหน้าที่ของเค้าอย่างนี้

แต่เพราะความที่มันมันไม่ฉลาด หรือโง่นั่นเอง
รับรู้อารมณ์ทางอายตนะนั้นๆ แล้ว ไม่หยุดแค่รู้

กลับปรุงแต่งไปตามอำนาจกิเลส คือ ชอบใจบ้าง
ไม่ชอบใจบ้าง เฉยๆ เฉื่อยๆเสียบ้าง

เมื่อโง่ให้กิเลสชักจูงไปตามอำนาจของมันอย่างนั้น ก็จึงฟุ้งซ่านบ้าง
หัวเราะบ้าง ร้องไห้บ้าง กลัวบ้าง วิตก เป็นต้นบ้าง

บัณฑิตแต่ปางก่อน ท่านฉลาด มีอุบายวิธีมากมายที่จะหยุดยั้งความฟุ้งซ่านเป็นต้นนั้น
อุบายนั่นก็ คือนำสิ่งหรือวัตถุให้มันคิด (กรรมฐาน 40 ) ให้มันคิดให้เป็นเรื่องเป็นราวเสีย
ค่อยๆ พัฒนาให้มันฉลาดในอารมณ์ รู้จักคาย (ของเสีย) รู้จักเสพ (สิ่งดี ๆ)

แต่มนุษย์ปัจจุบัน ขาดความรู้ ขาดความอดทน ไม่ฉลาดในอุบาย ฯลฯ จึงเป็นเช่นนี้
 
วรา
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 09 เม.ย.2007, 8:33 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง