ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
น้ำใส
บัวพ้นดิน

เข้าร่วม: 31 พ.ค. 2004
ตอบ: 53
|
ตอบเมื่อ:
17 พ.ย.2006, 10:25 am |
  |
พระเครื่องประจำตัว
“บุเรงนอง” กษัตริย์แห่งพม่า
ใช่เพียงแต่คนไทยที่มีความเชื่อถือในเครื่องรางของขลังเท่านั้น คนพม่าก็มีความเชื่ออย่างเดียวกัน หลักฐานที่แน่นอนอย่างหนึ่ง คือ เมื่อคราวที่ พระเจ้าบะยิ่นเนาน์ (บุเรงนอง) มหาราชผู้ชนะได้ทั้งสิบทิศแห่งกรุงหงสาวดี กษัตริย์พม่ายกทัพมาตีกรุงศรีอยุทธยา เมื่อ 400 กว่าปีก่อน ได้ให้พระมหาฤาษีภูภูอ่อง ซึ่งมีตำแหน่งเป็นพระมหาราชครูในราชสำนัก จัดสร้างและปลุกเสกพระเครื่องขึ้น ให้มีพุทธาภินิหารในทางแคล้วคลาดคงกระพันชาตรีอย่างเยี่ยมยอด สมกับเป็นพระที่จักรพรรดิ์จัดสร้างขึ้นแจกแก่ทวยทหารกล้า เพื่อไปออกรบในหัวเมืองน้อยใหญ่ต่างๆ และตรงนี้เองจึงเป็นที่มาของชื่อ “พระยอดขุนพล บุเรงนอง” จักรพรรดิ์พระเครื่องในตำนานของพม่า
หลวงพ่ออุตตมะก็ยังได้เคยเล่าให้เฉพาะศิษย์ที่ใกล้ชิดฟังว่า
“อันพระบุเรงนองนี้ พระฤาษีภูภูอ่อง ได้บรรจุไว้ที่ถ้ำแถวเมืองมะละแหม่ง (บ้านเกิดของหลวงพ่ออุตตมะ) ใกล้ชายแดนไทย-พม่า อยู่ 2 ถ้ำด้วยกัน คือ “ถ้ำผาบง” และ “ถ้ำผาพะ” แต่ท่านก็ไม่ทราบว่า อันถ้ำทั้ง 2 นั้น อยู่ที่ไหนกันแน่....”
และคงจะเป็นด้วย “บุรพกุศล” ที่หลวงพ่ออุตตมะคงจะเคยได้สร้างสมร่วมกับพระมหาฤาษีภูภูอ่องมาแต่ปางก่อน ในที่สุด ก็มีเหตุให้หลวงพ่ออุตตมะบังเอิญได้ “รู้แหล่ง” ที่เก็บซ่อน “พระยอดขุนพล บุเรงนอง” จักรพรรดิ์พระเครื่องอันดับหนึ่งแห่งลุ่มแม่น้ำอิระวดีในวันหนึ่งจนได้...ไม่ใช่เกิดจากเหตุแห่ง “อภินิหาร” หรือ “เทวดาบอก” แต่อย่างไรทั้งสิ้น แต่เกิดจากอำนาจแห่ง “เมตตาบารมี” ของหลวงพ่ออุตตมะเองล้วนๆ เลยทีเดียว..! นั่นก็คือ
ในสมัยที่ หลวงพ่ออุตตมะได้ออกธุดงค์ และได้บังเอิญช่วยรักษาโรคร้ายให้หัวหน้ากระเหรี่ยงคริสต์คนหนึ่ง จนหายเป็นปกติ ทำให้กระเหรี่ยงคริสต์คนนี้ นับถือหลวงพ่ออุตตมะ เป็นอย่างยิ่ง วันหนึ่ง ได้มาเล่าให้หลวงพ่อฟัง (ราวปีพ.ศ. 2490) ความว่า
“มีลูกน้องของตนหมู่หนึ่ง ถูกทหารพม่าตามไล่ล่า จนกระทั่งหนีมาหลบซ่อนในถ้ำๆ หนึ่งแถวเมืองมะละแหม่ง โดยภายหลังจากที่ได้เฝ้าคุมเชิงตั้งแต่เช้าจนพลบค่ำ บรรดากระเหรี่ยงคริสต์ก็ไม่ยอมตีฝ่าวงล้อมออกมา ท้ายสุด ทหารพม่า เลยเอาปืนกลและอาวุธสงครามขนาดหนักยิงจากปากถ้ำนับไม่ถ้วน นับเป็นพันๆ หมื่นๆ นัด จึงเลิกทัพกลับไป
ครั้งตอนรุ่งเช้า บรรดาลูกน้องของตน ซึ่งไม่ได้รับอันตรายใดๆ ก็ออกจากที่ซ่อนในถ้ำมาสังเกตการณ์ดู เห็นปลอกกระสุนและลูกปืนตกระจายอยู่บริเวณปากถ้ำเกลื่อนไปหมด แต่ไม่มีกระสุนแม้แต่เพียงนัดเดียว ที่จะวิ่งผ่านเข้ามาถึงข้างในได้ ก็แปลกใจ เลยคิดว่า ในถ้ำแห่งนี้คงต้องมีของวิเศษอยู่แน่ๆ พวกลูกน้องข้าเลยเข้าไปสำรวจในถ้ำดู พลันก็ได้เจอ “ภูเขาต๊กตา” ขนาดย่อมๆ กองอยู่ หยิบขึ้นมาดูก็ไม่รู้จักว่า นี่เป็นรูปตุ๊กตาอะไร ข้าเลยเอามาให้หลวงพ่อดูนี่แหละ....”
เมื่อได้เห็น “ตุ๊กตา” ที่หัวหน้ากระเหรี่ยงคริสต์เอามาให้พิจารณาดูเพียงเท่านั้น หลวงพ่ออุตตมะก็อุทานขึ้นมาทันที เพราะนั่นคือ พระยอดขุนพล 400 กว่าปี สมัยพระเจ้าบะยิ่นเนาน์ (บุเรงนอง) ที่ตามหาอยู่
และนี่เอง คือ “ปฐมเหตุ” แห่งการ “แตกกรุ” อย่างเป็นทางการของ “พระยอดขุนพล บุเรงนอง” ที่ปัจจุบัน นับเป็นของดีที่หาได้ยากยิ่ง และเป็นที่ใฝ่ฝันนักหนาของบรรดา “ศิษย์ใกล้ชิด” ของหลวงพ่ออุตตมะทุกๆ ท่าน รวมทั้งผู้ที่ “รู้ประวัติ” ความเป็นมาที่ยากจะหาใดเปรียบได้ตราบเท่าถึงบัดนี้..........
คัดย่อมาจาก
http://phuttawong.net |
|
|
|
  |
 |
อากง
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 18 มี.ค. 2007
ตอบ: 41
ที่อยู่ (จังหวัด): สตูล
|
ตอบเมื่อ:
18 มี.ค.2007, 9:01 pm |
  |
สาธุ |
|
_________________ ทำทาน รักษาศีล เจริญสมาธิ สติ ปัญญา |
|
  |
 |
ลิฟปอนจัง
ผู้เยี่ยมชม
|
ตอบเมื่อ:
25 มี.ค.2007, 9:44 pm |
  |
สาธุ
การทำความดีนั้นไม่จำเป็นต้องมีคนเห็น |
|
|
|
|
 |
suvitjak
บัวบาน

เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen
|
ตอบเมื่อ:
15 ก.ค.2008, 4:41 pm |
  |
ถ้าใครมีบุญวาสนาก็จะได้มาไว้กับตน แต่ของที่มิใช่ของตนทำยังไงก็รักษาไว้ไม่ได้หรอก สำหรับผู้ที่อยากได้ต้องมีวาสนาครับ มิใช่ไปเอาของคนอื่นเอามาดื้อๆ ผมเห็นหลายรายแล้วไปบ้านเพื่อนอยากได้ก็เอามาดื้อๆ  |
|
_________________ ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน |
|
  |
 |
|