|
|
|
 |
ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
พุทธภูมิ
บัวใต้ดิน

เข้าร่วม: 22 ต.ค. 2006
ตอบ: 22
ที่อยู่ (จังหวัด): ขอนแก่น
|
ตอบเมื่อ:
23 ต.ค.2006, 9:53 am |
  |
ร่วมสร้างพระแก้วมรกต 100 ล้านพระปางนาคปรก 36ม.พระ 5 องค์ พุทธคยาหลายร้อยล้าน
ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพ สร้างพระพุทธรูปพระพุทธเจ้า 5 พระองค์
ความเป็นมาของการสร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์
ในปี 2542 พระเดชพระคุณหลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโย(โพธิสัตโต) หรือหลวงปู่ทองคำศรี รัตนโคตร ซึ่งเป็นประธานสงฆ์วัดป่าสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตร(วัดป่าพระเจ้านั่งแท่น) ได้มีดำริให้นาวาอากาศโท วีระพงศ์ คงสวัสดิ์ เป็นผู้รับขันธ์หน้าที่ในการสร้างพระพุทธรูปพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ที่ตรัสรู้ในภัทรกัปป์ปัจจุบันนี้ คือ พระกกุสันโธ พระโกนาคมโน พระกัสสโป พระโคตโมและพระศรีอริยเมตตรัยโย โดยมีวัตถุประสงค์ในการสร้างองค์พระเพื่อสืบทอดอายุพระศาสนา ไว้สักการะบูชาแก่เทพยดาและมวลมนุษย์รวมทั้งจะมีผลานิสงส์ในการค้ำจุนประเทศไทยและช่วยสงเคราะห์ ยับยั้งภัยพิบัติต่างๆนานาที่อาจจะเกิดขึ้นแก่ประเทศไทยในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย
พุทธลักษณะขององค์พระ
องค์พระมีพุทธลักษณะ ตามพุทธลักษณะของพระแก้วมรกตองค์จริง โดยขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้นคือองค์พระกกุสันโธ พระโกนาคมโน พระกัสสโป พระโคตโม นั้นจะมีขนาดหน้าตัก 3.50 เมตร (7 ศอก) และองค์พระศรีอริยเมตไตรโย จะมีขนาดหน้าตัก 3.80 เมตร(8 ศอก) องค์พระพุทธรูปทั้ง 5 พระองค์จะหล่อด้วยทองเหลืองพ่นสีเขียวมรกต เมื่อสร้างเสร็จแล้วจะนำไปประดิษฐานไว้ที่วัดป่า สีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตร ต.สีกาย อ.เมือง จ.หนองคายและจะสร้างปราสาทรองรับเพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปทั้ง 5 พระองค์ด้วย
บัดนี้ถึงกาลเวลาที่จะดำเนินการสร้างพระพุทธรูปตัวแทนของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ดังกล่าวแล้ว เหล่าผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนาและสานุศิษย์ผู้ศรัทธาในองค์หลวงปู่ทองทิพย์ฯ จึงตกลงพร้อมใจกันที่จะจัดพิธีหล่อพระพุทธรูปพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ขึ้นในวันมาฆบูชา(เพ็ญเดือน 3) ปี พ.ศ. 2550 โดยจะใช้สถานที่ในการหล่อองค์พระที่วัดธรรมศาลา อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม และจะดำเนินการหล่อพระให้แล้วเสร็จภายใน 1 วัน
ความเป็นมาเกี่ยวกับวัดป่าสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตร
วัดป่าสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตรเป็นสถานที่สำคัญมาแต่สมัยโบราณ ตามตำนานสถานที่แห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่และเคยเป็นสถานที่บำเพ็ญบารมีของพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ในภัทรกัปป์นี้คือ พระพุทธเจ้ากกุสันโธ พระโกนาคมโน พระกัสสโป พระโคตโมและ พระศรีอริเมตตรัยโย และในตำนานพระธาตุพนม มีบันทึกปรากฏไว้ว่า เมื่อพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช พระมหากษัตริย์ของลาว ผู้อัญเชิญพระแก้วมรกตจากเมืองเชียงใหม่ มาประดิษฐานที่เมืองเวียงจันทร์ เมื่อพระองค์เสด็จมาสักการะบูชาพระธาตุพนม เสร็จแล้วได้เสด็จมาสักการะพระธาตุเจดีย์ที่เมืองรามลักษณ์ ซี่งเป็นพระธาตุเจดีย์สมัยเดียวกันกับพระธาตุพนม ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายในวัดป่าสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตร นั่นเอง และในตำนานของประเทศลาวเกี่ยวกับการสวรรคตของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ว่า พระองค์ได้ขี่ม้ามาล้มลง แล้วหายไป ณ เมืองรามลักษณ์
เมื่อหลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโย(โพธิสัตโต) หรือหลวงปู่ทองคำศรี รัตนโคตร ได้เดินธุดงค์กลับจากการไปบำเพ็ญบารมีและปฏิบัติธรรมที่ภูเขาควาย ประเทศลาว ท่านได้ค้นพบว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่สำคัญ ซึ่งเกี่ยวพันกับการบำเพ็ญบารมีของพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ ท่านจึงได้ชักชวนญาติโยมผู้ศรัทธา พัฒนาขึ้นเป็นวัดสำหรับเป็นสถานที่ทำปฏิบัติธรรมและทำบารมีของบรรดาผู้ปรารณาพระโพธิญาณและเหล่าสาวกทั้งหลายต่อไป
ประธานฝ่ายสงฆ์
หลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโย (หลวงปู่ใหญ่)
หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร
รายชื่อพระเถระที่จะนิมนต์มาร่วมอธิษฐานจิต (นั่งอธิษฐานทั้ง 8 ทิศ)
1. พระเทพสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม) วัดอัมพวัน จ. สิงห์บุรี
2. พระราชญาณปรีชา (หลวงพ่อถวิล กนฺตสิริ) วัดราชาธิวาส สามเสน กทม.
3. พระราชพิพัฒนาทร (หลวงพ่อมหาถาวร ถาวโร) วัดปทุมวนาราม กทม.
4. พระครูเกษมวรกิจ (หลวงพ่อวิชัย เขมิโย) วัดถ้ำผาจม อ.แม่สาย จ. เชียงราย
5. พระอธิการ ถวิล จนฺทสโร วัดถ้ำพระบำเพ็ญบุญ จ.เชียงราย
6. พระปลัดซุ่งเฮง อาจารสมฺปนฺโน วัดทองย้อย อ.บ้านนา จ.นครนายก
7. หลวงปู่ละมัย ฐิตมโน สำนักสงฆ์คีรีนามฑา จ.เพชรบูรณ์
8. หลวงพ่อจำเนียร สีลเสฏฺโฐ วัดถ้ำเสือ จ.กระบี่
รายชื่อครูบาอาจารย์ที่จะมาร่วมงานหล่อพระ
พระอาจารย์น้อย อนุตตะโร ป่าช้าอภัยทาน จ.หนองคาย
หลวงพ่อทองฤทธิ์ วัดป่าวรพตปรีดาราม จ.หนองบัวลำพู
หลวงพ่อทองแดง วัดป่าลาดทอง จ. อุดรธานี
ฯลฯ
กำหนดการ
เวลา 11: 09 บวงสรวงเทพยดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เวลา 11: 30 เจริญพระพุทธมนต์
เวลา 12: 00 เททองหล่อพระ
เวลา 13 : 00 พระเถระอธิษฐานจิต
คณะกรรมการดำเนินงาน
ผู้มีจิตศรัทธาสามารถติดต่อร่วมบุญมหากุศลได้ที่
นาวาอากาศโท วีระพงศ์ คงสวัสดิ์ (081-444-9954)
คุณกฤษณพจน์ สิทธิศุข (089-202-7216)
คุณฐตธนวัฒฆ์ พงศ์พานภักดี (086-980-4431)
และศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโย
--------------------------------------------------------------------------------
ขอเชิญร่วมทอดกฐินที่วัดป่าห้วยเดื่อ อ.วังสะพุง จ.เลย ครับ
วันที่ 22 ต.ค. ครับ วัดของ อ.วี เป็นท่านน้องชายของหลวงพ่อขันตี ญาณวโร ครับ
ท่านปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบครับ
ถามทางที่ผมได้ 042 811898 โอมครับ
ขอเชิญร่วมทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคีมหากุศล
เพื่อสมทบทุนสร้างพระวิหารล้านนาวัดพระธาตุดอยเวียง
ทอดถวาย ณ วัดพระธาตุดอยเวียงชัยมงคล
ประธานบูรณะวัดพระธาตุดอยเวียงชัยมงคล
โดย พระอาจารย์นพบุรี มหาวณฺ โณ
มือถือ Tel. 087-182-4044 (โปรดโทรฯ เป็นเวลา)
ต.โหล่งขอด อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
กำหนดทอด วันจันทร์ ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2549
ชื่อบัญชี โครงการทำบุญใหญ่ รวมใจสร้างพระธาตุดอยเวียง
เลขที่บัญชี 375-1-27539-8
สามารถบริจาคผ่านบัญชีออมทรัพย์ ธ.กรุงไทย สาขาแม่โจ้
เนื่องด้วยวัดพระธาตุดอยเวียงชัยมงคล ต.โหล่งขอด อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ เป็นโบราณสถานที่สำคัญเก่าแก่ของตำบลโหล่งขอดและของอำเภอพร้าว มีอายุประมาณ 700 ปี สร้างในยุคสมัยอาณาจักรล้านนารุ่งเรืองและเคยใช้เป็นสถานที่ตั้งทัพมาตั้งแต่สมัยอดีต ซึ่งในสภาพปัจจุบันนี้ วัดพระธาตุดอยเวียงได้ล่มสลายไปตามกาลเวลาเหลือเพียงฐานและซากเจดีย์เก่า 1 องค์ ฐานวิหารเก่าอีก 1 หลัง เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2546 ได้มีการค้นพบวัดพระธาตุดอยเวียงซึ่งได้กลายเป็นวัดร้างอยู่กลางภูเขาใกล้หมู่บ้านหลังจากนั้นได้เริ่มพัฒนาบูรณะปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุต่างๆ เป็นต้นมา
ซึ่งในปี 2549 อันเป็นปีมหากุศล นี้ทางคณะสงฆ์ศรัทธาสาธุชนทั้งหลาย ได้มีจิตอันเป็นมหากุศลร่วมกันพัฒนาฟื้นฟู บูรณะปฏิสังขรณ์วัดพระธาตุดอยเวียงชัยมงคลให้กลับมาเจริญรุ่งเรือง และได้จัดสร้างพระวิหารล้านนาขึ้นมาใหม่ แต่ว่าทางวัด ยังขาดทุนทรัพย์ในการก่อสร้างเป็นจำนวนมาก จึงได้บอกบุญมายังท่านผู้มีจิตศรัทธาเพื่อจะได้สละทุนทรัพย์ของท่านตามกำลังศรัทธา ช่วยสมทบทุนในการก่อสร้างพระวิหารล้านนา เพื่อจะได้ใช้เป็นที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและใช้เป็นสถานที่เผยแพร่พระธรรมคำสั่งสอนตลอดจนถวายไว้ในบวรพระพุทธศาสนาสือต่อไป
ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จดดลบันดาลให้ท่านและครอบครัวประสบแต่ความสุขความเจริญ ด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณธนะสารสมบัติจงทุกประการเทอญ
รูปภาพการค้นพบ เมื่อประมาณปี พ.ศ.2546
และการพัฒนาพระธาตุดอยเวียง
บ้านหลวง หมู่ที่ 6 ต.โหล่งขอด อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
ชื่อบัญชี โครงการทำบุญใหญ่ รวมใจสร้างพระธาตุดอยเวียง
เลขที่บัญชี 375-1-27539-8
สามารถบริจาคผ่านบัญชีออมทรัพย์ ธ.กรุงไทย สาขาแม่โจ้
เนื่องในวโรกาสอันเป็นมหามงคลยิ่งสำหรับประเทศไทย เนื่องในวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ในวันที่ 9 มิถุนายน 2549 และเนื่องในวโรกาส เฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 พสกนิกรไทยได้พร้อมใจกันจัดกิจกรรม เฉลิมพระเกียรติ ขึ้นอย่างต่อเนื่อง...
และการสร้าง เจดีย์ศรีพุทธคยา ก็เป็นอีกหนึ่งโครงการ
ทั้งนี้ โครงการนี้ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงรับเป็นองค์ประธานอุปถัมภ์ โดยมี พระเทพโมลี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชผาติการาม เจ้าคณะเขตดุสิต พระครูวิจิตรสีลาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ เป็นประธานและรองประธานฝ่ายสงฆ์ ซึ่ง เจดีย์ศรีพุทธคยา เป็นการจำลองเจดีย์พุทธคยาจากเมืองคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย มาสร้างไว้ ณ ยอดเขาโพธิสัตว์ วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ ต.ทำนบ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ องค์เจดีย์จำลองย่อขนาดให้มีความสูง 28 เมตร เป็นสัญลักษณ์แทนพระพุทธเจ้า 28 องค์
เจดีย์ศรีพุทธคยาจะมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมทรงกรวย ฐานเจดีย์กว้าง 16 x 20 เมตร ยอดเจดีย์เป็นทรงระฆังคว่ำ ประดับด้วยลวดลายปูนปั้น จะเป็นที่ ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพนับถือของชาวพุทธ ด้านบนเป็นฉัตรสำริด 7 ชั้น มียอดดอกบัวบาน อันหมายถึงจุดหลุดพ้นจากสงสารวัฏและความทุกข์
ภายในองค์เจดีย์จะมี 3 ชั้น ชั้นล่างประดิษฐาน พระพุทธเมตตาสันติภาพ เนื้อสำริดขนาดหน้าตักกว้าง 89 นิ้ว สูง 4.19 เมตร สร้างถวายเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ในปี 2550, ชั้นที่สองเป็นที่ประดิษฐาน พระศรีอริยเมตไตรยศรีศากยสิงห์ ขนาดหน้าตักกว้าง 109 นิ้ว สูง 4 เมตร สร้างถวายเพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ และชั้นที่สามได้จำลอง พระคันธกุฎี ที่ประทับขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาไว้ โดยผู้ที่จะขึ้นสักการะพระคันธกุฎีจะต้องรับสัจจะว่าจะถือศีลบริสุทธิ์อย่างน้อย 1 ข้อ เพื่อเป็นธรรมบูชา
เพื่อแสดงความจงรักภักดี, เพื่อรับกระแสแห่งการเคารพนับถือยกย่องบูชาพระพุทธศาสนา-วันวิสาขโลก, เพื่อให้ผู้มีจิตศรัทธาได้มีโอกาสรับกระแสแห่งการยกย่องบูชาสถาบันพระพุทธศาสนา, เพื่อเสริมสิริมงคลแห่งชีวิตอุทิศต่อพระรัตนตรัยอันเป็นสรณะสูงสุด และที่สำคัญ...เพื่อฉลองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสนองพระบรมราโชวาทในการรู้รักสามัคคีเพื่อความมั่นคงสืบไป ... สุมนา อภินรเศรษฐ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการหารายได้สมทบทุนสร้าง เจดีย์ศรีพุทธคยา ระบุ
พร้อมทั้งบอกอีกว่า... โครงการนี้เปิดโอกาสให้ผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ ได้มีโอกาสบริจาคทรัพย์เพื่อบำเพ็ญมหากุศลอันวิจิตรและ ยิ่งใหญ่ในชีวิต ได้มีโอกาสร่วมบำเพ็ญกุศลสาธารณประโยชน์ที่บริสุทธิ์สะอาด
และอีกกิจกรรมสำคัญในการหารายได้สมทบทุนก็คือ การจัดสร้าง ตาลปัตร (พัดรอง) ตราสัญลักษณ์ครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ดำเนินการปักโดยศิษย์เก่าช่างฝีมือศิลปหัตถกรรมปักสะดึงจากวิทยาลัยในวังหญิง ใน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยนำเข้าพิธีเจริญพระปริตรมังคลาภิเษก และจะได้นำตาลปัตร (พัดรอง) นี้ให้ผู้มีจิตศรัทธารับเป็นเจ้าภาพ เพื่อนำเงินไปสมทบทุนในการสร้างเจดีย์ศรีพุทธคยา
ตาลปัตรดังกล่าวนี้พื้นจะเป็นผ้าไหมเหลือบเส้นไหมสีน้ำเงินและสีทอง ลวดลายของตาลปัตรอัญเชิญตราสัญลักษณ์งานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีไว้ตรงกลาง ปักด้วยเส้นไหมสีและปักลวดลายเสริมทับด้วยโลหะเงินและทอง เพชรและลูกปัดสี มีลวดลายประกอบล้อมรอบตราสัญลักษณ์เป็นลวดลายช่อดอกไม้ทิพย์ อันมีความหมายถึงการถวายพระพรชัยมงคลให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานตราบจิรัฐิติกาล เป็นการปักโลหะเงิน ทอง นาก ประกอบเข้าด้วยกันเป็นช่อดอกไม้ ฐานและด้ามตาลปัตรทำจากไม้สักทองอันเป็นไม้มงคล งานทั้งหมดนี้ประกอบขึ้นด้วยความประณีตของศิลปะชั้นสูง แสดงถึงความจงรักภักดีที่ทูลเกล้าฯถวายในวโรกาสอันเป็นมิ่งมหามงคลถึง 2 กาลสมัย
...ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงรับเป็นองค์ประธานอุปถัมภ์ในการจัดสร้างตาลปัตร (พัดรอง) เฉลิมพระเกียรติ โดยประทานให้ท่านเจ้าคุณพระเทพโมลี และคณะกรรมการ เป็นผู้ดำเนินการนำตาลปัตรไปถวายตามพระอารามที่ทูลกระหม่อมฯได้นำ พระพุทธรัชมงคลอุบลพิตร พระพุทธรูปประจำพระชนมวารไปประดิษฐานไว้ และรวมถึงพระอารามต่าง ๆ ทั่วทั้ง 4 ภาค รวม 60 วัด เพื่อเป็นราช สักการะปูชนียานุสรณ์ ในโอกาสอันเป็นอภิลักขิตกาลมหามงคลสมัย ... ประธานคณะกรรมการหารายได้ระบุ
ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่ต้องการร่วมบริจาคสมทบทุน สามารถสอบถามหรือแจ้งความจำนงได้ที่ โทร. 08-1866-9509 และ 0-2719-4083-5 ซึ่งผู้บริจาคตั้งแต่ 500,000 บาทขึ้นไปจะได้รับ พระพุทธกาญจนาภิเษกเอกนพรัตน์ สูง 18 นิ้ว ส่วนผู้เป็นเจ้าภาพตาลปัตรที่บริจาคเงิน 100,000 บาทจะได้รับ พระกริ่งเทพโมลี 1 ชุดจากองค์ประธาน และผู้บริจาคซื้อพื้นที่ 24,652 ตารางเมตร เพื่อสร้าง เจดีย์ศรีพุทธคยา ตารางเมตรละ 999 บาท จะได้รับ พระสมเด็จของสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสารเถร) อดีตเจ้าอาวาสวัดราชผาติการาม
เจดีย์ศรีพุทธคยา จะเป็นอีกหนึ่งอมตะมรดกชาวพุทธไทย...
เป็นอีกโอกาสที่พสกนิกรไทยจะได้ร่วมกัน เฉลิมพระเกียรติ.
เตรียมพัฒนาวัดป่าขันติธรรม ประดิษฐานพระแก้วมรกตจำลองใหญ่สุด
นายสุรชาติ ชาญประดิษฐ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลกันทรารมย์ อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ เปิดเผว่า นับเป็นความภาคภูมิใจของชาว อ.กันทรารมย์ ที่พระอาจารย์วิรพล ฉัตติโก หรือหลวงปู่เณรคำ ประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ พระนักเทศน์ชื่อดังของประเทศไทย ได้สร้างพระแก้วมรกตจำลองใหญ่ที่สุดในโลก เฉลิมฉลองในปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ทั้งนี้ เทศบาลตำบลกันทรารมย์ ได้เตรียมการที่จะให้การสนับสนุนวัดป่าขันติธรรมในการพัฒนาวัดให้เป็นพุทธสถาน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่งในเขตภาคอีสานและของประเทศไทยอย่างเต็มที่ เนื่องจากว่า อ.กันทรารมย์ ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแต่อย่างใด หากว่ามีการสร้างพระแก้วมรกตจำลองเสร็จเรียบร้อย คาดว่าจะมีพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศพากันหลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวและปฏิบัติธรรมที่วัดป่าขันติธรรมจำนวนมากทีเดียว จึงขอเชิญชวนประชาชนชาวไทยทั่วประเทศได้ร่วมกันทำบุญมหากฐินทาน เพื่อสมทบทุนในการก่อสร้างพระแก้วมรกตจำลองขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในครั้งนี้โดยพร้อมเพรียงกันด้วย
โดยผู้ที่ต้องการร่วมบริจาคในการก่อสร้างพระแก้วมรกตจำลอง ติดต่อบริจาคได้ที่วัดป่าขันติธรรม โทร.08-5225-1529 หรือโอนเข้าบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาศรีสะเกษ บัญชีออมทรัพย์ ชื่อบัญชี พระอาจารย์วิรพล ฉัตติโก เลขที่บัญชี 156-1185-188
"หัวชะมด"หลวงพ่อประเทือง
คอลัมน์ ซูมโฟกัส
เซียนบ้านดอน
มีเครื่องรางของขลังชนิดหนึ่งที่สร้างมาแต่โบราณกาล ปัจจุบันไม่พบเห็นบ่อยนัก พระเกจิอาจารย์รุ่นเก่าท่านกล่าวไว้ว่า เครื่องรางชนิดนี้อยู่กับใคร จะมีผลเป็นลูกกระโดดขึ้นเหมือนมีตัว เยี่ยมยุทธ์ทุกอย่าง มหานิยมขั้นตรีทูต มหาเสน่ห์เป็นยอด การทำมาหากินคล่องแคล่วว่องไว อุดมสมบูรณ์ การค้าขายดี เดินทางปลอดภัย กันเขี้ยวงายาสั่ง อสรพิษ ดีนักแล
นั่นคือเครื่องรางของขลัง "หัวชะมด" ด้วยความที่ชะมดเป็นสัตว์พิสดารอยู่อย่างเล้นลับ เงียบสงบ สุขุมรอบคอบ แต่เวลาทำอะไรจะว่องไว ต่อสู้ศัตรูไม่มีถอยหนี ชะมดขี้อายแต่ขยายพันธุ์เร็ว มีสัญชาตญาณรู้ภัยที่จะมาถึงล่วงหน้าเหมือนมีเรด้า เสือ, สิงห์, หมาป่ายากที่จะฆ่าชะมดได้
คุณสมบัติพิเศษอย่างหนึ่งที่ในโลกนี้ไม่มีใครมี คือเวลาชะมดไปไหนจะปล่อยสารประหลาดเป็นเมือกเหนียวๆ ทิ้งไว้ตามต้นไม้ จอมปลวกโบราณจะเรียกว่า "ชะมดฝากรัก" หรือ "ชะมดเช็ด" สารนี้มีความแปลกและอัศจรรย์มาก เป็นกลิ่นเฉพาะตัว สัตว์อื่นมาเจอ "ชะมดฝากรัก" จะหลงงงงวยเดินไปไหนไม่ถูก ทำให้สัตว์ป่าหลง พรานหลงทิศกันมานักต่อนักแล้ว
แม้แต่คนเองยังตามเก็บ "ชะมดเช็ด" นี้ ไปทำหัวสุดยอดหัวน้ำหอมชั้นเลิศ ที่มีราคาแพงเป็นหมื่นเป็นแสน มีกลิ่นรุนแรงหอมทวนลมไปทั่วหมู่บ้าน ถ้าอยู่ในห้องแอร์กลิ่นน้ำหอมชะมดเช็ดจะกลบกลิ่นอื่นๆ ทั้งหมด
ชะมดมีความพิเศษแปลกประหลาด พระเกจิอาจารย์โบราณจึงนิยมสร้างเครื่องราง "หัวชะมด" เพื่ออานุภาพทางมหาเสน่ห์ มหานิยม ติดตรึงใจไม่เสื่อมคลาย เวลาเสก ลงหัวใจพญาชะมดมีผลเลิศทุกด้าน แคล่วคล่องว่องไว หากินง่ายดาย ไปที่ไหนอุดมสมบูรณ์ ภัยอันตรายเข้ามาหามิได้ สู้กับใครก็ชนะแพ้ไม่เป็น พกหัวชะมด จะค้าขายดี ซึ่งคนเก่าแก่รุ่นปู่ย่าเล่าสืบต่อกันมา
"หลวงพ่อประเทือง อติกฺกนฺโต" พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดด่านเจริญชัย จ.เพชรบูรณ์ จึงได้จัดสร้างหัวชะมดขึ้น แต่ทำเป็นลักษณะ หัวชะมด ลิ้นจุกปาก ตำราเก่าบอกว่า มหาเมตตายิ่งนัก ลำตัวปลัดแกะเป็นลายค้างคาวกินกล้วยแบบโบราณที่ใช้ประดับโต๊ะหมู่บูชาเป็นลายสูงค่า เชื่อว่าทำอะไรจะง่ายดายไปหมดเหมือนค้างคาวบินไปกินกล้วยกินที่ไหนก็ได้ ส่วนใดก็ได้ไม่มีใครห้ามไม่มีใครว่า
ช่างได้แกะหัวชะมดมีลวดลายสวยงามเด่นชัดลึกลงตัว น่าพกติดตัวมาก ขนาดกำลังดีเหมาะพกเป็นพวงกุญแจ ปลุกเสกอย่างดีพิถีพิถัน สร้างด้วยเนื้อตะกั่วน้ำนม 599 ตัว ให้บูชา 200 บาท
ท่านที่สนใจเครื่องรางชะมดติดต่อสอบถามได้ที่ วัดด่านเจริญชัย จ.เพชรบูรณ์ หรือที่วัดหัวลำโพง โทร. 0-2233-9190, 08-1646-3499, 08-1837-7138
ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทำบุญทอดกฐินสามัคคี
รายได้ใช้ในการก่อสร้างพระพุทธรูปปางนาคปรก
ทอดถวาย ณ วัดสามัคคีบุญญาราม ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง
ในวันที่ 14 ตุลาคม 2549 (องค์พระจะแล้วเสร็จประมาณ ก.พ. 2550)
http://img9.picsplace.to/img.php?file=img9/21/DSC00574.JPG
(copy link นี้ไปดูรูปองค์พระได้)
ขนาดฐานกว้าง 9.99 เมตร สูง 36 เมตร
พระอาจารย์ไพบูลย์ สุมังคโล (วัดอนาลโย)เป็นประธานฝ่ายสงฆ์
โดยถ้าผู้มีจิตศรัทธาไม่สะดวกเดินทางมาร่วมทำบุญ สามารถบริจาคได้ที่
ชื่อบัญชี พระชายแดน , พระแสงเพชร และนายจีระศักดิ์
หมายเลขบัญชี 255-0767368
ธนาคารกรุงเทพจำกัด สาขาสบตุ๋ย
วัดปิปผลิวนารามทอดกฐินหนุนสร้างโบสถ์-วิหาร
--------------------------------------------------------------------------------
รายงานข่าวจากวัดปิปผลิวนาราม ต.หนองบัว อ.บ้านค่าย จ.ระยอง แจ้งว่า ขณะนี้ทางวัดปิปผลิวนารามกำลังดำเนินงานการก่อสร้างวิหารอเนกประสงค์และบูรณะอุโบสถอันเป็นโลหปราสาทที่ตั้งอยู่บนเขา ทั้งนี้งบประมาณในการดำเนินงานการก่อสร้างเป็นเงินจำนวนมาก ดังนั้นทางวัดร่วมกับชาวบ้านจึงจัดงานทอดกฐินสามัคคีประจำปี 2549 ขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 5 พ.ย.2549 จึงขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านร่วมบุญทอดกฐินสามัคคีในครั้งนี้เพื่อสร้างวิหารเอนกประสงค์และบูรณะพระอุโบสถให้แล้วเสร็จ เพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และให้ประชาชนได้มาทำบุญตักบาตร ปฏิบัติธรรม ร่วมทอดกฐินได้ที่วัดปิปผลิวนาราม หรือทำบุญผ่านทางธนาคารทหารไทย ชื่อบัญชีวัดปิปผลิวนาราม บัญชีออมทรัพย์ สาขาบ้านค่าย บัญชีเลขที่ 370-2-29780-9 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 06-888-65-16 หรือ nkladmee@toyota.co.th
__________________
ตอบเมื่อ: Fri Sep 29, 2006 7:35 pm เรื่อง: บอกบุญ แล้วแต่ศรัทธา
--------------------------------------------------------------------------------
เจริญพร
สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ
การให้ธรรมะชนะการให้ทั้งปวง
อาตมาภาพจัดทำรายการสถานีวิทยุ เผยแผ่ พระพุทธศาสนา จ.พระนครศรีอยุธยาแต่ขาดซีดีธรรมะในการเผยแผ่ธรรม หรือ ญาติโยมจะร่วมทำบุญบำรุงค่าไฟฟ้า
หากพุทธศาสนิกชน ท่านใด ต้องการช่วยเผยแผ่ธรรมะ ของพระชินวรสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ขอเจริญพรส่ง ซีดีธรรมะ มาช่วยกันเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้ที่
พระสาธิต อุตฺตมธมฺโม
วัดพะยอม 58 ม.4 ต.พะยอม
อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา 13170
0865592344
ขอความเจริญในธรรมจงมีแก่สาธุชน คนใจบุญ ทุกท่านเทอญ
( ธรรมย่อมรักษาผู้ปฏิบัติธรรม ไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว |
|
_________________ พิจารณาความตายทุกลมหายใจเข้าออก |
|
  |
 |
Hero
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 24 ม.ค. 2007
ตอบ: 6
|
ตอบเมื่อ:
17 ก.พ.2007, 6:07 pm |
  |
ประวัติและปฏิปทาพระอาจารย์วิรพล ฉัตติโก (หลวงปู่เณรคำ)
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=12442
♥ ท่านทั้งหลายอย่ายึดติดในอารมณ์ทั้งปวงเลย ทั้งร้อนและเย็นมันเป็นทุกข์ทั้งนั้น อารมณ์เปรียบดั่งทะเลเพลิง ถ้าจิตเหนืออารมณ์ ก็พ้นจากทะเลเพลิง ได้ถึงความหลุดพ้นในที่สุด
♥ ชีวิตทั้งหลายโดยมาก ลุ่มหลงในตน ยึดถือตนเป็นแก่นสาร เอาความเป็นตัวเป็นตนครอบงำจิต ชีวิตเหล่านั้นจึงเป็นทุกข์โดยไม่รู้ตัว จงดับความ ยึดถือในตน ทุกข์โดยไม่รู้ตัวจักดับไป
♥ ธรรมอันบริสุทธิ์ คือ เครื่องตื่น ผู้รู้แจ้งในธรรมทั้งปวง เปรียบดั่งว่าเป็นผู้ตื่นแล้วจากโลกมืด อันเป็นบาปอกุศล อุปาทาน กิเลส ตัณหาทั้งปวง เมื่อตื่นแล้วหลุดพ้น ถึงซึ่งความเกษมบันเทิงใจในธรรม จนดับขันธ์นิพพานไป ไม่หวนกลับมาเวียนตายเวียนเกิดในวัฏสงสารอีกต่อไป
♥ เนื้อแท้ของธรรมชาติในโลกวัฏฏทุกข์นั้น ล้วนแล้วไม่ยั่งยืน แปรปรวนอยู่ตลอดกาลตลอดสมัย จึงให้ทุกท่านเข้าไปรู้ความจริงของธรรมชาติแห่งวัฏฏทุกข์นั้น ด้วยสติปัญญาอันสุขุมละเอียด และด้วยใจที่เด็ดเดี่ยว ความจริงแจ้งชัด หายสงสัยปรากฏอย่างที่สุด หลุดพ้นทันที
♥ ยศถาบรรดาศักดิ์ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณทั้งหมด เกิดขึ้นแล้วในโลกนี้ เราก็ไม่ได้เอาไปด้วย เป็นสักแต่ว่าสมมุติในโลกนี้แค่นั้น ท่านจะเป็นมนุษย์ผู้มีสมบัติใหญ่โต มีชื่อแปลก ๆ มีรถยนต์นั่นคือเครื่องสมมุติ ผู้ที่บำเพ็ญตนให้พ้นจากกิเลสตัณหา เห็นสมมุติเหล่านั้นให้เด่นชัด เห็นทุกอย่างเป็นสมมุติ รู้สมมุติเหล่านั้นแล้ว ทิ้งสมมุติเหล่านั้น ไม่ยึดถือเป็นเจ้าของ เมื่อพ้นออกจากสมมุติ ไม่มี
♥ ให้ตัดความกังวล ให้ตัดความยึดถือทั้งปวง เพื่อจะได้หลุดพ้นต่อไปในภายภาคหน้า
♥ ท่านทั้งหลายที่เป็นสาธุชนนั้น ต้องอาศัยการให้ทาน ต้องอาศัยวัตถุทาน เป็นตัวนำจิตให้เข้าถึงบุญกุศล เป็นสิ่งที่ทำง่ายสำหรับท่านทั้งหลาย เป็นสิ่งที่ทำให้จิตใจของท่านทั้งหลาย ยิ่งใหญ่ขึ้นในภายภาคหน้า
♥ ให้มีพรหมวิหารธรรมที่บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ด้วยใจที่บริสุทธิ์ ด้วยใจที่ เด็ดเดี่ยว เมตตาก็เมตตาด้วยใจที่เด็ดเดี่ยว กรุณาก็กรุณาด้วยใจที่เด็ดเดี่ยว มุทิตาก็มุทิตาด้วยใจที่เด็ดเดี่ยว อุเบกขาก็อุเบกขาด้วยใจที่เด็ดเดี่ยวด้วย
♥ อุเบกขาที่มีปัญญาจะช่วยเราไปตลอดชีวิต นักปฏิบัติทุกวันนี้ รู้แต่ว่า การปล่อยวาง ปล่อยวาง นั่นสักแต่ว่าก็แค่นั้นเอง แต่ไม่รู้ว่าสักแต่ว่าแบบมีปัญญา เป็นยังไง
♥ อุเบกขานั้นไม่ใช่การวางเฉยไปเลย แต่เป็นการเฝ้าดูโดยความสงบนิ่งของจิต ไม่มีอารมณ์อื่นแทรกแซง ท่านทั้งหลายจงมีอุเบกขา แบบอุเบกขาผู้มีปัญญา อุเบกขาแบบผู้มีปัญญา คือ การเฝ้าดูอยู่ ไม่ให้ตนเองพลาดพลั้ง ไม่มีสิ่งที่ไม่ดี ไม่มีสิ่งที่เป็นอกุศล
♥ เมื่อสติ สมาธิ ปัญญา มีในหัวใจแล้ว เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา มีในหัวใจแล้ว อุเบกขามีหน้าที่ ซุ่มดู เฝ้าระวัง ไม่ให้จิตใจตนเองเกิดอะไร ขึ้นมาอีกเหมือนเดิม แล้วคอยประคองรักษาสภาพจิตนั้น ให้มันสูงขึ้นไปอีกเรื่อย ๆ
♥ บุญในอดีตชาติรวมเป็นหนึ่งกับบุญในปัจจุบันชาติ จักเกิดบารมี อันยิ่งใหญ่ สำเร็จประโยชน์ดังตั้งใจ
♥ นักบุญทั้งหลายจงจำไว้เถิดว่า ให้ทำกุศลฝ่ายในและกุศลฝ่ายนอก ให้บริบูรณ์ เมื่อบริบูรณ์คราใด บารมีจักเกิดครานั้น จงพิจารณาธรรมเหล่านี้ ด้วยปัญญาอันยิ่งเองเถิด
♥ ชนทั้งหลายผู้จักได้เกิดในสวรรค์ชั้นต่าง ๆ นั้น ต้องหนักแน่นในศีลแลให้ทานพร้อมทั้งภาวนา ผลคือดวงจิตดวงนี้เกิดมีความปิติสุขโล่งเบาโดยตลอด ไม่ด่างพร้อย เมื่อถึงวันธาตุขันธ์ดับแล้ว จิตวิญญาณเหล่านั้นหมุนเข้าสู่สุขคติสวรรค์ทันที อย่างไม่ลังเลสงสัย
♥ จิตที่หลุดพ้นนั้น เหนือบุญ เหนือบาปทั้งปวง
♥ สติปัญญาของท่านผู้ปฏิบัตินั้น แจ้งกำหนดรู้ไปยังที่ใจ ย่อมรู้แจ้งแจ่มชัดในที่นั้นอย่างหายสงสัย เพราะอำนาจสติปัญญามีกำลังเพียงพอ อันเกิดจากความเพียรที่มีอยู่ในปัจจุบัน ท่านทั้งหลายจงแสวงหาและสร้างสติปัญญาของตนให้เด่นชัดในหัวใจ จึงได้ชื่อว่าเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน อย่างเต็มตัว หายสงสัยในสิ่งทั้งปวง
♥ ผู้มีปัญญาแก่กล้านั้น เมื่อรู้แจ้งเห็นจริงในสิ่งใดแล้ว ย่อมหลุดพ้นจากสิ่งนั้นด้วย โดยไม่ยึดไม่ถือเอาเป็นเจ้าของ ส่งคืนไปตามสภาพสมมุติหมด
♥ การบำเพ็ญเพียรเพื่อให้หลุดพ้น ต้องทำด้วยใจที่บริสุทธิ์ ทำด้วยใจที่ เด็ดเดี่ยว ด้วยใจที่เต็มความภาคภูมิ เต็มไปด้วยความเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ตามพระธรรมคำสอนขององค์พระบรมศาสดา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ให้ด่างพร้อย ไม่ให้พลั้งเผลอเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าผลของการปฏิบัตินั้นจะมีมาก เพียงใดก็ตาม
♥ สติ สมาธิ ปัญญา มรรค ผล นิพพาน รวมลงที่ใจโดยฝ่ายเดียว แต่ไม่ให้ยึดถือเอาเป็นเจ้าของ ส่งคืนตามสภาพความเป็นจริงนั้นให้หมด
♥ ถ้าศีลไม่สะอาด มันจะรวมสติ สมาธิ ปัญญา ลงไปที่ใจไม่ได้ รวมไม่ได้เลย
♥ ปฏิบัติตนให้รู้แจ้งเห็นจริง รู้แจ้งในศีล รู้แจ้งในสติ สมาธิ ปัญญา
♥ แม้ว่าเราจะอยู่ในวัตถุของโลก แต่จิตเราไม่ยึดติดในวัตถุของโลก เหมือนกับน้ำบนใบบอนที่ใสสะอาด แม้อาศัยอยู่ในใบบอน แต่ก็ไม่ได้ติดด้วยใบบอนนั้น
♥ โลกยังคงหมุนไปตามธรรมชาติ สรรพสิ่งในโลกยังคงหมุนไป ตามกรรม เรามาดับกิเลสตัณหาอุปาทาน เพื่อระงับกรรมเหล่านั้น เหตุที่ทำให้กรรมยุติเบาบางลง คือ การดับกิเลส ตัณหา อุปาทานทั้งปวง
♥ การบำเพ็ญนั้น ต้องบำเพ็ญด้วยความเด็ดเดี่ยว คำว่าเด็ดเดี่ยว หลักสำคัญ คือ ไม่ต้องไปลังเลสงสัยกับคนอื่น ไม่ต้องไปสนใจกับเรื่องอื่น ให้นั่งทำใจของตนให้สงบระงับ ไม่ฟุ้งซ่านปรุงแต่งไปตามอารมณ์ต่าง ๆ
♥ การออกจากทุกข์ ก็คือ เราอย่าไปมองแค่สวรรค์ เป็นนักปฏิบัติ ต้องมองถึงพระนิพพาน อย่าไปยุติไว้แค่สวรรค์ แม้ว่าไปเกิดในสวรรค์ชั้นใดชั้นหนึ่ง ไม่ว่าจะสูงส่งมากแค่ไหน เมื่อบุญหมด บารมีหมด ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดในภพน้อยภพใหญ่อีกไม่จบสิ้น แต่ที่มันจบ ก็คือ ความหลุดพ้น หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ในภพภูมิเหล่านี้
♥ การบำเพ็ญต้องหลีกเว้นออกจากสิ่งที่เคยยึดถือยึดมั่นทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อ หนัง เอ็น กระดูก เป็นตัวเริ่มต้นเลยในการถอน เมื่อเราไม่ได้ยึดมั่น ถือมั่น เป็นเนื้อ หนัง เอ็น กระดูกแล้ว อย่างอื่นมันไม่ยึดถือกันอัตโนมัติ
♥ สาธุชนทั้งหลายอย่าเห็นเรื่องฤทธิ์เดชเหล่านั้น สำคัญกว่าการละกิเลสให้ได้เด็ดขาดอย่างแท้จริง
♥ การเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารภพน้อยภพใหญ่นี้ มันทุกข์ร้อนมาก ๆ ผู้ไม่ปรารถนาที่จะมาเวียนว่ายตายเกิดอีก ต้องปฏิบัติตนรักษาศีล บำเพ็ญภาวนา ตั้งศรัทธาให้มั่นคง ปฏิบัติธรรมกำหนดรู้ ถอดถอนความยึดมั่นถือมั่นในอารมณ์ทั้งปวง ถอดถอนความยึดถือในโลกทั้งปวง ในธรรมทั้งปวง ความเป็นตัวเป็นตน ความแบกหามเอาสมมุติทั้งหลายทิ้งไปให้หมด สละไปให้หมด จึงได้ชื่อว่าเป็นผู้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
♥ ถ้าเรารักษาศีลไม่ดี ก็เท่ากับว่าเรายังไม่แจ้งในศีล ถ้าเราบำเพ็ญภาวนาไม่ดี ก็เท่ากับว่าเราไม่แจ้งในสติ ถ้าเราไม่มีความตั้งมั่นเพียงพอ เท่ากับเราไม่ตั้งมั่นในสมาธิ ถ้าเราไม่มีความรู้เท่าทันกิเลสตัณหาอุปาทาน เท่ากับเราไม่รู้แจ้งในปัญญา
♥ ให้เข้าใจถึงธาตุขันธ์ ร่างกายโดยรวม คือ ธรรม จิตที่อาศัยร่างกายอยู่ ก็คือ ธรรม ผู้ที่จะเข้าถึงความหลุดพ้นสิ้นสุดการเวียนว่ายตายเกิด ถึงพระนิพพานนั้น ต้องมีความแจ่มแจ้งหายสงสัยในธรรมเหล่านี้ ธรรมเหล่านี้ ก็คือ ร่างกายและจิตใจเพราะเหตุเหล่านี้แหละ เพราะความยึดถือในร่างกายและจิตใจนี้แหละ สัตว์โลกทั้งหลายจึงต้องมาเวียนว่ายตายเกิด อยู่อย่างไม่จบไม่สิ้น
♥ รีบทำในวันนี้ อย่ารอวันพรุ่งนี้
♥ คำว่าขณะที่ปฏิบัตินี่ ไม่ใช่เฉพาะชั่วโมงนั้นชั่วโมงนี้นะ มันทุกอากัปกิริยา ทุกสภาวะในปัจจุบันนั้น ๆ แต่ละลมหายใจเข้า ออก แต่ละเวลา แต่ละชั่วโมง แต่ละนาที สภาพปัจจุบันด้วย
♥ หลุดพ้นออกจากความหลุดพ้น นี่คือ ที่สุดของการปฏิบัติ
♥ ทุกคนจงมาทำให้แจ้งในปัจจุบันนี้เลย อย่าทำเพื่อชาติหน้า อย่าทำเพื่ออนาคตอื่นอันยืดเยื้อยาวไกลไปมาก ทำปัจจุบันให้มันแจ้ง แจ้งทั้งกาย ให้มันแจ้งทั้งจิตใจ อย่าให้มีข้อลังเลสงสัย อย่าให้มันเกิดการพวักพวง ให้มันแจ้งไปหมด
♥ คำว่าปฏิบัติให้ดี ปฏิบัติให้ต่อเนื่อง คือ ไม่ให้เผลอ ไม่ให้หลงลืม ไม่ให้ด่างพร้อยไปตามอารมณ์
♥ คำว่า ขันติธรรม นี้ ยิ่งใหญ่มาก เป็นคุณธรรมชั้นสูง
♥ การตั้งจิตอยู่ ปัญญาอยู่ ให้ถึงพร้อมทั่วทั้งกายดีที่สุด ทำให้ได้
♥ ฝึกจิตให้แก่กล้า ชนะอารมณ์ เป็นคนดีของสังคม
♥ สิ่งที่ดีที่สุด คือ ปัญญาของเรา ทำให้แจ้งทั้งหมดเลย ไม่แจ้งเฉพาะที่ตรงใดตรงหนึ่ง เอาจิตเข้าไปตามรู้ทันให้หมด
♥ ให้เฝ้าดูอาการของจิตจนรู้จิตเด่นชัด การบรรลุธรรมจะปรากฏรู้จิตเห็นธรรม
♥ แก่นแท้ของจิตนั้น เป็นอาการที่คิดปรุงแต่ง รับรู้อารมณ์ทั้งปวง ที่ปรากฏ
♥ จงดำเนินองค์สติ ให้ตั้งมั่นเด็ดเดี่ยว ควบคุมความคะนองทางใจ สำรวมระวังความคิด เจริญกองบุญกุศลให้ถึงพร้อม แลให้ละบาปอกุศลให้สิ้น
♥ อำนาจจิตที่แก่กล้ามีพลังนั้น เกิดจากความเพียรในปัจจุบันกาล เรียกว่า สภาวะปัจจุบันนั้น มีองค์มหาสติครอบคลุมอยู่ตลอด อย่างไม่ด่างพร้อย จึงไม่จำกัดว่าต้องอยู่ในอิริยาบถใด อิริยาบถหนึ่ง ไม่จำกัดกาลเวลาและสมัย เมื่อสติปรากฏแจ่มชัด ชื่อว่าท่านเป็นผู้มีความเพียร จิตจะแก่กล้าขึ้นโดยอัตโนมัติ
♥ พระอริยเจ้าเป็นผู้มีจิตที่เป็นกลางไม่แบกหามเอาสมมุติใด ๆ ทั้งสิ้นมาหนักจิต แม้จิตนั้นดับไป ไม่มีเหลือ ไม่ได้ยึดถือจิตนั้นเป็นตัวเป็นตน วิญญาณนั้นก็ไม่มี ดับสิ้นไม่มีเหลือ สมมุติทั้งหลายสิ้นไปหมด ไม่มีอีกแล้ว หยุดลงแค่นั้น พรหมจรรย์ทั้งหลาย ก็ยังเป็นสมมุติแห่งพรหมจรรย์ เมื่อพรหมจรรย์จบสิ้นแล้ว สมมุตินั้นก็จบสิ้นไปด้วย ความยึดถือในพรหมจรรย์ ทั้งหลาย แดนเกิดแห่งพรหมจรรย์จึงไม่มีอีกแล้ว เพราะพรหมจรรย์อยู่จบแล้ว ฉะนั้น เราต้องเข้าใจความเป็นจริงของสมมุตินั้น
♥ ยุคนี้พระอริยเจ้ายังไม่สิ้นนะ พระอริยเจ้ายังคงอยู่ยังคงมี ตราบใด ที่ยังมีผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ยังไม่สิ้นพระอริยเจ้า ปฏิบัติจริงก็ได้ของจริง เห็นของจริง
♥ เกลี้ยงทั้งใจ ใสทั้งกระดูก ชื่อว่าพระอริยเจ้าที่แท้จริง
♥ พระอริยเจ้าเมื่อตาย ไม่มีแดนเกิดแห่งกายนี้อีก ไม่ว่าจะเป็นกายสัตว์ กายอะไร ก็ช่าง กายละเอียด กายหยาบ ไม่มีอีกต่อไป
♥ นิพพานนั้น ไม่มีแดนเกิด นิพพานนั้นดับได้หมดเลย นิพพานเหนือโลกทั้งมวล เหนือโลกแห่งการเวียนว่ายตายเกิดทั้งหมด
♥ ยุคนี้ คือ ยุคที่เราจะทำให้เป็นดั่งสมัยพุทธกาล คือ ให้มีผู้บรรลุสำเร็จเป็นอรหันต์มากที่สุด ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์
♥ ธรรมทั้งปวงนั้นคือ เครื่องเตือนให้ท่านทั้งหลายตื่นจากการหลับใหลในความยึดถือเอาเป็นเจ้าของ ให้รู้จักส่งคืนสิ่งยึดติดทั้งปวง ด้วยธรรมอันจิตไม่ยึดมั่น เห็นเด่นชัดนั่นเป็นสักแต่ว่า
คำสอนข้างบนนี้ หลวงปู่เณรคำ วัดป่าขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ท่านได้ให้ไว้แก่สานุศิษย์ทั้งหลาย ได้อ่านได้ศึกษา (บางตอน) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองงานพระเลขาหลวงปู่เณรคำ โทร. 08-4825-2348
 |
|
_________________ รู้ทุกอย่างที่จิตรู้ แต่อย่าติดในรู้นั้น |
|
  |
 |
|
|
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่ คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ คุณไม่สามารถลงคะแนน คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้ คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
|
| | |