Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 แปลกจัง อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่หัวข้อนี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไข หรือตอบได้
ผู้ตั้ง ข้อความ
มนพัทธ์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 10 ม.ค. 2007, 9:00 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สวัสดีครับทุกท่าน
ผมถามหลวงพ่อหลวงพ่อทำไปเหอหลายครั้งกว่าจะหมดท่านบอกว่าอย่างนั้นหมดเมือไหรเดี๋ยวรู้เอง ถ้าหมดกรรมมันก็จะหาย ก็คือที่เราเคยทำไว้นะ สิ่งที่ไม่ดีนะ มันมาให้เห็นนะคราบ อย่างผมทำมือบินเหมือนนก ก็ผมจะนึกถึงนกที่ผมยิงตายนะ ผมจำได้ผมเคยยิงนกตาย สองตัวนะคราบ แต่ผมจะทำต่อไปนะคราบ เพื่อค้นหาความจริงนะคราบ ว่าสุดท้ายจะเป็นอย่างไรก็แปลกดีคราบ มีอาการอย่างไรจะม่าเล่าให้ฟังอีกนะคราบ
รักทุกๆๆคน
มนพัทธ์
 
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 10 ม.ค. 2007, 5:03 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กำหนดรู้อาการทุกอย่างที่เกิดขึ้น (ทางกาย)

กำหนดรู้ความคิดทุกอย่างที่คิด

รู้แล้วก็ผ่าน ไม่มัวพวงกับอาการนั้นความคิดนั้น จึงจะผ่านสิ่งเหล่านั้นไปได้โดย

สวัสดี

สังเกตดูเองเถอะ คราบ อาการใดที่เกิดแล้วจะซีดไป จางไป หมดไปในที่สุด นี่คือการปฏิบัติเพื่อ

ชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ ปราศจากมลทินเครื่องเศร้าหมองใจ
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ดีคราบ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 10 ม.ค. 2007, 6:21 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมมีเรืองเล่าให้ฟังว่า อีกอย่างที่แปลกคือเลือดไหลน้อยลงคราบแต่ก่อนผมเลือดไหลง่ายมากเลยเวลาโดนไรบาดปลายนิ้วนะครับ อ่อผมทำงานเป็นช่าง ซ่อมคอมพิวเตอร์นะครับ เวลาซ่อมนะเครืองใหม่นะคราบจะคม มากเลย เคยบาดนะแล้วเลือดก็ไหลดีจังเลย แต่ตอนี้ เลือดไหลน้อยมากครับแทบไม่ไหลเลย บาดปลายนิ้วผมนะครับ ก็แปลกดีนะครับ
มนพัทธ์
แล้วคุณ ชื่ออะไรคราบ จะได้เรียกถูกคราบ
เดี๋ยวคืนนี้ถ้ามีไรจะมาเล่าให้ฟังคราบ ก็ไม่ได้คุยให้ใครฟังเท่าไรคราบเดี๋ยวเขาว่าบ้านะ55555
 
ทวี โชติปัญโญ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 11 ม.ค. 2007, 9:22 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

[b] องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านแนะแนะวิธีการสอนเจริญ ศีล สมาธิ ปัญญา ไว้หลายแนวทาง ทั้งนี้สุดแต่จริต ของผู้ฝึกหัดจะยึดเป็นอารมณ์
พระอาจารย์ชาญ ชาโน ท่าน สอนแนวทางเริ่มต้น คือ อาณาปานสติ จริง ๆ
โดยใช้คำบริกรรมภาวนา " พอง" "ยุบ" และจะต้องกำหนดสติตามลมหายใจเข้าออกแรงๆ
ผลของสมาธิ
๑ เมื่อจิตเป็นสมาธิ ปากจู มือง้อ เท้าเกร็ง ตัวเกร็ง คือ อาการของร่างกาย
ที่ควบคุมไม่ได้ คือ มือ เท้า ส่วนของร่างกาย ขณะเดียวกัน " ตาต้องหลับ บริกรรม พอง ยุบ ไปเรื่อยๆ"
ขณะเดียวกัน ประสาททางหู ยังได้ยินเสียง ใคร บอกหรือพูดอะไรรู้เรื่อง

๒. ระหว่างเดียวกัน ใครเคยทำกรรมใดไว้ ในอดีต จิต ของตัวเอง ที่บันทึกไว้ ก่อนจะมาจุติ
จะนำภาพ เป็นลักษณะนิมิต มาให้เห็น แล้วแต่กรรมใคร กรรม มัน หรือ เป็นกรรมใหม่ ที่มาสร้างขึ้น ในภพชาติปัจจุบัน จะตามมาให้เห็นในนิมิต ให้เราดู ( ทำบ่อยๆ ฝึกบ่อยๆ สามารถนำภาพเหล่านั้นมาดูได้ เหมือนภาพ ๓ มิติ เป็นภาพยนต์ เพราะเราเป็นผู้อยู่ในกรรมที่สร้างเอง
ไม่ว่า ดี ชั่ว )
ขณะที่มองเห็นภาพนิมิต ผู้ภาวนา พอง ยุบ หลับตา จะมีการแสดงอาการไป
ตามภาพที่เห็น เคยเป็นทหารยิงคนตาย เคยฆ่าสัตว์ เคยสู้รบ เคยตกปลา เคยมีชู้
เคยทำบุญมามาก เคยถวายมหาทานกองใหญ่ๆ (ผู้ภาวนาเป็นผู้เห็น นิมิต)

๓. เมื่อ สมาธิถอนออกมา ในสภาวะปัจจุบัน สภาพปัจจุบันผู้บริกรรมภาวนา ก็เป็นปุถุชนปกติ
มีข้อสังเกตุ "โรคประจำตัวที่เคยเป็น จะหาย" สามารถพิสูจน์ และยืนยันได้ ด้วยเครื่องมือแพทย์
และมีพยานจริง
ประสาทสัมผัสของผู้ภาวนา จะดีขึ้น บางท่านการได้กลิ่นของจมูกจะแยกได้ว่าใคร หรือปถุชนคนใดวิญญาณมาครองร่าง
หรือผู้ภาวนา บางท่านการมองเห็น "ตาทิพย์"
การได้กลิ่นหรือเห็น เป็นลักษณะของการเคยภาวนา และได้มาแล้วแต่อดีตชาติ
เพราะจิตเดิมใส ถูกกิเลสบัง นิวรณ์ คุมไว้ ไม่เห็น

๔. หลังจากนั้น เมื่ออาการเกร็งตัว มือ เท้า หายไป ตัวผู้ภาวนา เมื่อนั่งภาวนา
พอง ยุบ คำว่า พอง ยุบ หายไป จะเหลือ สติ และ ลมหายใจ ให้ระลึกอยู่
เป็นไปตามแนวทาง พุท โธ คือคำบริกรรมหายไป จะเหลือ สติ ดู จิต อย่างเดียว
วิธีการฝึก แนวทางของพระอาจารย์ชาญ ชาโน เชื่อได้ ยอมรับได้ พิสูจน์ได้ด้วยตัวเอง
ผม ลูกศิษย์พระอาจารย์ชาญ รุ่นที่ ๓ อันดับ ๙
 
มนพัทธ์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 12 ม.ค. 2007, 9:07 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คราบขอบคุณคราบแล้วผมจะปฎิบัติต่อนะคราบ ขอบคุณคราบ
ดีจัง ทีมาชี้แนะคราบ
 
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 15 ม.ค. 2007, 3:29 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถ้าจะว่าแปลกจัง ของผู้นี้แปลกกว่าคุณมนพัทธ์อีก...
http://larndham.net/index.php?showtopic=24192&st=0
ให้พูดตามความรู้สึกของคนที่ไม่เคยทำกรรมฐานมาก่อนก็ว่าแปลกจังเลย

แต่...ผู้ซึ่งเคยปฏิบัติโดยตรงมาแล้ว ไม่แปลกอะไรเลยธรรมดา ๆ

ถ้าถามผู้ที่อ่านหลักการจากตำรา ก็บอกได้ว่านั่นไม่แปลกเหมือนกัน เพราะตำราบอกไว้ว่าอารมณ์

อย่างไรเป็นสมาธิ.. .(อารมณ์สมถะ) แต่ไม่รู้วิธีทำอย่างไรให้กรรมฐานก้าวหน้าต่อไปอีก นี่ คือ

จุดบอดของนักปริยัติ คือ ออก ความเห็นได้ แนะนำได้ แต่จะแนะให้กรรมฐานก้าวหน้าต่อไปอีก

พูดไม่เป็น บอกไม่ถูก พูดทิ้งไว้แค่นั้น

ทีนี้ผู้ที่ทำกรรมฐานโดยตรง ที่ถามก็เพื่อต้องการรู้ว่าอะไร และทำอย่างไรให้กรรมฐานที่ตนทำ

นั้นเดินหน้าต่อไป

เมื่อไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน ก็จึงปฏิบัติตันอยู่แค่นั้น

ข้อนี้สำคัญ

อย่างรายนี้ก็เข้าสู่อารมณ์ที่เรียกว่าจิตเริ่มเป็นสมาธิ...จะเป็นลักษณะนี้ คือ จะเห็น หรือได้ยิน

หรือได้กลิ่น ฯลฯ หรือนึกคิดได้มากมายจริง ๆ สารพัดที่ปรุงแต่งความคิดออกมา....

วิธีแก้แค่กำหนดรู้ทันสภาวะนั้น ตามที่มันเป็นขณะนั้นๆ เสีย แล้วไม่สนใจ รู้แล้วปล่อย รู้แล้ว

ปล่อย.... ก็เป็นหลุดพ้นจากภาวะนั้น กรรรมฐานก็รูดหน้าต่อไป

กำหนดรู้กรรมฐานที่ใช้ทำต่อไปอีก ใช้พุทโธ ก็พุทโธๆ ต่อไป ใช้พอง-ยุบ ก็พองหนอ - ยุบ

หนอต่อไป...ก็เท่านี้เอง

-ที่เจ้าของคำถามนี้ประสบพบเห็น เพราะตกจากปัจจุบันอารมณ์ คือตามขณะปัจจจุบันไม่ทัน

หมายความว่า ไม่กำหนดกรรมฐานคือลมหายใจซึ่งเป็นปัจจุบัน กลับนั่งคิดเรื่องราวต่างๆเพลิน

ไป

นี่จุดบกพร่องของนักปฏิบัติกรรมฐาน

 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
มนพัทธ์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 16 ม.ค. 2007, 8:25 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สวัสดีครับ
ผมก็ยังทำต่อนะคราบ ฝึกต่อ อ่อผมลองเดิน ซ้ายย่าง ขวาย่าง 555
บางวันก็ดีนะ บางวันนะ งง สลับผิดนะ หลงนะ 555นานๆๆได้ทำเหมือนหัวจะทิ้มเลยนะแต่ก็จะทำต่อนะ ผมมีความรู้สึกว่า ช่างมีความสุขอะไรอย่างนี้บอกไม่ถูกนะ ใครจะทำไรก็เรืองของเขาไม่สนใจ อ่อที่ผมนั่งทำสมาธิ นะอย่างเสียงดังเลย รถ วิ่งดังสนั่นเลย มอไซ นะ แต่ผมไม่สนใจนะ แรกๆๆ ทำนะ ผมอย่างหงุดหงิดเลยนะ อ่อผมลืมบอกพี่ไปว่า ผมหัดทำมา 3 ปีกว่าเห็นจะได้นะ หัดทำเองนะตอนแรกนะ ไม่มีคนสอนหรอกนะตอนแรก แต่ตัวขี้เกียจมันชอบมาใช่ปะผมเจอมันบ่อย แต่ผมหลอกมันนะตัวขี้เกียจนะบางวันก็ว่าจะไม่ไปนั่งสมาธิ แล้วผมก็นั้งนะทำได้ดีด้วย
บางวันนะผมตั้งใจอย่างดีอาบน้ำอาบท่าไปทำเลย ไม่ถึง 20 นาทีนะต้องเลิกทุกทีเลย555
ใจ ผมนะ ผมยังไม่ได้เป็นเจ้าของมันเลย ผมอยากเป็นเจ้าของใจตัวเองจัง ผมเลยต้องการฝึกนะ5555 พี่คอยดูนะคราบ ผมจะต้องเอาชนะได้แน่ๆๆๆ
สวัสดีคราบรักพี่ทุกคน
หัดทำบ้าง
 
มนพัทธ์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 16 ม.ค. 2007, 9:01 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ดีคราบ
อ่ออะไรจะเกิดก็เกิดไม่ให้หลุดจาก พอง ยุบ แค่นั้นใช่ปะ ไมให้หลงใช่ปะ
มันจะเป็นไรก็ช่างมันใช่ปะจะร้อนจะหนาวจะสั่นจะคอนอย่างไรช่างใช่ปะคราบ พอง ยุบอย่างเดียวใช่ปะคราบ
เดียวคืนนี้ลองทำเลยคราบ
อ่อตอนนี้ขอไปซ่อมคอมก่อนคราบ
 
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 16 ม.ค. 2007, 10:34 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

-อะไรเกิดก็รู้ คิดอย่างไรก็รู้ กำหนดรู้ก่อน รู้แล้วก็แล้วกัน ไปที่พองหนอ ยุบหนอ นั่งหนอ ถูกหนอ ต่อไป

-เกิดอะไรขึ้นอีกก็รู้อีก คิดอะไรก็รู้ กำหนดรู้แล้วแล้วกัน ไปที่พองหนอ ยุบหนอ นั่งหนอ ถูกหนอ ต่อไป...
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 16 ม.ค. 2007, 10:47 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ก็เดินตามปกตินั่นเองนะ มนุษย์มีแค่สองขาเท่านั้น ยังหลงได้ แต่ก็เป็นธรรมดานะ

หลงก็ตั้งสติให้ดีเอาใหม่ ซ้าย ย่าง หนอ ขวา ย่าง หนอ...ไปเรื่อยๆนะ ก็เหมือนๆเราเดินเล่น

นั้นแหละนะ ที่ต่างกันคือเราเอาขาสองขา ที่มีอยู่ คือขาซ้าย กับขาขวา เป็นที่ฝึกสติสัมปชัญญะ

นะ

ถ้ายังหลงก็แสดงว่า สติสัมปชัญญะไม่อยู่กับปัจจุบันธรรม ยังไม่อยู่ กับปัจจุบันขณะ (ขาที่ก้าว

ไปแต่ละก้าวๆ)

ดูตัวอย่างนะ

ซ้าย = ยกขาซ้ายขึ้นสติกำหนดเลย ซ้าย

ย่าง = ก้าวขาเดิน (ย่าง)

หนอ = ถึงพื้น

ขาต่อไปก็เช่นเดียวกัน

เห็นไหม ไม่เห็นมีอะไรแปลกประหลาดจากคนเดินเลยนะ นี่แหละการฝึกสติสัมปชัญญะนะ

ที่หัวคุณจะทิ่มจะตำ คงเป็นเพราะเราเกร็งตัวเกินไปกระมังนะ เดินตามสบายนะ ไม่ต้องไปตั้ง

ท่าทำทางอะไรนะ

ฝึกต่อไปนะคร้าบ จิตที่ฝึกดีแล้วนำสุขมาให้นะ...

ก็จะจริงนะ ใครเขาจะเป็นอย่างไรก็ช่างเขานะ

คนมีความตั้งใจมีความมุ่งมั่นไม่ท้อถอยอย่างนี้คุณทำได้แน่ๆนะ
.........

-เพื่อให้มองเห็นภาพ สติ และ สัมปชัญญะ ชัดขึ้น พึ่งศึกษาความหมาย ย่อๆ จากพุทธธรรม ดังนี้

-สติ การนึกไว้, การคุมจิตไว้กับอารมณ์, การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ, หรือคุมจิตไว้ในกระแสของการทำกิจ.

-สัมปชัญญะ การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้, หรือรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำ.
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา

แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 10 ก.พ.2007, 8:58 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
มนพัทธ์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 17 ม.ค. 2007, 2:37 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ดีคราบ แล้วผมทำต่อนะ แต่ผมหายใจดีขึ้นครับ แล้วเจออะไรแปลกๆๆ ผมจะเล่าให้ฟัง อ่อพี่ครับตอนเดินนะแล้วลมหายใจตอนเดินละครับอย่างไรครับหรือสบายๆๆ อย่างไรก็ได้ ขอบคุณคราบ
 
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 17 ม.ค. 2007, 3:59 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

น้องมนพัทธ์คราบ

การทำกรรมฐานก็คือการเรียนรู้ธรรมชาติ คือ รูป-นาม ตามเป็นจริง อะไรเป็นอย่างไรก็ให้รู้ว่า

เป็นอย่างนั้น และมันก็เป็นของมันอยู่อย่างนั้น....ตั้งแต่มีมนุษย์คนแรกแล้ว

ลมหายใจก็เป็นอย่างนั้น ความคิดก็เป็นอย่างนั้น สภาวะต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็เป็นอย่างนั้น

สรุปว่า อะไรมันเป็นอย่างไรก็อย่างนั้น เราดูตามที่มันเป็น ไม่ใช่ให้มันเป็นตามที่เราอยากจะดู

อยากจะเห็น.... ย้ำ... เราดูตามที่มันเป็น ไม่ใช่ให้มันเป็นตามที่เราอยากจะดูอยากจะเห็น
(ลองคิดดูสิจริงไหมนะ)

นักฝึกหัดปฏิบัติร้อยเกือบทั้งร้อย จะทำจะปฏิบัติให้มันเป็นตามที่ตนเองต้องการ มันจึงฝืนกับ

ธรรมชาติความเป็นจริงในขณะนั้นๆ จึงหงุดหงิด อึดอัด ขัดเคือง ในเมื่อมันไม่เป็นตามที่ตน

ต้องการ ความจริงสภาวธรรมหรือ ธรรมชาติมันสอนเรา แต่เราไม่ฟังมัน ไม่เชื่อมัน ก็เลย

เป็นทุกข์สะ..

...
ตอนเดินนะแล้วลมหายใจตอนเดินละครับอย่างไรครับ
หรือสบายๆๆ อย่างไรก็ได้ ขอบคุณคราบ


- เดินจงกรม ซ้าย ย่าง หนอ ขวา ย่าง หนอ....ลมหายใจก็เข้า ๆ ออกๆ ไป

ตามเรื่องของมัน

ขณะเดินจงกรม เราก็เอาขาสองขาเป็นอารมณ์กรรมฐาน (เป็นที่ฝึก) โดยไม่ต้องสนใจลม

หายใจแล้วตอนนั้น เดิน เดิน ซ้าย ย่าง หนอ ขวา ย่าง หนอ...ไปตามที่บอก

ตอนนั่งก็ดูลมหายใจ หรือพอง-ยุบ ไป ไม่ต้องห่วงหรอกังวลเรื่องเดินแล้วตอนนั้น มันจบไป

แล้ว

เอางานที่กำลังทำขณะนั้นๆ เป็นที่ระลึก ไม่ใช่เอางานที่ผ่านไปแล้วมาคิด

กินข้าวก็เอาการกินแต่ละคำๆ เป็นที่ระลึก เคี้ยวก็รู้ตัวว่ากำลังเคี้ยว กลืนก็รู้ตัวว่ากำลังกลืน

ฯลฯ เปิดประตูก็รู้ตัวว่ากำลังเปิดประตู...

ถอดแรม รู้ตัวว่ากำลังถอดแรมออก รู้ตัวกำลังดึงออก รู้ตัวว่ากำลังวาง.... เป็นต้น เอางาน

ขณะกำลังทำนั้นแหละเป็นที่ระลึกรู้ รู้สึกตัว ยิ่งเราระลึกรู้งานจำเพาะหน้าได้ละเอียดเท่าไหร่

สติสัมปชัญญะ ก็จะเพิ่มพูนเกิดติดต่อกันได้มากเท่านั้น สมาธิปัญญาก็ได้รับการพัฒนาไปด้วย

เห็นไหมน้องมนพัทธ์ ฝึกไม่ยาก แต่พวกเรามองข้ามกันหมด ...

บอกเท่านี้น้องก็มองทะลุแล้วแม่นบ่นะ..

หรือยังมีอะไรสงสัยอีกถามให้หมด ไม่ควรเก็บไว้...
.



 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
มนพัทธ์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 17 ม.ค. 2007, 7:30 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ดีคราบ
เข้าใจแล้วคราบ คืนนี้ทำเลยคราบ ขอบคุณนะคราบแล้วผลอย่างไรพรุ่งนี้เล่าให้ฟังคราบ
สวัสดีครับ อีกครั้งขอบคุณที่ชี้แนะคราบ
มนพัทธ์
 
มนพัทธ์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 18 ม.ค. 2007, 9:17 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ดีคราบ เมื่อคืนลองทำแล้วครับ
สวดมนต์ก่อนแล้วไปเดินจงกรม นะ เดินได้ดีพอสมควรครับ แต่หลงไปครั้งหนึงครับ
ตอนนั้นผมใช้ซ้ายย่างนะกำหนดว่าอย่างนั้นนะครับ แต่ ขาดันเป็นขาขว่า แต่หลงแค่ครั้งเดียวครับ มันจะมีความรู้สึกอยู่ 2 แบบใช้ปะ แบบบังคับเดินแล้วก็แบบ ธรรมชาติ แบบธรรมชาติสบายกว่านะ เดินได้3 รอบนะ แล้วก็ไปนั่งต่อนะครับ ดีคราบ ดีกว่าเก่านะ แล้วผมก็นอนแล้วผมก็กำหนดนอนนะ พองยุบ ไปเลื่อยเลย
เรื่องมีอยู่ว่า
ผมสักพักใหญ่ผมไม่รู้ว่าหรับหรือเปล่านะแต่ผมรู้ตัวตลอดมือผมแกว่งไกวอีกแล้วหัวก็สันในท่าที่ผมนอนนะแล้วผมก็ไม่สนใจนะผมก็หลับตาอยู่นะไม่ลืมนะง่วงด้วยเลยลุกนั่งสมาธิต่อเลยแล้วสักพักผมก็นอนหลับนะคราบ เวลาผมนอนนะแต่ผมนอนห้องพระนะ เหมือนมียุงมากัดผมสัก 100-200 ตัวแนะ ผมต้องตกใจตื่นนะ แต่ไม่มียุงกัดเลยนะ
เพราะถ้ามันกันเช้ามันต้องแดงๆๆใช่ปะ หรือตัวผมดำก็ไม่รุ้เลยมองไม่เห้นนะ
พี่ ถามว่า ตอนผมนอนอาการแบบนี้จะเกิดได้หรอ หรือละเมอ 5555สงสัยกินมาก555
สวัสดีคราบ พี่ทุกท่าน
ทุกท่าเลื่อยเลยเห็นคุยอยู่เรา สองคน 55
 
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 21 ม.ค. 2007, 5:55 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

วันก่อนผมก้อไปหาอาจารย์ที่วัดมาเหมือนกัน เห็นคนจำหน่ายวัตถุมงคลบอกว่า ตอนที่มานั่งสมาธินั้น จะมีอาการต่างๆ แสดงออกมา ซึ่งอาการเหล่าเกิดจากกรรมของแต่ละคน เช่นบางคนด่าพ่อด่าแม่ ตกนรกไปก้อจะเกิดไปเป็นเปรต บางคนฆ่านก ฆ่าวัว ฆ่าควาย หรืออะไรต่างๆ ที่เป็นกรรม ตกนรกไป ก้อจะเจอการลงโทษเช่นนั้น ซึ่งการมานั่งสมาธิที่ท่านว่าก้อเหมือนกับการชดใช้กรรมที่เราได้ทำไว้ .......ไม่รู้เท็จจริงแค่ไหนนะคร้าบ....อันนี้แล้วแต่พิจารณานะคร้าบ พอดีพี่เค้าบอกมาแบบนี้ ก้อเลยบอกต่อไปอีกที สำหรับผมก้อยังไม่ได้เข้าพิธีนี้เหมือนกัน เลยยังไม่รู้จะบอกอย่างไร
 
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 28 ม.ค. 2007, 6:35 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

(ไปต่างจังหวัดเสียหลายวัน กลับมาตอบให้แล้วครับ)

ผมรู้ตัวตลอดมือผมแกว่งไกวอีกแล้วหัวก็สันในท่าที่ผมนอนนะ
แล้วผมก็ไม่สนใจนะผมก็หลับตาอยู่นะไม่ลืมนะง่วงด้วย เลยลุกนั่งสมาธิต่อเลยแล้วสักพักผมก็นอนหลับนะคราบ


ในขณะนั้นวิริยะ สติอ่อนกว่าสมาธิ จึงคุมอาการดังกล่าวไม่ได้ คุมไม่อยู่ พูดง่ายๆว่า สมาธิมากกว่าองค์ธรรมอื่นๆ จะเป็นลักษณะนี้เอง จึงทำให้คุณต้องลุกมานั่งสมาธิอีก ทั้งๆ ที่ลงนอนแล้ว ตั้งใจนอนแล้ว

ถ้าจะให้ดีนะ คุณควรเดินจงกรมเพิ่มอีก เดินระยะที่ 1 ซ้าย ย่าง หนอ ขวา ย่าง หนอ ฯลฯ จะทำให้วิริยะ สติเพิ่มขึ้น ก็จะควบคุมมือที่แกว่งไกว และหัวที่สั่นไปมาได้ การเดินจงกรมสำคัญครับ ย้ำไว้ให้อีกทีหนึ่ง


-เหมือนมียุงมากัดผมสัก 100-200 ตัวแนะ ผมต้องตกใจตื่นนะ แต่ไม่มียุงกัดเลยนะ
พี่ ถามว่า ตอนผมนอนอาการแบบนี้จะเกิดได้หรอ หรือละเมอ 5555สงสัยกินมาก555


อาการนี้ก็เช่นกัน เกิดจากปีติ เกิดจากสมาธิทั้งนั้น บางคนเหมือนมีเข็มร้อยๆ เล่ม ทิ่มตำตามร่างกาย

(สภาวะต่างๆ เกิดได้ตลอดเวลาครับ มีอะไรรู้สึกอย่างไรกำหนดรู้มันตามนั้นก่อน แล้วปล่อยเลยไม่สนใจมัน ก็จะผ่านไป ถ้ามัวพวงสงสัย หรือคิดระแวงว่า อะไรๆ จิตก็จะติดตันอยู่ตรงนั้น)

แต่พอลืมตาดูหรือเอามือลูบคลำดูก็ไม่อะไรเลย เป็นสภาวะของมัน อย่าหลงไปกับมัน
ลองสังเกตุดูมันเฉยๆ โดยไม่ทุรนทุรายไปกับมัน อาการดังกล่าวจะหายไปเอง คุณไม่ได้ละเมอเพ้อพกอะไรหรอกครับ

นี่กระมังผู้ซึ่งไม่เคยประสบไม่เคยผ่านสภาวธรรมดังกล่าว จะว่าแปลกจัง แล้วก็หลงวิพากษ์วิจารณ์คาดคิดเดาสุ่มกันไปต่างๆ นานา จนหลุดจากปัจจุบันอารมณ์ กลายเป็นนั่งวิจารณ์ธรรมไป

ลองดูอาการของผู้นี้สิครับ...
http://larndham.net/index.php?showtopic=24287&st=14
อาการที่หงายไปข้างหลังไม่เสียหายหรอก เป็นลักษณาการสันตติขาด (วงจรความคิดขาด) ถ้าหงุบไปข้างหน้าท่านว่าจะหลับ ต่างจากหงุบหงายไปข้างหลัง ท่านว่าสันตติขาด แต่เจ้าตัวไม่รู้จึงพยายามจะดัดมัน อีกทั้งผู้ให้คำแนะนำก็ไม่เข้าใจ

บอกอีกครั้งว่า การทำกรรมฐานอะไรเกิดกำหนดรู้ตามเป็นจริง รู้สึกอย่างไรก็ทำใจ (กำหนดรู้) อย่างนั้น (เทียบพุทธพจน์...ลมหายใจเข้าสั้นก็รู้ว่าหายใจเข้าสั้น ลมหายใจเข้ายาวก็รู้ว่าหายใจเข้ายาว ดังนี้เป็นตัวอย่าง รู้ตามที่มันเป็น ไม่ใช่ไปดัดให้มันเป็นอย่างที่เราต้องการ)

 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
มนพัทธ์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 29 ม.ค. 2007, 2:12 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สวัสดีคราบ หายไปหลายวันเลย
ดีคราบหายไปไหนมาผมนึกว่าลืมผมไปแล้วคิดถึงจัง เมือคืนผมก็นั่งนะคราบประมาณหนึ่ง ชั่วโมงคราบ แล้วก็เดินจงกรมอีก หนึ่งรอบนะคราบ ก็ดีครับไม่มีไรหลับสบายดีนะคราบ
แต่ตอนนั่งทำสมาธินะก็มีอาการเหมือนกันแต่ไม่รุนแรงนะ ผมหายใจแบบละเอียดขึ้นนะ
สบาย ปล่อยตามสบายนะคราบ แต่ก็พองยุบตลอดเลยคราบ มันไม่ค่อยแน่นอนนะ
บางวันก็รู้สึกว่าทำแล้วดี บางวันก็ไม่ค่อยได้เรื่อง แต่ผมก็ทำทุกวันนะ เดียวก็คงดีเองนะผมว่า
ผมต้องชนะใจตัวเองให้ได้เลยคราบ แต่ตอนนี้ผมก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้วคราบ อือพี่คราบผมว่าผมอยากมีอาจารย์นะ จริงปะคราบศิษย์ต้องมีครูใช่ปะคราบ งั้นพี่เป็นอาจาย์ผมหน่อยได้ปะคราบ
คิดถึงจังคราบ
แล้วผมจะมาคุยด้วยไหมนะคราบ
 
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 29 ม.ค. 2007, 3:55 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ไปเที่ยวมาคราบ คิดถึงคุณเหมือนกันคราบ....

บางวันก็รู้สึกว่าทำแล้วดี บางวันก็ไม่ค่อยได้เรื่อง

-เมื่อก่อนผมก็คิดแบบคุณนี่แหละ อยากให้มันดีดี๊ดีทั้งปีทั้งชาติ...
อาจารย์จึงเตือนสติว่า เราต้องรักทั้งดีและไม่ดี กล่าวคือรักสุขและทุกข์ให้เท่า ๆ กัน ไม่ใช่เลือกที่รักผลักที่ชัง

การยอมรับทุกสิ่งอย่างได้ คือการเริ่มต้นของความเข้าใจสัจธรรม แม้จะยังไม่เห็นสัจธรรมก็ตาม
สมมุติว่า นั่งแล้วสบายๆ นั่งได้เป็นชั่วโมงๆ แต่พอประสบทุกข์เวทนานิดๆ หน่อยๆ นั่งเพียง 10 นาที จิตใจก็เร้าร้อนทุรนทุราย อยากจะหนี ๆ ไปให้พ้นๆ เป็นแบบนี้ใจยังไม่ยอมรับความจริง แล้วจะอยู่เหนือสุขและทุกข์ได้อย่างไร แล้วจะอยู่เหนือโลกธรรมได้อย่างไร.....แม่นบ่คับ

-กำหนดรู้ตามเป็นจริง จะสุขจะทุกข์ ดีไม่ดี รับได้หมด กำหนดรู้ได้หมด มันเป็นยังไงก็รู้ยังงั้น.....ตามที่มันเป็น

อือพี่คราบผมว่าผมอยากมีอาจารย์นะ จริงปะคราบศิษย์ต้องมีครูใช่ปะคราบ งั้นพี่เป็นอาจาย์ผมหน่อยได้ปะคราบ
- ในเมื่อคุณต้องการอาจารย์ผมก็จะเป็นให้คุณ
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กรัชกาย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 24 ต.ค. 2006
ตอบ: 2348

ตอบตอบเมื่อ: 29 ม.ค. 2007, 8:30 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สวัสดีคราบ พี่ทุกท่าน
ทุกท่าเลื่อยเลยเห็นคุยอยู่เรา สองคน 55


คุณ pat มาเป็นกำลังใจให้แว้ว คุณลูกศิษย์มนพัทธ์ ยิ้ม
 

_________________
สติ-การนึกไว้,การคุมจิตไว้กับอารมร์,การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ-สัมปชัญญะ-การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้,การรู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำนั้น-ท่านเรียกว่าผู้มีสติสัมปชัญญะหรือมีสติปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 30 ม.ค. 2007, 7:55 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

นำตัวอย่าง การปฏิบัติผิดมาให้ศึกษา ลองอ่านดูนะ

เค้านั่งสั่นงกๆๆ เหมือนการทรงเจ้ายังไงยังงั้น ถ้านั่งแล้วไม่สั่นก็มีการสั่นล่อฌานด้วย

http://www.siripong.net/webboard/show.php?Category=0&No=335

นี่แหละมิจฉาทิฐิ ความเห็นผิด เข้าใจผิด ทั้งคนสอนคนทำตาม หากทำต่อไปนานๆ จะคุมอาการนั้นไม่ได้ จิตจะติดยึด นั่งทีไรสั่นทุกที

-การสอนของเจ้าสำนักแห่งนี้ ผิดตั้งแต่ต้นและได้สร้างตราบาปขึ้นในใจตนเองจะด้วยมุ่งลาภสักการะเป็นเหตุ (อามิสจักขุ) หรือทำไปเพราะความไม่รู้ก็แล้วแต่ เป็นการทำลายความถูกต้องทั้งสิ้น

-ผู้ทำตามเจ้าสำนักนั้น ก็ได้สั่งสมสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาคือความเห็นผิดไว้ในใจแล้ว ที่สำคัญคืออาการผิดปรกติทางร่างกาย....

-การทำสมาธิต้องควบคุมอาการต่างๆให้เป็นไปโดยปกติ ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รู้เท่าทันอาการทางกายและทางใจ

อีกตัวอย่างหนึ่ง....

http://www.siripong.net/webboard/show.php?Category=0&No=318

เป็นอีกแบบหนึ่งของอีกคนหนึ่ง ผู้ตั้งตนเป็นอาจารย์ตอบเองเลย นั่งสั่นๆ เค้าถือว่าเข้าฌาน

ถ้าไม่สั่นก็ไม่เข้า ต้องให้สั่น ยิ่งสั่นแรงก็ฌานสูง...

นั่งไม่เจ็บไม่ปวดก็ไม่เข้า ต้องออกมานั่งใหม่ ต้องให้เจ็บให้ปวดก่อน
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่หัวข้อนี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไข หรือตอบได้
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง