ผู้ที่ชอบเพศเดียวกันเป็นคนมีกรรมหรือไม่ ?

ผู้เยี่ยมชม

ขอตั้งคำถามดังนี้

1. ผู้ที่ชอบเพศเดียวกัน เช่น ทอมดี้ เกย์ กระเทย ชาติที่แล้วเขาทำกรรมอะไรไว้เพราะไม่มีใครอยากเป็นอย่างนี้แน่นอน
2. ผู้ขึ้นคานไม่มีคู่ เขามีกรรมอะไร ?
3. ผู้ที่ไม่สมหวังในรัก เช่น อกหัก หรือกินแห้ว เขาทำกรรมอะไร ?

รบกวนท่านผู้รู้ช่วยตอบคำถามที

ตอบเมื่อ: 30 ธ.ค.2006, 1:53 am

กราบสวัสดีคุณคนอยากรู้

1. แค่สมมติทางโลกเรียกผู้ที่มีพฤติกรรมแบบนี้ สมมติเรียกว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ทุกคนก็เป็นมนุษย์เหมือนกันหมด แค่คำจำกัดความเรียกว่า...ทุกคนเลือกไม่ได้ว่าจะเกิดเป็นอะไร เนื่องแต่บุญกรรมที่ทำมาทั้งสิ้น หากรู้แล้วว่าควรเดินต่อไปอย่างไร ก็สามารถเลือกทางเดินที่เป็นกุศลแก่ตนได้ สมมติใดก็ไม่มีปัญหา

2. ก็เป็นบุญเป็นกุศลของคนๆนั้น ที่ไม่ต้องเป็นห่วง เป็นภาระ ก่อกรรมในการครองคู่ต่อไป ขึ้นคานก็แค่ภาษาไปจำกัดความให้คนอื่น มันไม่น่ากลัว เพราะไม่ได้ไปปีน หรือห้อยคาอยู่บนคานแล้วตกลงมากับพื้นให้เจ็บตัว คงไม่ใช่เรื่องน่ากลัวแต่อย่างใด

3. ก็หากเวรกรรมตามทัน ก็จะไม่อกหักหรือต้องกินแห้วอีกต่อไป สมหวังหรือไม่สมหวัง มันก็ยังวนเวียนอยู่กับความทุกข์นั่นแหละ แล้วมันจะเป็นกรรมอะไร ก็ก่อกรรมให้กับจิตใจของตนทุกข์ไปเอง

เจริญในธรรม

มณี ปัทมะ ตารา ผีเสื้อ

ผู้เยี่ยมชม

เป็นเศษกรรม (ย้ำแค่เศษกรรม) ในอดีตสำหรับผู้ที่ทำศีลข้อ 3) กาเม ส่วนก่อนหน้านี้ตกนรกมาแล้ว ที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ ทั้ง ผู้หญิง เกย์ ทอม ดี้

มาดูคำนิยามของคำว่าผิดศีล ข้อ 3 มีดังนี้
กาเมสุ มิจฉาจาราเวรมณี
เว้นจากประพฤติผิดในกาม หมายความว่า ไม่ประพฤติผิด
ทางประเวณี คือไม่เสพเมถุนธรรม ในหญิง ๓ ประเภท และในชาย
๒ ประเภท. ชายมีภรรยาไม่ฝืนสทารสันโดษ, หญิงมีสามีไม่นอกใจสามี,
หญิงโสดมีผู้ปกครองไม่นอกใจท่าน.

หญิง ๓ ประเภท
๑. สสฺสามิกา หญิงมีสามี คือหญิงที่อยู่กินกับชายอื่นโดยฐาน
เป็นภรรยาอย่างเปิดเผย จะแต่งงานหรือไม่แต่งก็ตาม. ส่วนหญิงที่เป็น
ภรรยาลับของชายอื่นก็สงเคราะห์เข้าในประเภทนี้

๒. มาตาทิริกฺขิตา หญิงที่มารดาเป็นต้นรักษา หมายถึงหญิงผู้อยู่
ในพิทักษ์รักษาของท่าน เช่น พ่อ แม่ พี่ ป้า น้า อาว์ น้อง ญาติ
หรือผู้หลักผู้ใหญ่ปกครองดูแลอยู่.

๓. จาริตฺตธมฺมรกฺขิตา หญิงที่จารีตและธรรมรักษา หมายถึง
๓ จำพวก คือ:-
ก. หญิงที่เป็นเทือกเถาของตน คือ ย่าทวด - ยายทวด, ย่า
- ยาย, แม่. และหญิงที่เป็นเหล่ากอของตน คือ ลูกสาว หลานสาว
เหลนสาว. (นี้ชื่อว่า จาริตฺตรกฺขิตา หญิงที่จารีตรักษา)
ข. หญิงที่อยู่ใต้บัญญัติทรงพระศาสนา คือ ภิกษุณี สามเณรี
ชี อุบาสิกาผู้รักษาอุโบสถศีล หรือหญิงในศาสนาอื่นที่มีข้อห้ามเสพเมถุน.
ค. หญิงที่มีกฎหมายทางบ้านเมืองห้ามสมสู่.
(ทั้ง ข. และ ค. นี้ ชื่อว่า ธมฺมรกฺขิตา หญิงที่ธรรมรักษา)

ชาย ๒ ประเภท
๑. สภริโย ชายมีภรรยา หมายถึงชายที่ยังมีหญิงอื่นเป็นภรรยา
อยู่อย่างเปิดเผย เขาจะแต่งงานหรือไม่แต่งก็ตาม.

๒. จาริตฺตธมฺมรกฺขิโต ชายที่จารีต และธรรมรักษา, หมายถึงชาย
๒ จำพวก คือ:-
ก. ชายที่เป็นเทือกเถาของตนคือ ปู่ทวด - ตาทวด, ปู่ - ตา,
พ่อ. และชายที่เป็นเหล่ากอของตน คือ ลูกชาย หลานชาย เหลนชาย.
ข. ชายที่อยู่ใต้บัญญัติทางศาสนา คือ ภิกษุ สามเณร อุบาสก
ผู้รักษาอุโบสถศีล. หรือชายผู้ถือศาสนาอื่นที่มีข้อห้ามเสพเมถุนธรรม.

รวมความว่า
๑. ชายไม่ร่วมประเวณีในหญิง ๓ ประเภท ดังที่กล่าวแล้ว.
๒. หญิงไม่ร่วมประเวณีในชาย ๒ ประเภท ดังที่กล่าวแล้ว.
๓. ชายมีภรรยาไม่ฝืนสทารสันโดษ คือยินดีเฉพาะภรรยาของตน
เสพหญิงอื่น นอกจากหญิง ๓ ประเภท ไม่เป็นกาเมสุมิจฉาจาร แต่
" สทารสันโดษ " จึงไม่ควรเสพแม้หญิงอื่น.
๔. หญิงมีสามีไม่นอกใจสามี. คือไม่ร่วมประเวณีกับชายอื่นนอก-
จากสามีตน.
๕. หญิงโสดมีผู้ปกครอง ไม่นอกใจท่าน คือเมื่อผู้ปกครองมิได้
ยินยอม ก็ไม่ร่วมประเวณีกับชายโสด
ทั้งหมดเหล่านี้ ชื่อว่า เป็นผู้เว้นจากประพฤติผิดในกาม.

ประพฤติผิดในกามมีองค์ ๓ คือ:-
๑. หญิง - ชาย ที่ตนไม่ควรร่วมประเวณี
๒. จิตคิดจะร่วม ฯ
๓. ทำการร่วม ฯ.

แม้การเกี้ยวพาราสี จับมือถือแขน หรือเพียงแต่เล่นหูเล่นตา หรือ
แสดงพฤติกรรมเยี่ยงชู้สาว ก็สงเคราะห์เข้ากับการประพฤติผิดในกามด้วย.
การร่วมประเวณี ศีลขาด, ถ้าไม่ร่วม, แต่เกี้ยวพาราสีเป็นต้น ศีลไม่ขาด
แต่ก็ด่างพร้อย ไม่บริสุทธิ์ ไม่ควรประพฤติ.

ตอบเมื่อ: 05 ม.ค. 2007, 10:32 am

[quote="คนอยากรู้"][size=18]ขอตั้งคำถามดังนี้

1. ผู้ที่ชอบเพศเดียวกัน เช่น ทอมดี้ เกย์ กระเทย ชาติที่แล้วเขาทำกรรมอะไรไว้เพราะไม่มีใครอยากเป็นอย่างนี้แน่นอน
2. ผู้ขึ้นคานไม่มีคู่ เขามีกรรมอะไร ?
3. ผู้ที่ไม่สมหวังในรัก เช่น อกหัก หรือกินแห้ว เขาทำกรรมอะไร ?

รบกวนท่านผู้รู้ช่วยตอบคำถามที[/size][/quote]

คำถามนี้นับเป็นคำถามที่ทันสมัยมาก
mom ขออนุญาติตอบในทัศนของmom เอง ไม่ใช่ในฐานะของผู้รู้ ดังนี้

ถึงแม้คำถามจะแยกถาม ๓ ข้อ แต่ก็นับอยู่ในในเรื่องเดียวกันคือ เรื่องคู่ครอง ความรักฉะนั้นจึงขอตอบรวมกันไปเลยว่า

ถ้าจะตอบเอาแนวพระพุทธศาสนาที่เป็นแบบแผน ก็ต้องว่าพวกเขาที่ไม่สมหวังพลาดหวังหรือมีอารมณ์ผิดไปจากปกติเพศของตนนั้นเป็นเพราะในอดีตกาลเคยผิดศีลข้อ ๓ ซึ่งการรับผลแห่งกรรมนั้นก็มากบ้างน้อยบ้างหรือหนักบ้าง เบาบ้าง ก็ขึ้นอยู่กับขณะที่ผิดศีลข้อ ๓นั้นทำดว้ยความตั้งใจมากแค่ไหน ตั้งใจมากกรรมก็แรงมาก เวลาผลกรรมตามทันก็รับหนักมาก ตั้งใจน้อยกรรมก็แรงน้อยเวลาผลกรรมตามทันก็รับเบาหน่อย

แต่ถ้าจะตอบแบบที่ mom คือใช้หลักการทางพระพุทธศาสนาเป็นฐานแค่ว่าขณะนี้เขากำลังรับผลแห่งกรรมบางอย่างอยู่ แต่ก็ไม่ต้องไปให้ความสำคัญกำกรรมที่ตนทำในอดีตมากนักเพราะไม่มีประโยชน์ ไม่มีใครหรือสิ่งใดสามารถแก้ไขเหตุการณ์ในอดีตได้ และบางคนที่กำลังรับผลแห่งกรรมนั้นก็อาจจะไม่รู้สึกว่าตนกำลังรับผลแห่งกรรมในอดีตอยู่ เพราะเขาอาจกำลังพอใจกับชีวิตของเขาอยู่ซึ่งบางครั้งคนที่ไม่ได้เป็นอย่างเขาก็มีชีวิตที่ไม่ได้งดงามไปกว่าเขาเลย ฉะนั้นทางที่ดีคือ เรื่มต้นเขียนชีวิตเสียใหม่ทำเหตุใหม่ให้ชีวิตของตนดำเนินไปในแนวทางที่ถูกต้องโดยไม่ต้องไปคิดคำนึงถึงเรื่องที่ตนเคยทำผิดพลาดในอดีต

พระพุทธศาสนาสอนให้เรารู้และเชื่อในกฎแห่งกรรม ซึ่งก็คือกฎแห่งการกระทำนั้นเอง แต่พระพุทธองค์ไม่ให้กลัวกฎแห่งกรรมและไห้ปล่อยชีวิตไปตามยถากรรม และพระพุทธองค์ก็มิได้แค่ทรงสอนเฉยๆแต่หากบอกวิธีที่มนุษย์สามารถประพฤติปฏิบัติเพื่อให้ตนหลุดออกไปจากผลกรรมที่ตนเคยทำในอดีตอีกด้วย

ดังนั้นหากใครหรือผู้ใดก็ตามเริ่มรู้สึกไม่พอใจในวิถีชีวิตของตนที่กำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบัน และดูเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนแล้วละก้อ ให้หันมาสนใจการปฎิบัติธรรมตามแนวพุทธ เพื่อหักวงล้อแห่งกฎแห่งกรรมออกไปให้ได้ โดยที่ web นี้ชมรมนี้ยินดีให้คำปรึกษาแนะนำค่ะ

เอามาจาก http://www.ketnipameditationtechnique.com/index1.html

เห็นว่าน่าสนใจดี ยังไงก็ลองเข้าไปดูก็แล้วกันนะคะ

ตอบเมื่อ: 10 ม.ค. 2007, 4:55 am

สวัสดีครับ สาธุ

ถ้าคุยถึงเรื่อง กรรมที่หลากหลาย แล้ว คุณควรรู้จักคำถามนี้ด้วย คือ

วนเวียน เกิดขึ้นอีก ตั้งขึ้นอีก มีขึ้นอีก ด้วย กรรม อะไร นำพา ???

ผู้เยี่ยมชม

คนเราทุกคนกิดมาก็เพราะกรรมอยู่แล้วครับ
ทำกรรมดีก็ได้ดี ทำกรรมชั่วก็ต้องรับกรรมนั้น
อดีตกรรมผ่านไปแล้วแก้ไม่ได้ ทำปัจจุบันให้ดีพร้อมด้วยความไม่ประมาทแล้วผลของกรรมนั้นจะให้ได้เสวยวิบากที่ดีเอง