Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ถ้าทำความเพียรแรงกล้ากำจัดกรรมเก่าได้หรือไม่ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
poivang
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 18 มิ.ย. 2005
ตอบ: 224

ตอบตอบเมื่อ: 23 ก.ค.2006, 3:41 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถ้าทำความเพียรแรงกล้ากำจัดกรรมเก่าได้หรือไม่

ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่เมืองเทวทหะ อันเป็นชุมชนชาวศากยะ พระองค์ได้ตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า มีนักบวชพวกหนึ่งมีความเชื่อถือว่า สุขทุกข์ที่คนเราที่ได้รับในปัจจุบันเป็นเพราะผลของกรรมเก่า ถ้าทำความเพียรแรงกล้ากำจัดกรรมเก่าเสีย และไม่ทำกรรมใหม่เพิ่มเราจะเป็นคนสิ้นกิเลส สิ้นกรรม สิ้นทุกข์ สิ้นเวทนา พบอิสรภาพโดยสมบูรณ์

พระพุทธเจ้าได้เสด็จไปหาพวกนิครนถ์ คือนักบวชเปลือย ตรัสถามว่า “ได้มีความเห็นเช่นนั้นจริงหรือไม่” ซึ่งพวกนิครนถ์ก็ได้กราบทูลว่า “มีความเห็นเช่นนั้นจริง”

พระองค์จึงทรงตรัสถามว่า “ทราบไหมว่าเคยเกิดมาในชาติก่อน เคยทำบาปอะไรไว้ในชาติก่อน กำจัดทุกข์ไปแล้วเท่าไร ยังเหลือเท่าไร ปัจจุบันความชั่วอะไรที่ท่านละ ความดีอะไรที่ท่านบำเพ็ญ”

นิครนถ์กราบทูลว่า “ไม่ทราบ”

พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า “เมื่อพวกท่านไม่ทราบเลยว่าเคยเกิดมาหรือไม่ในอดีต เคยทำกรรมใดไว้ในอดีต ไม่ทราบว่ามีทุกข์อยู่เท่าไร ละได้เท่าไรแล้ว และยังเหลืออยู่เท่าไร และไม่ทราบแม้กระทั่งการละอกุศลและการสร้างกุศล จึงเป็นการไม่สมควรที่จะพูดเช่นนั้น”

พระพุทธเจ้าทรงเปรียบเทียบให้ฟังว่า คนถูกยิงด้วยลูกศรอาบยาพิษ ได้รับผ่าตัดทำแผลใส่ยารักษาจนหาย ภายหลังเขาจะบอกได้จากประสบการณ์ตรงอันนี้ว่า ความเจ็บปวดมีมากน้อยแค่ไหน ใช้เวลารักษานานเท่าไร และเมื่อรักษาหายแล้วจะมีความสุขมากน้อยแค่ไหน

ส่วนคนที่ไม่มีประสบการณ์ตรงจะไม่สามารถคิดและบอกเช่นนั้นได้ ซึ่งเปรียบเหมือนคนที่ไม่ทราบว่าเคยเกิดมาหรือไม่ ไม่ทราบว่าทำบาปอันใดไว้ ไม่ทราบว่ามีทุกข์อยู่เท่าไร ละไปแล้วเท่าไร ยังคงเหลืออยู่เท่าไร แล้วมากำหนดเอาเองว่า สุขทุกข์ในปัจจุบันเป็นเพราะกรรมเก่า ใช้ความเพียรกำจัดกรรมเก่าได้ ไม่ทำกรรมใหม่เพิ่มจะเป็นคนเสรี สิ้นกรรม สิ้นกิเลส สิ้นทุกข์ทั้งมวล

พวกนิครนถ์กราบทูลพระพุทธเจ้าว่า ที่เชื่อเช่นนั้นเพราะมีศรัทธาในตัวและในคำพูดของศาสดาคือนิครนถนาฏบุตร พระองค์จึงตรัสว่า ความเชื่อก็ดี ความชอบก็ดี การฟังต่อกันมาก็ดี การนึกเอาเองก็ดี การยึดถือด้วยทิฐิอย่างมั่นคงก็ดี มีผลเป็นสองประการ แล้วพระองค์ก็ทรงชี้ให้เห็นว่า ความทุกข์ร้อนจะเกิดขึ้นตอนบำเพ็ญเพียรแรงกล้าเท่านั้น ถ้าไม่บำเพ็ญเพียรแรงกล้าทุกข์ก็จะไม่เกิดขึ้น

พระพุทธเจ้าได้ตรัสกับพวกนิครนถ์ในลักษณะถาม - ตอบเป็นเรื่องๆ ไป เพื่อให้เป็นที่ทราบชัดว่า เราบังคับกรรมไม่ได้ คือ

- จะเปลี่ยนแปลงหรือสับเปลี่ยนให้ผลของกรรมไม่ได้
- จะเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขให้ผลของกรรมก็ไม่ได้
- จะชะลอกาลเวลาให้ผลของกรรมก็ไม่ได้
- จะลดหย่อนผลของกรรมก็ไม่ได้
- จะบีบบังคับกรรมมิให้ให้ผลก็ไม่ได้

ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นด้วยความเพียรความพยายามแรงกล้าปานใดก็ตาม (แม้ในสมัยพระพุทธองค์ พระพุทธองค์ก็ทรงต้องรับชดใช้กรรมเก่าเช่นกัน สาวกของพระองค์ก็ทรงต้องรับชดใช้กรรมเก่าเช่นกัน หนีกรรมไม่ได้)

ผลของความเพียร
พระพุทธเจ้าตรัสว่า เมื่อบำเพ็ญเพียรแรงกล้าเข้มข้นขึ้น ย่อมได้รับผลดังนี้
๑. กำจัดเหตุแห่งทุกข์ได้
๒. ธรรมฝ่ายดีเจริญงอกงาม
๓. ได้บรรลุญาณพิเศษ มีระลึกชาติได้ เป็นต้น

เทวทหสูตร

เพิ่มความเข้าใจ
๑. ที่พระพุทธเจ้าว่าพวกนิครนถ์ ว่าแล้วมากำหนดเอาเองว่า สุขทุกข์ในปัจจุบันเป็นเพราะกรรมเก่า (ใจทำให้เกิดความทุกข์หรือสุข มิใช่เพราะกรรมเก่า)
๒. ที่พระพุทธเจ้าว่าพวกนิครนถ์ ว่าแล้วมากำหนดเอาเองว่า ใช้ความเพียรกำจัดกรรมเก่าได้ (อ่านได้จากผลของความเพียรทั้ง ๓ ข้อ)
๓. ที่พระพุทธเจ้าว่าพวกนิครนถ์ ว่าแล้วมากำหนดเอาเองว่า ไม่ทำกรรมใหม่เพิ่มจะเป็นคนเสรี สิ้นกรรม สิ้นกิเลส สิ้นทุกข์ทั้งมวล (ไม่ทำกรรมใหม่ก็จริง แต่ไม่ได้ปฏิบัติธรรมเพื่อการพ้นทุกข์ จะเป็นคนเสรี สิ้นกรรม สิ้นกิเลส สิ้นทุกข์ทั้งมวล ย่อมเป็นไปไม่ได้)


...........................................................................

คัดลอกมาจาก
พระไตรปิฏกฉบับประชาชน
โดย สุชีพ ปุญญานุภาพ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 23 ก.ค.2006, 9:50 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อนุโมทนาบุญค่ะ...คุณ poivang

ขออนุญาตแบ่งปันนะคะ...
ลูกโป่งอยากทราบที่มาของบทความค่ะ เพื่อใช้อ้างอิงค่ะ

ขอบคุณค่ะ
เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปนะคะ

สาธุ สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
poivang
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 18 มิ.ย. 2005
ตอบ: 224

ตอบตอบเมื่อ: 25 ก.ค.2006, 8:48 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คัดมาจากพระไตรปิฏกฉบับประชาชน ค่ะ

หลวงพ่อจรัญ ท่านสอนให้ทำกรรมฐานให้มาก แต่ท่านก็เคยพูดว่ากรรมฐานไม่ได้ช่วยตัดกรรมได้ทั้งหมด แต่อาจจะลดกรรมบางส่วนได้ ให้เบาบางลง ตอนที่ปฏิบัติคือได้ชดใช้บางส่วน ในขณะที่ปฏิบัติเกิดความทุกข์ เช่นบางคนทำกรรมฐานแล้วเอาหัวไปพุ่งชนเสาจนหัวแตก เป็นต้น เคยอ่านเจอ หลวงพ่อบอกว่าเป็นกรรมที่เคยฆ่าสัตว์ ตามที่ลูกศิษย์บางท่านเคยประสบมา มีอยู่ในหนังสือของหลวงพ่อบางเล่ม

บุญก็ส่วนบุญ บาปส่วนบาปแยกกันโดยสิ้นเชิง แต่การทำกรรมฐานและทำบุญกุศลต่างๆ เพื่อไปเพิ่มความดีให้มากกว่าความชั่ว เฉกเช่น การเติมน้ำเปล่าลงไปในแก้วที่มีเกลืออยู่ ช่วยทำให้น้ำในแก้วนั้นมีความเค็มลดลง ยิ่งเติมน้ำเปล่าบริสุทธิ์มากไปเท่าไหร่ ความเค็มของเกลือที่อยู่ในแก้วนั้นก็จางลงทุกที แต่เกลือที่เคยมีอยู่ในแก้วนั้นก็ไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่ถูกน้ำที่เติมเข้าไปช่วยเจือจางความเค็มของเกลือเท่านั้น ยิ่งเราเติมน้ำเพิ่มขึ้นมากเท่าใดน้ำในแก้วนั้นเหมือนจะไม่เค็ม และ สามารถดื่มได้ เมื่อเติมน้ำมากเข้าจนนึกว่าไม่มีเกลือในแก้วนั้นแล้ว แต่ความเป็นจริงยังมีเกลืออยู่ในแก้วน้ำนั้น ถ้าเราไม่เติมเกลือเข้าไปอีก แก้วน้ำที่มีเกลือของเดิมอยู่นั้นก็จะไม่เค็มเพิ่มขึ้นอีก

เหมือนเราทำความดีมากๆ ขึ้น ความชั่วที่เคยทำไว้เดิมก็ถูกรัศมีแห่งความดีบดบังแต่ความชั่วนั้นยังอยู่ไม่ได้หายไปไหน รอเวลาที่พร้อมถึงจะส่งผลได้ (เคยลงเรื่องกรรมของพระพุทธเจ้าแล้ว สมัยท่านเป็นพระพุทธเจ้า ท่านก็ยังหลีกหนีกรรมเก่าไม่ได้)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง