Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 พลังงานทดแทน อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
telwada
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 20 ก.ค.2006, 11:14 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พลังงานทดแทน
กระทู้ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับธรรมะ แต่ในทางที่เป็นจริงนั้นเกี่ยวข้องกับธรรมะเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นการช่วยส่งเสริมให้บรรดาเหล่าผู้ปฏิบัติธรรมได้เพิ่มพูนความรู้ในด้านต่างๆแม้จะไม่มากนัก ก็นับได้ว่าเพียงพอต่อการที่จะขจัดกิเลสได้บ้างไม่มากก็น้อย

น้ำมันมีราคาสูงขึ้น เนื่องจากหลายปัจจัย ปัจจัยแรก เป็นปัจจัยทางอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา กล่าวคือ เมื่อ สหรัฐ อเมริกาได้เปรียบในการแลกเปลี่ยนเงินตรา ทางมุสลิม ก็ย่อมใช่น้ำมันเป็นเครื่องมือในการแลกเปลี่ยนบ้าง เพราะมุสลิมบางกลุ่มไม่ค่อยชอบหน้า สหรัฐ อเมริกา เมื่อเงินเหรียญสหรัฐฯมีอัตราการแลกเปลี่ยนที่ต้องใช้เงินตราของประเทศอื่นสูงขึ้น น้ำมันย่อมต้องมีราคาแพงขึ้น เพื่อเป็นเครื่องถ่วงดุลความได้เปรียบของสหรัฐอเมริกา นี้เป็นสาเหตุที่สำคัญยิ่ง ที่ทำให้น้ำมันมีราคาสูงขึ้น นี้เป็นสถานการณ์หรือเป็นสาเหตุของราคาน้ำมัน ภายนอกประเทศ
ทีนี้ลองหันมามองภายในประเทศกันบ้าง ภายในประเทศนั้น แน่นอน ราคาน้ำมันย่อมต้องผันผวนไปตามราคาน้ำมันโลก หากรัฐบาลปล่อยให้ราคาน้ำมันลอยตัวตามราคาที่เป็นจริง ราคาน้ำมันสูง แต่รายได้ต่อหัวของประชาชนไม่เพิ่ม นั่นย่อมหมายความว่า ประชาชนต้องมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น แต่รายได้มีเท่าเดิม หากรัฐบาลจะบริหารประเทศ ก็ต้องย่อมมองรายได้ของประชาชนต่อหัว ให้มีความสมดุลกับราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น เพราะเมื่อราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นเครื่องอุปโภคบริโภคที่ต้องอาศัยน้ำมันเป็นเครื่องช่วย ย่อมต้องมีราคาสูงตาม จุดนี้หากรัฐบาลและภาคเอกชน ได้ใส่ใจปรับค่าครองชีพให้สอดคล้องเป็นเปอร์เซ็นต์เทียบเท่าที่ราคาน้ำมันสูงขึ้น ความเดือดร้อนย่อมไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งฝ่ายทางที่มองสภาพเงินเฟ้อ ก็จะอ้างภาวะเงินเฟ้อที่จะเกิดขึ้น ตามมา
ภาวะเงินเฟ้อ ที่ทางฝ่ายวิชาการอ้างถึง กับภาวะเงินเฟ้อในสภาพความเป็นจริงนั้น แตกต่างจากกันมากมาย อย่างเช่น ปัจจุบัน ฝ่ายวิชาการกล่าวว่า ภาวะเงินเฟ้ออยู่ที่ 5 % แต่ในสภาพที่เป็นจริง สภาพเงินเฟ้อ อยู่ 25 % ถึง 100 % เลยทีเดียว ที่กล่าวเช่นนี้ ก็เพราะ หากจะคิดโดยเฉลี่ย ข้าพเจ้าก็ไม่มีเวลาไปวิจัยหรือตรวจสอบ แต่ก็ดูตามราคาของที่ขึ้น จากราคาเดิม เช่นเหล็กราคาสูงขึ้น
100 เปอร์เซ็นต์ น้ำตาล ราคาสูงขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์ น้ำมันเชื้อเพลิงราคาสูงขึ้นตั้งแต่ประกาศลอยตัวราคาน้ำมัน 100 กว่า เปอร์เซ็นต์ สินค้าประเภทชิ้นส่วนอะไหล่ปรับราคาสูงขึ้น 40 – 50 เปอร์เซ็นต์ ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้น 20- 40 เปอร์เซ็นต์ เหล่านี้ เป็นสภาพเงินเฟ้อที่เป็นจริง ข้าพเจ้าไม่ต้องอธิบายดอกนะว่า สภาพเงินเฟ้อเป็นอย่างไร เอาเป็นว่า สินค้าอุปโภคบริโภค ราคาสูงขึ้นจากเดิมเท่าใด สภาพเงินเฟ้อก็สูงขึ้นจากเดิมคิดเป็นเปอร์เซ็นต์เท่านั้น
แล้วทำไมรัฐบาลจึงปล่อยให้ราคาน้ำมันลอยตัว ทำไมรัฐบาลไม่ช่วยพยุงราคาน้ำมันให้อยู่ในสถานะที่ประชาชนไม่เดือดร้อน สาเหตุหนึ่งก็คือ การนำเอารัฐวิสาหกิจ เช่น การปิโตรเลียมฯ เข้าตลาดหลักทรัพย์ การเข้าตลาดหลักทรัพย์โดยอ้างว่าเป็นการระดมทุนเพื่อสร้างโน่นสร้างนี่เป็นเพียงข้ออ้าง ของกลุ่มนายทุนที่หวังกำไรจากการได้ซื้อหุ้นหรือถือหุ้นของ ปตท. เพราะผู้ที่ซื้อหุ้นหรือถือหุ้นย่อมต้องได้รับผลประโยชน์เป็นผลตอบแทนต่อ 1 หุ้นคือกำไรจากการประกอบการ ใครมีมากหุ้น ก็ย่อมได้รับการแบ่งผลกำไรมากตามไปด้วย และรัฐวิสาหกิจบางประเภท ก่อผลกำไรอย่างมหาศาล และมั่นคง ดังนั้น รัฐวิสาหกิจเหล่านั้น จึงเป็นที่ต้องการของพวกที่หวังผลประโยชน์จากการได้เข้าไปถือหุ้นหรือซื้อหุ้น
แต่ถ้าหากรัฐบาลไม่นำเอารัฐวิสาหกิจไปเข้าตลาดหลักทรัพย์ รัฐบาลก็ย่อมมีผลกำไรอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ก็ย่อมสามารถที่จะพยุงราคาน้ำมันได้ในระดับหนึ่ง อีกทั้งยังสามารถขยายกิจการให้กว้างไกลได้เช่นกัน ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่มีวิชาการทางด้าน “บริหารงบประมาณ” ออกมาให้เรียนกัน ประเทศก็เหมือนครอบครัว ครอบครัวหนึ่ง ถ้ารู้จัก บริหารงบประมาณให้ดี คนในครอบครัวก็ย่อมไม่เดือดร้อน รัฐวิสาหกิจ เปรียบเสมือน ทรัพย์สินของครอบครัว การนำทรัพย์สินของครอบครัวไปแบ่งปันให้กับคนกลุ่มน้อย ไม่ใช่การเมืองไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่เป็นเผด็จการ เป็นเผด็จการแบบนายทุนคอมมิวนิสต์ คือผู้ได้รับผลประโยชน์เป็นเพียงคนกลุ่มน้อย ประชาชนหรือคน
ในครอบครัวทั้งหมดไม่ได้รับผลประโยชน์แต่กลับต้องเสียผลประโยชน์ (ท่านอย่าคิดว่าระบอบคอมมิวนิสต์นั้น ไม่มีผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ส่วนน้อย ในทางที่เป็นจริงนั้น ระบอบคอมมิวนิสต์นั้น มุ่งขจัดนายทุนโดยทุกอย่างเป็นของรัฐ ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์มากกว่าใครเพื่อก็คือเหล่าพลพรรค ผู้กุมอำนาจการบริหารพรรคนั้นแหละที่ได้รับผลประโยชน์มากกว่าประชาชนคนธรรมดา จะเรียกว่าเป็นระบอบทุนนิยมแบบรัฐบาลเป็นทุนนิยมเสียเองก็ย่อมได้) ดังที่ท่านทั้งหลายได้ประสบอยู่กันอย่างทั่วหน้า
ถึงอย่างไรก็ตาม ภาวะน้ำมันมีราคาสูงย่อมต้องมีต่อไป ตราบใดที่เงินเหรียญสหรัฐฯมีอัตราแลกเปลี่ยนต่อเงินต่างสกุล สูง ยกตัวอย่าง เมื่อเงินเหรียญสหรัฐฯ 1 เหรียญ สหรัฐฯ ต่อเงินไทย 25 บาท น้ำมันมีราคาไม่สูงนัก และรัฐบาลก็มีเงินพยุงราคาน้ำมันได้ (เพราะ ปตท.ยังไม่ได้เข้าตลาดหลักทรัพย์) แต่พอเงินเหรียญสหรัฐฯ มีอัตราแลกเปลี่ยนที่สูงขึ้น และ ปตท.เข้าตลาดหลักทรัพย์ รัฐบาลก็ประกาศลอยตัวน้ำมัน ท่านทั้งหลายก็คงพอจะคิดออกกันบ้างนะขอรับ ว่า เพราะเหตุใด
ในเมื่อราคาน้ำมันสูงขึ้น ชาวโลกก็ต้องขวยขวายหาพลังทดแทน มาแทนน้ำมันซึ่งนับวันก็จะหมดไปจากโลก พลังงานทดแทนอย่างหนึ่ง ที่ไม่ควรนำมาใช้ ก็คือพลังงานนิวเคลียร์ พลังงานนี้ เป็นเหมือนดาบสองคม ที่ให้ทั้งประโยชน์และให้ทั้งโทษ
พลังงานน้ำ มีอยู่มาก แต่ก็ยังไม่สามารถนำมาใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ไม่สามารถนำมาใช้ได้ในทุกเครื่องมือเครื่องใช้
พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นพลังงานที่ใช้เท่าไหร่ก็ไม่มีหมด สามารถนำมาใช้ได้ในแทบทุกเครื่องมือเครื่องใช้ พลังงานแสงอาทิตย์สามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตพลังงานไฟฟ้าให้กับชาวโลกได้ จะทำเป็นโรงงานผลิตไฟฟ้าใหญ่ก็ได้ เพียงแต่ต้องมีเทคนิค ในการเพิ่มการรับและจัดเก็บพลังงานเพื่อนำไปผลิตกระแสไฟฟ้า พลังแสงอาทิตย์ ปลอดภัย ไร้มลพิษ ลงทุนครั้งเดียวใช้ได้คุ้ม
ค่า แต่ยังมีปัญหาในด้านการจัดเก็บพลังงานที่ได้จากแสงอาทิตย์ ทำไม กระทรวงวิทยาศาสตร์ไม่ส่งเสริม หรือให้ทุนวิจัยต่อนักวิทยาศาสตร์ไทย ในการสร้างที่เก็บประจุไฟขนาดใหญ่ อันเพียงพอต่อการใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า และอุปกรณ์อื่นๆ ทำไมกระทรวงวิทยาศาสตร์หรือรัฐบาลไม่ให้ทุนทำวิจัยและค้นคว้าสร้าง ที่เก็บประจุ ที่สามารถเปลี่ยนชิ้นส่วนอะไหล่ หากเกิดการชำรุด หรือเสื่อมสภาพ สิ่งที่ข้าพเจ้ากล่าวไปแล้วนี้ เป็นสิ่งที่มนุษย์ทำได้
เป็นสิ่งที่ไม่เกินความสามารถของมนุษย์ วัสดุอุปกรณ์ในการสร้าง ที่เก็บประจุไฟขนาดใหญ่ก็มีอยู่แล้ว เพียงแต่เพิ่มความสามารถให้กับที่เก็บประจุไฟ โดยสามารถ เปลี่ยนชิ้นส่วนที่ชำรุดเสื่อมสภาพได้ เท่านั้นเอง ลองทำดูซิ แล้วประชากรโลกก็จะหมดปัญหาเรื่องพลังงานทดแทน อนึ่งไม่ใช่การสร้างที่เก็บประจุไฟเพียงอย่างเดียว แผงโซล่าเซลล์ ก็สามารถ พัฒนาให้มีประสิทธิภาพได้มากกว่าเดิม เช่น รับแสงเพียง 10 นาที สามารถใช้กระแสไฟได้ 1 อาทิตย์หรือ 1 เดือน ก็ย่อมสามารถทำได้เช่นกัน
ที่กล่าวไปทั้งหมด เป็นแนวทางในการหาพลังงานทดแทนน้ำมันในอนาคต ที่ผู้ที่เป็นรัฐบาลควรได้ส่งเสริม ไม่ใช่หวังเพิ่งแต่น้ำมันจากนอกประเทศแต่เพียงอย่างเดียว และสุดท้ายก็ขอนำเอาคำกล่าวในตำราเรียน เกี่ยวกับประชาธิปไตยที่ว่า
“การเมือง คือการจัดสรรผลผลิตให้กับประชาชนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ไม่ใช่ เป็นการจัดสรรผลผลิตให้กับประชาชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง”

ลุงใหญ่
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง