Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 หลักธรรมที่สอน กับการใช้ในชีวิตประจำวัน (ใช้ได้จริงหรือ) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
บุณฑริกา
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ค.2006, 2:52 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

หากเรายึดปฏิบัติ ในทางที่ถูกที่ควร เช่นหลักธรรมขั้นพื้นฐานของชาวพุทธ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ดื่มสุรา ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดปด (หลักธรรมเหล้านี้ เพื่อนร่วมงานของข้าพเจ้าล้วนละเมิดทั้งสิ้น ) เราจะอยู่ในสังคมเล็กๆนั้นได้อย่างไร
*** ข้าพเจ้า ต้องออกจากงาน เพราะการไม่ดื่มเหล้า ***
(เพราะการดื่มเหล้าร่วมกันเป็นการหาพวกให้กลุ่มคนในมุลนิธิของข้าพเจ้าได้ใช้เงินที่เค้าบริจาคมาให้เด็ก นำไปซื้อเหล้า ซึ่งที่นี่ มีน้อยคนที่ไม่ดื่ม แต่....เค้าไม่กล้าคัดค้าน ว่ากล่าวใดๆ และปล่อยให้มีการประพฤติผิดเช่นนี้มาเป็นเวลานาน) ใช้คำอ้างว่า เป็นวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่ต้องมีการเลี้ยงขอบคุณเจ้าหน้าที่เมื่อเสร็จงาน ทั้งๆที่อยู่เมืองไทย (ผู้ใหญ่ทั้งหลายเหล่านั้น กลับไม่ชักจูงว่า เรามีศาสนาพุทธเป็นที่ตั้ง ไม่ควรละเมิดศีล 5 และที่สำคัญ เงินเหล่านั้นที่นำไปซื้อเหล้า ก็มิใช่เงินของตนเอง แต่เป็นเงินที่คนเก็บหอมรอมริบ เพื่อบริจาคให้เด็กยากไร้ )
>>เมื่อไม่ดื่ม ก็ถูกมองว่า เรารังเกียจเค้า และถูกกลั่นแกล้งต่างๆนาๆ หาว่าเราวิเศษกว่ารึไง ทำไมถึงไม่ร่วมวง<<
*** ข้าพเจ้าไม่ยักยอกเงิน ก็ถูกมองว่า ข้าพเจ้ากำลังจับผิดเค้าเหล่านั้นอยู่ ***
หัวหน้างาน ยักยอกเงิน ข้าพเจ้าถาม ก็หาว่าจับผิด และการทำงานเพื่อเด็กของข้าพเจ้า และนโยบายของมูลนิธิ(ซึ่งตอนนี้อาจกลายเป็นอื่นไปแล้ว เพราะระบบเครือญาติที่กินกันเป็นระบบ เหลือไว้แต่ตัวหนังสือ และ คำว่า" ทำตามหน้าที่" ไม่ใช่ใจรัก) ก็ไม่สามารถสำเร็จได้ด้วยการทำงานของข้าพเจ้าฝ่ายเดียว การทำงานกับหัวหน้างาน เริ่มขัดแย้งกัน ข้าพเจ้ายิ่งเห็นว่า การทำงานเพื่อเด็กได้แย่ลงไปทุกวัน

*** หากปิดหูปิดตา ปล่อยให้เขาทำไป โดยที่ยึดคำว่า เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดก็พอ โดยไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆถึงพฤติกรรมผิดๆเหล่านั้น ก็เท่ากับว่า เราก็ผิดด้วยมิใช่หรือ และที่สำคัญ ไม่มีใครสามารถทำงานคนเดียวได้โดยไม่อาศัยความร่วมมือกับคนอื่นได้หรอก หากเขาเหล่านั้นยังเป็นผู้อยู่ในที่มืด จึงไม่แปลกเลย หากเขาจะใช้อารมณ์ส่วนตัวมาใช้ในงาน และใช้สันดาน ในการทำเรื่องผิดๆ***

....หากท่านใดมีคำแนะนำ เพื่อให้ข้าพเจ้าได้ทำงานเพื่อเด็กอีกครั้ง (วิธีการอยู่ร่วมกับคนแบบนี้ และวิธีที่สามารถทำให้เค้าเปลี่ยนไปได้ ) ก็ขอคำแนะนำด้วยนะคะ

ปล. ข้าพเจ้าไม่ยึดศาสนา แต่ยึดหลักปฏิบัติมาใช้ โดยเห็นสมควร แล้ว แต่ไม่เคยละเมิด ทำในสิ่งที่ไม่สมควรเลย แต่เขาเหล่านั้น ที่มักทำบุญตลอดเวลา แต่ลับหลังแล้วผิดศีลขั้นพื้นฐานได้มากกว่าข้าพเจ้าอีก อย่างนี้ควรให้ข้าพเจ้าคิดเช่นไร และทำอย่างไรต่อไป
 
1
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ค.2006, 11:24 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ปัญหาของคุณหนักเอาการนะครับ.....เพราะถ้าตอบแบบง่ายๆคือคุณควรเปลี่ยนงานซะหรือไปทำงานเกี่ยวกับเด็กองค์กรอื่นไปเลย...ไม่ต้องพัวพันกับผู้ร่วมงานหรืองานที่มีวัฒนาธรรมองค์กรแบบนี้

แต่นี่คุณตั้งเงื่อนไงว่า ทำอย่างไรถึงจะทำงานร่วมกับคนพวกนี้และสามารถเปลี่ยนนิสัยพวกนั้นได้

ก็ยากเอาการนะครับในการตอบปัญหานี้ บัวยังมีสี่เหล่าเลยครับในศาสนาพุทธ
การสอนคนของพระพุทธเจ้ายังต้องเลือกคนที่พระองค์เห็นว่าสมควรสอน สมควรบรรลุธรรม

ยิ่งบุคคลที่มีมิจฉาทิฎฐิด้วยแล้ว คือความหลง ความเห็นผิดด้วยแล้วว่าสิ่งอันไม่มีสาระเป็นสาระนั้นแก้ยากครับ

ทางที่ดี......ถอยดีกว่าครับ
 
ยุทธ์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 04 ก.ค.2006, 8:01 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิงจาก:

ยึดหลักปฏิบัติมาใช้ โดยเห็นสมควร แล้ว แต่ไม่เคยละเมิด ทำในสิ่งที่ไม่สมควรเลย แต่เขาเหล่านั้น ที่มักทำบุญตลอดเวลา แต่ลับหลังแล้วผิดศีลขั้นพื้นฐานได้มากกว่าข้าพเจ้าอีก อย่างนี้ควรให้ข้าพเจ้าคิดเช่นไร และทำอย่างไรต่อไป


สังคหวัตถุ ๔

๑ ทาน หมายถึงการให้ การแบ่งปันของที่เรามีแก่ผู้อื่น เป็นการแสดงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความมีน้ำใจแก่ผู้อื่น พระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักของผู้รับ เพราะฉะนั้น การให้จึงเป็นการผูกใจคนอื่นได้ประการหนึ่ง แม้เมื่อมีใครทำไม่ดีกับเรา ทำให้เราเจ็บใจเป็นต้น เราก็ไม่โกรธตอบ แต่จะให้อภัยเขา เขาก็อาจจะกลับมาดีต่อเรา รักเราก็ได้

๒ ปิยวาจา การกล่าววาจาอ่อนหวาน ไพเราะหู ไม่ระคายหู ใครๆ ก็ชอบใจ เต็มใจที่จะฟัง ถ้าเราพูดจาหยาบคาย แสลงหูคนอื่น ใครเขาจะอยากได้ยินได้ฟัง เพราะฉะนั้น วาจาที่สุภาพ อ่อนโยน อ่อนหวานจึงสามารถผูกใจบุคคลอื่นไว้ได้อีกประการหนึ่ง

๓ อัตถจริยา การประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น เช่นตักเตือนไม่ให้เขาทำความชั่ว ส่งเสริมสนับสนุนให้เขาทำความดี เป็นต้น

๔ สมานัตตตา ความมีตนเสมอกับเขา คือเขาสุขก็สุขด้วย ทุกข์ก็ทุกข์ด้วย หรือเวลาตกต่ำก็ไม่ซ้ำเติม เคยทำตัวอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ไม่ดูถูกดูหมิ่นให้เขาเสียใจ ในข้อนี้พูดง่ายๆ ก็คือวางตัวสม่ำเสมอนั่นเอง

ธรรม ๔ ข้อนี้ ท่านเรียกสังคหวัตถุ ๔ เพราะเป็นธรรมที่ยึดเหนี่ยวน้ำใจกันและกันไว้ จัดเป็นธรรมที่สามารถครองใจคนหรือผูกใจคนไว้ได้
 
ขาแจมในตำนาน
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 04 ก.ค.2006, 8:58 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เริ่มต้นคงบอกว่าค่าใช้จ่ายที่หักไปคงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ตอนสมัยหนุ่มๆ ผมก็ไปออกค่ายอาสา ของ เทคนิคกรุงเทพ ครับผมจบที่นั้น เป็นค่ายอาสาดีที่ติด อันดับค่ายอาสา 1 ใน 3 ที่ดีของค่าย
เราไปหารายได้ จากที่ ซีพี ทาวเวอร์ ตอนจบแล้วก็ยังไป เปิดหมวกหารายได้
การที่เราเห็นว่า ค่าใช้จ่ายไม่ควรหัก ก็ไม่ดี เพราะลำบากมาก จนบอกให้ หักมาเรียก สามล้อ
ก็เลยสบายขึ้น ที่เหลือก็เดินไป เป็นแบบนี้ เพราะว่า ทุกคนเห็นด้วย แต่ เมื่อใดที่มันมากไป
ก็จะมีคนส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วยเอง การที่เราไปก่อสร้าง ได้เด็กช่าง ได้เด็กไฟฟ้า ได้เด็กโยธามา
ก็เป็นเพราะความมีความอิ่มเอมจากการให้ จึงอยู่กันมาได้ ประธานค่ายก็โดนแกล้งได้เพราะ
ที่มาส่วนมากจะเป็นรุ่นที่พี่จบไปแล้ว มันเป็นความทรงจำที่ดี มากนะ

แต่การที่แห้งแล้งจากการทำงาน มันก็จะเหนื่อย ยิ่งไม่มีการให้ ไม่มีการแบ่งปัน มันก็เพลีย มันก็อึดอัด มันก็เป็นสิ่งที่ควรจะระลึกไว้ว่า ทำดีนะทำยาก การที่เขา มา เขามีใจที่จะเสียสละก็ดีแล้วนะ ก็เพียง เขาได้มาได้ยังไม่พอ ก็ไม่มีธรรมที่จะประคอง มันก็ไปตามความอยากสบาย ก็เป็นเพียงกิเลสพาไป คนที่เข้าไปตอนแรกเช่น ผมก็เป็นเหมือนกัน คุณชาย แต่ไปๆ มาๆ ก็เรียนรู้ที่ปรับ ได้เอง

ปล. ที่มาตอบ ก็คงไม่เกี่ยวกับกระทู้ แค่มาแจม ว่า คนที่มาแจม ก็เคยที่จะเรียนรู้สิ่งดีๆ เหมือนกัน
(สิ่งที่ทำดีไป ไม่ได้ทำให้ใครนะ แค่ตามใจ ที่ตัวเองเลือก แต่ที่เลือกแล้วก็จะไม่ตามใจ )
 
พลุ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 06 ก.ค.2006, 10:52 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

หนักหนา สาหัสจริง ไม่ทราบว่าที่คนนั่นศรัทธาพระรูปใดบ้างไหมค่ะ เสนอความคิดนะคะ ลองเสนอเจ้านายหาเหตุทำบุญใหญ่ในวันสำคัญๆ นิมนต์พระท่านมาที่ทำงาน กระซิบท่านด้วยว่าช่วยเทศโปรด เรื่องศีล 5 , อบาย และกฏแห่งกรรม ถ้าเป็นไปได้มี CD หรือหนังสือทำนองนี้แจกให้ทั่วค่ะ
 
chuchai379
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 06 ก.ค.2006, 11:29 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การทำงานช่วยเหลือผู้อื่นเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ขออนุโมทนาด้วยครับ
น่าจะลองพิจารณาดูว่าสามารถที่จะแก้ไขได้หรือไม่ ถ้าพอมีทางอยู่ก็ค่อยๆ แก้ไขไปทีละนิดอย่าใจร้อน แต่ถ้าดูแล้วเป็นการยากสำหรับเราก็น่าใจหาที่ใหม่ เราคิดว่าสิ่งดีๆ ยังมีอีกเยอะ
ที่สำคัญการแก้ไขปัญหาต้อง กำลังใจดีๆ นะครับ ถ้ากำลังใจตกจะคิดอะไรไม่ค่อยออก
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง