Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 "๖๐ ข้อคิดบันทึกไว้จากใจพ่อ" อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
aa
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 21 เม.ย.2006, 9:40 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

จากหนังสือ ๖๐ ข้อคิด บันทึกไว้จากใจพ่อ
>
>๖๐ ข้อคิดบันทึกไว้จากใจพ่อ
>
>๑
>ลูกจงจำไว้ว่า…
>การไม่ต่อสู้ในบางกรณี
>กลับเป็นวีรกรรมที่ยิ่งใหญ่ กว่าการต่อสู้
>อย่างเอาเป็นเอาตาย
>
>๒
>ลูกจงอย่าเลือกของที่ชอบ
>ด้วยความอยากของลูก
>แต่จงเลือกด้วยสติปัญญา
>และพิจารณาถึงประโยชน์
>และโทษของมันเสียก่อน
>
>๓
>ลูกจงอย่าโกรธคนไม่ดี
>ที่จริงเขาก็อยากดีเหมือนกัน
>แต่เขาไม่เข้าใจว่า
>อะไรเป็นความดี…อะไรคือไม่ดี
>
>๔
>ลูกจะตำหนิ ติเตียนใคร
>ก็จงดูตนเองเสียก่อน
>อย่าให้เขาย้อนว่าเราได้
>
>๕
>ลูกจะเห็นว่า
>ผู้มีสัมมาคาระวะ จะพบแต่ความเจริญ
>การอ่อนน้อม
>เป็นคุณสมบัติของสุภาพบุรุษ
>การยกมือไหว้ผู้อื่นได้
>คือการทำลาย
>ตัวกู-ของกู
>
>๖
>ลูกพ่อต้องเป็นคนแข็งแรง…ไม่แข็งกระด้าง
>ลูกพ่อต้องเป็นคนเรียบง่าย…ไม่มักง่าย
>ลูกพ่อต้องเป็นคนอ่อนโยน..ไม่อ่อนแอ
>
>๗
>ลูกของพ่อ..คล่องแคล่วว่องไว
>เป็นปัจจัยแห่งความก้าวหน้าของครอบครัว
>
>๘
>เงินทองที่ลูกมี
>ยิ่งใช้ยิ่งหมดไป
>ปัญญาที่ลูกหาได้ยิ่งใช้ยิ่งเพิ่มพูน
>
>๙
>ถ้าลูกทำเด่น
>จะถูกคนเขาเขม่นและสมน้ำหน้า
>ลูกจะพลาดท่าลงมา..เพราะ
>ความอยากเด่นอยกดัง
>
>๑๐
>ลูกจงจำไว้ว่า
>เงินทองเป็นของนอกกาย
>พ่อ แม่ สุขใจ
>เมื่อพี่น้องรักกัน
>
>๑๑
>ลูกจงโอนอ่อนผ่อนตาม
>อย่างฉลาดและสุขุม
>การพ่ายแพ้ด้วยศิลปะ
>ดีกว่าการชนะด้วยอารมณ์
>
>๑๒
>ความกล้าหาญต้องประกอบด้วยสติปัญญา
>ถ้าลูกกล้าโดยไม่มีสติปัญญา
>เขาเรียกว่าคนบ้าบิ่น
>
>๑๓
>ลูกต้องทำทุกอย่างด้วยความสุจริต
>เมื่อสุจริต จิตผ่องใส
>เมื่อทุจริต จิตหมองไหม้
>>
>๑๔
>ทรัพย์สมบัติ
>ไม่ใช่สิ่งจำเป็น
>ที่พ่อแม่จะให้แก่ลูก
>ความรู้และความประพฤติดีเท่านั้น
>ที่พ่อแม่ควรมอบให้แก่ลูก…อันเป็นที่รัก
>
>๑๕
>ลูกหลีกทางให้เขา
>ก็คือหลีกทางให้เราหลุดพ้นจากอันตราย
>ในที่สุดก็จะได้รับผลดีด้วยกัน
>ทั้งเขาและเรา
>
>๑๖
>ปลายทางสุดท้ายของความไม่พอ
>คือ…ความทุกข์
>
>๑๗
>ลูกจงจำไว้ว่า…
>ผู้ที่ไม่มีใครให้อภัยผู้อื่น
>คือผู้อ่อนแอทางจิตใจ
>การให้อภัยศัตรู คือการ สร้างมิตร
>
>๑๘
>ถ้าผู้อื่นหลอกเรา
>เรารู้ง่ายและแก้ไขได้ง่าย
>แต่ถ้าเราหลอกตัวลูกเอง
>รู้ยาก แก้ไขได้ยาก
>
>๑๙
>ลูกควรจำสิ่งที่ควรจำ ลืมสิ่งที่ควรลืม
>ทำสิ่งที่ควรทำ
>และต้องรู้ว่า สิ่งใดควรทำก่อน
>สิ่งใดควรทำทีหลัง
>
>๒๐
>เมื่อลูกสังเกตดู จะพบว่า
>ภายหลังเสียงหัวเราะ จะมีน้ำตา
>ภายหลังเสียน้ำตา
>จะเห็นแสงธรรม
>คือความจริงของชีวิต
>
>๒๑
>หกล้มเพราะก้าวเดินไปข้างหน้า
>ยังดีกว่าลูกยืนเต๊ะท่าอยู่กับที่
>เพราะถ้าลูกยืนไม่ดี…ก็จักมีคนมาถีบให้ล้มอยู่ดี
>
>๒๒
>ลูกจงหาความสุขกับปัจจุบัน
>อย่าใฝ่ฝันถึงอนาคต
>อย่าหมกอยู่กับอดีต
>จะทุกข์
>
>๒๓
>โชค…เข้าข้างผู้ที่มีความอ่อนน้อมเสมอ
>ถ้าลูกเป็นผู้น้อยที่นอบน้อมผู้ใหญ่
>ใคร ๆ ก็รัก
>ถ้าลูเป็นผู้ใหญ่ที่เข้าใจผู้น้อย
>ผู้น้อยก็มีความภักดี
>
>๒๔
>ชีวิตคือการต่อสู้ ศัตรูคือยากำลัง
>ขอให้ลูกคิดอยู่เสมอว่า
>ถ้ามีสิ่งใดในโลก ที่ผู้อื่นทำได้
>ไม่มีเหตุผลอะไร
>ที่เราจะทำไม่ได้
>
>๒๕
>ความโศกเศร้าเสียใจ
>มิได้ทำให้ใครได้รับประโยชน์อะไร
>นอกจากทำให้ศัตรูของเราดีใจและ
>สมน้ำหน้า
>
>๒๖
>เมื่อพบภัยที่อยู่ข้างหน้า
>จงหนีเข้าหาพระดีกว่าหนีเข้าหาโจร
>ซึ่งโจรจักฉกฉวยโอกาสเอาจากเราเสมอ
>…อย่างคาดไม่ถึง
>
>๒๗
>คนเรามีความโลภทุกคน
>ถ้าโลภมาก…ก็จะทุกข์มาก
>ถ้าโลภน้อย…ก็จะทุกข์น้อย
>ถ้าไม่โลภ…ก็จะไม่ทุกข์
>
>๒๘
>ถ้าลูกประพฤติดี
>ลูกก็จะพบกับคนประพฤติดี
>ถ้าลูกประพฤติชั่ว
>ลูกก็จะพบกับคนประพฤติชั่ว
>ขอให้ลูกเลือกคบให้ถูกต้องเถิด
>ลูกจักเป็นคนที่โชคดี
>
>๒๙
>ลูกอย่ากลัวไปเลยว่า
>จะได้แต่งงานกับคนไม่ดี
>ถ้าลูกไม่สูบ ไม่ดื่ม ไม่เล่น ไม่เที่ยว
>ลูกก็จะพบคู่ครองที่ไม่สูบ
>ไม่ดื่ม ไม่เล่น ไม่เที่ยวเช่นกัน
>
>๓๐
>ไม่ว่าคนหรือสัตว์
>ต้องการคำอ่อนหวาน
>ลูกก็เช่นกัน ควรพูดคำอ่อนหวานแก่ผู้อื่น
>เมื่อลูกอ่อนหวานแก่ผู้อื่น
>ผู้อื่นก็จะอ่อนหวานกับลูก
>
>๓๑
>ลืมอะไรก็ลืมได้
>แต่อย่าลืมตัว
>เสียอะไรก็เสียได้ แต่อย่าเสียคน
>ผิดอะไรก็ผิดได้ แต่อย่าผิดศีลธรรม
>
>๓๒
>ลูกจงจำไว้ว่า…
>ศัตรูวันนี้ อาจเป็นมิตรในวันหน้า
>เพราะฉะนั้น
>อย่าทำอะไรเขารุนแรงและเกินเลย
>
>๓๓
>ลูกจงสนุกกับการใช้เงิน และพร้อมกันนั้น
>ลูกต้องสนุกกับการเก็บรักษาเงินด้วย
>และยิ่งกว่านั้น
>ต้องสนุกกับการหาเงินอย่างไม่เป็นทุกข์
>คือหาด้วยความถูกต้อง
>
>๓๔
>การกระทำของลูก บางครั้งยังไม่ถูกใจตนเอง
>แล้วจะให้คนอื่นทำถูกใจเราเสมอไป
>ได้อย่างไร
>คิดแค่นี้ลูกก็จะไม่โกรธคนอื่น
>
>๓๕
>ถ้าลูกกล้าอย่างถูกต้อง ก็จะเป็นผู้ฉลาด
>ถ้าลูกกล้าอย่างบ้าบิ่น ก็จะเป็นคนโง่
>ขอให้ลูกจงกล้าหาญอย่างชาญฉลาด
>
>๓๖
>บาปและบุญทั้งปวงที่ลูกกำลังทำในขณะนี้
>สักวันหนึ่งจักรวมตัวกันมาสนองแก่ลูก
>สิ่งที่ลูกได้รับอยู่ทุกวันนี้
>เป็นผลจากการกระทำของลูกทั้งสิ้น
>
>๓๗
>ลูกจงจำไว้ว่า…
>ธรรมชาติไม่เคยให้อภัยใคร
>ใครทำอย่างใด
>ต้องได้รับอย่างนั้น
>แต่ธรรมชาติก็ให้โอกาสทุกคนเสมอ
>แต่คนเรา…โดยส่วนมาก
>ไม่ค่อยยอมรับโอกาสนั้น
>
>๓๘
>เมื่อมีปัญหา แก้ให้ถูกจุด จักพ้นทุกข์เร็ว
>อย่าเป็นเช่นคุณยายแก่ ๆ
>มองหาเข็มที่เสาไฟ เพราะมีแสงสว่าง
>แต่หาเท่าใดก็ไม่พบ
>เพราะเหตุว่าแก้ปัญหาไม่ถูกจุด
>เข็มหายในบ้าน แล้วมาหานอกบ้าน
>เพียงเพราะในบ้านไม่มีแสงไฟฟ้า…
>น่าขันไหมล่ะ
>
>๓๙
>ลูกจงจำไว้ว่า
>คนเห็นแก่เงิน คบยาก
>คนเห็นแก่งาน คบง่าย
>คนเห็นแก่ผู้อื่น คบสบาย
>
>๔๐
>ถ้าลูกปราถนาให้ผู้อื่นรัก
>ลูกต้องทำตัวให้น่ารัก
>ลูกจึงจะเป็นที่รักของผู้อื่น
>
>๔๑
>ไม้ล้มข้ามได้ คนล้มอย่าข้าม
>สำคัญที่สุด…ลูกอย่าข้ามตัวเอง
>
>๔๒
>ผู้กล้าหาญ คือผู้ที่สามารถบังคับตัวเองได้
>ถ้าลูกจักปลูกต้นไม้ ต้องบำรุงราก
>แต่ถ้าจะปลูกจิตใจ
>ต้องบำรุงด้วยศีล ด้วยธรรม
>
>๔๓
>ลูกเกิดเป็นคนแล้ว ต้องพยายามทำดีที่สุด
>เมื่อทำดีที่สุดแล้ว นอกนั้นแล้วแต่ฟ้าลิขิต
>โบราณว่า
>ลิขิตเป็นของฟ้า
>( ผลของการกระทำ )
>ชะตาเป็นของคน ( การกระทำของตัวเอง )
>
>๔๔
>ลูกควรจะยอมผิดใจกับคนสุภาพชน
>แต่อย่าผิดใจกับคนพาล
>จะเดือดร้อนอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง
>
>๔๕
>การไม่ระวังการใช้จ่าย เล็ก ๆ น้อย ๆ
>อาจทำให้ล่มจมได้
>ดังเช่นเรือมีรูรั่วเล็กๆ
>อาจทำให้เรือใหญ่จมได้
>
>๔๖
>โรคภัยทางร่างกาย จะเข้ามาทางปาก
>ภัยพิบัติ ก็จะออกจากปากของเราเช่นกัน
>เมื่อลูกจะพูดสิ่งใด จงพิจารณาให้ดีๆ
>
>๔๗
>การโกรธ เป็นวิสัยของปุถุชน
>การให้อภัย เป็นวิสัยของบัณฑิต
>ลูกพ่อจะเป็นบัณฑิต จึงต้องฝึกการให้อภัย
>ด้วยความมีเมตตา
>เพราะเมตตาแก้ความโกรธได้
>
>๔๘
>การเดินทางหมื่นลี้ต้องมีก้าวแรก
>ยามลูกมีอำนาจ
>จงอย่าเหลิงอำนาจ
>ยามลูกมีความสุขก็อย่างหลงระเริง
>ระวังความทุกข์จักตามมา
>
>๔๙
>ถ้าลูกให้เงินเพื่อนยืม…ระวัง
>จะเสียเงิน…จะเสียเพื่อน…จะเสียใจ
>เพราะฉะนั้นลูกอย่าให้เงินใครยืม
>ถ้ามีก็ให้เขาไปเลย
>
>๕๐
>ถ้าลูกระแวงสงสัยใครแล้ว
>ลูกอย่าทำธุรกิจร่วมกัน
>เพราะจะมีแต่ระแวงกัน การงานไม่ราบรื่น
>ความทุกข์จะเข้ามาในจิตใจลูก
>
>๕๑
>เรือที่ออกทะเล
>ปฏิเสธคลื่นลมไม่ได้ ฉันใด
>ชีวิตของลูก
>ปฏิเสธอุปสรรคไม่ได้ ฉันนั้น
>
>๕๒
>ลูกสังเกตดูจักรู้ว่า
>ผู้เป็นคนดี มักอ่อนน้อมถ่อมตน
>ผู้โง่เขลามักหยิ่งยโส ทะนงตน
>คนโง่มักอวดตัวว่าฉลาด
>คนโง่มักอวดตัวว่าฉลาด
>หรือยากให้คนอื่นรู้ว่าฉลาด
>จึงโอ้อวด คุยเบ่ง ทับถมคนอื่น
>ส่วนคนฉลาดมักไม่อวดตัว
>จักเป็นคนอ่อนน้อม ถ่อมตน
>ไม่หยิ่งยโส ไม่โอหัง
>และชอบประกาศความดีของผู้อื่น
>
>๕๓
>แมลงผึ้ง ชอบของหอมของหวาน
>แมลงวัน ชอบของเหม็นของเน่าเสีย
>ถ้าลูกชอบสิ่งที่ไม่ดี คบคนไม่ดี คิดไม่ดี
>พูดไม่ดี
>ทำไม่ดี ไปสู่สถานที่ไม่ดีแล้ว
>ลูกก็จะเปรียบเช่นแมลงวัน
>ซึ่งไม่มีใครชอบหรืออยากจะให้ความรัก
>แต่ถ้าลูกคิดดี พูดดี ทำดี คบคนดี
>และไปแต่เฉพาะที่ดี
>ลูกก็เป็นเช่นแมลงผึ้ง
>คนดีใคร ๆ ก็อยากคบด้วย
>ถ้าลูกเป็นแมลงผึ้ง ลูกก็จะได้พบกับดอกไม้
>ถ้าลูกเป็นแมลงวัน
>ลูกก็จะได้พบกับของเน่าเหม็น
>คำโบราณว่าไว้
>ขี้เกียจ เป็นแมลงวัน
>ขยัน เป็นแมงผึ้ง
>
>๕๔
>ผู้ที่รู้จักประมาณตน เป็นคนฉลาด
>ลูกควรใช้จ่ายตามฐานะ
>ลูกจักไม่ขัดสนตลอดไป
>
>๕๕
>ถ้าลูกมีความพากเพียรและถ่อมตนแล้ว
>ภายใต้ท้องฟ้า…ลูกของพ่อจักทำได้ทุกสิ่ง
>ธรรมะสอนไว้ว่า
>คนล่วงทุกข์ได้ เพราะความเพียร
>
>๕๖
>ถ้าลูกทำงานด้วยความรีบร้อน ร้อนรน
>มักทำความผิดพลาด มาให้ลูกเสมอ
>ลูกต้องทำด้วยความรวดเร็ว
>แบบมีสติ
>จึงจะประสบความสำเร็จได้
>อย่างถูกต้องและราบรื่น
>
>๕๗
>การนินทาและว่าร้ายต่อผู้อื่น…
>มันเจ็บปวดมากว่ามีดที่กรีดเนื้อเขา
>มากมายหลายเท่านัก
>เมื่อลูกเข้าใจอย่างนี้แล้ว
>อย่านินทา อย่าว่าร้ายผู้อื่นเลย
>เพราะเมื่อเขาเจ็บปวดเพราะคำพูดของเราแล้ว
>เขาก็สามารถทำความผิดกับเราได้
>เราก็เดือดร้อน
>
>๕๘
>คนขี้เกียจ มักอ้างว่า ยังไม่ต้องทำ
>เพราะเช้าไป เพราะเย็นไป
>เพราะร้อนไป เพราะหนาวไป
>เพราะฝนตก เพราะแดดออก
>ถ้าลูกอ้างอย่างนี้ จะทำอะไรก็จะไม่สำเร็จ
>
>๕๙
>ในสมัยนี้ ใครก็ชอบแต่ของดี ๆ
>แต่ไม่รู้ว่า อย่างไรถึงจะดี
>จึงขอเตือนว่า
>ลูกของพ่อ…อย่าดีแต่จะคิด
>ลูกต้องคิดแต่ดีดี
>ลูกของพ่อ…อย่าดีแต่พูด
>ลูกต้องพูดดีดี
>ลูกของพ่อ…อย่าดีแต่ทำ
>ลูกต้องทำดีดี
>ลูกของพ่อ…อย่าดีแต่จะคบคน
>ลูกต้องคบคบดีดี
>ลูกของพ่อ…ดีแต่จะไป
>ลูกต้องไปดีดี
>ลูกจง คิดดี พูดดี ทำดี
>คบคนดี
>ไปสู่สถานที่ดีดี
>
>๖๐
>ถ้าลูกละเลยเรื่องเล็กน้อย
>กระทำผิดเพียงเล็กน้อยในปัจจุบัน
>ลูกอาจต้องเสียใจอย่างใหญ่หลวง
>ในภายหน้า
>คิดกับผู้อื่นไม่ดี ในวันนี้
>อาจถูกผู้อื่นคิดไม่ดีกับเรา ในวันหน้า
>ทำกับผู้อื่นไม่ดี ในวันนี้
>อาจถูกผู้อื่นกระทำต่อเราไม่ดี ในวันหน้า
>รังแกผู้อื่น ในวันนี้
>อาจถูกผู้อื่นรังแก ในวันหน้า
>โกงผู้อื่น ในวันนี้
>อาจถูกผู้อื่นโกง ในวันหน้า
>โกหกผู้อื่น ในวันนี้
>อาจถูกผู้อื่นโกหกในวันหน้า
>เหยียดหยามผู้อื่น ในวันนี้
>อาจถูกผู้อื่นเหยียดหยาม ในวันหน้า
>โกรธผู้อื่น ในวันนี้
>อาจถูกผู้อื่น ในวันหน้า
>ริษยา อาฆาตผู้อื่น ในวันนี้
>อาจถูกผู้อื่นริษยา อาฆาต ในวันหน้า
>ฆ่าผู้อื่น ในวันนี้
>อาจถูกผู้อื่นฆ่า ในวันหน้า
>ในทางตรงกันข้าม…
>ถ้าลูกรักและเมตตาผู้อื่น ในวันนี้
>ลูกก็จักได้รับความรักและเมตตา
>ในวันข้างหน้า
>
>ก่อนจบท้าย
>หน้าที่ที่ลูกควรปฏิบัติต่อผู้อื่น คือ
>การมอบน้ำใจให้แก่กันและกันดังต่อไปนี้
>๑. ลูกควรมองทุกคนที่พบกันด้วยสายตาที่เป็นมิตร
>๒. ลูกควรยิ้มให้ทุกคนที่พบกัน เริ่มแรกยิ้มด้วยสายตา
>ยิ้มด้วยใบหน้าและริมฝีปากและด้วยจิตใจที่เป็นกันเอง
>๓. ลูกควรทำความรู้จักกับผู้อื่นด้วยการยิ้มและทักทาย
>๔. ลูกควรโบกมือส่งยิ้มให้กับเด็ก ๆ ที่ลูกพบเห็นโดยทั่วไป
>๕. ลูกควรมองคนในแง่ดี ให้มองว่าไม่มีใครจะเลวทั้งหมด
>๖. ลูกควรมองว่าคนเราเป็นมิตรกันได้แม้จะมีความคิดต่างกัน
>๗. ลูกควรกล่าวคำสวัสดี ยกมือไหว้ ยิ้มหรือก้มหัวตามความเหมาะสม
>ตามฐานะของตนแล้วแต่กรณี
>๘. ลูกควรพยายามเรียกชื่อคนที่เราสนทนาด้วยระวังอย่าเรียกชื่อคนผิด
>๙. ลูกควรตั้งใจรับฟังคนอื่นพูด อย่าขัดคอเขา ต้องรู้จักสังเกตให้ดี
>๑๐. ลูกควรใช้คำพูดให้ติดปาก คือคำว่า ขอบคุณ ขอโทษ
>๑๑. ลูกควรพูดด้วยความสุภาพ ไพเราะ อ่อนหวาน ไม่พูดหยาบคาย
>๑๒. ลูกควรพูดชมเชยผู้อื่นเป็นประจำ
>๑๓. ลูกควรพูดถึงคนอื่นและผู้บังคับบัญชาในด้านดีกับคนที่เขารู้จัก
>๑๔.
>ลูกควรรู้จักขัดแย้งโดยไม่ให้เขาเสียน้ำใจ
>๑๕. ลูกควรพูดคุย ในสิ่งที่ผู้คุยให้ความสนใจ
>๑๖. ลูกควรหาเรืองดีดี หรือเรื่องคนทำดีมาคุยกันบ้าง
>๑๗. ลูกควรหาเวลางดเว้นการพูดที่ไม่ดี หรืองดเว้นการโกรธอย่างน้อย ๑
>วันต่อสัปดาห์
>๑๘. ลูกไม่ควรหาเรื่องจับผิดคนอื่นโดยไม่ใช้ปัญญา
>๑๙. ลูกควรให้ความเห็นใจ ปลอบใจคนที่กำลังมีความทุกข์
>ด้วยรัก….
>จาก พ่อ

ที่มา Forward mail
 
สายลม
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245

ตอบตอบเมื่อ: 28 เม.ย.2006, 8:37 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ ขอบคุณมากครับ ที่นำมาให้อ่านกัน ดอกไม้
 

_________________
"อย่าลืมตัว อย่าลืมปัจจุบัน อย่าลืมปฏิบัติ"
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง