Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 หมดสิ้นแล้ว (ท.เลียงพิบูลย์) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
admin
บัวทอง
บัวทอง


เข้าร่วม: 15 ธ.ค. 2004
ตอบ: 1886

ตอบตอบเมื่อ: 03 เม.ย.2006, 3:51 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

หมดสิ้นแล้ว
โดย ท.เลียงพิบูลย์

จากหนังสือกฎแห่งกรรม
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เล่ม ๑



เมื่อครั้งหลังผู้เขียนเดินทางผ่านไปในตัวเมืองของจังหวัดหนึ่งที่ไม่ได้ไปนาน ต้องพิจารณานึกถึงครั้งแรกเมื่อสมัยสี่สิบกว่าปีผ่านมาแล้ว บ้านช่องข้างถนนปลูกด้วยไม้ หลังคาสังกะสีหรือจาก อย่างดีก็กระเบื้อง นึกปลงถึงสิ่งที่ไม่มีอะไรแน่นอนเที่ยงตรงคงเดิม ทุกอย่างเกิดขึ้นดับไป แม้สังขารของคนก็เปลี่ยนแปลง

ครั้งนั้นผู้เขียนก็ยังหนุ่มแน่นแข็งแรง แต่บัดนี้เข้าสู่วัยชรา แต่บ้านเมืองสมัยก่อนยังไม่เจริญ แต่บัดนี้เปลี่ยนแปลงจนผิดรูปผิดร่าง จำไม่ได้เพราะสิ่งเก่าๆ รื้อถอนไปหมด มีแต่สิ่งก่อสร้างใหม่ๆ ขึ้นมาแทน สมัยก่อนเรายังเห็นมีรถม้าลากวิ่งไปมา รับผู้โดยสารในเมืองมาสถานีรถไฟ บ้านช่องก็สร้างด้วยไม้ ส่วนมากชั้นเดียว ผู้คนยิ้มแย้มเข้าหากัน มีชื่อว่า เมืองคนซื่อ

ผู้เขียนยังจำได้ว่าที่สถานียังมีโรงแรม ทาสีเขียวๆ ยาวตามถนนเข้าเมือง เมื่อก่อนผู้เขียนโดยสารรถไฟจวนจะถึงสถานีตัวเมือง ก็มีพวกโรงแรมต่างๆ ส่งคนตัวแทนขึ้นรถไฟไปลงคอยขึ้นรถขบวนมาจากกรุงเทพฯ คอยต้อนรับคนเดินทางมาพักที่โรงแรมที่ตนทำงานอยู่ ต่างก็อวดความดีและคุณภาพของโรงแรมแต่ละแห่ง และเชิญให้ไปพัก ทั้งอ้างว่าโรงแรมผมห้องน้ำ ห้องพักสะอาด ไม่ไกลสถานี ถ้าคุณจะไปต่อรถเช้าก็ไม่ร้องรีบร้อน แต่ละโรงแรมต้องลงทุนใช้คนขึ้นรถไฟมาดักหน้าคอยต้อนรับแขกที่จะเดินทาง

เมื่อผู้เขียนเดินทางครั้งแรก ก็ไม่รู้ว่าโรงแรมไหนดีเพียงใด เมื่อเห็นคนมารับเป็นเด็กวัยรุ่นพูดจาเพราะ นอบน้อมก็บอกให้รู้ว่า

“ฉันไม่ชอบที่พักที่มีผู้หญิงจุ้นจ้านเอะอะ ต้องการพักที่สงบเงียบๆ” เด็กหนุ่มก็บอกว่า “โรงแรมพักของเรานั้นสะอาด สะดวก ไม่มีผู้หญิงอย่างว่าหรอกครับ” ผู้เขียนก็บอกว่า “คิดดูก่อน เดี๋ยวจะตัดสินใจ”

ความจริงผู้เขียนก็อยากจะพักโรงแรมนี้ แต่ไม่อยากผูกมัดด้วยคำพูด เมื่อชายวัยรุ่นผู้แทนโรงแรมเดินผ่านไปถามคนอื่นเพื่อจะต้อนไปพักโรงแรมที่ตัวทำงาน แต่แล้วก็มีชาวจีนเป็นผู้แทนโรงแรมเข้ามาส่งภาษาจีนแต้จิ๋วอย่างน้ำไหลไฟดับ แกคิดว่าเราเป็นจีน แต่ความจริงเท่าที่แกพูดยืดยาวนั้น ผู้เขียนรู้เพียง ๒ คำ คือคำว่า “เถ้าโล้” กับคำว่า “แคะจั่น” เท่านั้น นอกนั้นก็ไม่รู้เรื่อง ผู้เขียนก็ได้แต่ยิ้ม คิดว่าหน้าตาท่าทางของเราคงเป็นจีนมากกว่าไทย จีนผู้แทนแคะจั่นเมื่อเห็นพูดกับเถ้าโล้คนนี้ผิดเสียแล้ว ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นพูดไทยว่า

“คุงจะพะที่ผงนี้สักบายจินๆ ห้องดี” ผู้เขียนก็แกล้งกระซิบกระเซ้าว่า “นี่ จาโบ้มีไหม” แกทำตาลุกยิ้มอย่างถูกใจว่า “มีเสาๆ ซ้วยสวยจินๆ” ข้าพเจ้าก็บอกว่า “ดีแล้ว อั้วยังไม่พักหรอก” เถ้าแก่คนนั้นแกเห็นว่าต้อนไม่สำเร็จ เสียเวลาเปล่า ก็รีบไปชักชวนคนอื่นต่อไป

เมื่อรถไฟกำลังจะใกล้สถานีจวนย่ำค่ำ แต่แสงอาทิตย์ยังจ้าเพราะเป็นเดือนเมษายน เด็กวัยรุ่นก็เข้ามาถามว่า “คุณจะไปพักที่โรงแรมเราไหมครับ” ผู้เขียนก็ตอบว่า “ตกลง” เด็กถามผมว่า “คุณมีกระเป๋ากี่ใบครับ” ผู้เขียนยกนิ้วเดียวแทนคำพูด แล้วชี้ไปบนหิ้งไว้ของบนรถไฟ เพราะเสียงจอแจเมื่อรถจะเข้าจอดชานชาลาสถานี เห็นผู้คนมายืนรอรับรถไฟกันมากมาย นายสถานียืนโบกธงสีเขียวให้รถผ่านมาจอดโดยสะดวก ผู้เขียนไม่มีใครมารับที่รถไฟจึงไม่สนใจผู้อื่น เดินตามเด็กหิ้วกระเป๋านำหน้าออกจากสถานีไป

เมื่อมาถึงโรงแรมซึ่งอยู่ไม่ห่างจากสถานีนัก เด็กก็จัดการหยิบกุญแจจากห้องทำงานข้างล่างขึ้นไปเปิดห้องชั้นบน ซึ่งมีระเบียงหันหน้าออกตามความยาวของถนน โรงแรมนี้สองชั้นเป็นไม้ทาสีเขียวอ่อน เมื่อไขกุญแจเปิดประตูเข้าไปแล้วก็มีเพียงโต๊ะ เก้าอี้ เตียงเหล็กแบบเก่าแก่ มีมุ้งเกี่ยวขอไว้ มีหมอนหนุนหัว หมอนข้างที่นอนแฟบๆ ปูผ้าขาวแต่ไม่สู้ขาวสะอาดนัก คล้ายผ้าดิบ มีผ้าห่มสีแดงลายเส้นดำพับไว้บนที่นอนปลายเท้า ในห้องมีตะเกียงใช้น้ำมันแขวนไว้ข้างฝา

ผู้เขียนพิจารณาดูก็เห็นว่า สภาพเหมือนโรงแรมของชาวจีนทั่วๆ ไป คืนนั้นหลังอาหารแล้ว ผู้เขียนนอนในโรงแรมของจังหวัดนี้เป็นครั้งแรก ห้องน้ำข้างล่างใช้ถังเหล็กกลมๆ ทาสีกันสนิมสีแดงอยู่สองถัง มีน้ำขุ่นๆ ชนิดน้ำบ่อมากวนสารส้ม เพราะยังไม่มีน้ำประปาไฟฟ้าใช้ มีขันอะลูมิเนียมสำหรับตักอาบ ซึ่งคงผ่านคนใช้มามากมายแล้ว ส่วนห้องส้วมก็ใช้ชนิดนั่งยกร้านสูง เจาะรูตรงกลางมีถังเหล็กไว้ข้างใต้ข้างล่างชนิดถ่ายเท ประตูห้องน้ำห้องส้วมก็ปิดไม่ค่อยสนิท สิ่งที่กวนประสาทไม่สงบก็คือ ใกล้สถานีและโรงเก็บหัวรถจักร จะได้ยินเสียงรถไฟสับหลีกของรถสินค้า ทั้งเข้าและออกในกลางดึก

คืนนั้นผู้เขียนได้ยินเสียงคนร้องไห้ทางหลังโรงแรมออกไปซึ่งเป็นที่อยู่ของชาวบ้าน ดึกๆ เสียงร้องไห้อย่างโหยหวน เสียงคร่ำครวญรำพัน ฟังแล้วเศร้าใจ เช้าขึ้นผู้เขียนถามเด็กคนที่ไปรับบนรถไฟว่า “เมื่อคืนนี้ได้ยินเสียงร้องไห้ไกลออกไปทางหลังโรงแรมเรื่องอะไร” เด็กวัยรุ่นตอบอย่างหน้าตาเฉยว่า “คนเป็นโรคลงท้องตาย”

ผู้เขียนนึกทันทีว่าคงเป็นอหิวาตกโรค หรือโรคห่า จึงถามว่า “ตายไปกี่คนแล้ว” ดูเด็กโรงแรมแสดงกิริยาท่าทางไม่สนใจมากนัก ตอบว่า “หลายคนแล้วครับ” ส่วนผู้เขียนทราบถึงความร้ายแรงของโรคนี้เพียงใดก็ไม่ค่อยสบายใจนัก จึงป้องกันรักษาตนเองโดยกินอาหารสุกที่ร้อนและต้มจนเดือด งดเว้นอาหารทำไว้จนเย็นและพวกผักสด ดื่มน้ำร้อนที่ผ่านการต้มเดือดแล้ว การอาบน้ำก็ระวังไม่ให้เข้าปาก

ผู้เขียนเคยทราบว่าโรคนี้เกิดขึ้นกับจังหวัดทางภาคนี้ทุกปี เพราะการประปายังไม่มีต้องใช้น้ำ หนอง บึง และบ่ออาบกินร่วมกันในหมู่บ้าน นอกนั้นเวลาเข้าฤดูหนาวก็มักจะมีกาฬโรคเกิดขึ้นแทบทุกปี ภายหลังมีการแขวนธงเหลืองบอกเขตโรคติดต่อ ห้ามเข้าออกกักกันกว่าจะสงบ ทางการได้จัดยาฉีดไปป้องกัน นี่เป็นเรื่องเมื่อสมัยสี่สิบกว่าปีผ่านมาแล้ว คนในยุคปัจจุบันส่วนมากไม่รู้สภาพของสมัยก่อน นอกจากคนรุ่นเก่า

ปัจจุบันนี้บ้านเมืองเจริญ มีน้ำประปา ไฟฟ้าสว่างไสว มีตึกรามบ้านช่อง ถนนสะดวกสบายจากรุงเทพฯ ไปถึง และมีถนนแยกย้ายผ่านไปตามจังหวัดหัวเมืองต่างๆ ไกลอกไปมีความสะดวกสบายในการเดินทาง ในยุคปัจจุบันผู้เขียนเห็นจะไม่ต้องบอกว่าจังหวัดนี้อยู่ที่ไหน จังหวัดอะไร เพราะผู้เขียนได้รับฟังเรื่องหนึ่ง จึงอยากจะเขียนข้อความเรื่องนี้ เพื่อให้เห็นกรรมดีหรือกรรมชั่วนั้น

ถ้าเราได้เห็นชีวิตของผู้ประกอบกรรมชั่วอย่างใกล้ชิดตลอดมา ก็จะพบชีวิตผู้ประกอบกรรมดีหรือกรรมชั่วตามสนอง จะไม่ต้องถกเถียงกันว่า ทำชั่วได้ดี ทำดีได้ชั่วต่อไป ฉะนั้น จึงได้นำเรื่องของท่านผู้ให้ความกรุณาเล่าเรื่องให้ฟังนั้น มาเรียบเรียงเขียนขึ้น เพราะเหตุการณ์ได้เกิดขึ้นในจังหวัดดังที่ผู้เขียนได้บรรยายไว้ข้างต้นแล้ว

ข้าพเจ้ากับพวกได้เดินทางไปในจังหวัดทางชายแดนโดยทางรถยนต์ เมื่อมาได้ครึ่งทางก็ถึงจังหวัดใหญ่จังหวัดหนึ่งเป็นเวลาบ่าย ก็ได้แวะเข้าไปหาร้านอาหารชั้นกลางในเมือง ขณะสั่งอาหารอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงร้องว่า “สิ้นหมดแล้วๆ ๆ ๆ” ร้องซ้ำๆ ออกจากปากของชายผู้หนึ่ง ครึ่งเมาครึ่งบ้าเหมือนคนเสียสติ ปากก็ร้องว่าสิ้นหมดแล้ว มือก็ปาดน้ำตาที่ไหลออกมาเหมือนความคับแค้นภายในใจระบายออกมาทางปาก

พวกเราเห็นสภาพและกิริยาท่าทางเมามาก เดินโซเซ หมดอาลัยตายอยากในชีวิต ไม่มีความหมายต่อไป เราก็มองดูด้วยความสังเวชใจ คิดว่าเบื้องหลังจะมีเรื่องแสนเศร้าเกิดขึ้น ทำให้ชายผู้นี้ต้องทนทุกข์ทรมานทางจิตใจ ต้องดื่มดับทุกข์ แต่มันก็เผาผลาญเพิ่มทุกข์ยิ่งหนักขึ้นอีก



(มีต่อ)
 

_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --

แก้ไขล่าสุดโดย admin เมื่อ 26 ก.ค.2006, 8:49 pm, ทั้งหมด 2 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
admin
บัวทอง
บัวทอง


เข้าร่วม: 15 ธ.ค. 2004
ตอบ: 1886

ตอบตอบเมื่อ: 03 เม.ย.2006, 3:55 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พวกเราเพียงแต่ผ่านมากินอาหารแล้วก็ผ่านไป ฉะนั้น จึงไม่รู้เบื้องหลังชีวิตของชายผู้นี้ แต่โชคดีที่มีท่านสุภาพบุรุษผู้หนึ่งอยู่ในร้านอาหารเพื่อกินอาหารช่นกัน และเป็นผู้ที่ได้ทราบเรื่องราวของบุรุษผู้นี้ได้ละเอียด เห็นและได้ยินพวกเราวิพากษ์วิจารณ์ถึงกฎแห่งกรรมตามความคิดเห็น เมื่อรู้ว่าพวกเราสนทนากันล้วนแต่สนใจเชื่อกฎแห่งกรรม ท่านจึงได้กรุณาแนะนำตนเอง และท่านก็เป็นผู้หนึ่งที่เชื่อในกฎแห่งกรรม จึงได้สนทนากันได้เรื่องเข้าใจกันดี และท่านได้กรุณาเล่าเรื่องชายผู้ตกเป็นทาสน้ำเมาผู้นี้ให้ฟังว่า

เมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๐ ชายผู้นี้เป็นข่าวผู้มีภูมิลำเนาอยู่ในเมืองเริ่มมีอาชีพขับรถประจำโรงเรียน เมื่อขับรถโรงเรียนได้ประมาณ ๒-๓ ปี คิดก้าวหน้าเปลี่ยนอาชีพใหม่ เป็นธรรมดาทุกคนก็อยากจะใช้ชีวิตให้เจริญก้าวหน้าเลยลาออก มีอาชีพใหม่เป็นผู้รับเนื้อโคสดมาขายในตลาด อาชีพใหม่นี้มีรายได้ดีกว่างานที่ทำประจำ คิดว่าถ้าได้นำวัวควายไปจ้างโรงงานของทางการฆ่าสัตว์ ฆ่าคงได้กำไรขึ้นมาก

เมื่อมีทุนพอก็เริ่มหาซื้อวัวควายนำไปจ้างทางโรงฆ่าสัตว์ของทางการเทศบาลจังหวัดฆ่า ไม่ต้องรับช่วงเนื้อสัตว์มาขายอีก ทั้งเป็นผู้ส่งเนื้อสดไปขายส่งเสียเอง ชายผู้นี้ค่อยๆ มีฐานะดีขึ้นมีบ้านที่ดินของตนเองกว้างขวางใหญ่โต มีวัวควายเป็นฝูง มนุษย์มีความโลภประจำสันดานซึ่งไม่มีหลักของศีลธรรมยึดเหนี่ยว ย่อมจะไม่มีที่สิ้นสุดหรือขอบเขตของความพอ ต่อมาชายผู้นี้ก็ลักลอบฆ่าวัวควายในบ้านของตนเอง และนำไปปนกับที่จ้างทางโรงงานฆ่าสัตว์ของทางการด้วย การค้าแรกๆ ก็รู้สึกว่าจะรุ่งเรืองดี เพราะมีรถยนต์ขนส่งเนื้อสดขายไปตามลูกค้าหลายอำเภอใกล้เคียง มีรถส่งหลายคัน

ตอนนี้ข้าพเจ้าถามว่า “ถ้าเช่นนั้นคงจะไม่ได้ซื้อวัวควายที่สุจริตอย่างเดียว คงจะมีรับซื้อของโจรที่ปล้นมาบ้าง เพราะการร่ำรวยเร็วแบบนี้คงจะมีบ้าง” ท่านผู้นั้นตอบว่า “ข้อนี้ผมไม่ทราบว่าจะมีหรือเปล่า” พูดแล้วก็เล่าต่อไปว่า การฆ่าวัวฆ่าควายที่บ้านนั้น ต้องทำให้ชาวบ้าน และพระสงฆ์เดือดร้อนไปตามๆ กัน เพราะในบริเวณนั้นมีผู้คนใกล้เคียง มีหมู่บ้านและมีวัด ชายผู้นี้ได้ทิ้งหัววัวหัวควาย และสิ่งที่ไม่ใช้ก็โยนลงในบ่อน้ำหลังบ้านซึ่งติดต่อกับบึงใหญ่

เมื่อนานเข้าทั้งชาวบ้านและชาววัดก็ได้รับความเดือดร้อน เพราะต่างก็ไม่สามารถจะอาศัยใช้น้ำในบึงได้ เพราะน้ำในบริเวณนั้นเน่าใช้การไม่ได้ ต่างก็เดือดร้อนไปตามๆ กัน เพราะน้ำเหม็นด้วยซากของวัวควาย

เรื่องนี้ทำให้หลวงตาวัดที่อยู่ใกล้ๆ ได้มาขอร้องให้เลิกทิ้งเศษจากการฆ่าวัวควาย ของเสีย ซากวัวซากควายลงในบ่อและในบึง แต่ชายผู้นี้ก็หาได้เชื่อฟังไม่ คงทิ้งเศษซากของวัวควายตามที่เคยปฏิบัติตลอดมา เพราะถือว่าเป็นคนมีเงินและมีอิทธิพลแต่ทุกสิ่งที่ไม่สุจริต กรรมชั่วย่อมจะได้ผลในวันหนึ่งไม่ช้าก็เร็ว หลังจากชายผู้นี้ทิ้งซากสัตว์ลงในบ่อตลอดมาเป็นเวลา ๘ ปี ที่ต้องทำให้ชาวบ้านชาววัดต้องได้รับความเดือดร้อน ลำบากในเรื่องน้ำในบึง กรรมชั่วก็เริ่มเกิดผลขึ้นแล้วก็คือ

คืนหนึ่งมีคนมาเคาะประตูเรียกให้เปิด ชายผู้นี้คิดว่าเป็นลูกค้าที่จะมาสั่งเนื้อสด หรือพวกนำเอาวัวควายมาขายเป็นประจำ แต่คืนนั้นเมื่อเปิดประตูออกรับที่คิดว่าเป็นคนมาติดต่อ กลับเป็นคนร้ายชายฉกรรจ์ ๓ - ๔ คน มีอาวุธปืนครบมือ โดยเข้ามาใช้ปืนจี้พร้อมทั้งลูกเมีย เข้าปล้นและค้นทรัพย์สินไปได้ประมาณสามหมื่นกว่าบาท พร้อมทั้งเข็มขัดนากของเมีย และของมีค่าก็ถูกปลดไปหมด

เมื่อพวกโจรเข้าปล้นแล้ว ชายผู้นี้ก็นึกว่าฟาดเคราะห์ไป การค้าเนื้อสัตว์ได้ขยายกิจการกว้างขวางยิ่งขึ้น ได้เพิ่มการหารายได้ขึ้นอีก โดยนำวัวควายเป็นฝูงๆ บรรทุกรถยนต์เข้าไปขายตามจังหวัดสระบุรี อยุธยา และกรุงเทพฯ ใหม่ๆ ก็มีลูกค้าเพิ่มจำนวนมากขึ้น แรกๆ ก็เกิดผลดีเพราะลูกค้ามาก ผลประโยชน์ก็มีมากขึ้นตามตัว และได้เงินสด จึงหวังจะรวยให้มากยิ่งขึ้นก็ต้องลงทุนมากเป็นธรรมดา เพื่อจะได้ขยายขอบเขตส่งวัวควายเป็นฝูงกว้างขวางออกไปมากขึ้น

ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่เป็นของแน่นอน แรกก็ได้ผลดี ลูกค้าสั่งซื้อมากก็ได้เงินสด ต่อๆ มาพวกลูกค้าที่รับวัวควายไปขายรายใหม่ ก็เริ่มจะจ่ายครึ่งติดค้างไว้ครึ่ง ต่อมาก็ขอเชื่อแรมเดือนพวกลูกค้ารายใหญ่ๆ เก่าก็ยังไม่จ่าย ใหม่ก็ยังขอเชื่ออีก เงินก็ไปอยู่กับพวกลูกค้า รับไปขายส่งแล้วก็เก็บไม่ได้ ต้องออกทุนแล้วไปให้เชื่อ ความโลภ ความหวังที่ตั้งใจไว้ว่าจะรวยใหญ่ก็ผิดหวัง คงมีแต่บัญชีลูกหนี้เป็นตัวเงิน แต่เงินสดไม่มี เก็บเงินไม่ได้ ลูกค้าติดมากๆ ก็หลบหนีไป ตามหาก็ไม่รู้ว่าหลบไปที่ไหน เข้าตำราว่า “ต้นทุนหาย ปลายทุนหด”

ที่สุดเงินก็หมด ก็ต้องจำนองหรือขายฝากที่ดินบ้านเรือน จะฟื้นฟูทำการค้าขึ้นอีกก็ไม่ไหว เพราะกรรมเริ่มตามมา ภัยวิบัติกำลังติดตามมาสนอง พวกพ่อค้าที่เคยส่งฝูงวัวฝูงควายมาขายก็ไม่ยอมขายให้เพราะขาดเงินสด ที่สุดพวกรถยนต์เท่าที่มีอยู่ก็ต้องขายเหมาไปถูกๆ เพราะคนซื้อเขารู้ว่าร้อนเงินก็ต้องขาย เงินได้มาก็ไม่พอให้เจ้าหนี้ ฐานะที่เคยรุ่งเรืองก็หมดตัว โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน สร้างกรรมดีย่อมสนองด้วยผลดี สร้างกรรมชั่วย่อมสนองด้วยผลชั่ว เป็นหลักธรรมของพระพุทธเจ้า และเป็นหลักสากลทั่วไป หนีไม่พ้นกรรมดีหรือกรรมชั่ว

ในที่สุดเมื่อกลางเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๔ ก็เกิดไฟไหม้ขึ้นบ้านช่อง โรงงาน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ก่อสร้างในบริเวณบ้านไม่มีอะไรเหลือ เพราะถูกเพลิงเผาผลาญจนกลายเป็นเถ้าถ่านไปหมด แม้แต่ถังน้ำฝนซึ่งเป็นถังเหล็กสำหรับเก็บน้ำไว้กิน เมื่อไฟไหม้ถูกความร้อนจัดก็ระเบิดหมดไม่มีเหลือ

นี่ก็ชี้ให้เห็นว่ากรรมชั่วทำให้เกิดวิบัติขึ้น เนื่องจากทำให้ชาววัดเดือดร้อน เพราะทำลายน้ำในบึงที่ชาวบ้านและชาววัดอาศัยน้ำใช้น้ำกินได้รับความเดือดร้อน แม้แต่ตัวเองและลูกเมียก็ไม่ได้อะไรเป็นสมบัติขนหนีไฟมาได้ แม้แต่เสื่อสักผืนหนึ่งสำหรับปูนอนก็ไม่มี นอกจากของที่ใส่สวมติดตัวอยู่เป็นสมบัติชิ้นสุดท้าย ทั้งบุตรและภรรยาก็เช่นเดียวกัน มีเพียงเครื่องที่แต่งอยู่กับตัวคนละชุดเท่านั้น

แต่เป็นสิ่งแปลกประหลาดไฟไหม้ครั้งนั้น เหมือนเจาะจงไหม้บ้านแต่บ้านชายผู้นี้ให้วอดวายแต่เพียงบ้านเดียว ส่วนบ้านใกล้ชิดติดกันไม่มีบ้านใครมีความเสียหายนับว่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ความเสียอกเสียใจของชายผู้นี้ก็ถึงที่สุด ทำให้นึกเสียดายทรัพย์สินสมบัติ คิดแล้วมันซ้ำทรมาน ความกลุ้มอยู่ในจิตใจจนไม่สามารถจะครองสติอยู่ได้ หันเข้าหาสุราน้ำเมาเป็นที่พึ่ง จิตใจก็ตกอยู่ครึ่งดีครึ่งบ้าเพราะความเสียใจ ใช้เวลาอยู่กับน้ำเมาตลอดวัน และระบายทุกข์ความคับแค้นใจออกมาว่า “หมดสิ้นแล้ว” ซ้ำๆ กัน น้ำตาก็ไหล ทำให้คนที่เห็นและไม่รู้เบื้องหลังชีวิตของชายผู้นี้ก็พากันเวทนาสงสาร

เมื่อท่านผู้เล่าได้ติดตามเหตุการณ์อย่างใกล้ชิดตลอดมาผู้รู้เบื้องหลัง แล้วก็รู้ว่านี่แหละกรรมชั่วตามสนองหนีไม่พ้น ชายผู้นี้กำลังรับใช้หนี้กรรม อนาคตจะยิ่งตกต่ำมืดมัว ไม่รู้ว่าเมื่อใดจะสิ้นสุดลง

เมื่อข้าพเจ้าได้ฟังแล้วก็ขอขอบคุณท่านผู้เล่า แม้จะเสียเวลาบ้าง แต่เราก็ได้ตัวอย่างข้อคิดในเรื่องทำชั่วได้ชั่ว และเราก็ลาท่านสุภาพบุรุษผู้นั้นออกเดินทางต่อไป แต่เราก็ไม่ลืมเรื่อง “หมดสิ้นแล้ว” ทำให้ข้าพเจ้าอดนึกถึงเรื่อง “ศีลธรรมกับการค้า ที่เคยเขียนมาแล้วไม่ได้”



......................... เอวัง .........................
 

_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --

แก้ไขล่าสุดโดย admin เมื่อ 26 ก.ค.2006, 8:52 pm, ทั้งหมด 2 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
admin
บัวทอง
บัวทอง


เข้าร่วม: 15 ธ.ค. 2004
ตอบ: 1886

ตอบตอบเมื่อ: 03 เม.ย.2006, 3:57 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เพราะใจบาปหยาบช้าชอบทำชั่ว
เห็นแก่ตัวเห็นแก่เงินเพลินทรัพย์สิน
มีอาชีพเบียดเบียนสัตว์เป็นอาจิณ
ไฟไหม้สิ้นทรัพย์สมบัติเป็นบ้าบอ

ท.เลียงพิบูลย์
 

_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
พิทรายา
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 12 ส.ค. 2007
ตอบ: 103
ที่อยู่ (จังหวัด): ชลบุรี

ตอบตอบเมื่อ: 19 ต.ค.2007, 11:32 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ
 

_________________
ความยึดมั่นถือมั่นทำให้เป็นทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
suvitjak
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen

ตอบตอบเมื่อ: 17 มิ.ย.2008, 4:48 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พุทโธ กงกรรมกงเกวียนครับ
 

_________________
ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง