Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 หลวงพ่อพุธตอบปัญหาธรรม อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
สายลม
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245

ตอบตอบเมื่อ: 20 ก.พ.2006, 3:49 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

• นักปฏิบัติต้องเก็บตำราใช่ไหม
นักปฏิบัติที่ศึกษาค้นคว้าตำรับตำรา เวลาปฏิบัติจริงๆแล้ว ท่านให้เก็บตำราไว้ก่อน แล้วจึงเริ่มปฏิบัติ จะถูกต้องหรือไม่ เพราะเหตุใด

ตอบ : การศึกษาค้นคว้าตำรับตำรา ก็เหมือนกับเรียนวิชาความรู้โดยทั่วๆไป ถ้าหากผู้ปฏิบัติจะเอาวิชาความรู้จะเป็นเรื่องธรรมะก็ตาม เรื่องทางโลกก็ตาม อันเป็นคัมภีร์หรือเป็นตำราเอามาเป็นอารมณ์ของการพิจารณา ด้วยการทำสติจดจ่อ ทำสติให้มันชัดๆ การที่เราคิดพิจารณานั้นๆ ก็เป็นอุบายที่จะทำจิตให้สงบ มีปีติ มีความสุข เกิดสติปัญญา รู้จริง เห็นจริงได้เหมือนกัน เพราะความรู้ในตำรับตำรานั้น ก็เป็นสภาวธรรม เป็นเครื่องรู้ของจิต เป็นเครื่องระลึกของ สติ เราเอาความรู้นั้นมาเป็นเครื่องรู้ของจิต เป็นเครื่องระลึกของสติ ทำสติรู้อยู่กับสิ่งนั้นๆ เป็นการปฏิบัติถูกต้อง แต่อันนี้ต้องระมัดระวังหน่อย ถ้าเราแก่ตำราเกินไป ไปยึดเอาตำราเป็นหลัก ไปหลงว่าเรารู้จริงเห็นจริง โดยที่เราคิดเอาเองนี้ มันก็จะทำให้เราหลงทาง เหมือนกัน ความนึก คิดพิจารณาตามแนวที่เราเรียนรู้มาแล้วนั้น มันเป็นแนวทางจูงจิตให้เกิดความรู้จริง ตามที่เราเรียนรู้ในทางปริยัติ ถามว่าเพราะเหตุใด เพราะสิ่งเหล่านั้นก็เป็นเครื่องรู้ของจิต เป็นเครื่องระลึกของสติได้ ในเมื่อจิตมีเครื่องรู้ สติมีเครื่องระลึกการปฏิบัติก็ย่อมจะเกิดผล และสามารถที่จะให้จิตรู้ จริงเห็นจริงเหมือนกัน เพราะสิ่งที่ปรากฏการณ์ขึ้นในจิตคือ สภาวธรรม ในกาลใดที่จิตมีภาวะความรู้เกิดขึ้นดับไป เกิดขึ้นดับไปได้ในภาษิตที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ในกาลใดแลธรรมทั้งปวง ย่อมปรากฏอยู่กับพราหมณ์ผู้มีความเพียรเพ่งอยู่ในกาลนั้น ความสงสัยของพราหมณ์นั้นย่อมสิ้นไป วิชาความรู้ที่เรียน มาก็เป็นเพียงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในจิต เราทำสติ ให้มันรู้เท่าทันสิ่งเหล่านั้น ก็สามารถจะหายความสงสัย หรือข้อข้องใจได้เหมือนกัน

• รับศีลแล้วทำผิด บาปหรือไม่
เมื่อรับศีลจากพระไปแล้ว ไปกระทำผิดศีลเข้า มีทั้งเจตนาบ้าง และไม่เจตนาบ้าง อย่างนี้จะเป็นบาปกรรมมากกว่าการที่ไม่ได้มารับศีลจากพระไปแล้วกระทำผิดศีลหรือไม่

ตอบ : การรับศีลไปแล้ว ทำผิดบ้าง ถูกบ้าง แต่ว่าไม่ได้เจตนา เป็นแต่เพียงขาดการสำรวม ขาดสติ ทำให้ศีลเศร้าหมองนิดหน่อย ทีนี้การที่มารับศีลแล้ว รักษาให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ไม่ได้ มีขาดตกบกพร่องบ้าง ถ้าข้อเปรียบเทียบก็เหมือนกันกับว่า ผู้ที่มีเสื้อใส่แต่ เป็นเสื้อขาด ก็ยังดีกว่าผู้ที่ไม่มีเสื้อจะใส่เสียเลย การสมาทานศีลนี้ ถึงแม้ว่าจะขาดตกบกพร่องบ้างก็ยังดี อันนั้นเป็นเรื่องวิสัยธรรมดาของปุถุชน ก็ย่อมมีการบกพร่องบ้าง ในเมื่อฝึกไปจนคล่องตัวแล้วมันก็สมบูรณ์ไปเอง ดีกว่าไม่ทำเลย

• นรก สวรรค์ มีมาเมื่อไหร่
นรก สวรรค์ เริ่มมีมาแต่เมื่อไร นรก สวรรค์ เริ่มมีพร้อมพระพุทธเจ้าหรือไม่

ตอบ : นรก สวรรค์ มีมาตั้งแต่สิ่งที่มีวิญญาณเกิดขึ้นในโลก ถ้าหากทางนักวิทยาศาสตร์เข้าใจว่าโลกแผ่นดินนี้ เป็นชิ้นส่วนหนึ่งตกมาจากดวงอาทิตย์ ในตอนแรกๆ ก็มีความร้อนระอุเหมือนไฟ ภายหลังโลกมันเย็นลงเกิดมีสิ่งที่มีชีวิตขึ้นในโลก นรก สวรรค์ เกิดขึ้นพร้อมกับสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นในโลก ทีนี้ สวรรค์ นรก มีก่อนพระพุทธเจ้าเกิด พระพุทธเจ้าเพียงแต่รู้ว่านรกมี สวรรค์มี ดังที่ว่า พระพุทธเจ้าตรัสรู้สัจจธรรมของจริงที่มีอยู่ ไม่ใช่ไปสร้างความเป็นจริงขึ้นมาแล้ว ไปสอนให้คนตรัสรู้

• ประโยชน์ของสังฆทาน
การถวายสังฆทานเป็นอย่างไร ทำแล้วเกิดประโยชน์อะไรบ้าง กฐินและผ้าป่าเป็นสังฆทานหรือไม่

ตอบ : การถวายสังฆทานหมายความว่า ทายกมีปัจจัย ๔ อะไรก็ได้ โดยเจตนาน้อมถวายเพื่อสงฆ์ เข้าไปในวัดไปบอกกับพระองค์ใดองค์หนึ่ง ข้าพเจ้าขอถวายสังฆทาน จะกล่าวคำถวายก็ตาม ไม่กล่าวก็ ตาม เพียงแต่ประเคนของแล้วบอกว่าถวายสังฆทานนะ พระคุณเจ้า บอกให้ท่านรู้อย่างนี้ก็เป็นสังฆทาน แต่ถ้าจะทำให้ถูกต้องตามวิธีจริงๆแล้ว ในเมื่อจัดของ ที่เป็นสังฆทานแล้ว เราก็นำไปหาพระนิมนต์พระมา สัก ๔ องค์เป็นอย่างน้อย แล้วก็จุดธูปจุดเทียน ไหว้พระสมาทานศีล ๕ เสร็จแล้วก็กล่าวคำถวายสังฆทาน ในเมื่อถวายพระแล้ว ท่านอนุโมทนาเป็นเสร็จพิธี

ประโยชน์ที่จะให้เกิดขึ้นนั้น ตามหลักที่พระพุทธองค์แสดงไว้ว่า การให้ทานแก่บุคคลผู้เดียว ท่านเรียกว่า บุคคลิกทาน เป็นทานที่เฉพาะเจาะจง อานิสงส์มีน้อย แต่ถ้าทำกับพระสงฆ์นั้นมีอานิสงส์มาก ถ้าหากทำกับสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขเป็นประธาน ยิ่งมีอานิสงส์อย่างมากมาย ผลแตกต่างกันอย่างนี้

ผ้าป่าและกฐิน กฐินนี้เป็นสังฆทานโดยตรงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผ้าป่านี้เป็นสังฆทานก็ได้ เป็นส่วนบุคคล ก็ได้ แล้วแต่เจตนาของผู้ทำ แต่กฐินต้องสังฆทานอย่างเดียว

• พระไม่ฉันอาหารที่โยมถวาย ได้บุญไหม
เวลานำของไปถวายพระ แต่พระไม่ได้ฉันอาหารนั้น ผู้ถวายจะได้บุญเต็มที่ไหม

ตอบ : การได้บุญเต็มที่หรือไม่เต็มที่นั้น อยู่ที่เจตนา คือความตั้งใจบริสุทธิ์ของเรา แม้แต่ว่าเราไปถวายพระแล้ว เรายังระแวงสงสัยพระว่าพระบริสุทธิ์ หรือไม่อยู่ บุญที่เราทำไปก็ไม่ได้ผลอย่างเต็มที่ การทำบุญจะได้บุญมาก บุญน้อยอยู่ที่เจตนา ถ้าเจตนา ของเราบริสุทธิ์สะอาดข้อหนึ่ง ถ้าเราให้แก่คนยากจน มุ่งเพื่อการสงเคราะห์ ให้แก่ผู้ทรงศีล ทรงธรรม มุ่งเพื่อการบูชา ให้แก่พระสงฆ์ที่มุ่งเพื่อทำกิจศาสนา เจตนาของเราบริสุทธิ์ทำบุญลงไปแล้ว ถึงแม้พระไม่ได้ฉัน ท่านเพียงแต่รับ เราก็ได้บุญอย่างเต็มที่แล้ว

• เอาจิตกำหนดที่ไหน
ทำสมาธิภาวนานั้น ที่เราภาวนา พุทโธ นั้น จะต้องเอาจิตไปกำหนดไว้ที่ไหน เช่น ไว้ที่คำว่า พุทโธ หรือทำจิตรู้ไว้ตรงหน้าเฉยๆ หรือตามลมหายใจ

ตอบ : พุทโธ แปลว่า ผู้รู้ พุทโธ แปลว่า ผู้ตื่น พุทโธ แปลว่า ผู้เบิกบาน การภาวนาพุทโธ เอารู้ไปไว้กับคำว่า พุทโธ พุทโธ พุทโธ นี้เป็นอารมณ์เครื่องรู้ของจิต เป็นคำพูดคำหนึ่ง แต่ถ้าเราเอาตัวรู้สึกสำนึกไปไว้ที่พุทโธ แปลว่า เอาพุทโธไปไว้กับคำ ว่า พุทโธ ทีนี้เวลาเราภาวนาพุทโธ จะเอาจิตไปไว้ที่ไหนก็ได้ เช่น จะไม่เอาไว้ หรือจะเอาไว้ ไม่ตั้งใจเอา ไว้ที่ไหน เราก็กำหนดรู้ลงที่จิต ความรู้สึกอยู่ที่ไหน จิตก็อยู่ที่นั้น ความรู้สึก สภาวะรู้ คือ พุทธะ ผู้รู้ แล้วจะเอาคำว่า พุทโธไปไว้กับสภาวะผู้รู้ พร้อมกับนึก พุทโธๆๆ คำว่า พุทโธ ไม่ใช่ผู้รู้ เป็นแต่เพียงอารมณ์ ของผู้รู้ การทำสติให้รู้อยู่กับพุทโธ การทำสตินั้นคือตัวผู้รู้ แล้วเอาตัวผู้รู้มานึกถึงคำพูดว่า พุทโธ

เอาพุทโธ ไว้ที่จิต เอาจิตไว้ที่พุทโธ บางท่านก็บอกว่า เอาจิตไว้ที่ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก “พุท” พร้อมกับลมเข้า “โธ” พร้อมกับลมออก บางท่านก็สอนให้กำหนดรู้ที่ปลายจมูก ตรงที่ลมผ่านเข้าผ่านออก แล้วก็นึกพุทโธๆๆไปเรื่อย อันนี้แล้วแต่ความเหมาะกับจริตของท่านผู้ใด ถ้าหากว่าการกำหนดบริกรรมกาวนาพุทโธ ถ้าเรากำหนด “พุท” พร้อมลมเข้า “โธ” พร้อมลมออก จังหวะมันยังห่างอยู่ จิตยังส่งกระแสไปทางอื่นได้ ก็ปล่อยลมหายใจเสีย แล้วนึก พุทโธๆๆ ให้มันเร็วเข้า อย่าให้มีช่องว่าง จะเอาไว้ที่ไหนก็ได้

• เรื่องของพลังจิต
พลังจิตสามารถใช้ประโยชน์อะไรบ้าง

ตอบ : อันนี้ก็แล้วแต่พลังจิตของเรา ถ้าเรามีพลังจิตสามารถบังคับจิตใจคนอื่นได้ มันก็เป็นไปได้ ดี แต่ก็ด้วยประการใดก็ดี ผู้ที่มีสมาธิแล้วคำพูดมักจะศักดิ์สิทธิ์ สามารถที่จะโน้มน้าวจิตของผู้อื่นได้ ถ้าหากสมมติว่าเราโกรธใครสักคนหนึ่ง อย่าไปแช่ง เขา ให้ทำสมาธิ ให้แผ่เมตตาให้เขามากๆ ในเมื่อเรา แผ่เมตตาให้เขามากๆมันจะเกิดผลขึ้นมา ๒ อย่าง อย่างหนึ่งเขามาดีกับเรา อย่างที่ ๒ ถ้าเขาไม่ยอมมาดี เขาก็พังไปเอง เราไม่ต้องแช่ง ถ้าแช่งแล้วเราก็เป็นบาป แล้วก็ทำให้เราเสื่อมคุณธรรมด้วย

• น้อยใจไม่มีวาสนา
เมื่อทำสมาธิแล้ว จิตไม่ค่อยสงบ มักจะน้อยใจตนเองว่า ไม่มีวาสนาบารมี

ตอบ : อย่าไปคิดอย่างนั้นซิ ในเมื่อจิตไม่สงบก็ทำเรื่อยไป ทำสติรู้และพิจารณาว่ามันไม่สงบเพราะอะไร ค่อยแก้ไข และพากเพียรพยายามทำให้ มากๆ เข้า เดี๋ยวมันก็เกิดความสงบขึ้นมาเอง


..........................................................
คัดลอกจาก
http://www.manager.co.th/Dhamma/viewnews.aspx?NewsID=9490000013957
 

_________________
"อย่าลืมตัว อย่าลืมปัจจุบัน อย่าลืมปฏิบัติ"
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 21 ก.พ.2006, 3:34 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อนุโมทนาบุญนะคะ คุณสายลม

สาธุ สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง